ครั้งนี้จะพาลุยเชียงใหม่ เลาะป่าขึ้นภูเขาหน้าฝน ไปกันตอนถนนมันแฉะๆดินมันลื่นๆเนี้ยแหละ
ไปใช้เวลาสองวันหนึ่งคืน นอนๆกินๆ กลิ้งเกลือกกันบนเชียงดาวออร์แกนิคฟาร์ม ลุยยยยยยยยย !!!
เราออกเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณเก้าโมงเช้าโดยนั่งรถกะบะกันออกมาทางเส้น แม่ริม – แม่แตง – เชียงดาว
ฝนตกปรอยๆหยุดบ้าง ตกบ้างไปเรื่อย วันที่เราไปถึงแม้ว่าจะเริ่มออกนอกตัวเมืองมาแล้ว แต่ถนนยังคงคึกคัก
คงเพราะเป็นวันหยุดยาวสี่วัน ขับรถมาเกือบๆชั่วโมง เราก็มาแวะกันที่ร้านกาแฟฮิมน้ำ ตัวร้านอยู่ตรงด่านตรวจเชียงดาวพอดี
คือถ้าขับรถมาทางเส้นทางเนี้ย เห็นแน่ๆเพราะยังไงก็ต้องโดนทหารเรียกตรวจ บรรยากาศร้านดีมาก กระท่อมไม้ไผ่ ลำธารสีโคลน
บวกกับละอองฝนที่เพิ่งหยุดตกไปหมด ทำให้สีเขียวของต้นไม้ที่อยู่ข้างหน้าเรามันดูเขียว ชุ่มชื่นขึ้นไปอีก
เราใช้เวลาอยู่ที่ฮิมน้ำกันเกือบๆครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นก็ไปออกเดินทางต่อไปยังน้ำตกศรีสังวาลย์
ตัวน้ำตกอยู่ในเขตอุทยานผาแดง ใช้เวลาขับรถไปต่ออีกประมาณครึ่งชั่วโมง
แพลนที่วางกันมาคือจะไปแวะกินข้าวกลางวันที่นั่นก่อน แล้วค่อยลุยต่อไปที่ฟาร์ม
จริงๆเราเคยมาที่น้ำตกศรีสังวาล์ก่อนหน้านี้แล้วรอบนึง ถ่ายรูปไปเยอะมากๆ รอบนี้เลยคิดว่าคงไม่มีอะไรให้ถ่ายเพิ่มแล้ว แต่พอมาจริงๆกลายเป็นว่าถ่ายรูปกลับไปเยอะกว่าครั้งก่อนอีกกก
ที่นี้ให้ความรู้สึกเหมือนน้ำตกเล็กๆกลางป่าใหญ่ ทั้งที่เดินเข้ามาจากตัวอุทยานแปปเดียวก็ถึงแล้ว แต่พอเราเดินเข้าไปเหมือนถูกรายล้อมด้วยต้นไม้เล็กๆใหญ่ๆ ทั้งมอสทั้งเฟิร์น ธรรมชาติจุใจมากๆ
แถวบริเวณอุทยานแห่งชาติผาแดงนอกจากน้ำตกศรีสังวาลย์แล้ว ยังมีบ่อน้ำพุร้อนโปงอางให้ไปเที่ยวต่อ
แต่ถ้าขับรถเลยไปอีกสักพัก จะเป็นหมู่บ้านอรุโณทัย หมู่บ้านเล็กๆออกแนวจีนๆ เกี๊ยวซ่าอร่อยมากค่ะ !!
