รีวิวประสบการณ์ผ่าตัดเนื้องอกที่หน้าอก
(วันเสาร์ 22 สิงหา 58)
จขกท อายุ24ค่ะ
จริงๆเนื้องอกแบบนี้ เป็นได้ทุกคน ทุกอายุ อายุน้อยๆก็เป็นได้ค่ะ
บอกก่อนเลยว่า ไม่เคยมีประสบการณ์อะไรแบบนี้มาก่อน ครั้งนี้เป็นการผ่าตัดครั้งแรกในชีวิต
เริ่มต้นจากเดินทางไปโรงพยาบาลตอนประมาณเที่ยงๆ เพราะตอนเช้าต้องไปเรียน
ซึ่ง รพ ที่ไปคือโรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งที่เลือกที่นี่ เพราะอยู่ใกล้กับมหาลัย
ไปถึงก็ไปทำประวัติผู้ป่วยให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นก็นั่งรอคุณหมอที่แผนกศัลยกรรมทั่วไป คุณหมอเป็นผู้หญิงมาตอนบ่ายโมงพอดี
ซึ่งเราเป็นคิวที่สองนั่งรอไม่นานก็ได้เข้าไปพบคุณหมอ คุณหมอใจดีมาก ให้เรานอนแล้วก็มากดๆดู อืม มันเป็นก้อนแข็งๆที่หน้าอกข้างซ้ายจริงๆ
เลยส่งไปห้องอัลตร้าซาว มันคืออัลตร้าซาวจริงๆนะ ไม่ใช่เอ๊กเรย์ เครื่องเดียวกับที่ตรวจครรภ์ เพิ่งรู้ว่าเครื่องนี้ตรวจได้หลายส่วน ไม่ได้แค่ตรวจท้องอย่างเดียว
ห้องอัลตร้าซาว ตอนแรกคุณหมอถามก่อนค่ะว่า อยากได้หมออัลตร้าซาวผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่ถ้าเป็นหมอผู้หญิงต้องรอพรุ่งนี้
แต่ด้วยความอยากรู้เดี๋ยวนี้ หมอผู้ชายก็ได้ เริ่มแรกจากเปลี่ยนชุดเป็นชุดเขียวๆของ รพ ก่อน
จากนั้นก็เข้าไปนอนรอในห้อง มีเครื่องอัลตร้าซาวอยู่ข้างๆ แปปนึงหมอก็เข้ามา พร้อมเจ้าหน้าที่อีกคนนึงแล้วก็เอาเครื่องมาจิ้มๆที่ตัวเรา
ข้างหน้าเราก็มีจอ พอเครื่องจิ้มผ่านตรงไหน ก็จะเห็นข้างในเราจากจอนั้นเลย
ซึ่งตรงที่เราเจอก้อนๆอ่ะ เห็นชัดมากจากในจอ ที่เราเห็นมันเป็นก้อนเหมือนแคปซูนนูนขึ้นมาจากส่วนอื่นแบบชัดมากๆ
หมอบอกว่าเท่าที่ดู น่าจะเป็นเนื้องอกธรรมดา แบบคนอายุน้อยๆก็เป็นกันเยอะ บางคนมีหลายก้อนด้วยนะ แต่ให้รอคุณหมอที่เฉพาะทางวินิชฉัยอีกที
จากนั้นทางฝ่ายห้องอัลตร้าซาว ให้เรากลับไปที่แผนกศัลยกรรมทั่วไป ไปหาคุณหมอคนแรก เดี๊ยวเค้าจะส่งไฟล์ภาพไปให้หมอคนแรก
ทางคุณหมอคนแรก เค้าก็เอาภาพขึ้นจอคอม แล้วก็ชี้ให้ดู ว่าก้อนมันใหญ่จากภาพก็ประมาณ1เซน ถ้าไม่รีบเอาออก มันจะใหญ่ขึ้นอีก
ทีนี้เค้าก็มีสองตัวเลือก จะผ่าออกเลย แล้วค่อยส่งชิ้นเนื้อไปตรวจ หรือ จะใช้เข็มเล็กๆเจาะชิ้นเนื้อไปตรวจก่อน แล้วค่อยมาผ่าวันหลัง
ทีนี่เราก็อยากให้มันจบๆไป ถ้าปล่อยไว้ก็ต้องกังวลไปเรื่อยๆ ก็เลยตัดสินใจผ่าเลยค่ะ
คุณหมอก็โอเคร หมอจะเป็นคนผ่าให้เอง ให้ไปเตรียมตัว ประมาณ4โมง เค้าจะเตรียมห้อง เตรียมเครื่องมือ
ลืมบอก ของเราเป็นเคสผ่าตัดเล็ก ฉีดยาชาเฉยๆ ผ่าแล้วก็กลับบ้านได้เลยถ้าไม่มีอะไรข้างเคียง
ระหว่างนั้นก็ไปนั่งรอเวลาที่starbuck ไปหาของกิน เพราะเรายังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า
