ที่มา :
https://vivivivafootball.wordpress.com/2015/08/08/the-football-stalker-2-the-more-you-love-the-more-you-abhor/
ตอนนี้ฟุตบอลอังกฤษได้ออกสตาร์ทเต็มตัวก่อนบรรดาลีคใหญ่ๆในยุโรปไปแล้ว แต่ละทีมกลับมาพร้อมขุมกำลังใหม่ๆ Chelsea เสริมทัพเพียงเล็กน้อยจนเรียกได้ว่าแทบไม่เปลี่ยนจากเดิมเลย Arsenal ก็ยังได้เพิ่มมาเพียง Petr Cech ซึ่งอาจจะเพียงพออยู่แล้วสำหรับทีมที่ลงตัวอยู่แล้ว ทีมที่ดูจะคึกคักมากเป็นพิเศษคงไม่พ้น สองทีมคู่แค้นตั้งแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมอย่าง Liverpool และ ManUtd ฝั่งทีมจากลุ่มน้ำเมอร์ซี่เสริมทัพเยอะมากเป็นพิเศษ เล็กใหญ่ไม่สนกุนซือตาหวานขอเอาหมด ฝั่งทีมสีแดงจากแมนเชสเตอร์นั้นเติมเต็มมาหลายตำแหน่งแต่ก็ยังดูไม่ถูกจุดอยู่ดี (จนถึงวันนี้ผมยังรอดูเซอร์ไพร์สกองหน้าจากทางบอสหลุยส์อยู่) หวังว่าฤดูกาลนี้จะเป็นฤดูกาลที่ขับเคี่ยวกันอย่างเมามันจนถึงพฤษภาคมปีหน้า และหวังว่าบรรดาทีมหัวแถวคงไม่ปล่อยให้ลูกทีมสิงโตน้ำเงินครามของน้ามูเข้าเส้นชัยง่ายๆแบบปีก่อน
ส่วนเรื่องวุ่นๆนอกสนามตอนนี้ที่ดูเป็นประเด็นให้แฟนบอลพูดถึงมาตลอดช่วงปิดฤดูกาลคงเป็นเรื่องการย้ายทีมของสองนักเตะ Man Utd ทั้ง David De Gea และ Angel Di Maria ในส่วนของผู้รักษาประตูชาวสเปนนั้นผมว่าแฟนผีคงเข้าใจเค้าแหละ ตอนนี้คงรอแค่ดูตอนจบว่าจะจบแบบไหนเท่านั้นเอง ส่วนในรายของ Di Maria ที่จบไปแล้วดูจะเป็นประเด็นให้แฟนผีตามด่ากันอีกยาวๆ ไม่ใช่ในฐานะหมายเลข 7 ที่ใจหนูที่สุด แต่เป็นฐานะนักเตะที่ไม่ควรจะเป็นสมาชิกของแมนยูเลยด้วยซ้ำ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?? กับนักเตะที่ถูกคาดหวังมากเมื่อตินฤดูกาลที่แล้ว ทั้งที่ดูท่าจะปรับตัวได้ทันทีกับฟุตบอลอังกฤษด้วยฟอร์มกระฉูดแตกในช่วงแรกๆที่ลงสนาม…
