หลายๆคนคงยังไม่รู้จัก " บ้านเทียมแก้ว " (ผมก็ไม่รู้จักนะ รู้แค่ว่ามันเป็นบ้านที่มีผีนี่แหละ)
ผมจะพยายามเล่าเท่าที่จำได้นะเพราะมันเมื่อหลายปีมาแล้ว ตอนยัง 14-15 อยู่ เข้าเรื่องนะครับ
เมื่อตอนนั้นผมยังเด็ก อายุราวๆ 14-15 ปี วัยกำลังซนอยากรู้อยากเห็นเลย ช่วงนั้นผู้เรียนอยู่ช่วงมัธยมศึกษาต้น ผมมีเพื่อนผู้ชายอยู่ในห้องหลายคน พอตกเย็นเราก็จะมารวมตัวกันไปทำกิจกรรมต่างๆ เช่น เล่นบอล หาข้าวนั่งกิน ไปเดินเล่นโน้นนี่นั่น แล้ววันนึงเป็นคืนวันเสาร์ ซึ่งตอนนั้นผมก็ยังเด็กๆ พวกพี่ของเพื่อนๆเขาก็ก็ชวนออกไปขี่รถเล่นกัน ประมาณ 10-20 คัน (รถมอเตอร์ไซค์) 1-2 คน/คัน ตอนแรกเขาก็พากันไป เขาสามมุก จ.ชลบุรี คงรู้จักกันนะครับ เวลานั้นประมาณ 23.00-24.00 น.
เราก็พากันขึ้นเขา ทางขึ้นเป็นถนนขึ้นเขาครับแล้วพอมาถึงจุดๆนึงก็จะมีทางขึ้นเป็นทางเดินขึ้นอีกทีนึง เราก็จอดรถแล้วพากันเดินขึ้นไป มืดมากครับไม่มีไฟมีแค่แสงพระจันทร์เท่านั้น เราก็เดินไปถึงจุดสูงสุดของเขา ตรงๆนั้นจะมีรอยพระบาทด้วยนะครับ เท่าที่จำได้ เราก็แย่งย้ายกันสำรวจตามต้นไม้บ้าง ตรงเหวบ้างก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร เราอยู่กันได้สักพัก 10-20 นาที เราก็ชวนกันเดินลงพอลงมาถึงเพื่อนคนสุดท้ายที่ก้าวลงมาถึงบอกว่า รู้สึกเหมือนมีคนเดินตามมาพวกเราก็มองหน้ากันรู้ว่ามันแกล้ง พวกเราก็ไม่คิดอะไน
แล้วเราก็ขึ้นรถแล้วขี่กันลงเขา เพื่อกลับบ้านระหว่างทางกลับบ้านถนนสายเลียบชายทะเลครับ ระหว่างทางพี่คนนึงก็พูดขึ้นมาว่าไปบ้านเทียมแก้วกันดีกว่า ตอนแรกผมก็ไม่รู้นะมันคือบ้านอะไรเพื่อนเลยบอกผมว่าบ้านนี้มันมีผี (บ้านเทียมแก้ว จะอยู่ในซอยข้างเซเว่นอยู่ตรงข้ามกับศาลเจ้านาจา ต.อ่างศิลา อ.เมือง จ.