ก็ไปนั่งกินเค้ก กินชาเขียวปั่น(โปรซื้อ1แถม1) กินแบบรีบกินมากๆ ไม่ได้รู้สึกถึงรสชาติอะไรเลยตอนนั้น
กินเสร็จ4โมงพอดี มีพยาบาลเอาเอกสารมาให้เซ็นหลายใบมาก เป็นใบเซ็นยินยอมให้ผ่าตัด ให้เรากับผู้ปกครองเซ็น
จากนั้นพยาบาลก็มาพาขึ้นลิฟไปชั้น 4 ซึ่งเป็นห้องผ่าตัด มีห้องรับรองให้พ่อกับแม่รอในห้องนั้น แล้วเราก็เข้าไปในห้องผ่าตัดคนเดียว
ในห้องรอผ่าตัด เข้ามาตอนแรก มันไม่ใช่ห้องที่ผ่าเลยนะ เป็นเหมือนห้องรอผ่าเฉยๆ มีห้องเปลี่ยนเสื้อ กับเตียงหลายๆเตียง เราก็เปลี่ยนเสื้อผ้า เปลี่ยนรองเท้า ใส่หมวกคลุมผล ถอดสร้อย ถอดต่างหูให้หมด
เสร็จแล้วก็มานอนรอบนเตียง ซึ่งก็มีพยาบาลห้องผ่าตัดมาแจ้งขั้นตอนคร่าวๆ ว่าหมอจะทำอะรบ้าง จากนั้นก็ให้เรานอนรอ
ตอนระหว่างนอนรออยู่คนเดียว พยาบาลก็ปิดม่านรอบๆตัวเราหมด ตอนนั้นแหล่ะ เริ่มกลัวแล้ว คิดไปต่างๆนานา จะเจ็บมั๊ย จะเลือดออกเยอะมั๊ย คิดถึงว่าจะตายมั๊ย
เหมือนว่านอนอยู่นานมาก แต่จริงๆประมาณ10นาทีได้ จากนั้นคุณหมอคนเดิมก็เข้ามา พยาบาลก็มาเข็นเตียงเราเข้าไปให้ห้องอีกห้อง อันนี้เป็นห้องที่ใช้ผ่าจริงๆละ
คือหนาวมาก เราก็มองไปรอบๆ พยายามไม่ตื่นเต้น เห็นเครื่องมือ เห็นหลอดไฟเต็มไปหมด
จากนั้นก็ให้เราเปลี่ยนเตียง มาเป็นเตียงผ่าตัดแทน จากนั้นก็เอาเครื่องวัดหัวใจมาหนีบที่นิ้ว แล้วก็เครื่องวัดความดันมาใส่ที่แขน
ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นจากเครื่องตลอดเวลา เสียงดังมากกกก พยาบาลทักเลยว่าตื่นเต้นใช่มั๊ย หัวใจเต้นถี่มาก
จากนั้นพยาบาลก็มาเอาผ้าห่มให้เราหลายชั้นมาก มันไม่เชิงผ้าห่มนะ มันเป็นผ้าเขียวๆบางๆธรรมดา เสร็จแล้วก็เอา ไม่แน่ใจว่าเป็นแอลกอฮอล์ หรือแอมโมเนียนะ มาเช็ดรอบๆตัวเราฆ่าเชื้อ
เช็ดแรงมากกก เยอะมากกกก อะเครจากนั้นพอเช็ดเสร็จ เค้าก็เอาผ้าอีกผืนมาปิดหน้าเรา ไม่ให้ดู แต่หายใจออกนะ คือผ้าจะอยู่บนโครงเหล็ก ที่อยู่เหนือหัวเราอีกที
พยาบาลจะเช็คตลอด ว่าเราหายใจได้รึป่าว จากนั้นก็เตรียมแล้วค่ะ หมอบอกว่า จะฉีดยาชาแล้วนะ คือตอนนั้นแหล่ะเจ็บมากๆๆๆๆๆ เจ็บโคตรๆๆๆๆๆ
และจากนั้นก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรอีก ก่อนจะผ่าหมอจะเอามีดมากดๆตรงเนื้อเราก่อน แล้วก็ถามหลายทีเลยว่ารู้สึกเจ็บรึป่าว หลังจากแน่ใจว่าเราไม่เจ็บก็เริ่มค่ะ
หมอกับพยาบาลชวนคุยนู่นนี่ตลอด จะได้ไม่ตื่นเต้น ระหว่างนั้นเรารู้สึกถึงทุกขั้นตอนเลยนะ รู้ว่าเลือดไหลมาตรงแขน รู้ว่ามีคนเอาผ้าเช็ด
รู้ว่าเย็บแผล รู้ว่าตัดเส้นด้าย แต่ไม่ได้รู้สึกเจ็บ หมอกับพยาบาลก็ชวนเราคุยบ้าง คุยกันเองบ้าง
พอเอาก้อนเนื้อออกมาได้ หมอถามว่าอยากดูมั๊ย เราบอกว่าอยากดูค่ะ
