สวัสดีค่ะ
ขอเกริ่นก่อนว่า จขกท เปิดร้านมินิมาร์ทอยู่ที่บ้าน จ.ร้อยเอ็ด ซึ้งร้านแบบนี้ก็จะมีเซลจากคลังสินค้าหรือบริษัทต่างๆมาติดต่อซื้อ-ขายกันเป็นประจำ
ส่วนเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดคำถามตามหัวข้อกระทู้นั้น เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25/8/58 ช่วงเวลาประมาณ 14:30 น. ค่ะ
ต้องบอกก่อนว่าชายกลุ่มนี้มาติดต่อลงสินค้าตั้งแต่ตอนร้านยังสร้างไม่เสร็จ 1 ครั้ง แต่ตอนนั้นพ่อของแฟน ของ จขกท เป็นคนคุย พ่อขอแค่เบอร์ไว้ เนื่องจากต้องปรึกษาแฟนของ จขกท ก่อน
หลังจากนั้นก่อนร้านเปิด 1 วัน แฟนของ จขกท ก็ได้ติดต่อไปตามเบอร์ที่ทิ้งไว้ให้เพื่อให้มาลงของให้ แต่วันนั้นทางร้านเขาอ้างว่าไม่สะดวกมา จึงไปซื้อของจากที่อื่นมาเข้าร้านแทน
ส่วนในวันเกิดเหตุนั้นมีผู้ชาย 1 คนลงมาจากรถฟอร์ดสีแดงเดินเข้ามาในร้าน และแสดงตัวว่าต้องการติดต่อลงสินค้ากับทางร้าน และบอกว่าเคยมาติดต่อแล้ว 1 ครั้ง และเคยคุยกับแฟน จขกท 1 ครั้ง แต่ตอนนั้นไม่สะดวกมา วันนี้ผ่านมาจึงมาแวะ
จขกท จึงให้ออกไปนั่งคุยรายละเอียดกันด้านหน้าร้าน จากนั้นก็มีผู้ชายอีก 1 คนเดินตามลงมาพร้อมกับเอกสารรายละเอียดสินค้าและราคาสินค้าต่างๆ
โดยเสนอราคาสินค้าในราคาถูกกว่าร้านส่งทั่วไป โดยเฉพาะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างๆ แต่มีเงื่อนไขว่าต้องเปิดบิลแรกด้วยการซื้อของในรายการที่เขากำหนดก่อนหลังจากสั่งสินค้ารอบแรกแล้วอีก 10 วัน จะมีเซลมาติดต่อเพื่อลงสิ่งค้าให้เพิ่มเติมตามที่แม่ค้าต้องการ
และสินค้าที่บังคับซื้อในตอนแรกนั้น หากขายไม่ดีหรือไม่ต้องการสินค้านั้น ก็สามารถเปลี่ืยนเป็นสินค้าตัวใหม่ได้ในรอบซื้อถัดไป ส่วนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะมาลงให้ในลักษณะการวางสินค้าไว้ให้ก่อน และจะมาเก็บเงินตามจำนวนที่ขายได้ในรอบส่งสินค้าถัดไป
หากใครขายของชำก็จะทราบดีว่าสินค้าที่ขายนั้นกำไรไม่มาก บางชิ้นได้ไม่ถึงบาท
จขกท ก็คิดเพียงแค่ว่าต้องการให้ร้านได้กำไรมากขึ้น โดยไม่ได้เอะใจเรื่องราคาสินค้าในเอกสารที่เขาเอามาให้ดู
เนื่องจากคิดว่ายังไงสินค้าก็เปลี่ยนคืนเป็นอย่างอื่นได้อยู่แล้ว
หลังจากนั้นเราก็ทำการตกลงซื้อขายกัน โดยมี 2 ราคาให้เลือก คือ ราคาร้านค้าปลีก และราคาร้านค้าส่ง