ชลบุรี ครับ) เราก็ขี่กันมาระหว่างก่อนถึงบ้านเทียมแก้ว ผมซึ่งเป็นซ้อนมากับเพื่อนเห็นผู้หญิงคนนึงเสื้อสีขาวกางเกงขาสั้นยีน ยืนอยู่ข้างศาลเจ้านาจา แล้วเขาก็มองมาที่ผมแล้วชูมือเหมือนจะโบกให้ ด้วยความไร้เดียงสาอ่ะครับผมก็ชูมือโบกกลับ(ด้วยความไม่รู้ครับเพราะเห็นเป็นคนปกติ) เพื่อนที่ขี่อยู่ข้างหลังผมรีบเร่งเครื่องมาถามผมว่า เห้ย! โบกมือให้ใครวะ ผมก็บอกว่าโบกมือให้ผู้หญิงที่ยืนอยู่นั้นไง เพื่อนผมรีบวนรถกลับไปดูแล้วก็กลับมามันบอกไม่เห็นมีสักคน ทุกคน 30-40 คน ได้หันมองหน้ากัน ทุกคนเริ่มเสียวๆ แล้วเราก็พากันมาจอดปากซอยบ้านเทียมแก้วซึ่งมีเซเว่นพอสว่างๆนิดนึง
เราแบ่งกันเป็น 3 กลุ่มครับ (ไม่ได้สะเทือนกับสิ่งทีเราเห็นกันเลย T-T แต่เราก็ยังยืนยันนะครับว่าเห็นเป็นคนจริงๆ ยังไงๆก็เป็นคน)
กลุ่มที่ 1 จอดรออยู่หน้าปากซอยหน้าเซเว่น
กลุ่มที่ 2 จอดอยู่กลางซอยของบ้านเทียมแก้ว
กลุ่มที่ 3 ลงจากรถแล้วเดินเข้าไป
ทางเข้าจะเป็นถนนหินก่อสร้างอ่ะครับผมไม่รู้เรียกว่าหินอะไร รถเพื่อนผมมาจอดที่กลางซอยเพื่อนผมรอที่รถส่วนผมอยู่ในกลุ่มที่ 3 ครับเดินเข้าไป สองข้างทางเป็นป่ามีต้นไม้สูง มืดน่ากลัวมันวังเวงมากครับ เราพากันเดินไปจนสุดซอย (อ้อ ลืมบอก มากัน 30-40 คน เดินเข้ามาแค่ 10 กว่าคนครับ) เราก็เจอบ้านเทียมแก้ว จะอยู่ซ้ายมือ ตัวบ้านมีกำแพงเป็นบ้านชั้นเดียวแต่ที่น่าตกใจคือบนกำแพงของรั้วบ้านมีตุ๊กการูปปั้นวางเป็นแถวเลยครับ เป็นตุ๊กที่ตั้งตามศาลอ่ะครับ วางติดกันเป็นแถวของรั้วบ้านเลย แต่ตัวบ้านดูไม่เก่านะครับ เราก็ยืนมองกันอยู่หน้าบ้าน (555 ไม่กล้าเข้าไปครับ) แล้วจู่ๆหมาก็เห่าครับ ประมาณ 2 ตัว ซึ่งพวกเราก็ช่วยกันพยายามดูว่าหมามันอยู่ไหน ดูกันกี่รอบๆก็ไม่เจอครับ ว่าหมามันอยู่ไหน (ทุกคนเริ่มขนลุก) ระหว่างที่มองหาหมานั้น ตัวผมเองมองไปที่บนกำแพงที่มีตุ๊กตารูปปั้นวางเรียงกันอยู่ ผมเห็นผ้าสีขาวๆลอยอยู่หลังตุ๊กตาครับ ลอยแบบเหมือนมีลมพัดทั้งๆที่ไม่มีลมเลย เท่านั้นหละครับ ผมสะกิดเพื่อนแล้ว พยายามทำให้มันมองไปทางเดียวกับที่เรามอง แล้วกระซิบถามมันว่า เห้ยเห็นผ้ามันลอยตรงนั้นป่ะ