Angel Di Maria เก็บข้าวของมาจากเมืองหลวงแดนกระทิงดุเมื่อช่วงsummerปีที่แล้ว เข้าร่วมก๊วนผีแดงหลังจากเปิดฤดูกาลไปสักสองสามนัดแล้ว ทุกคนคาดว่าต้องให้เวลากับ ADM#7 สักหน่อยในการปรับตัวเข้ากับบอลที่เร็วและหนักหน่วงอย่าง EPL แต่ที่ไหนได้ Dobby กลับใช้เวลาเพียงนัดเดียวโชว์ความสามารถระดับโลกให้ชาวแมนคูเนี่ยนได้ตะลึง ยิ่งประตูที่ยิงได้ในนัดที่พ่ายเลสเตอร์ 5-3 นั้นโคตรจะงดงามเลยทีเดียว แต่หลังจากนั้นไม่นานอาการบาดเจ็บมาลักพาตัวเค้าไปพร้อมๆกับการที่ Ashley Young บรรลุปรัชญาเจ๊หลุยส์อย่างถ่องแท้ รวมไปถึงการกลับมายึดตัวจริงของ Juan Mata ทำให้ทั้งหมดดูเป็นงานยากไปเลยสำหรับการจะกลับมายึดตัวจริงได้ง่ายๆของดอบบี้ สำหรับทีมใหญ่ๆทุกทีมนี่เป็นเรื่องที่เป็นปกติมาก การที่นักเตะตัวจริงคิดว่าจะยึดตัวจริงตลอดไปนั้นเป็นไปได้ยากมากเลยทีเดียว ดอบบี้นั้นหลังจากกลับมาจากอาการบาดเจ็บก็ไม่สามารถยึดตัวจริงได้ แถมโชว์ฟอร์มได้ต่ำกว่ามาตรฐานลงไปเรื่อยๆ และบ่อยครั้งที่ต้องเห็นเค้าเดินออกกจากสนามแบบหน้าเศร้าๆบวกอาการผิดหวังที่ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่เป็นดังใจหวัง….
หลายๆครั้งจะเห็นว่า ดิ มาเรีย ใจร้อนผิดปกติโดยเฉพาะการเล่นที่ออกอาการชัดเจนว่าพยายามจะโชว์ของ พยายามลุยทั้งๆที่บางจังหวะถ้าเป็นเค้าคนเดิมคงเลือกจะจ่ายหรือเล่น 1-2 กับเพื่อน ที่ออกอาการชัดเจนที่สุดคงไม่พ้นวันที่พ่ายปืนใหญ่ใน FA cup แล้วดอบบี้โดนใบแดงเพราะไปดึงเสื้อรั้งกรรมการไว้นั่นแหละ…
แต่ในสายตาและความรู้สึกของแฟนผีหลายๆคนแล้วนั้น ผมบอกได้เลยว่า ณ เวลานั้นหลายๆคนเอาใจช่วยให้ฟอร์มกลับมาเก่งกาจในเร็ววัน ถึงจะไม่ใช่ฤดูกาลนี้ก็ขอเป็นฤดูกาลถัดไปก็ได้ ผมจำความรู้สึกใน Old trafford วันที่พบกับ Aston Villa ช่วงท้ายฤดูกาลได้ แม้วันนั้นจะไม่ใช่วันที่ดีของดอบบี้แต่ทุกคนปรบมือให้กำลังใจตลอดตั้งแต่ลงสนามยันแข่งจบ ตอนที่เดินกลับไปที่รถทุกคนก็ยังให้กำลังใจดอบบี้อยู่ตลอด แน่หล่ะครับทุกคนอยากเห็น Di Maria คนเดิม ทุกคนรู้ว่าหมอนี่มันมีของ มันมีพลังที่จะพลิกเกมได้ซึ่งเป็นสิ่งที่ทีมใหญ่ๆหลายๆทีมจำเป็น สุดท้ายของสุดท้ายสิ่งที่เค้ากระทำกับเหล่าแฟนผีก่อนจะย้ายตูดไปอยู่เหมืองหลวงแดนน้ำหอมอย่างสบายใจด้วยค่าตัวที่ผีแดงขาดทุนไปเต็มๆกับค่าเหนื่อยมหาศาล…..