พยาบาลเลยคีบขึ้นมาให้ดู มันเป็นก้อนกลมๆ ขาวๆ หมอบอกว่า2เซน
เราถามว่ามันเป็นซีสรึป่าว หมอบอกว่าไม่ใช่ค่ะ ซีสคือถุงน้ำ ของเราเป็นก้อนเนื้อค่ะ
จากนั้นพอทุกอย่างเสร็จ ทำแผลเสร็จ เหมือนพยาบาลเอาอะไรมาราดสักอย่าง เย็นมากๆๆๆ จากนั้นก็ให้เราเปลี่ยนเตียงอีก เป็นเตียงอันแรกที่เรานอน โดยการเอาเตียงมาวางข้างๆเตียงผ่าตัด
ให้เราค่อยๆเขยิบตัวไปเตียงข้างๆ ตอนลุกขึ้นมาจากเตียงผ่านี่คือ ชาทั้งแขนฝั่งซ้าย พยาบาลก็มาช่วยเราเขยิบมาเตียงข้างๆ จากนั้นก็เข็นเราออกจากห้องผ่าตัดมาไปห้องเดิมที่นอนรออยู่ตอนแรก
ใช้เวลาผ่าตั้งแต่ประมาณ4โมง จนถึง5โมง แล้วก็ให้เรานอนพักดูอาการอีกนานเลย เผื่อเลือดออกเยอะ พอสักพักพยาบาลมาดูเห็นว่าเลือดไม่ออกเยอะเท่าไหร่ก็ให้เราไปเปลี่ยนเสื้อ
ห้องเปลี่ยนเสื้อมีกระจกค่ะ เลยเพิ่งได้เห็นแผลครั้งแรก นึกว่าจะน่ากลัว ปรากฎว่าเค้าเอาผ้าก๊อตปิดแผลไว้ เห็นเลือดอยู่ที่ผ้าก๊อตก็พอสมควร แล้วก็ติดแผ่นกันน้ำให้
จากนั้นพยาบาลก็ให้เรานั่งรถเข็น(จริงๆก็เดินไหวนะ แต่เดินแรงๆแล้วปวดแผล) พ่อกับแม่ก็เดินมาดูถามว่าเป็นไงมั่ง ตอนนั้นเราไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลยนะ พยาบาลบอกว่ายาชา
อยู่ได้2ชั่วโมง เสร็จแล้วก็ลงมาที่ช่องรับยา ได้ยาแก้ปวด กับยาฆ่าเชื้อที่ต้องกินให้หมด เช้าเย็น และเม็ดใหญ่มากๆๆๆๆ คือกินยากมาก
ส่วนแผลให้แกะผ้าออกได้หลังจากนี้3วัน และไปล้างแผลวันเว้นวัน หมอนัดตัดไหมวันเสาร์หน้า
จากนั้นเราก็นั่งรอจ่ายเงิน ใช้เวลาตรงนี้พอสมควรเลย เพราะมีประกันของบริษัท ต้องรอเค้าติดต่อเคลมประกัน
ผลสรุปออกมา ทั้งหมดสองหมื่นเจ็ดพันกว่าบาท ประกันของบริษัทเคลมได้หมื่นนึง สรุปว่าต้องจ่ายเองหมื่นเจ็ดพันกว่าบาท
(ตอนแรกก่อนผ่า พยาบาลประเมินว่าสามหมื่นห้า แต่ต้องดูจนผ่าเสร็จก่อนว่าต้องใช้ยาตอนที่ผ่า หรือเครื่องมือแค่ไหน)
จากนั้นก็กลับบ้านค่ะ กินข้าว รีบกินยา เพราะกลัวยาชาหมดฤทธิ์แล้วจะปวด
สรุปค่ะ เราเป็นก้อนเนื้องอก ที่หน้าอกซ้ายประมาณ 2 เซน
ตอนผ่าไม่เจ็บเลย แต่เจ็บโคตรๆๆๆทีเดียวตอนฉีดยาชา
หลังจากนี้ต้องไปล้างแผลวันเว้นวัน แล้วหมอนัดตัดไหม พร้อมฟังผลแลปที่ส่งก้อนเนื้อไปตรวจเสาร์หน้า
อาการตอนนี้ ปวดๆเวลายกแขน เวลาเดิน แล้วก็หายใจแรงๆไม่ได้ มันจะปวด แต่ปวดไม่เยอะเท่าที่คิดไว้
อาบน้ำได้ค่ะ จริงๆแล้วหมอติดแผ่นกันน้ำให้ แต่ไม่ให้โดนน้ำดีที่สุด เราอาบไปมันก็โดนน้ำไปบ้างแล้ว แต่แผ่นกันน้ำมันก็กันได้อยู่
คืออาบยากมาก พยายามไม่ให้แผลโดนน้ำเนี่ย
ปล คืออยากถ่ายรูปก่อนเข้าไปผ่ามาก ตอนที่เปลี่ยนชุดเตรียมผ่า อยากถ่ายรูปก้อนที่ผ่าออกมาได้
แต่พยาบาลไม่ให้เอามือถือเข้าไป เสียใจมาก