คำตอบที่ได้ยิน คือ ไม่ ผมเลยบอกว่าเมื่อกี้ยังเห็นอยู่เลย มันเลยหัดไปบอกพี่มัน ว่าผมเห็นผ้าลอย เท่านั้นหละครับ ทุกคนแตกกระเจิงวิ่งกลับไปที่กลางซอยกันหมด ทุกคนต่างพากันขึ้นรถมอเตอร์ไซค์แล้วรีบขี่ออกมาหน้าซอยกัน ส่วนผมก็รีบบอกให้เพื่อนที่นั่งค่อมรถอยู่รีบสตาทเครื่องแล้วไปกัน พอเครื่องติดผมก็ขึ้นรถ เพื่อนผมมันก็บิดคันเร่งออกตัวไป ทันใดนั้นเอง เหมือนถนนไม่อำนวยครับ ล้อหลังของรถมันปัดกับถนนก้อนหิน(นึงภาพออกนะครับ เวลาเร่งเครื่องบิดออก ล้อมันจะฟรีกับก้อนหิน) ทำให้ช่วงหลังของรถ ปัดออกแล้วล้มลง กลิ่งทั้งคู่ครับทั้งผมและเพื่อน แต่ไม่เป็นอะไรมาก
แต่ที่เป็นมากก็คือมือผม น่าจะตอนรถกำลังล้มมือผมเอา เท้าไว้กับพื้นทำให้เกิดแผล แผลลึกพอสมควรครับ แล้วก็มีเม็ดก้อนหินเล็กๆติดอยู่ในแผล เลือดนี่อาบเต็มแขนเลยครับ ที่น่าตกใจที่สุดสำหรับทุกๆคนก็คือ มันเป็นมือข้างเดียวกับที่ผมโบกให้ผู้หญิงคนนั้น ทำให้ทุกคนต่างเงียบกันหมด ผมซึ่งเลือดเต็มแขนให้เพื่อนเขาเซเว่นเพื่อซื้อน้ำเปล่ามาล้างเลือดออก แล้วพยายามเอาเศษหินออกจากแผล ระหว่างนั้นทุกคนนั่งคุยตกลงกันได้สัก 10 นาที ก็ตกลงกันกลับเถอะไม่ไหวละ เราก็พากันเดินทางกลับเข้าเมืองกันปกติ ทุกคนต่างไม่คุยกันเลยสักคน
มีรูปมือที่เป็นแผลครับ ปัจจุบันนี้ยังเป็นแผลเป็นอยู่ ผ่านมาประมาณ 7-8 ปี ประมาณนั้นได้ ยังเห็นอยู่เลย
แผลด้านขวานะครับ ด้านซ้ายมือมันลอก -.-
เขียนอะไรผิดไปตรงไหนขอ อภัยด้วยนะครับ กระทู้ยาวๆครั้งแรก
บ้านเทียมแก้ว อ.อ่างศิลา ชลบุรี (ประสบการณ์กับตัวเอง)
ผมจะพยายามเล่าเท่าที่จำได้นะเพราะมันเมื่อหลายปีมาแล้ว ตอนยัง 14-15 อยู่ เข้าเรื่องนะครับ
เมื่อตอนนั้นผมยังเด็ก อายุราวๆ 14-15 ปี วัยกำลังซนอยากรู้อยากเห็นเลย ช่วงนั้นผู้เรียนอยู่ช่วงมัธยมศึกษาต้น ผมมีเพื่อนผู้ชายอยู่ในห้องหลายคน พอตกเย็นเราก็จะมารวมตัวกันไปทำกิจกรรมต่างๆ เช่น เล่นบอล หาข้าวนั่งกิน ไปเดินเล่นโน้นนี่นั่น แล้ววันนึงเป็นคืนวันเสาร์ ซึ่งตอนนั้นผมก็ยังเด็กๆ พวกพี่ของเพื่อนๆเขาก็ก็ชวนออกไปขี่รถเล่นกัน ประมาณ 10-20 คัน (รถมอเตอร์ไซค์) 1-2 คน/คัน ตอนแรกเขาก็พากันไป เขาสามมุก จ.ชลบุรี คงรู้จักกันนะครับ เวลานั้นประมาณ 23.00-24.00 น.