แน่นอนครับความรู้สึกชาวผีแดงถูกขยี้ซะยับยิ่งกว่าโดนตบหน้าด้วยรองเท้าสตั๊ดปุ่มใบมีดเบอร์ 11 “ยิ่งรักมากยิ่งเจ็บมาก” อารมณ์ประมาณจิ๊กโก๋อกหักเลยครับ หรือจะเรียกว่า “ยิ่งหวังมากยิ่งเสียดายมาก” ประมาณนี้ก็คงได้ แต่ฟุตบอลก็เป็นประมาณนี้แหละครับ ตัวดิมาเรียเองคงมองว่ายังไงก็ไม่มีทางเข้ากับระบบปรัชญาบอสหลุยส์ได้แน่ๆ แบบว่าเรียนยังไงก็สอบตกตลอดแน่ๆ ก็คนมันไม่เข้าใจให้ทำไงหล่ะ ครั้นจะให้ฝืนทนต่อ ดิมาเรีย ก็แสดงความปอดแหกออกมาจนได้ สุดท้ายก็ไม่มารายงานตัวกับทีม….
ส่วนฝั่งบอสหลุยส์ก็ต้องพิจารณาตัวเองด้วยเช่นกันว่าตอนนี้ที่เอาระบบเป็นที่ตั้งมันดีแล้วเหรอ ไม่ใช่หลักการนะครับ แต่เป็นระบบเค้านั่นแหละดีแล้วแน่เหรอ? ไม่มีใครตอบได้หรอกครับถึงจะผ่านไปแล้ว 1 ฤดูกาลกับการที่มี หลุยส์ ฟานฮาลคุมทีมอยู่ม้านั่งข้างสนาม ถ้าซีซันนี้ยังไม่มีอะไรดีขึ้น คงได้เห็นแมนยูฯโฉมใหม่อีกรอบนั่นแหลครับ ส่วนเรื่องของดอบบี้คงต้องปลงแหละครับปล่อยเค้าไปตามทางเดินของเค้า ถ้าเป็นไปได้วันที่ PSG vs LYON ขอให้น้องเงาะขวา ราฟาเอล ฝากรอยสตั๊ดบนแข้ง นักเตะใจหนูสักรอยสองรอยก็พอ
Finally, Angel cannot be the true RED DEVIL
It is not fair to say “Di Maria did not deserve shirt #7″ but “HE DIDN’T DESERVE TO BE UNITED PLAYER”
good bye “Loser” Di maria
The Football Stalker #2 : Angel Di maria, The more you love, the more you abhor
ตอนนี้ฟุตบอลอังกฤษได้ออกสตาร์ทเต็มตัวก่อนบรรดาลีคใหญ่ๆในยุโรปไปแล้ว แต่ละทีมกลับมาพร้อมขุมกำลังใหม่ๆ Chelsea เสริมทัพเพียงเล็กน้อยจนเรียกได้ว่าแทบไม่เปลี่ยนจากเดิมเลย Arsenal ก็ยังได้เพิ่มมาเพียง Petr Cech ซึ่งอาจจะเพียงพออยู่แล้วสำหรับทีมที่ลงตัวอยู่แล้ว ทีมที่ดูจะคึกคักมากเป็นพิเศษคงไม่พ้น สองทีมคู่แค้นตั้งแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมอย่าง Liverpool และ ManUtd ฝั่งทีมจากลุ่มน้ำเมอร์ซี่เสริมทัพเยอะมากเป็นพิเศษ เล็กใหญ่ไม่สนกุนซือตาหวานขอเอาหมด ฝั่งทีมสีแดงจากแมนเชสเตอร์นั้นเติมเต็มมาหลายตำแหน่งแต่ก็ยังดูไม่ถูกจุดอยู่ดี (จนถึงวันนี้ผมยังรอดูเซอร์ไพร์สกองหน้าจากทางบอสหลุยส์อยู่) หวังว่าฤดูกาลนี้จะเป็นฤดูกาลที่ขับเคี่ยวกันอย่างเมามันจนถึงพฤษภาคมปีหน้า และหวังว่าบรรดาทีมหัวแถวคงไม่ปล่อยให้ลูกทีมสิงโตน้ำเงินครามของน้ามูเข้าเส้นชัยง่ายๆแบบปีก่อน