ปล2 ไปเรียนไม่ไหวจริงๆ โดดเรียนวิชาวันอาทิตย์ไป แล้วเดี๋ยววันเสาร์หน้าก็ต้องโดดเพื่อไปตัดไหม ฟังผลแลปอีก
ปล3 เรื่องประกัน ของเราเป็นประกันของที่ทำงาน เป็นประกันแบบกลุ่มของเมืองไทยประกันชีวิต
OPD ได้ 600 ค่ารักษาพยาบาลทั่วไปได้ 10,000
ซึ่งก่อนหน้าที่เราจะเซ็นใบยินยอมให้ผ่าตัด เค้าจะบอกเราก่อนว่า ค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณเท่าไหร่
ซึ่งประกัน ต้องรอแฟกซ์ไปถามว่าจะเคลมได้มั๊ย อาจจะไม่ได้เลย ได้บางส่วน หรือได้เต็มจำนวนคือหมื่นนึง มันแล้วแต่เคส
อันนี้เราต้องโอเครก่อนว่า มันอาจจะเคลมไม่ได้เลย เราต้องจ่ายเองหมด ถ้าโอเครแบบนั้นก็ให้เซ็นใบยิยยอมให้ผ่าได้เลย
ซึ่งเราจะรู้ว่าเคลมได้รึป่าว คือตอนผ่าเสร็จค่ะ รพ ต้องสรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดก่อน ถึงจะส่งแฟกซ์เอกสารไปเคลมกับประกันได้
ปล4 ด้าน รพ ที่นี่โอเครเลยนะ สถานที่กว้างขวาง ที่จอดรถใหญ่ พบาบาล เจ้าหน้าที่ หมอ อุปกรณ์ ดีมาก
ทุกคนพูดจาดี เจ้าหน้าที่ห้องผ่าตัดน่ารัก บริการดีมาก
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อัพเดต ไปล้างแผลครั้งแรกค่ะ (อังคาร 25/08/58)
ไปล้างแผลที่ รพ บางปะกอก1 ค่ะ ไปตอนเย็นหลังเลิกงาน
หลังจากยื่นประวัติ วัดความดันเสร็จ ก็ไปรอที่ห้องฉุกเฉินค่ะ พิมพ์ไม่ผิดนะคะ คือห้องฉุกเฉินจริงๆ
ไปล้างแผลที่ห้องฉุกเฉิน ไปถึงพยาบาลก็ให้นอนบนเตียง
สอบถามว่าเราเป็นอะไร ผ่ามาวันไหน มาล้างแผลครั้งแรกใช่มั๊ย
จากนั้นก็แกะผ้าที่ปิดแผลออก ค่อยๆเช็ดทำความสะอาดแผลเรา คือไม่เจ็บเท่าไหร่นะ มันเจ็บนิสเดียวจริงๆ
และนี่ก็เป็นครั้งแรก ที่ได้เห็นแผลตัวเองค่ะ ก่อนหน้านี้มีผ้าปิดไว้ตลอด
แผลเป็นรอยเย็บด้วยไหมสีดำๆ ยาวเหมือนกัน
หลังจากพยาบาลเช็ดแผลเสร็จ ก็เรียกคุณหมอท่านนึงมาดูค่ะ คุณหมอบอกแผลปกติดี แห้งดี
จากนั้นพยาบาลก็ปิดผ้าที่แผล ติดกันน้ำมาให้เหมือนเดิม ใช้เวลาทั้งสิน 15 นาทีได้
ค่าใช้จ่าย 550 บาทค่ะ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อัพเดต ไปล้างแผลครั้งที่2ค่ะ (พฤหัส 27/08/58)
ที่ รพ บางปะกอก1 เช่นเคย
วันนี้ฝนตกหนักมากๆ ที่จอดรถก็ไม่มี ต้องไปจอดอีกซอยนึง ดีที่ทาง รพ มีรถกอล์ฟคอยรับส่ง
ขั้นตอนหลักๆ ก็คล้ายๆครั้งแรกค่ะ แต่พี่พยาบาลใจดี และน่ารักกว่าครั้งแรก
คราวนี้ไม่เห็นมีหมอมาตรวจเลย มีแต่พยาบาล
ระหว่างทำแผล ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองที่ช่องจ่ายเงินด้วย
(จะเรียกจ่างตังค์เร็วไปมั๊ย ยังล้างแผลไม่เสร็จเบยย)
ทางเจ้าหน้าที่ ที่ช่องจ่ายตังค์บอกว่าเอกสารจะมาถึงเค้าก่อน ถ้าเรายังทำไม่เสร็จก็ไม่เป็นไร ^^
ค่าเสียหายวันนี้ 250 บาทค่ะ (แอบถูกกว่าครั้งแรก เพราะไม่มีค่าหมอ)
