โฆษณาโอมโม่ทีว่าคือตัวนี้ครับ

ส่วนไอ้ประโยคที่ผมว่ามันเป็นเชิงดูถูกมากกว่าประโยคในโฆษณา และเชื่อว่าบางคนคงเคยเจอคนพวกนี้พูดอะไรแบบนี้ใส่ตัวเองมาแล้ว หรือเคยได้ยินผ่านๆมาบ้าง
คือประโยคที่ว่า "ทำไมนาย/เธอ/คุณรู้เรื่องพวกนี้ด้วย"
ประโยคนี้มักจะมาบ่อยๆ เวลาที่มีใครสักคน ที่ดูจากรูปร่าง หน้าตา อายุ การแต่งตัว นิสัย lifestyle แวดวงสังคมที่คนคนนั้นคลุกคลีอยู่ อาชีพการงาน การศึกษา และองค์ประกอบอื่นๆแล้ว ไม่น่าจะพูดเรื่องพวกนี้ออกมาได้ โดยเฉพาะในระดับเข้าขั้นแฟนพันธ์แท้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องที่ดูเป็นความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ การแพทย์ หรืออะไรที่ดูแล้วแบบวิชาการจ๋า
ให้นึกถึงอะไรอย่างเช่น....ลุงยามแก่ๆแต่รู้เรื่องคอมพิวเตอร์ยิ่งกว่าพนักงานตามร้านIT // แม่ค้าอายุรุ่นป้าตามตลาดสดแต่พูดเรื่องประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่2ได้ราวกับจบเอกด้านนี้มา // เด็กช่างกลขับมอเตอร์ไซต์เบาะปาดยางหนังสะติ๊กแต่พูดเรื่องศาสนาพุทธได้ราวกับอาจารย์สอนวิชาศาสนามาเอง // ผู้หญิงสาวลุ๊คแอ๊บแบ๊วชอบถ่ายเซลฟี่ลงIGบ่อยๆแต่กลับรู้เรื่องข่าวคราวเศรษฐกิจของไทยและต่างประเทศได้แบบละเอียดยิบ วิเคราะห์ได้ซะเข้าขั้นนักเศรษฐศาสตร์อาชีพ ทัง้ที่ไม่ได้จบด้านนี้หรือมไ่ได้ทำงานที่ต้องสนใจในด้านนี้แบบเจาะลึก // เด็กม.ต้นที่รู้เรื่องรถยนต์ในระดับแฟนพันธ์ุแท้ // ลุงภารโรงอายุรุ่นพ่อแต่รู้เรื่องแวดวง K-Pop ในระดับเป็นรองแค่พวกติ่งเกาหลี // ข้าราชการแก่ๆแต่รู้เรื่องsmartphoneทุกค่ายทุกระบบยิ่งกว่าพนังกานขายตามห้างฯ // คนขับรถแท็กซี่/มอเตอร์ไซต์รับจ้าง แต่รู้เรื่องกฎหมายชนิดที่ว่าเด็กที่จบนิติศาสตร์มายังอาย...เป็นต้น
ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมคนพวกนั้นต้องพูดประโยคอะไรแบบนั้นออกมาด้วย ไม่มีคำถามที่มันฟังดูสร้างสรรค์กว่านี้แล้วเหรอไง และคนเราต้งอมีหน้าตาและพื้นเพยังไงเหรอถึงจะพูดหรือรู้เรื่งอพวกนี้แล้วไม่แปลก แล้วเดี๋ยวนี้มันก็มีสื่อเยอะแยะที่ให้เราเข้าถึงเรื่องพวกนี้ สื่อฟรีด้วย หนังสือหรือนิตยสารเรื่องพวกนี้ก็มีให้เข้าถึงได้เกลื่อนกลาด
แล้วมันก็ไม่ใช่ความรู้ในระดับที่ต้องไปเรียนไปฝึกฝนกันมาเป็นปีๆอย่างเป็นช่างเฉพาะด้าน หรือการเรียนแพทย์ เรียนวิศวะ อะไรเลยด้วย
ผมก็เคยเจอพวกที่พูดเรื่งอดารานักร้องในระดับรู้ลึกราวกับอยู่บ้านเดียวกับคนดังเหล่านั้น หรือพูดเรื่องทีมกีฬาสักทีมได้ละเอียดราวกับมีหุ้นอยู่ในทีมหรือตามติดผู้จัดการ/โค้ชทีมนั้นตั้งแต่ตื่นนอนยันนอนหลับ หรือคนที่ไม่ได้เป็นช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือพนักงานขายเครื่งอใช้ไฟฟ้าแต่รู้เรื่องเครื่งอใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนแบบละเอียดยิบ ยี่ห้อไหนน่าใช้ยี่ห้อไหนเด่นด้อยยังไง...แต่ผมก็ไม่เคยรู้สึกอยากจะถามคำถามประเภท ทำไมรู้เรื่งอพวกนี้เยอะจัง หรือคิดว่ามันคือสิ่งแปลกอะไร
ก็อย่างว่า ขนาด ยามหล่อ คนขายหวยสวย พนังกานร้านหมูกระทะหล่อ ยังมีคนบอวก่ามันน่าแปลกมหัศจรรย์เลยนี่หน่า