หลังจากออกจากน้ำตก เรามุ่งหน้าสู่เชียงดาวออร์แกนิคฟาร์ม ขับรถขึ้นมากันทางอำเภอเวียงแห ยิ่งขับรถขึ้นมาเรื่อยๆหมอกก็ยิ่งลงหนาขึ้น
และสัญญาณโทรศัพท์ก็ค่อยๆหายไป จนใช้ไม่ได้ในที่สุด เราเอารถที่ขับมากันมาจอดรอหน้าทางเข้าฟาร์ม
เพื่อที่จะรอรถกะบะที่เป็นโฟวิลของคุณลุงเจ้าของฟาร์มมารับ ตรงบริเวณที่จอดรอเป็นหมู่บ้านของชาวลีซอ
ตรงนี้จากถนนมองลงไปจะเป็นหุบเขาสูงๆเต็มไปด้วยต้นไม้ และแปลงผักเล็กๆของชาวบ้าน
ที่เราต้องรอคุณลุงเจ้าของฟาร์มเอารถโฟวิลมารับเข้าไปในฟาร์มเนี้ย เป็นเพราะว่าไอ้ถนนที่เข้าไปมันเป็นดินล้วนๆ
บางจุดก็ชันมากๆ ไม่พอยังเจอฝนที่ตกเข้าไปทำให้ลื่นอีก รถกะบะธรรมดาจึงเข้าไปไม่ได้
ข้างทางก็เป็นจะหุบเขาสูงๆ ถนนมีเลนเดียว การขับรถคือจะต้องบีบแตรยาวๆกันไว้ เดี๋ยวไปป๊ะกันระหว่างทางโค้ง
คือถ้าไม่บอกก็ไม่รู้เลยว่าข้างในมีฟาร์มอยู่ ถนนอย่าได้ถามถึงความเรียบ สภาพคนในรถและหลังรถนี่กระเด้งกระดอนมากๆ
ระยะทางเข้ามาในฟาร์มไม่ไกลเท่าไหร่ แต่ด้วยถนนที่มันลำบากกว่าจะถึงก็เกือบๆยี่สิบนาที ระหว่างทางที่มาจะผ่านตรงโซนที่ปลูกส้มไว้ด้วย
แต่ว่าจะเก็บผลผลิตได้ตอนเดือนพฤศจิกายน หลังจากมาถึงฟาร์มเราก็ขนสัมภาระ กระเป๋า วัตถุดิบที่เตรียมจะมาทำอาหารกันขึ้นไปเก็บ
บนลานกางเต้นท์ที่อยู่ด้านบนเนิน แล้วก็ลงมาเตรียมตัวเพราะโปรแกรมถัดไปคือคุณลุงเจ้าของฟาร์มจะพาเดินทัวร์แปลงผักต่างๆบริเวณรอบฟาร์ม
ฟาร์มออร์แกนิคที่นี่มีพื้นที่ประมาณหกสิบไร่ เต็มไปด้วยพืชผักผลไม้ต่างๆ ทั้งอะโวคาโด กะหล่ำ บีทรูท ต้นหอมญี่ปุ่น
โรสแมรี่ ลูกพลับ และอื่นๆอีกมากมาย วันนี้ที่เรามาค่อนข้างโชคดีเพราะว่าวันนี้ฟ้าค่อนข้างเปิด หลังจากฝนตกติดต่อกันมาสิบกว่าวัน
อาจจะมีฝนปรอยๆบ้างนิดหน่อย แต่มีเสื้อกันพร้อมเตรียมไว้ให้สบายมาก สภาพทางรอบๆแปลงผักเป็นดินบ้าง หญ้าบ้าง
มีทั้งลื่นมากลื่นน้อย (ไม่ลื่นเลยไม่ค่อยมีนะ) ต่างกันไป แต่อย่าได้กลัวนี่รองเท้าบูธก็พร้อม แต่บางคนก็เท้าเปล่ากันนะ สนุกกกกกกกกก
ระหว่างทางคุณลุงก็จะอธิบายให้ความรู้ไปด้วย แนะนำผักนู่นนี่ ฤดูกาลเก็บเกี่ยวต่างๆ
ถ้าผ่านไปแปลงไหนผักสามารถเก็บได้คุณลุงก็จะสาธิตการเก็บให้ดู แล้วหลังจากนั้นก็จะให้เก็บกันเอง
แต่ว่าช่วงนี้ฝนตกหนักแล้วก็ติดต่อกันมาหลายวัน เลยทำให้ผักบางส่วนที่โตแล้วพร้อมเก็บ
แต่เนื่องจากความชื้นเลยทำให้เก็บไม่ได้ เน่าเสียไปบางส่วน