-ราคาร้านค้าปลีก คือ ให้ลงสินค้ารอบแรกอย่างละ 1 โหล แต่ในรอบถัดไปจะไม่ได้ลงสินค้าพวกเครื่องดื่มให้ในราคาสำหรับขายส่ง
-ราคาร้านค้าส่ง คือ ให้ลงสินค้ารอบแรกอย่างละ 2 โหล แต่ในรอบถัดไปจะลงสินค้าพวกเครื่องดื่มให้ในราคาสำหรับขายส่งและลงให้ในจำนวนมาก และจะมีการจัดสินค้าในร้านให้ใหม่ด้วย
จขกท จึงโทรไปปรึกษาแฟน และตกลงกันได้ว่าเอาเป็นราคาร้านค้าส่งแล้วกันใกล้เทศการจะได้ลงไว้เยอะๆ
จากนั้นก็รวมราคาสินค้า ทั้งหมด ราคา 16712 บาท โดย จขกท ไม่ได้เอะใจอะไรเลย และเช็คเพียงราคารวมของสินค้าเท่านั้น ไม่ได้เช็คราคาต่อชิ้น (ในส่วนนี้คือความผิดพลาดของ จขกท เองที่ไม่ระเอียดรอบคอบ แต่ จขกท ก็คิดในอีกทางหนึ่งว่าหาก จขกท เช็คเจอความผิดปกติในตอนนั้น ชายคนนั้นก็ต้องพูดว่าไม่เป็ไรหรอกพี่ ยังไงสินค้าก็เปลี่ยนคืนได้ในรอบหน้า จขกท ก็คงซื้ออยู่ดี) พอตอนจะลงของเข้าร้านก็มีชายอีก 2 คน (ตอนนี้รวมเป็น 4 คน) ลงมาช่วยขนสินค้าเข้ามาเก็บในร้าน
- 1 คนนั่งคุยกับพ่อของแฟน จขกท
- 2 คนขนของ
- 1 คนตาม จขกท มาตอนที่ จขกท เอาเอกสารมาเช็คราคาสินค้า โดยพยายามชวนคุยตลอดเวลา ทำให้เราไม่มีสมาธิ จึงรีบเช็คให้เสร็จๆไป
และเมื่อจ่ายเงินเรียบร้อย ชายกลุ่มนี้ก็รีบขอตัวกลับทันที ดดยทิ้งแค่เอกสารที่มีรายการสินค้าที่บังคับซื้อ และอีก 1 แผ่น ไว้สั่งของรอบถัดไป
ผ่านไปไม่ถึง 5 นาที เมื่อ จขกท ได้อยู่คนเดียวก็เริ่มคิด และเอะใจว่าทำไมไม่มีเอกสารว่าเราตกลงซื้อขายกันในนามบริษัท ทางนั้นก็ไม่ขอชื่อ ที่อยู่ ร้านเราไว้เลย แล้วมันจะให้คนกลับมาส่งของให้ได้ยังไง แล้วก็เลยมาดูในใบรายการสินค้า มาดูที่ราคาเช็คทีละอันก็ปกติหมด จนกระทั่งเช็คมาถึงสบู่สมุนไพร ราคา 95 บาท ตอนแรก จขกท คิดว่าเป็นราคาต่อโหล แต่ไม่ใช่ มันคือราคาต่อก้อน ทำให้ จขกท คิดมากขึ้นไปอีก เลยเอาชื่อร้าน ที่เขียนในบิลเงินสด ว่า คลังสินค้ามงคลกิจ ไปหาในกูเกิล จึงพบ กระทู้นึง เปิดเข้าไปมีคนโดนลักษณะเดียวกันเป๊ะ หลายคนด้วย
จขกท จึงรีบโทรไปหา ตามเบอร์ที่ระบุไว้ให้ โดยเขาใช้ชื่อว่า บอย
จขกท : สบู่อะไรเนี่ย ราคาตั้ง 95 บาท เวอร์ไปมั้ย ราคาต่อโหลหรอ
บอย : ไม่ใช่คับราคาต่อก้อน ไม่เป็นไรหรอกพี่เปลี่ยนคืนได้ไม่เป็นไรๆ
จขกท : กลับมาคุยกันก่อนได้มั้ย พี่อยากสั่งของเพิ่มเลย (จขกท ลองถามดูเฉยๆ สรุปมันก็กลับไม่มา)
บอย : ผมไม่มีสินค้าแล้วพี่ ต้องรอรอบหน้านะ