ส่วนเรื่องวุ่นๆนอกสนามตอนนี้ที่ดูเป็นประเด็นให้แฟนบอลพูดถึงมาตลอดช่วงปิดฤดูกาลคงเป็นเรื่องการย้ายทีมของสองนักเตะ Man Utd ทั้ง David De Gea และ Angel Di Maria ในส่วนของผู้รักษาประตูชาวสเปนนั้นผมว่าแฟนผีคงเข้าใจเค้าแหละ ตอนนี้คงรอแค่ดูตอนจบว่าจะจบแบบไหนเท่านั้นเอง ส่วนในรายของ Di Maria ที่จบไปแล้วดูจะเป็นประเด็นให้แฟนผีตามด่ากันอีกยาวๆ ไม่ใช่ในฐานะหมายเลข 7 ที่ใจหนูที่สุด แต่เป็นฐานะนักเตะที่ไม่ควรจะเป็นสมาชิกของแมนยูเลยด้วยซ้ำ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?? กับนักเตะที่ถูกคาดหวังมากเมื่อตินฤดูกาลที่แล้ว ทั้งที่ดูท่าจะปรับตัวได้ทันทีกับฟุตบอลอังกฤษด้วยฟอร์มกระฉูดแตกในช่วงแรกๆที่ลงสนาม…
Angel Di Maria เก็บข้าวของมาจากเมืองหลวงแดนกระทิงดุเมื่อช่วงsummerปีที่แล้ว เข้าร่วมก๊วนผีแดงหลังจากเปิดฤดูกาลไปสักสองสามนัดแล้ว ทุกคนคาดว่าต้องให้เวลากับ ADM#7 สักหน่อยในการปรับตัวเข้ากับบอลที่เร็วและหนักหน่วงอย่าง EPL แต่ที่ไหนได้ Dobby กลับใช้เวลาเพียงนัดเดียวโชว์ความสามารถระดับโลกให้ชาวแมนคูเนี่ยนได้ตะลึง ยิ่งประตูที่ยิงได้ในนัดที่พ่ายเลสเตอร์ 5-3 นั้นโคตรจะงดงามเลยทีเดียว แต่หลังจากนั้นไม่นานอาการบาดเจ็บมาลักพาตัวเค้าไปพร้อมๆกับการที่ Ashley Young บรรลุปรัชญาเจ๊หลุยส์อย่างถ่องแท้ รวมไปถึงการกลับมายึดตัวจริงของ Juan Mata ทำให้ทั้งหมดดูเป็นงานยากไปเลยสำหรับการจะกลับมายึดตัวจริงได้ง่ายๆของดอบบี้ สำหรับทีมใหญ่ๆทุกทีมนี่เป็นเรื่องที่เป็นปกติมาก การที่นักเตะตัวจริงคิดว่าจะยึดตัวจริงตลอดไปนั้นเป็นไปได้ยากมากเลยทีเดียว ดอบบี้นั้นหลังจากกลับมาจากอาการบาดเจ็บก็ไม่สามารถยึดตัวจริงได้ แถมโชว์ฟอร์มได้ต่ำกว่ามาตรฐานลงไปเรื่อยๆ และบ่อยครั้งที่ต้องเห็นเค้าเดินออกกจากสนามแบบหน้าเศร้าๆบวกอาการผิดหวังที่ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่เป็นดังใจหวัง….