ผมว่าประโยคนี้ มันฟังแล้วเป็นเชิงดูถูก มากกว่าประโยค ทำไมถึงมารถคันนี้ ในโฆษณาโอโม่ซะอีก
ส่วนไอ้ประโยคที่ผมว่ามันเป็นเชิงดูถูกมากกว่าประโยคในโฆษณา และเชื่อว่าบางคนคงเคยเจอคนพวกนี้พูดอะไรแบบนี้ใส่ตัวเองมาแล้ว หรือเคยได้ยินผ่านๆมาบ้าง
คือประโยคที่ว่า "ทำไมนาย/เธอ/คุณรู้เรื่องพวกนี้ด้วย"
ประโยคนี้มักจะมาบ่อยๆ เวลาที่มีใครสักคน ที่ดูจากรูปร่าง หน้าตา อายุ การแต่งตัว นิสัย lifestyle แวดวงสังคมที่คนคนนั้นคลุกคลีอยู่ อาชีพการงาน การศึกษา และองค์ประกอบอื่นๆแล้ว ไม่น่าจะพูดเรื่องพวกนี้ออกมาได้ โดยเฉพาะในระดับเข้าขั้นแฟนพันธ์แท้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องที่ดูเป็นความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ การแพทย์ หรืออะไรที่ดูแล้วแบบวิชาการจ๋า
ให้นึกถึงอะไรอย่างเช่น....ลุงยามแก่ๆแต่รู้เรื่องคอมพิวเตอร์ยิ่งกว่าพนักงานตามร้านIT // แม่ค้าอายุรุ่นป้าตามตลาดสดแต่พูดเรื่องประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่2ได้ราวกับจบเอกด้านนี้มา // เด็กช่างกลขับมอเตอร์ไซต์เบาะปาดยางหนังสะติ๊กแต่พูดเรื่องศาสนาพุทธได้ราวกับอาจารย์สอนวิชาศาสนามาเอง // ผู้หญิงสาวลุ๊คแอ๊บแบ๊วชอบถ่ายเซลฟี่ลงIGบ่อยๆแต่กลับรู้เรื่องข่าวคราวเศรษฐกิจของไทยและต่างประเทศได้แบบละเอียดยิบ วิเคราะห์ได้ซะเข้าขั้นนักเศรษฐศาสตร์อาชีพ ทัง้ที่ไม่ได้จบด้านนี้หรือมไ่ได้ทำงานที่ต้องสนใจในด้านนี้แบบเจาะลึก // เด็กม.ต้นที่รู้เรื่องรถยนต์ในระดับแฟนพันธ์ุแท้ // ลุงภารโรงอายุรุ่นพ่อแต่รู้เรื่องแวดวง K-Pop ในระดับเป็นรองแค่พวกติ่งเกาหลี // ข้าราชการแก่ๆแต่รู้เรื่องsmartphoneทุกค่ายทุกระบบยิ่งกว่าพนังกานขายตามห้างฯ // คนขับรถแท็กซี่/มอเตอร์ไซต์รับจ้าง แต่รู้เรื่องกฎหมายชนิดที่ว่าเด็กที่จบนิติศาสตร์มายังอาย...เป็นต้น
ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมคนพวกนั้นต้องพูดประโยคอะไรแบบนั้นออกมาด้วย ไม่มีคำถามที่มันฟังดูสร้างสรรค์กว่านี้แล้วเหรอไง และคนเราต้งอมีหน้าตาและพื้นเพยังไงเหรอถึงจะพูดหรือรู้เรื่งอพวกนี้แล้วไม่แปลก แล้วเดี๋ยวนี้มันก็มีสื่อเยอะแยะที่ให้เราเข้าถึงเรื่องพวกนี้ สื่อฟรีด้วย หนังสือหรือนิตยสารเรื่องพวกนี้ก็มีให้เข้าถึงได้เกลื่อนกลาด
แล้วมันก็ไม่ใช่ความรู้ในระดับที่ต้องไปเรียนไปฝึกฝนกันมาเป็นปีๆอย่างเป็นช่างเฉพาะด้าน หรือการเรียนแพทย์ เรียนวิศวะ อะไรเลยด้วย
ผมก็เคยเจอพวกที่พูดเรื่งอดารานักร้องในระดับรู้ลึกราวกับอยู่บ้านเดียวกับคนดังเหล่านั้น หรือพูดเรื่องทีมกีฬาสักทีมได้ละเอียดราวกับมีหุ้นอยู่ในทีมหรือตามติดผู้จัดการ/โค้ชทีมนั้นตั้งแต่ตื่นนอนยันนอนหลับ หรือคนที่ไม่ได้เป็นช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือพนักงานขายเครื่งอใช้ไฟฟ้าแต่รู้เรื่องเครื่งอใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนแบบละเอียดยิบ ยี่ห้อไหนน่าใช้ยี่ห้อไหนเด่นด้อยยังไง...แต่ผมก็ไม่เคยรู้สึกอยากจะถามคำถามประเภท ทำไมรู้เรื่งอพวกนี้เยอะจัง หรือคิดว่ามันคือสิ่งแปลกอะไร
ก็อย่างว่า ขนาด ยามหล่อ คนขายหวยสวย พนังกานร้านหมูกระทะหล่อ ยังมีคนบอวก่ามันน่าแปลกมหัศจรรย์เลยนี่หน่า