ตรงข้างๆแปลงแครอทฝั่งบนนู้นนนที่คุณลุงพาไป จะมีจุดชมวิวเล็กๆ (คิดเอาเองคุณลุงไม่ได้บอกนะ ฮ่าๆ)
แต่วิวมันไม่เล็กเลย คือมองลงไปจะเป็นไร่ส้มที่ขับผ่านกันมา ต้นส้มมันจะเรียงกันเป็นแถวๆสวยมากกกก
ถ้ามองตรงไปก็จะเห็นเป็นภูเขาสลับๆกันไป ใกล้เหมือนเอื่อมมือไปจับได้เลย
หลังจากนั้นคุณลุงพาเดินเลาะไหล่ฟาร์มที่กั้นด้วยแนวไผ่ อ้อมไปยังอีกฝั่งตรงโซนเรดโอ๊ค
ซึ่งจะอยู่บนๆที่เรากลางเต้นท์พอดี ระหว่างทางเดินที่นี่จะเป็นต้นอะโวคาโดและโรสแมรี่ซะส่วนใหญ่
แต่ก็จะมีพวกมะม่วง เกาลัดแจมๆมาด้วย
มาถึงตรงโซนเรดโอ๊ค เราจะเก็บผักจากที่นี่ไปทำสลัดกินกันค่ะ และยังแวะเก็บผักสลัดอื่นๆเพิ่มกันอีกนิดหน่อย
ทั้งบีทรูท แครอท คุณลุงบอกว่าถ้ามาช่วงหน้าหนาวผักจะอุดมสมบูรณ์กว่านี้เยอะ และทางเดินก็จะไม่ลื่นถึงขนาดต้องใส่บูธด้วย
พอเก็บผักเสร็จ เราก็เอาผักทั้งหมดไปล้าง แล้วจะเอามาทำมื้อเย็นกินกันตรงลานเต้นท์ค่ะ
ก่อนจะเริ่มลงมือทำอาหารเย็น เราก็จัดการกับอโวคาโดที่เก็บกันมาเมื่อตะกี้นี้ซะก่อน
ผ่าครึ่ง แงะเมล็ดตรงกลาง ราดนมข้น เรียบร้อยสดมากกกก รสชาติจะออกมันๆแล้วก็หวานนิดนึง
แอบแบบเลี่ยนปากนิดๆเหมือนกันนะ
มื้อเย็นวันนี้ข้าวที่ใช้จะเป็นข้าวกล้อง หุงโดยเตาแก๊สเพราะว่าที่นี้ไฟฟ้ามีแบบจำกัดแค่หกโมงเย็นถึงสามทุ่มเท่านั้น
นอกจากนั้นก็ยังมี ผัดกะหล่ำปลี ผัดหมูใส่ต้นหอมญี่ปุ่น สลัดผัก ซึ่งผักต่างๆเก็บมาจากการเดินทัวร์ฟาร์มเมื่อตะกี้นี้
เราทำอาหารกันเยอะมากกก หยั่งกะบุฟเฟ่ต์บนดอย ผักไม่พอก็เดินไปเก็บเพิ่มกัน น้ำสลัดที่คุณลุงเตรียมมาให้ก็อร่อยมาก
จริงๆอาหารไม่ได้ค่อยแตกต่างจากที่เคยกินตอนอยู่บ้านเท่าไหร่ แต่คงเป็นเพราะหิวด้วย ผักสดด้วย เลยทำให้อร่อยมากกก
อีกอย่างโต๊ะกินข้าวเราจะหันออกไปทางแนวภูเขา เป็นฝั่งที่พระอาทิตย์ตกพอดี แต่วิวพระอาทิตย์อะหรอออออ ไม่ได้เห็นหรอก
เพราะเมฆเอย หมอกเอยก็ยังคงเยอะอยู่ แต่ไม่เป็นไรเพราะตอนนั่งกินข้าวมัวสนใจอยู่แต่กับอาหาร ลืมพระอาทงพระอาทิตย์ไปหมด
vvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvv
vvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvv
::: Camping in Organic Farm ::: ไปนอนเต้นท์ เก็บผัก ทำอาหาร ก่อกองไฟบนฟาร์มออร์แกนิคกัน
ครั้งนี้จะพาลุยเชียงใหม่ เลาะป่าขึ้นภูเขาหน้าฝน ไปกันตอนถนนมันแฉะๆดินมันลื่นๆเนี้ยแหละ
ไปใช้เวลาสองวันหนึ่งคืน นอนๆกินๆ กลิ้งเกลือกกันบนเชียงดาวออร์แกนิคฟาร์ม ลุยยยยยยยยย !!!
เราออกเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณเก้าโมงเช้าโดยนั่งรถกะบะกันออกมาทางเส้น แม่ริม – แม่แตง – เชียงดาว
ฝนตกปรอยๆหยุดบ้าง ตกบ้างไปเรื่อย วันที่เราไปถึงแม้ว่าจะเริ่มออกนอกตัวเมืองมาแล้ว แต่ถนนยังคงคึกคัก
คงเพราะเป็นวันหยุดยาวสี่วัน ขับรถมาเกือบๆชั่วโมง เราก็มาแวะกันที่ร้านกาแฟฮิมน้ำ ตัวร้านอยู่ตรงด่านตรวจเชียงดาวพอดี
คือถ้าขับรถมาทางเส้นทางเนี้ย เห็นแน่ๆเพราะยังไงก็ต้องโดนทหารเรียกตรวจ บรรยากาศร้านดีมาก กระท่อมไม้ไผ่ ลำธารสีโคลน
บวกกับละอองฝนที่เพิ่งหยุดตกไปหมด ทำให้สีเขียวของต้นไม้ที่อยู่ข้างหน้าเรามันดูเขียว ชุ่มชื่นขึ้นไปอีก
เราใช้เวลาอยู่ที่ฮิมน้ำกันเกือบๆครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นก็ไปออกเดินทางต่อไปยังน้ำตกศรีสังวาลย์
ตัวน้ำตกอยู่ในเขตอุทยานผาแดง ใช้เวลาขับรถไปต่ออีกประมาณครึ่งชั่วโมง
แพลนที่วางกันมาคือจะไปแวะกินข้าวกลางวันที่นั่นก่อน แล้วค่อยลุยต่อไปที่ฟาร์ม
จริงๆเราเคยมาที่น้ำตกศรีสังวาล์ก่อนหน้านี้แล้วรอบนึง ถ่ายรูปไปเยอะมากๆ รอบนี้เลยคิดว่าคงไม่มีอะไรให้ถ่ายเพิ่มแล้ว แต่พอมาจริงๆกลายเป็นว่าถ่ายรูปกลับไปเยอะกว่าครั้งก่อนอีกกก
ที่นี้ให้ความรู้สึกเหมือนน้ำตกเล็กๆกลางป่าใหญ่ ทั้งที่เดินเข้ามาจากตัวอุทยานแปปเดียวก็ถึงแล้ว แต่พอเราเดินเข้าไปเหมือนถูกรายล้อมด้วยต้นไม้เล็กๆใหญ่ๆ ทั้งมอสทั้งเฟิร์น ธรรมชาติจุใจมากๆ
แถวบริเวณอุทยานแห่งชาติผาแดงนอกจากน้ำตกศรีสังวาลย์แล้ว ยังมีบ่อน้ำพุร้อนโปงอางให้ไปเที่ยวต่อ
แต่ถ้าขับรถเลยไปอีกสักพัก จะเป็นหมู่บ้านอรุโณทัย หมู่บ้านเล็กๆออกแนวจีนๆ เกี๊ยวซ่าอร่อยมากค่ะ !!