[CR] รีวิวประสบการณ์ผ่าตัดเนื้องอกที่หน้าอก
(วันเสาร์ 22 สิงหา 58)
จขกท อายุ24ค่ะ
จริงๆเนื้องอกแบบนี้ เป็นได้ทุกคน ทุกอายุ อายุน้อยๆก็เป็นได้ค่ะ
บอกก่อนเลยว่า ไม่เคยมีประสบการณ์อะไรแบบนี้มาก่อน ครั้งนี้เป็นการผ่าตัดครั้งแรกในชีวิต
เริ่มต้นจากเดินทางไปโรงพยาบาลตอนประมาณเที่ยงๆ เพราะตอนเช้าต้องไปเรียน
ซึ่ง รพ ที่ไปคือโรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งที่เลือกที่นี่ เพราะอยู่ใกล้กับมหาลัย
ไปถึงก็ไปทำประวัติผู้ป่วยให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นก็นั่งรอคุณหมอที่แผนกศัลยกรรมทั่วไป คุณหมอเป็นผู้หญิงมาตอนบ่ายโมงพอดี
ซึ่งเราเป็นคิวที่สองนั่งรอไม่นานก็ได้เข้าไปพบคุณหมอ คุณหมอใจดีมาก ให้เรานอนแล้วก็มากดๆดู อืม มันเป็นก้อนแข็งๆที่หน้าอกข้างซ้ายจริงๆ
เลยส่งไปห้องอัลตร้าซาว มันคืออัลตร้าซาวจริงๆนะ ไม่ใช่เอ๊กเรย์ เครื่องเดียวกับที่ตรวจครรภ์ เพิ่งรู้ว่าเครื่องนี้ตรวจได้หลายส่วน ไม่ได้แค่ตรวจท้องอย่างเดียว
ห้องอัลตร้าซาว ตอนแรกคุณหมอถามก่อนค่ะว่า อยากได้หมออัลตร้าซาวผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่ถ้าเป็นหมอผู้หญิงต้องรอพรุ่งนี้
แต่ด้วยความอยากรู้เดี๋ยวนี้ หมอผู้ชายก็ได้ เริ่มแรกจากเปลี่ยนชุดเป็นชุดเขียวๆของ รพ ก่อน
จากนั้นก็เข้าไปนอนรอในห้อง มีเครื่องอัลตร้าซาวอยู่ข้างๆ แปปนึงหมอก็เข้ามา พร้อมเจ้าหน้าที่อีกคนนึงแล้วก็เอาเครื่องมาจิ้มๆที่ตัวเรา
ข้างหน้าเราก็มีจอ พอเครื่องจิ้มผ่านตรงไหน ก็จะเห็นข้างในเราจากจอนั้นเลย
ซึ่งตรงที่เราเจอก้อนๆอ่ะ เห็นชัดมากจากในจอ ที่เราเห็นมันเป็นก้อนเหมือนแคปซูนนูนขึ้นมาจากส่วนอื่นแบบชัดมากๆ
หมอบอกว่าเท่าที่ดู น่าจะเป็นเนื้องอกธรรมดา แบบคนอายุน้อยๆก็เป็นกันเยอะ บางคนมีหลายก้อนด้วยนะ แต่ให้รอคุณหมอที่เฉพาะทางวินิชฉัยอีกที
จากนั้นทางฝ่ายห้องอัลตร้าซาว ให้เรากลับไปที่แผนกศัลยกรรมทั่วไป ไปหาคุณหมอคนแรก เดี๊ยวเค้าจะส่งไฟล์ภาพไปให้หมอคนแรก
ทางคุณหมอคนแรก เค้าก็เอาภาพขึ้นจอคอม แล้วก็ชี้ให้ดู ว่าก้อนมันใหญ่จากภาพก็ประมาณ1เซน ถ้าไม่รีบเอาออก มันจะใหญ่ขึ้นอีก
ทีนี้เค้าก็มีสองตัวเลือก จะผ่าออกเลย แล้วค่อยส่งชิ้นเนื้อไปตรวจ หรือ จะใช้เข็มเล็กๆเจาะชิ้นเนื้อไปตรวจก่อน แล้วค่อยมาผ่าวันหลัง
ทีนี่เราก็อยากให้มันจบๆไป ถ้าปล่อยไว้ก็ต้องกังวลไปเรื่อยๆ ก็เลยตัดสินใจผ่าเลยค่ะ
คุณหมอก็โอเคร หมอจะเป็นคนผ่าให้เอง ให้ไปเตรียมตัว ประมาณ4โมง เค้าจะเตรียมห้อง เตรียมเครื่องมือ
ลืมบอก ของเราเป็นเคสผ่าตัดเล็ก ฉีดยาชาเฉยๆ ผ่าแล้วก็กลับบ้านได้เลยถ้าไม่มีอะไรข้างเคียง
ระหว่างนั้นก็ไปนั่งรอเวลาที่starbuck ไปหาของกิน เพราะเรายังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า