เราก็พากันขึ้นเขา ทางขึ้นเป็นถนนขึ้นเขาครับแล้วพอมาถึงจุดๆนึงก็จะมีทางขึ้นเป็นทางเดินขึ้นอีกทีนึง เราก็จอดรถแล้วพากันเดินขึ้นไป มืดมากครับไม่มีไฟมีแค่แสงพระจันทร์เท่านั้น เราก็เดินไปถึงจุดสูงสุดของเขา ตรงๆนั้นจะมีรอยพระบาทด้วยนะครับ เท่าที่จำได้ เราก็แย่งย้ายกันสำรวจตามต้นไม้บ้าง ตรงเหวบ้างก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร เราอยู่กันได้สักพัก 10-20 นาที เราก็ชวนกันเดินลงพอลงมาถึงเพื่อนคนสุดท้ายที่ก้าวลงมาถึงบอกว่า รู้สึกเหมือนมีคนเดินตามมาพวกเราก็มองหน้ากันรู้ว่ามันแกล้ง พวกเราก็ไม่คิดอะไน
แล้วเราก็ขึ้นรถแล้วขี่กันลงเขา เพื่อกลับบ้านระหว่างทางกลับบ้านถนนสายเลียบชายทะเลครับ ระหว่างทางพี่คนนึงก็พูดขึ้นมาว่าไปบ้านเทียมแก้วกันดีกว่า ตอนแรกผมก็ไม่รู้นะมันคือบ้านอะไรเพื่อนเลยบอกผมว่าบ้านนี้มันมีผี (บ้านเทียมแก้ว จะอยู่ในซอยข้างเซเว่นอยู่ตรงข้ามกับศาลเจ้านาจา ต.อ่างศิลา อ.เมือง จ.ชลบุรี ครับ) เราก็ขี่กันมาระหว่างก่อนถึงบ้านเทียมแก้ว ผมซึ่งเป็นซ้อนมากับเพื่อนเห็นผู้หญิงคนนึงเสื้อสีขาวกางเกงขาสั้นยีน ยืนอยู่ข้างศาลเจ้านาจา แล้วเขาก็มองมาที่ผมแล้วชูมือเหมือนจะโบกให้ ด้วยความไร้เดียงสาอ่ะครับผมก็ชูมือโบกกลับ(ด้วยความไม่รู้ครับเพราะเห็นเป็นคนปกติ) เพื่อนที่ขี่อยู่ข้างหลังผมรีบเร่งเครื่องมาถามผมว่า เห้ย! โบกมือให้ใครวะ ผมก็บอกว่าโบกมือให้ผู้หญิงที่ยืนอยู่นั้นไง เพื่อนผมรีบวนรถกลับไปดูแล้วก็กลับมามันบอกไม่เห็นมีสักคน ทุกคน 30-40 คน ได้หันมองหน้ากัน ทุกคนเริ่มเสียวๆ แล้วเราก็พากันมาจอดปากซอยบ้านเทียมแก้วซึ่งมีเซเว่นพอสว่างๆนิดนึง
เราแบ่งกันเป็น 3 กลุ่มครับ (ไม่ได้สะเทือนกับสิ่งทีเราเห็นกันเลย T-T แต่เราก็ยังยืนยันนะครับว่าเห็นเป็นคนจริงๆ ยังไงๆก็เป็นคน)
กลุ่มที่ 1 จอดรออยู่หน้าปากซอยหน้าเซเว่น
กลุ่มที่ 2 จอดอยู่กลางซอยของบ้านเทียมแก้ว
กลุ่มที่ 3 ลงจากรถแล้วเดินเข้าไป
ทางเข้าจะเป็นถนนหินก่อสร้างอ่ะครับผมไม่รู้เรียกว่าหินอะไร รถเพื่อนผมมาจอดที่กลางซอยเพื่อนผมรอที่รถส่วนผมอยู่ในกลุ่มที่ 3 ครับเดินเข้าไป สองข้างทางเป็นป่ามีต้นไม้สูง มืดน่ากลัวมันวังเวงมากครับ เราพากันเดินไปจนสุดซอย (อ้อ ลืมบอก มากัน 30-40 คน เดินเข้ามาแค่ 10 กว่าคนครับ) เราก็เจอบ้านเทียมแก้ว