จขกท : ถามตรงๆ นะนี่ต้มตุ๋นกันรึป่าวเนี่ย
บอย : จะไปกล้าหรอพี่ ร้านพี่มีกล้องติดเต็มไปหมด ไม่กล้าหรอกพี่ อีก 10 วันผมไปแน่ๆ ไปลงของรอบใหม่อ่ะ
จขกท : มาแน่นะ
บอย : ครับๆ
จขกท จึงไปบอกพ่อแฟนว่า เราโดนตุ๋นแล้วแหล่ะพ่อ พ่อแฟนก็โทรกลับไปหามันอีก
มันก็ยืนยันว่าจะมาแน่ๆ พ่อแฟนก็บอกว่าผมไปแจ้งความไว้แล้วนะ มันก็พูดประมาณว่าอย่าขนาดนั้นเลยครับ ผมไม่ไปแน่ ไม่หลอกลวงๆ ผมไปพรุ่งนี้เลยครับตอนเช้า
แล้วพอผ่านไปซักครึ่ง ชม. มันก็โทรกลับมาอีกทำทีว่า พี่จะเปลี่ยนเลยมั้ยสบู่อ่ะ เดี๋ยวรอบหน้าผมเอามาเปลี่ยนให้เลยนะครับพี่ เราก็ถามอีกจะมาแน่หรอ มันก็บอกว่า แน่ครับๆ (แต่ในใจเราก็คิดแล้วแหล่ะ ว่าไม่มีทางกลับมา)
เราก็รอว่าพรุ่งนี้เช้ามันจะมาจริงไหม สรุปคือ ไม่มีใครมาซักคน
เราจึงมีคำถามว่า
1. เราสามารถเอาผิดเขาได้ไหม (เนื่องจากเป็นความประมาทของเราเองที่ไม่เช็คราคาให้ดี กลายเป็นเรายินยอมซื้อเอง)
2. เข้าข่ายหลอกลวง ต้มตุ๋นได้หรือไม่
ปล. เรามีภาพจากกล้องวงจรปิดค่ะ
กระทู้แรก ถ้าผิดพลาดตรงไหนขอโทษด้วยค่ะ
ช่วยเข้ามาแนะนำทีนะคะ ขอบคุณค่ะ
ถ้าโดนแบบนี้...สามารถเอาผิดเขาอะไรได้บ้าง...เข้าข่ายหลอกลวงหรือต้มตุ๋นหรือไม่??
ขอเกริ่นก่อนว่า จขกท เปิดร้านมินิมาร์ทอยู่ที่บ้าน จ.ร้อยเอ็ด ซึ้งร้านแบบนี้ก็จะมีเซลจากคลังสินค้าหรือบริษัทต่างๆมาติดต่อซื้อ-ขายกันเป็นประจำ
ส่วนเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดคำถามตามหัวข้อกระทู้นั้น เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25/8/58 ช่วงเวลาประมาณ 14:30 น. ค่ะ
ต้องบอกก่อนว่าชายกลุ่มนี้มาติดต่อลงสินค้าตั้งแต่ตอนร้านยังสร้างไม่เสร็จ 1 ครั้ง แต่ตอนนั้นพ่อของแฟน ของ จขกท เป็นคนคุย พ่อขอแค่เบอร์ไว้ เนื่องจากต้องปรึกษาแฟนของ จขกท ก่อน
หลังจากนั้นก่อนร้านเปิด 1 วัน แฟนของ จขกท ก็ได้ติดต่อไปตามเบอร์ที่ทิ้งไว้ให้เพื่อให้มาลงของให้ แต่วันนั้นทางร้านเขาอ้างว่าไม่สะดวกมา จึงไปซื้อของจากที่อื่นมาเข้าร้านแทน
ส่วนในวันเกิดเหตุนั้นมีผู้ชาย 1 คนลงมาจากรถฟอร์ดสีแดงเดินเข้ามาในร้าน และแสดงตัวว่าต้องการติดต่อลงสินค้ากับทางร้าน และบอกว่าเคยมาติดต่อแล้ว 1 ครั้ง และเคยคุยกับแฟน จขกท 1 ครั้ง แต่ตอนนั้นไม่สะดวกมา วันนี้ผ่านมาจึงมาแวะ
จขกท จึงให้ออกไปนั่งคุยรายละเอียดกันด้านหน้าร้าน จากนั้นก็มีผู้ชายอีก 1 คนเดินตามลงมาพร้อมกับเอกสารรายละเอียดสินค้าและราคาสินค้าต่างๆ
โดยเสนอราคาสินค้าในราคาถูกกว่าร้านส่งทั่วไป โดยเฉพาะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างๆ แต่มีเงื่อนไขว่าต้องเปิดบิลแรกด้วยการซื้อของในรายการที่เขากำหนดก่อนหลังจากสั่งสินค้ารอบแรกแล้วอีก 10 วัน จะมีเซลมาติดต่อเพื่อลงสิ่งค้าให้เพิ่มเติมตามที่แม่ค้าต้องการ
และสินค้าที่บังคับซื้อในตอนแรกนั้น หากขายไม่ดีหรือไม่ต้องการสินค้านั้น ก็สามารถเปลี่ืยนเป็นสินค้าตัวใหม่ได้ในรอบซื้อถัดไป ส่วนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะมาลงให้ในลักษณะการวางสินค้าไว้ให้ก่อน และจะมาเก็บเงินตามจำนวนที่ขายได้ในรอบส่งสินค้าถัดไป
หากใครขายของชำก็จะทราบดีว่าสินค้าที่ขายนั้นกำไรไม่มาก บางชิ้นได้ไม่ถึงบาท
จขกท ก็คิดเพียงแค่ว่าต้องการให้ร้านได้กำไรมากขึ้น โดยไม่ได้เอะใจเรื่องราคาสินค้าในเอกสารที่เขาเอามาให้ดู
เนื่องจากคิดว่ายังไงสินค้าก็เปลี่ยนคืนเป็นอย่างอื่นได้อยู่แล้ว
หลังจากนั้นเราก็ทำการตกลงซื้อขายกัน โดยมี 2 ราคาให้เลือก คือ ราคาร้านค้าปลีก และราคาร้านค้าส่ง
-ราคาร้านค้าปลีก คือ ให้ลงสินค้ารอบแรกอย่างละ 1 โหล แต่ในรอบถัดไปจะไม่ได้ลงสินค้าพวกเครื่องดื่มให้ในราคาสำหรับขายส่ง
-ราคาร้านค้าส่ง คือ ให้ลงสินค้ารอบแรกอย่างละ 2 โหล แต่ในรอบถัดไปจะลงสินค้าพวกเครื่องดื่มให้ในราคาสำหรับขายส่งและลงให้ในจำนวนมาก และจะมีการจัดสินค้าในร้านให้ใหม่ด้วย
จขกท จึงโทรไปปรึกษาแฟน และตกลงกันได้ว่าเอาเป็นราคาร้านค้าส่งแล้วกันใกล้เทศการจะได้ลงไว้เยอะๆ
จากนั้นก็รวมราคาสินค้า ทั้งหมด ราคา 16712 บาท โดย จขกท ไม่ได้เอะใจอะไรเลย และเช็คเพียงราคารวมของสินค้าเท่านั้น ไม่ได้เช็คราคาต่อชิ้น (ในส่วนนี้คือความผิดพลาดของ จขกท เองที่ไม่ระเอียดรอบคอบ แต่ จขกท ก็คิดในอีกทางหนึ่งว่าหาก จขกท เช็คเจอความผิดปกติในตอนนั้น ชายคนนั้นก็ต้องพูดว่าไม่เป็ไรหรอกพี่ ยังไงสินค้าก็เปลี่ยนคืนได้ในรอบหน้า จขกท ก็คงซื้ออยู่ดี) พอตอนจะลงของเข้าร้านก็มีชายอีก 2 คน (ตอนนี้รวมเป็น 4 คน) ลงมาช่วยขนสินค้าเข้ามาเก็บในร้าน
- 1 คนนั่งคุยกับพ่อของแฟน จขกท
- 2 คนขนของ
- 1 คนตาม จขกท มาตอนที่ จขกท เอาเอกสารมาเช็คราคาสินค้า โดยพยายามชวนคุยตลอดเวลา ทำให้เราไม่มีสมาธิ จึงรีบเช็คให้เสร็จๆไป
และเมื่อจ่ายเงินเรียบร้อย ชายกลุ่มนี้ก็รีบขอตัวกลับทันที ดดยทิ้งแค่เอกสารที่มีรายการสินค้าที่บังคับซื้อ และอีก 1 แผ่น ไว้สั่งของรอบถัดไป
ผ่านไปไม่ถึง 5 นาที เมื่อ จขกท ได้อยู่คนเดียวก็เริ่มคิด และเอะใจว่าทำไมไม่มีเอกสารว่าเราตกลงซื้อขายกันในนามบริษัท ทางนั้นก็ไม่ขอชื่อ ที่อยู่ ร้านเราไว้เลย แล้วมันจะให้คนกลับมาส่งของให้ได้ยังไง แล้วก็เลยมาดูในใบรายการสินค้า มาดูที่ราคาเช็คทีละอันก็ปกติหมด จนกระทั่งเช็คมาถึงสบู่สมุนไพร ราคา 95 บาท ตอนแรก จขกท คิดว่าเป็นราคาต่อโหล แต่ไม่ใช่ มันคือราคาต่อก้อน ทำให้ จขกท คิดมากขึ้นไปอีก เลยเอาชื่อร้าน ที่เขียนในบิลเงินสด ว่า คลังสินค้ามงคลกิจ ไปหาในกูเกิล จึงพบ กระทู้นึง เปิดเข้าไปมีคนโดนลักษณะเดียวกันเป๊ะ หลายคนด้วย
จขกท จึงรีบโทรไปหา ตามเบอร์ที่ระบุไว้ให้ โดยเขาใช้ชื่อว่า บอย
จขกท : สบู่อะไรเนี่ย ราคาตั้ง 95 บาท เวอร์ไปมั้ย ราคาต่อโหลหรอ
บอย : ไม่ใช่คับราคาต่อก้อน ไม่เป็นไรหรอกพี่เปลี่ยนคืนได้ไม่เป็นไรๆ
จขกท : กลับมาคุยกันก่อนได้มั้ย พี่อยากสั่งของเพิ่มเลย (จขกท ลองถามดูเฉยๆ สรุปมันก็กลับไม่มา)
บอย : ผมไม่มีสินค้าแล้วพี่ ต้องรอรอบหน้านะ
จขกท : ถามตรงๆ นะนี่ต้มตุ๋นกันรึป่าวเนี่ย
บอย : จะไปกล้าหรอพี่ ร้านพี่มีกล้องติดเต็มไปหมด ไม่กล้าหรอกพี่ อีก 10 วันผมไปแน่ๆ ไปลงของรอบใหม่อ่ะ
จขกท : มาแน่นะ
บอย : ครับๆ
จขกท จึงไปบอกพ่อแฟนว่า เราโดนตุ๋นแล้วแหล่ะพ่อ พ่อแฟนก็โทรกลับไปหามันอีก
มันก็ยืนยันว่าจะมาแน่ๆ พ่อแฟนก็บอกว่าผมไปแจ้งความไว้แล้วนะ มันก็พูดประมาณว่าอย่าขนาดนั้นเลยครับ ผมไม่ไปแน่ ไม่หลอกลวงๆ ผมไปพรุ่งนี้เลยครับตอนเช้า
แล้วพอผ่านไปซักครึ่ง ชม. มันก็โทรกลับมาอีกทำทีว่า พี่จะเปลี่ยนเลยมั้ยสบู่อ่ะ เดี๋ยวรอบหน้าผมเอามาเปลี่ยนให้เลยนะครับพี่ เราก็ถามอีกจะมาแน่หรอ มันก็บอกว่า แน่ครับๆ (แต่ในใจเราก็คิดแล้วแหล่ะ ว่าไม่มีทางกลับมา)
เราก็รอว่าพรุ่งนี้เช้ามันจะมาจริงไหม สรุปคือ ไม่มีใครมาซักคน
เราจึงมีคำถามว่า
1. เราสามารถเอาผิดเขาได้ไหม (เนื่องจากเป็นความประมาทของเราเองที่ไม่เช็คราคาให้ดี กลายเป็นเรายินยอมซื้อเอง)
2. เข้าข่ายหลอกลวง ต้มตุ๋นได้หรือไม่
ปล. เรามีภาพจากกล้องวงจรปิดค่ะ
กระทู้แรก ถ้าผิดพลาดตรงไหนขอโทษด้วยค่ะ
ช่วยเข้ามาแนะนำทีนะคะ ขอบคุณค่ะ