การเดินทางตามล่าหาเบียร์ : ตอนที่ 1 http://pantip.com/topic/33957415
การเดินทางตามล่าหาเบียร์ : ตอนที่ 2 http://pantip.com/topic/33957424
การเดินทางตามล่าหาเบียร์ : ตอนที่ 3 http://pantip.com/topic/33957486
การเดินทางตามล่าหาเบียร์ : ตอนที่ 4 http://pantip.com/topic/33979341
การเดินทางตามล่าหาเบียร์ : ตอนที่ 5 http://pantip.com/topic/33990273
การเดินทางตามล่าหาเบียร์ : ตอนที่ 6 http://pantip.com/topic/34017308
การเดินทางตามล่าหาเบียร์ : ตอนที่ 8 http://pantip.com/topic/34199394
การเดินทางตามล่าหาเบียร์ : ตอนที่ 9 http://pantip.com/topic/34305261
การเดินทางตามล่าหาเบียร์ : ตอนที่ 10 http://pantip.com/topic/34433760
การเดินทางตามล่าหาเบียร์ : ตอนที่ 11 http://pantip.com/topic/34730107
การเดินทางตามล่าหาเบียร์ : ตอนพิเศษ http://pantip.com/topic/34810416




หายไปนานเพราะงานเยอะมาก
แต่สัญญาเลยค่ะ ว่าถ้ายังไม่เดินทางตามล่ามาถึงประเทศไทย ก็ยังไม่จบนะเอ้อ

เอาล่ะ มาถึงความพีคจริงๆ ของการดื่มเบียร์ที่อเมริกา
ตั้งแต่การลิ้มชิมรส Lambic Beer ในวันนั้น
เราก็ได้ลองดื่มเบียร์อีกหลากหลาย ทั้ง Wheat Ale, IPA, Pale Ale, Porter
เพราะว่ามีหนุ่มใจดีคอยพาไปชิมเบียร์ใหม่ๆ เรื่อยๆ

ประเด็นอยู่ที่รูมเมทของหนุ่มคนนั้น
เขาเป็นหนุ่มผมทองยาว และเคราก็ยาวมาถึงสะดือ นามว่า จิมมี่
จิมมี่ทำงานอยู่ที่โรงยีสต์สำหรับผลิตเบียร์
จิมมี่เรียนอยู่ที่ University of California, San Diego แผนก Brewing
หรือที่เกี่ยวกับการทำโรงเบียร์
เวลาไปเที่ยว จิมมี่ก็จะหาทางไปเยี่ยมโรงเบียร์ ไปชิมเบียร์ท้องถิ่น
และงานอดิเรกของจิมมี่ก็คือ ต้มเบียร์ดื่มเอง!

ตอนที่เรารู้จักจิมมี่ เราทึ่งมาก
คนอะไรมันจะหมกมุ่นกับการต้มเบียร์ดื่มเบียร์ได้ขนาดนี้วะ
แต่พอได้ดื่มเบียร์ที่จิมมี่ต้ม ได้ทำความเข้าใจกับอะไรพวกนี้มากขึ้น
ก็แบบว่า อื้อหือ อร่อย ถังใหญ่ ต้มกินแบบนี้ก็คุ้มดีแฮะ

ครั้งแรก (และครั้งเดียว) ที่ได้ไปดูการต้มเบียร์ของจิมมี่
ก็คือที่บ้านของเพื่อนจิมมี่ อยู่ใกล้ๆ Beach แถว La Jolla (อ่านว่า ลาโฮยา)
บ้านหลังนี้เป็นบ้านเดี่ยว มีสนามหน้าบ้าน แล้วก็ต้มเบียร์กันที่ลานแคบด้านข้าง
มีถังน้ำอยู่ 2-3 ถัง บางถังก็มีฝาปิด บางถังเปิดไว้ แล้วก็ต้มน้ำ มีเทอร์โมมิเตอร์
มี Hob ซึ่งเป็นเหมือนหัวเชื้อเบียร์ วางอยู่แถวๆ นั้น แล้วก็มีอะไรอีกก็ไม่รู้ กระจุกกระจิก
ส่วนเรื่องวิธีการต้ม ไม่ต้องถาม เพราะจิมมี่บอกแล้วแต่จำไม่ได้