หลายๆครั้งจะเห็นว่า ดิ มาเรีย ใจร้อนผิดปกติโดยเฉพาะการเล่นที่ออกอาการชัดเจนว่าพยายามจะโชว์ของ พยายามลุยทั้งๆที่บางจังหวะถ้าเป็นเค้าคนเดิมคงเลือกจะจ่ายหรือเล่น 1-2 กับเพื่อน ที่ออกอาการชัดเจนที่สุดคงไม่พ้นวันที่พ่ายปืนใหญ่ใน FA cup แล้วดอบบี้โดนใบแดงเพราะไปดึงเสื้อรั้งกรรมการไว้นั่นแหละ…
แต่ในสายตาและความรู้สึกของแฟนผีหลายๆคนแล้วนั้น ผมบอกได้เลยว่า ณ เวลานั้นหลายๆคนเอาใจช่วยให้ฟอร์มกลับมาเก่งกาจในเร็ววัน ถึงจะไม่ใช่ฤดูกาลนี้ก็ขอเป็นฤดูกาลถัดไปก็ได้ ผมจำความรู้สึกใน Old trafford วันที่พบกับ Aston Villa ช่วงท้ายฤดูกาลได้ แม้วันนั้นจะไม่ใช่วันที่ดีของดอบบี้แต่ทุกคนปรบมือให้กำลังใจตลอดตั้งแต่ลงสนามยันแข่งจบ ตอนที่เดินกลับไปที่รถทุกคนก็ยังให้กำลังใจดอบบี้อยู่ตลอด แน่หล่ะครับทุกคนอยากเห็น Di Maria คนเดิม ทุกคนรู้ว่าหมอนี่มันมีของ มันมีพลังที่จะพลิกเกมได้ซึ่งเป็นสิ่งที่ทีมใหญ่ๆหลายๆทีมจำเป็น สุดท้ายของสุดท้ายสิ่งที่เค้ากระทำกับเหล่าแฟนผีก่อนจะย้ายตูดไปอยู่เหมืองหลวงแดนน้ำหอมอย่างสบายใจด้วยค่าตัวที่ผีแดงขาดทุนไปเต็มๆกับค่าเหนื่อยมหาศาล…..
แน่นอนครับความรู้สึกชาวผีแดงถูกขยี้ซะยับยิ่งกว่าโดนตบหน้าด้วยรองเท้าสตั๊ดปุ่มใบมีดเบอร์ 11 “ยิ่งรักมากยิ่งเจ็บมาก” อารมณ์ประมาณจิ๊กโก๋อกหักเลยครับ หรือจะเรียกว่า “ยิ่งหวังมากยิ่งเสียดายมาก” ประมาณนี้ก็คงได้ แต่ฟุตบอลก็เป็นประมาณนี้แหละครับ ตัวดิมาเรียเองคงมองว่ายังไงก็ไม่มีทางเข้ากับระบบปรัชญาบอสหลุยส์ได้แน่ๆ แบบว่าเรียนยังไงก็สอบตกตลอดแน่ๆ ก็คนมันไม่เข้าใจให้ทำไงหล่ะ ครั้นจะให้ฝืนทนต่อ ดิมาเรีย ก็แสดงความปอดแหกออกมาจนได้ สุดท้ายก็ไม่มารายงานตัวกับทีม….
ส่วนฝั่งบอสหลุยส์ก็ต้องพิจารณาตัวเองด้วยเช่นกันว่าตอนนี้ที่เอาระบบเป็นที่ตั้งมันดีแล้วเหรอ ไม่ใช่หลักการนะครับ แต่เป็นระบบเค้านั่นแหละดีแล้วแน่เหรอ? ไม่มีใครตอบได้หรอกครับถึงจะผ่านไปแล้ว 1 ฤดูกาลกับการที่มี หลุยส์ ฟานฮาลคุมทีมอยู่ม้านั่งข้างสนาม ถ้าซีซันนี้ยังไม่มีอะไรดีขึ้น คงได้เห็นแมนยูฯโฉมใหม่อีกรอบนั่นแหลครับ ส่วนเรื่องของดอบบี้คงต้องปลงแหละครับปล่อยเค้าไปตามทางเดินของเค้า ถ้าเป็นไปได้วันที่ PSG vs LYON ขอให้น้องเงาะขวา ราฟาเอล ฝากรอยสตั๊ดบนแข้ง นักเตะใจหนูสักรอยสองรอยก็พอ
Finally, Angel cannot be the true RED DEVIL
It is not fair to say “Di Maria did not deserve shirt #7″ but “HE DIDN’T DESERVE TO BE UNITED PLAYER”
good bye “Loser” Di maria