ก็ไปนั่งกินเค้ก กินชาเขียวปั่น(โปรซื้อ1แถม1) กินแบบรีบกินมากๆ ไม่ได้รู้สึกถึงรสชาติอะไรเลยตอนนั้น
กินเสร็จ4โมงพอดี มีพยาบาลเอาเอกสารมาให้เซ็นหลายใบมาก เป็นใบเซ็นยินยอมให้ผ่าตัด ให้เรากับผู้ปกครองเซ็น
จากนั้นพยาบาลก็มาพาขึ้นลิฟไปชั้น 4 ซึ่งเป็นห้องผ่าตัด มีห้องรับรองให้พ่อกับแม่รอในห้องนั้น แล้วเราก็เข้าไปในห้องผ่าตัดคนเดียว
ในห้องรอผ่าตัด เข้ามาตอนแรก มันไม่ใช่ห้องที่ผ่าเลยนะ เป็นเหมือนห้องรอผ่าเฉยๆ มีห้องเปลี่ยนเสื้อ กับเตียงหลายๆเตียง เราก็เปลี่ยนเสื้อผ้า เปลี่ยนรองเท้า ใส่หมวกคลุมผล ถอดสร้อย ถอดต่างหูให้หมด
เสร็จแล้วก็มานอนรอบนเตียง ซึ่งก็มีพยาบาลห้องผ่าตัดมาแจ้งขั้นตอนคร่าวๆ ว่าหมอจะทำอะรบ้าง จากนั้นก็ให้เรานอนรอ
ตอนระหว่างนอนรออยู่คนเดียว พยาบาลก็ปิดม่านรอบๆตัวเราหมด ตอนนั้นแหล่ะ เริ่มกลัวแล้ว คิดไปต่างๆนานา จะเจ็บมั๊ย จะเลือดออกเยอะมั๊ย คิดถึงว่าจะตายมั๊ย
เหมือนว่านอนอยู่นานมาก แต่จริงๆประมาณ10นาทีได้ จากนั้นคุณหมอคนเดิมก็เข้ามา พยาบาลก็มาเข็นเตียงเราเข้าไปให้ห้องอีกห้อง อันนี้เป็นห้องที่ใช้ผ่าจริงๆละ
คือหนาวมาก เราก็มองไปรอบๆ พยายามไม่ตื่นเต้น เห็นเครื่องมือ เห็นหลอดไฟเต็มไปหมด
จากนั้นก็ให้เราเปลี่ยนเตียง มาเป็นเตียงผ่าตัดแทน จากนั้นก็เอาเครื่องวัดหัวใจมาหนีบที่นิ้ว แล้วก็เครื่องวัดความดันมาใส่ที่แขน
ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นจากเครื่องตลอดเวลา เสียงดังมากกกก พยาบาลทักเลยว่าตื่นเต้นใช่มั๊ย หัวใจเต้นถี่มาก
จากนั้นพยาบาลก็มาเอาผ้าห่มให้เราหลายชั้นมาก มันไม่เชิงผ้าห่มนะ มันเป็นผ้าเขียวๆบางๆธรรมดา เสร็จแล้วก็เอา ไม่แน่ใจว่าเป็นแอลกอฮอล์ หรือแอมโมเนียนะ มาเช็ดรอบๆตัวเราฆ่าเชื้อ
เช็ดแรงมากกก เยอะมากกกก อะเครจากนั้นพอเช็ดเสร็จ เค้าก็เอาผ้าอีกผืนมาปิดหน้าเรา ไม่ให้ดู แต่หายใจออกนะ คือผ้าจะอยู่บนโครงเหล็ก ที่อยู่เหนือหัวเราอีกที
พยาบาลจะเช็คตลอด ว่าเราหายใจได้รึป่าว จากนั้นก็เตรียมแล้วค่ะ หมอบอกว่า จะฉีดยาชาแล้วนะ คือตอนนั้นแหล่ะเจ็บมากๆๆๆๆๆ เจ็บโคตรๆๆๆๆๆ
และจากนั้นก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรอีก ก่อนจะผ่าหมอจะเอามีดมากดๆตรงเนื้อเราก่อน แล้วก็ถามหลายทีเลยว่ารู้สึกเจ็บรึป่าว หลังจากแน่ใจว่าเราไม่เจ็บก็เริ่มค่ะ
หมอกับพยาบาลชวนคุยนู่นนี่ตลอด จะได้ไม่ตื่นเต้น ระหว่างนั้นเรารู้สึกถึงทุกขั้นตอนเลยนะ รู้ว่าเลือดไหลมาตรงแขน รู้ว่ามีคนเอาผ้าเช็ด
รู้ว่าเย็บแผล รู้ว่าตัดเส้นด้าย แต่ไม่ได้รู้สึกเจ็บ หมอกับพยาบาลก็ชวนเราคุยบ้าง คุยกันเองบ้าง
พอเอาก้อนเนื้อออกมาได้ หมอถามว่าอยากดูมั๊ย เราบอกว่าอยากดูค่ะ
พยาบาลเลยคีบขึ้นมาให้ดู มันเป็นก้อนกลมๆ ขาวๆ หมอบอกว่า2เซน
เราถามว่ามันเป็นซีสรึป่าว หมอบอกว่าไม่ใช่ค่ะ ซีสคือถุงน้ำ ของเราเป็นก้อนเนื้อค่ะ
จากนั้นพอทุกอย่างเสร็จ ทำแผลเสร็จ เหมือนพยาบาลเอาอะไรมาราดสักอย่าง เย็นมากๆๆๆ จากนั้นก็ให้เราเปลี่ยนเตียงอีก เป็นเตียงอันแรกที่เรานอน โดยการเอาเตียงมาวางข้างๆเตียงผ่าตัด
ให้เราค่อยๆเขยิบตัวไปเตียงข้างๆ ตอนลุกขึ้นมาจากเตียงผ่านี่คือ ชาทั้งแขนฝั่งซ้าย พยาบาลก็มาช่วยเราเขยิบมาเตียงข้างๆ จากนั้นก็เข็นเราออกจากห้องผ่าตัดมาไปห้องเดิมที่นอนรออยู่ตอนแรก
ใช้เวลาผ่าตั้งแต่ประมาณ4โมง จนถึง5โมง แล้วก็ให้เรานอนพักดูอาการอีกนานเลย เผื่อเลือดออกเยอะ พอสักพักพยาบาลมาดูเห็นว่าเลือดไม่ออกเยอะเท่าไหร่ก็ให้เราไปเปลี่ยนเสื้อ
ห้องเปลี่ยนเสื้อมีกระจกค่ะ เลยเพิ่งได้เห็นแผลครั้งแรก นึกว่าจะน่ากลัว ปรากฎว่าเค้าเอาผ้าก๊อตปิดแผลไว้ เห็นเลือดอยู่ที่ผ้าก๊อตก็พอสมควร แล้วก็ติดแผ่นกันน้ำให้
จากนั้นพยาบาลก็ให้เรานั่งรถเข็น(จริงๆก็เดินไหวนะ แต่เดินแรงๆแล้วปวดแผล) พ่อกับแม่ก็เดินมาดูถามว่าเป็นไงมั่ง ตอนนั้นเราไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลยนะ พยาบาลบอกว่ายาชา
อยู่ได้2ชั่วโมง เสร็จแล้วก็ลงมาที่ช่องรับยา ได้ยาแก้ปวด กับยาฆ่าเชื้อที่ต้องกินให้หมด เช้าเย็น และเม็ดใหญ่มากๆๆๆๆ คือกินยากมาก
ส่วนแผลให้แกะผ้าออกได้หลังจากนี้3วัน และไปล้างแผลวันเว้นวัน หมอนัดตัดไหมวันเสาร์หน้า
จากนั้นเราก็นั่งรอจ่ายเงิน ใช้เวลาตรงนี้พอสมควรเลย เพราะมีประกันของบริษัท ต้องรอเค้าติดต่อเคลมประกัน
ผลสรุปออกมา ทั้งหมดสองหมื่นเจ็ดพันกว่าบาท ประกันของบริษัทเคลมได้หมื่นนึง สรุปว่าต้องจ่ายเองหมื่นเจ็ดพันกว่าบาท
(ตอนแรกก่อนผ่า พยาบาลประเมินว่าสามหมื่นห้า แต่ต้องดูจนผ่าเสร็จก่อนว่าต้องใช้ยาตอนที่ผ่า หรือเครื่องมือแค่ไหน)
จากนั้นก็กลับบ้านค่ะ กินข้าว รีบกินยา เพราะกลัวยาชาหมดฤทธิ์แล้วจะปวด
สรุปค่ะ เราเป็นก้อนเนื้องอก ที่หน้าอกซ้ายประมาณ 2 เซน
ตอนผ่าไม่เจ็บเลย แต่เจ็บโคตรๆๆๆทีเดียวตอนฉีดยาชา
หลังจากนี้ต้องไปล้างแผลวันเว้นวัน แล้วหมอนัดตัดไหม พร้อมฟังผลแลปที่ส่งก้อนเนื้อไปตรวจเสาร์หน้า
อาการตอนนี้ ปวดๆเวลายกแขน เวลาเดิน แล้วก็หายใจแรงๆไม่ได้ มันจะปวด แต่ปวดไม่เยอะเท่าที่คิดไว้
อาบน้ำได้ค่ะ จริงๆแล้วหมอติดแผ่นกันน้ำให้ แต่ไม่ให้โดนน้ำดีที่สุด เราอาบไปมันก็โดนน้ำไปบ้างแล้ว แต่แผ่นกันน้ำมันก็กันได้อยู่
คืออาบยากมาก พยายามไม่ให้แผลโดนน้ำเนี่ย
ปล คืออยากถ่ายรูปก่อนเข้าไปผ่ามาก ตอนที่เปลี่ยนชุดเตรียมผ่า อยากถ่ายรูปก้อนที่ผ่าออกมาได้
แต่พยาบาลไม่ให้เอามือถือเข้าไป เสียใจมาก