หลังจากออกจากน้ำตก เรามุ่งหน้าสู่เชียงดาวออร์แกนิคฟาร์ม ขับรถขึ้นมากันทางอำเภอเวียงแห ยิ่งขับรถขึ้นมาเรื่อยๆหมอกก็ยิ่งลงหนาขึ้น
และสัญญาณโทรศัพท์ก็ค่อยๆหายไป จนใช้ไม่ได้ในที่สุด เราเอารถที่ขับมากันมาจอดรอหน้าทางเข้าฟาร์ม
เพื่อที่จะรอรถกะบะที่เป็นโฟวิลของคุณลุงเจ้าของฟาร์มมารับ ตรงบริเวณที่จอดรอเป็นหมู่บ้านของชาวลีซอ
ตรงนี้จากถนนมองลงไปจะเป็นหุบเขาสูงๆเต็มไปด้วยต้นไม้ และแปลงผักเล็กๆของชาวบ้าน
ที่เราต้องรอคุณลุงเจ้าของฟาร์มเอารถโฟวิลมารับเข้าไปในฟาร์มเนี้ย เป็นเพราะว่าไอ้ถนนที่เข้าไปมันเป็นดินล้วนๆ
บางจุดก็ชันมากๆ ไม่พอยังเจอฝนที่ตกเข้าไปทำให้ลื่นอีก รถกะบะธรรมดาจึงเข้าไปไม่ได้
ข้างทางก็เป็นจะหุบเขาสูงๆ ถนนมีเลนเดียว การขับรถคือจะต้องบีบแตรยาวๆกันไว้ เดี๋ยวไปป๊ะกันระหว่างทางโค้ง
คือถ้าไม่บอกก็ไม่รู้เลยว่าข้างในมีฟาร์มอยู่ ถนนอย่าได้ถามถึงความเรียบ สภาพคนในรถและหลังรถนี่กระเด้งกระดอนมากๆ
ระยะทางเข้ามาในฟาร์มไม่ไกลเท่าไหร่ แต่ด้วยถนนที่มันลำบากกว่าจะถึงก็เกือบๆยี่สิบนาที ระหว่างทางที่มาจะผ่านตรงโซนที่ปลูกส้มไว้ด้วย
แต่ว่าจะเก็บผลผลิตได้ตอนเดือนพฤศจิกายน หลังจากมาถึงฟาร์มเราก็ขนสัมภาระ กระเป๋า วัตถุดิบที่เตรียมจะมาทำอาหารกันขึ้นไปเก็บ
บนลานกางเต้นท์ที่อยู่ด้านบนเนิน แล้วก็ลงมาเตรียมตัวเพราะโปรแกรมถัดไปคือคุณลุงเจ้าของฟาร์มจะพาเดินทัวร์แปลงผักต่างๆบริเวณรอบฟาร์ม
ฟาร์มออร์แกนิคที่นี่มีพื้นที่ประมาณหกสิบไร่ เต็มไปด้วยพืชผักผลไม้ต่างๆ ทั้งอะโวคาโด กะหล่ำ บีทรูท ต้นหอมญี่ปุ่น
โรสแมรี่ ลูกพลับ และอื่นๆอีกมากมาย วันนี้ที่เรามาค่อนข้างโชคดีเพราะว่าวันนี้ฟ้าค่อนข้างเปิด หลังจากฝนตกติดต่อกันมาสิบกว่าวัน
อาจจะมีฝนปรอยๆบ้างนิดหน่อย แต่มีเสื้อกันพร้อมเตรียมไว้ให้สบายมาก สภาพทางรอบๆแปลงผักเป็นดินบ้าง หญ้าบ้าง
มีทั้งลื่นมากลื่นน้อย (ไม่ลื่นเลยไม่ค่อยมีนะ) ต่างกันไป แต่อย่าได้กลัวนี่รองเท้าบูธก็พร้อม แต่บางคนก็เท้าเปล่ากันนะ สนุกกกกกกกกก
ระหว่างทางคุณลุงก็จะอธิบายให้ความรู้ไปด้วย แนะนำผักนู่นนี่ ฤดูกาลเก็บเกี่ยวต่างๆ
ถ้าผ่านไปแปลงไหนผักสามารถเก็บได้คุณลุงก็จะสาธิตการเก็บให้ดู แล้วหลังจากนั้นก็จะให้เก็บกันเอง