จุดที่ประทับใจที่สุด ก็คือตู้เย็นใบใหญ่ ที่ถูกดัดแปลงใส่ Tap เข้าไป 2 หัว
และเราก็สามารถกดเบียร์ดื่มจากตรงนั้นได้เลย
ถ้าเปิดตู้เย็นเข้าไปก็จะไม่มีอะไร นอกจากถังเบียร์และสายต่อเข้า Tap

เบียร์ที่ได้ดื่มวันนั้นคือ Vanilla Cream Ale 5.2%
ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเบียร์ที่ต้มไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
ส่วนเบียร์ที่ต้มอยู่ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าในที่สุดได้ดื่มหรือไม่ ดื่มตอนไหน
Vanilla Cream Ale หอมมาก ขมแบบนุ่มๆ
แต่ดื่มไปแก้วสองแก้วก็หยุดดีกว่า กลัวเมา เกรงใจเจ้าของบ้าน

อีกหนึ่งความพีค คือฝรั่งเพื่อนจิมมี่ ชวนเราไปนั่งเล่นริมทะเล ดูคนเล่นเซิร์ฟ
พกกีตาร์ไปหนึ่งตัว แล้วก็เล่นกีตาร์ให้เราร้องเพลง Improvise กัน
ก็คือแต่งเพลงใหม่ร้องไปกับทำนองตอนนั้นเลย
ความกึ่มจากเบียร์ 2 แก้ว ทำให้บรรยากาศโรแมนติกขึ้นมา 2 เท่า
เสียอย่างเดียว ที่เราไม่ได้กิ๊กกัน
ก็เลยเป็นความสนุกสนานระหว่างเพื่อนใหม่ ที่ได้รู้จักกันผ่านเบียร์

เราวนไปเวียนมาที่ห้องของจิมมี่อยู่หลายเดือนก่อนจะกลับไทย
ความหมกมุ่นล่าสุด คือ จิมมี่กับเพื่อนเราที่เป็นรูมเมทกัน
หุ้นกันซื้อ Keg (Kegerator) หรือถังเบียร์สด 2 Tap มาไว้ที่บ้าน
เราไปเยี่ยมเยียนที่ไร ก็จะได้ดื่มเบียร์หอมๆ แปลกๆ และฟรี อยู่ตลอด
จิมมี่จะคิดชื่อเบียร์ที่ตัวเองต้ม หารูปประกอบ แล้วก็ใส่ป้ายตั้งอยู่บน Keg
วันดีคืนดี ก็ต้มเบียร์ Pumpkin Pie Beer For Kelly ให้ของขวัญวันเกิดแฟนงี้
หรือมีรูปหนังผีดิบฝรั่งเก่าๆ เอามาทำป้าย ตั้งชื่อว่า You look Pale Ale งี้
มีเบียร์ Creamy Double IPA ก็เป็นรูปฟาร์มวัว มีแก้วเบียร์ราดวิปครีมงี้
ไม่รู้จะน่ารักไปไหน

ตอนนั้นเราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมที่อเมริกาต้มเบียร์กันเป็นว่าเล่น
อาจจะเพราะวัสดุ อุปกรณ์อะไรต่างๆ หาได้ง่ายกว่ามาก
หรืออุณหภูมิต่างๆ เหมาะกว่าหรือเปล่า ก็เดาไปเรื่อย

ก็เพิ่งมารู้ตอนหลังนี่เองว่า ต้มเบียร์ที่เมกาไม่ผิดกฏหมาย
แต่ที่บ้านเรา ถือว่าผิดกฏหมาย
อันนี้ก็เลยสงสัยต่อว่า เอ๊ะ ทำไมบ้านเขาเจริญกว่า แล้วมันถูกกฏหมายได้
ทำไมบ้านเราถึงต้มเบียร์ไม่ได้
เพราะแบบนี้ใช่มั้ย ถึงไม่มีเบียร์แปลกๆ อร่อยๆ ให้กินหลากหลายเท่าไหร่
แล้วก็ต้องไปจ่ายแพงๆ ซื้อของนอกมาดื่มกันตลอด

ไม่พูดต่อดีกว่า เรื่องนี้ Sensitive
ตอนนี้เมืองไทยมีเบียร์ Brew ให้ชิมเยอะขึ้นแล้ว ก็ดีแล้ว
ถ้าจิมมี่มาเที่ยว จะพาไปตระเวนชิมเบียร์คนไทยให้ทั่วเลย คอยดู