ปล2 ไปเรียนไม่ไหวจริงๆ โดดเรียนวิชาวันอาทิตย์ไป แล้วเดี๋ยววันเสาร์หน้าก็ต้องโดดเพื่อไปตัดไหม ฟังผลแลปอีก
ปล3 เรื่องประกัน ของเราเป็นประกันของที่ทำงาน เป็นประกันแบบกลุ่มของเมืองไทยประกันชีวิต
OPD ได้ 600 ค่ารักษาพยาบาลทั่วไปได้ 10,000
ซึ่งก่อนหน้าที่เราจะเซ็นใบยินยอมให้ผ่าตัด เค้าจะบอกเราก่อนว่า ค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณเท่าไหร่
ซึ่งประกัน ต้องรอแฟกซ์ไปถามว่าจะเคลมได้มั๊ย อาจจะไม่ได้เลย ได้บางส่วน หรือได้เต็มจำนวนคือหมื่นนึง มันแล้วแต่เคส
อันนี้เราต้องโอเครก่อนว่า มันอาจจะเคลมไม่ได้เลย เราต้องจ่ายเองหมด ถ้าโอเครแบบนั้นก็ให้เซ็นใบยิยยอมให้ผ่าได้เลย
ซึ่งเราจะรู้ว่าเคลมได้รึป่าว คือตอนผ่าเสร็จค่ะ รพ ต้องสรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดก่อน ถึงจะส่งแฟกซ์เอกสารไปเคลมกับประกันได้
ปล4 ด้าน รพ ที่นี่โอเครเลยนะ สถานที่กว้างขวาง ที่จอดรถใหญ่ พบาบาล เจ้าหน้าที่ หมอ อุปกรณ์ ดีมาก
ทุกคนพูดจาดี เจ้าหน้าที่ห้องผ่าตัดน่ารัก บริการดีมาก
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อัพเดต ไปล้างแผลครั้งแรกค่ะ (อังคาร 25/08/58)
ไปล้างแผลที่ รพ บางปะกอก1 ค่ะ ไปตอนเย็นหลังเลิกงาน
หลังจากยื่นประวัติ วัดความดันเสร็จ ก็ไปรอที่ห้องฉุกเฉินค่ะ พิมพ์ไม่ผิดนะคะ คือห้องฉุกเฉินจริงๆ
ไปล้างแผลที่ห้องฉุกเฉิน ไปถึงพยาบาลก็ให้นอนบนเตียง
สอบถามว่าเราเป็นอะไร ผ่ามาวันไหน มาล้างแผลครั้งแรกใช่มั๊ย
จากนั้นก็แกะผ้าที่ปิดแผลออก ค่อยๆเช็ดทำความสะอาดแผลเรา คือไม่เจ็บเท่าไหร่นะ มันเจ็บนิสเดียวจริงๆ
และนี่ก็เป็นครั้งแรก ที่ได้เห็นแผลตัวเองค่ะ ก่อนหน้านี้มีผ้าปิดไว้ตลอด
แผลเป็นรอยเย็บด้วยไหมสีดำๆ ยาวเหมือนกัน
หลังจากพยาบาลเช็ดแผลเสร็จ ก็เรียกคุณหมอท่านนึงมาดูค่ะ คุณหมอบอกแผลปกติดี แห้งดี
จากนั้นพยาบาลก็ปิดผ้าที่แผล ติดกันน้ำมาให้เหมือนเดิม ใช้เวลาทั้งสิน 15 นาทีได้
ค่าใช้จ่าย 550 บาทค่ะ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อัพเดต ไปล้างแผลครั้งที่2ค่ะ (พฤหัส 27/08/58)
ที่ รพ บางปะกอก1 เช่นเคย
วันนี้ฝนตกหนักมากๆ ที่จอดรถก็ไม่มี ต้องไปจอดอีกซอยนึง ดีที่ทาง รพ มีรถกอล์ฟคอยรับส่ง
ขั้นตอนหลักๆ ก็คล้ายๆครั้งแรกค่ะ แต่พี่พยาบาลใจดี และน่ารักกว่าครั้งแรก
คราวนี้ไม่เห็นมีหมอมาตรวจเลย มีแต่พยาบาล
ระหว่างทำแผล ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองที่ช่องจ่ายเงินด้วย
(จะเรียกจ่างตังค์เร็วไปมั๊ย ยังล้างแผลไม่เสร็จเบยย)
ทางเจ้าหน้าที่ ที่ช่องจ่ายตังค์บอกว่าเอกสารจะมาถึงเค้าก่อน ถ้าเรายังทำไม่เสร็จก็ไม่เป็นไร ^^
ค่าเสียหายวันนี้ 250 บาทค่ะ (แอบถูกกว่าครั้งแรก เพราะไม่มีค่าหมอ)