จะอยู่ซ้ายมือ ตัวบ้านมีกำแพงเป็นบ้านชั้นเดียวแต่ที่น่าตกใจคือบนกำแพงของรั้วบ้านมีตุ๊กการูปปั้นวางเป็นแถวเลยครับ เป็นตุ๊กที่ตั้งตามศาลอ่ะครับ วางติดกันเป็นแถวของรั้วบ้านเลย แต่ตัวบ้านดูไม่เก่านะครับ เราก็ยืนมองกันอยู่หน้าบ้าน (555 ไม่กล้าเข้าไปครับ) แล้วจู่ๆหมาก็เห่าครับ ประมาณ 2 ตัว ซึ่งพวกเราก็ช่วยกันพยายามดูว่าหมามันอยู่ไหน ดูกันกี่รอบๆก็ไม่เจอครับ ว่าหมามันอยู่ไหน (ทุกคนเริ่มขนลุก) ระหว่างที่มองหาหมานั้น ตัวผมเองมองไปที่บนกำแพงที่มีตุ๊กตารูปปั้นวางเรียงกันอยู่ ผมเห็นผ้าสีขาวๆลอยอยู่หลังตุ๊กตาครับ ลอยแบบเหมือนมีลมพัดทั้งๆที่ไม่มีลมเลย เท่านั้นหละครับ ผมสะกิดเพื่อนแล้ว พยายามทำให้มันมองไปทางเดียวกับที่เรามอง แล้วกระซิบถามมันว่า เห้ยเห็นผ้ามันลอยตรงนั้นป่ะ
คำตอบที่ได้ยิน คือ ไม่ ผมเลยบอกว่าเมื่อกี้ยังเห็นอยู่เลย มันเลยหัดไปบอกพี่มัน ว่าผมเห็นผ้าลอย เท่านั้นหละครับ ทุกคนแตกกระเจิงวิ่งกลับไปที่กลางซอยกันหมด ทุกคนต่างพากันขึ้นรถมอเตอร์ไซค์แล้วรีบขี่ออกมาหน้าซอยกัน ส่วนผมก็รีบบอกให้เพื่อนที่นั่งค่อมรถอยู่รีบสตาทเครื่องแล้วไปกัน พอเครื่องติดผมก็ขึ้นรถ เพื่อนผมมันก็บิดคันเร่งออกตัวไป ทันใดนั้นเอง เหมือนถนนไม่อำนวยครับ ล้อหลังของรถมันปัดกับถนนก้อนหิน(นึงภาพออกนะครับ เวลาเร่งเครื่องบิดออก ล้อมันจะฟรีกับก้อนหิน) ทำให้ช่วงหลังของรถ ปัดออกแล้วล้มลง กลิ่งทั้งคู่ครับทั้งผมและเพื่อน แต่ไม่เป็นอะไรมาก
แต่ที่เป็นมากก็คือมือผม น่าจะตอนรถกำลังล้มมือผมเอา เท้าไว้กับพื้นทำให้เกิดแผล แผลลึกพอสมควรครับ แล้วก็มีเม็ดก้อนหินเล็กๆติดอยู่ในแผล เลือดนี่อาบเต็มแขนเลยครับ ที่น่าตกใจที่สุดสำหรับทุกๆคนก็คือ มันเป็นมือข้างเดียวกับที่ผมโบกให้ผู้หญิงคนนั้น ทำให้ทุกคนต่างเงียบกันหมด ผมซึ่งเลือดเต็มแขนให้เพื่อนเขาเซเว่นเพื่อซื้อน้ำเปล่ามาล้างเลือดออก แล้วพยายามเอาเศษหินออกจากแผล ระหว่างนั้นทุกคนนั่งคุยตกลงกันได้สัก 10 นาที ก็ตกลงกันกลับเถอะไม่ไหวละ เราก็พากันเดินทางกลับเข้าเมืองกันปกติ ทุกคนต่างไม่คุยกันเลยสักคน
มีรูปมือที่เป็นแผลครับ ปัจจุบันนี้ยังเป็นแผลเป็นอยู่ ผ่านมาประมาณ 7-8 ปี ประมาณนั้นได้ ยังเห็นอยู่เลย
แผลด้านขวานะครับ ด้านซ้ายมือมันลอก -.-
เขียนอะไรผิดไปตรงไหนขอ อภัยด้วยนะครับ กระทู้ยาวๆครั้งแรก