แต่ว่าช่วงนี้ฝนตกหนักแล้วก็ติดต่อกันมาหลายวัน เลยทำให้ผักบางส่วนที่โตแล้วพร้อมเก็บ
แต่เนื่องจากความชื้นเลยทำให้เก็บไม่ได้ เน่าเสียไปบางส่วน
ตรงข้างๆแปลงแครอทฝั่งบนนู้นนนที่คุณลุงพาไป จะมีจุดชมวิวเล็กๆ (คิดเอาเองคุณลุงไม่ได้บอกนะ ฮ่าๆ)
แต่วิวมันไม่เล็กเลย คือมองลงไปจะเป็นไร่ส้มที่ขับผ่านกันมา ต้นส้มมันจะเรียงกันเป็นแถวๆสวยมากกกก
ถ้ามองตรงไปก็จะเห็นเป็นภูเขาสลับๆกันไป ใกล้เหมือนเอื่อมมือไปจับได้เลย
หลังจากนั้นคุณลุงพาเดินเลาะไหล่ฟาร์มที่กั้นด้วยแนวไผ่ อ้อมไปยังอีกฝั่งตรงโซนเรดโอ๊ค
ซึ่งจะอยู่บนๆที่เรากลางเต้นท์พอดี ระหว่างทางเดินที่นี่จะเป็นต้นอะโวคาโดและโรสแมรี่ซะส่วนใหญ่
แต่ก็จะมีพวกมะม่วง เกาลัดแจมๆมาด้วย
มาถึงตรงโซนเรดโอ๊ค เราจะเก็บผักจากที่นี่ไปทำสลัดกินกันค่ะ และยังแวะเก็บผักสลัดอื่นๆเพิ่มกันอีกนิดหน่อย
ทั้งบีทรูท แครอท คุณลุงบอกว่าถ้ามาช่วงหน้าหนาวผักจะอุดมสมบูรณ์กว่านี้เยอะ และทางเดินก็จะไม่ลื่นถึงขนาดต้องใส่บูธด้วย
พอเก็บผักเสร็จ เราก็เอาผักทั้งหมดไปล้าง แล้วจะเอามาทำมื้อเย็นกินกันตรงลานเต้นท์ค่ะ
ก่อนจะเริ่มลงมือทำอาหารเย็น เราก็จัดการกับอโวคาโดที่เก็บกันมาเมื่อตะกี้นี้ซะก่อน
ผ่าครึ่ง แงะเมล็ดตรงกลาง ราดนมข้น เรียบร้อยสดมากกกก รสชาติจะออกมันๆแล้วก็หวานนิดนึง
แอบแบบเลี่ยนปากนิดๆเหมือนกันนะ
มื้อเย็นวันนี้ข้าวที่ใช้จะเป็นข้าวกล้อง หุงโดยเตาแก๊สเพราะว่าที่นี้ไฟฟ้ามีแบบจำกัดแค่หกโมงเย็นถึงสามทุ่มเท่านั้น
นอกจากนั้นก็ยังมี ผัดกะหล่ำปลี ผัดหมูใส่ต้นหอมญี่ปุ่น สลัดผัก ซึ่งผักต่างๆเก็บมาจากการเดินทัวร์ฟาร์มเมื่อตะกี้นี้
เราทำอาหารกันเยอะมากกก หยั่งกะบุฟเฟ่ต์บนดอย ผักไม่พอก็เดินไปเก็บเพิ่มกัน น้ำสลัดที่คุณลุงเตรียมมาให้ก็อร่อยมาก
จริงๆอาหารไม่ได้ค่อยแตกต่างจากที่เคยกินตอนอยู่บ้านเท่าไหร่ แต่คงเป็นเพราะหิวด้วย ผักสดด้วย เลยทำให้อร่อยมากกก
อีกอย่างโต๊ะกินข้าวเราจะหันออกไปทางแนวภูเขา เป็นฝั่งที่พระอาทิตย์ตกพอดี แต่วิวพระอาทิตย์อะหรอออออ ไม่ได้เห็นหรอก
เพราะเมฆเอย หมอกเอยก็ยังคงเยอะอยู่ แต่ไม่เป็นไรเพราะตอนนั่งกินข้าวมัวสนใจอยู่แต่กับอาหาร ลืมพระอาทงพระอาทิตย์ไปหมด
vvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvv
vvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvv