การเมือง คือ คนกลุ่มหนึ่งที่บริหาร ผลประโยชน์ ของประเทศ เพื่อความเจริญของประเทศ เพื่อการอยู่สุขของประชาชนกลุ่มอื่นๆ
การเมือง ที่ผ่านมามีหลายระบบ มีความพิเศษต่างกัน ซึ่งเหมาะสมกับประชาชนในสมัยต่างๆ จนปัจจุบัน คือประชาธิปไตย
ประชาธิปไตยที่ดี ก็ต้องขึ้นอยู่กับ คนที่ใช้เป็น ประเทศเรา คนที่ใช้เป็นไม่มีอำนาจ คนที่มีอำนาจใช้ไม่เป็น ประชาชนมีทั้งเข้าใจ ไม่เข้าใจ เลือกที่จะไม่เข้าใจหากไม่เกิดประโยชน์กับตนเอง ดังนั้นการเมืองบ้านเราจึงลุ่มๆ ดอนๆ
เข้าเรื่อง ละ
แผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติเกิดจาก นักวิชาการ ข้าราชการ วางแผน ไม่ใช่มาจากนักเลือกตั้ง
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า การพัฒนาเศรษฐกิจของไทยเรา จึงมีอยู่ 2 ฝั่ง คือมาจาก นโยบายพรรคการเมืองนักเลือกตั้ง และแผนพัฒนาเศรษฐกิจฝ่ายการเมืองประจำ หากประมวลรวมๆแล้ว วิกฤตการเมืองของเราครั้งนี้ ก็อยู่ในกรอบของเรื่องนี้ เป็นสาเหตุ ซึ่ง รธน.ใหม่ที่ออกมา ที่มี คปป.เป็นเครื่องมือ ที่จะใช้ในการให้รัฐบาลใหม่ ต้องปฎิบัติ หรือไม่ปฎิบัติ ในงานบริหารแผ่นดิน
หากมองอีกมุม คือ การควบรวมนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจของฝ่ายเลือกตั้ง โดยฝ่ายการเมืองไม่เลือกตั้ง
ผมจะไม่มองที่เรื่องของอำนาจสักเท่าไร เพราะถ้าไม่มีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง คนไม่ได้สนใจอะไรมาก กับ ตำแหน่งหน้าที่ หัวโขน ซึ่งจากมองมุมนี้ผมก็มีความคิดเห็น เกี่ยวกับ คปป. ว่า คปป.อาจเป็นเครื่องมือ ที่นำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาชาติได้สำเร็จ หากมีความชัดเจนมากกว่านี้
โดยการที่ มีการกำหนดแผนยุทธศาสตร์ชาติ และพรรคการเมืองที่เข้ามาต้องยึดแผนนี้ไป ร่างเป็นนโยบายพร้อมเป้าหมายการทำงาน ส่งให้ คปป. ตรวจสอบก่อนเลือกตั้ง ซี่งดูจะเป็นการร่วมมือกันมากกว่า การขัดแย้งกัน ใช่ไหมครับ
อีกอย่างนึงหาก คปป.แทรกแซงการทำงาน ครม. รัฐสภา นายกรัฐมนตรี มีอำนาจในการยุบสภาอยู่นะครับ
พ่อไม้
ปล. ผมไม่สนับสนุน คปป. อยู่ดี มันเป็นรัฐซ้อนรัฐเกินไป ความยุ่งยากจะมากกว่า
เกี่ยวกับ คปป. หากมองอีกมุม
การเมือง ที่ผ่านมามีหลายระบบ มีความพิเศษต่างกัน ซึ่งเหมาะสมกับประชาชนในสมัยต่างๆ จนปัจจุบัน คือประชาธิปไตย
ประชาธิปไตยที่ดี ก็ต้องขึ้นอยู่กับ คนที่ใช้เป็น ประเทศเรา คนที่ใช้เป็นไม่มีอำนาจ คนที่มีอำนาจใช้ไม่เป็น ประชาชนมีทั้งเข้าใจ ไม่เข้าใจ เลือกที่จะไม่เข้าใจหากไม่เกิดประโยชน์กับตนเอง ดังนั้นการเมืองบ้านเราจึงลุ่มๆ ดอนๆ
เข้าเรื่อง ละ
แผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติเกิดจาก นักวิชาการ ข้าราชการ วางแผน ไม่ใช่มาจากนักเลือกตั้ง
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า การพัฒนาเศรษฐกิจของไทยเรา จึงมีอยู่ 2 ฝั่ง คือมาจาก นโยบายพรรคการเมืองนักเลือกตั้ง และแผนพัฒนาเศรษฐกิจฝ่ายการเมืองประจำ หากประมวลรวมๆแล้ว วิกฤตการเมืองของเราครั้งนี้ ก็อยู่ในกรอบของเรื่องนี้ เป็นสาเหตุ ซึ่ง รธน.ใหม่ที่ออกมา ที่มี คปป.เป็นเครื่องมือ ที่จะใช้ในการให้รัฐบาลใหม่ ต้องปฎิบัติ หรือไม่ปฎิบัติ ในงานบริหารแผ่นดิน
หากมองอีกมุม คือ การควบรวมนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจของฝ่ายเลือกตั้ง โดยฝ่ายการเมืองไม่เลือกตั้ง
ผมจะไม่มองที่เรื่องของอำนาจสักเท่าไร เพราะถ้าไม่มีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง คนไม่ได้สนใจอะไรมาก กับ ตำแหน่งหน้าที่ หัวโขน ซึ่งจากมองมุมนี้ผมก็มีความคิดเห็น เกี่ยวกับ คปป. ว่า คปป.อาจเป็นเครื่องมือ ที่นำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาชาติได้สำเร็จ หากมีความชัดเจนมากกว่านี้
โดยการที่ มีการกำหนดแผนยุทธศาสตร์ชาติ และพรรคการเมืองที่เข้ามาต้องยึดแผนนี้ไป ร่างเป็นนโยบายพร้อมเป้าหมายการทำงาน ส่งให้ คปป. ตรวจสอบก่อนเลือกตั้ง ซี่งดูจะเป็นการร่วมมือกันมากกว่า การขัดแย้งกัน ใช่ไหมครับ
อีกอย่างนึงหาก คปป.แทรกแซงการทำงาน ครม. รัฐสภา นายกรัฐมนตรี มีอำนาจในการยุบสภาอยู่นะครับ
พ่อไม้
ปล. ผมไม่สนับสนุน คปป. อยู่ดี มันเป็นรัฐซ้อนรัฐเกินไป ความยุ่งยากจะมากกว่า