9 สิงหาคม 2558 เวลา 8.00 น.
ในเช้าวันอาทิตย์ที่เงียบเหงา ผมนอนอยู่หน้าคอมพิวเตอร์โน๊ตบุคคู่ใจ เปิดดูรูป เหตุการณ์เก่าที่มันเกิดขึ้นกว่า 1 ปีมาแล้ว ภาพการเดินทาง การตกรถ การเดินเท้าเข้าดอยกว่า 7 กิโลฯ เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม มิตรภาพ ความสุขสงบของชาวบ้าน ณ "ดอยแม่มอญ" มันย้อนกลับมาอีกครั้งซึ่งผมนี้ไม่เคยลืม....
8 สิงหาคม 2557
ขณะที่ผมมองไปที่ นาฬิกาสีขาวที่แขวนอยู่ริมพนังห้อง เข็มนาฬิกาได้เดินอย่างสม่ำเสมอตามปกติ หน้าที่ของมัน แต่ทว่าวันนี้ผมกลับรู้สึกว่าเข็มนาฬิกาทั้ง 3 นั้น มันดูขี้เกียจเสียเหลือเกิน...
16.30 เวลาเลิกงานของผมก็มาถึงผมรีบเก็บข้าวของแล้วควบมอเตอร์ไซค์คู่ใจกลับมาที่ห้อง จัดแจงเก็บเสื้อผ้า สัมภาระใส่กระเป๋าเดินทางสีเขียวใบเก่าที่เดินทางร่วมกันมาช้านาน หลังจากที่ผมได้จัดกระเป๋า อาบน้ำ แต่งตัวเสร็จ ผมรีบออกเดินทางจากห้องของผมนั้น ตรงไปยังสถานีรถไฟฟ้า BTS แบริ่ง นั่งรถไฟฟ้าไปยังปลายทาง “หมอชิต” เพื่อให้ทันขึ้นรถเวลา 19.40 น. แต่ทว่า การเดินทางแสนยาวนานในครั้งนี้ บวกกับสภาพของรถไฟฟ้าเองที่ติดๆดับๆ ทำให้ผมมาถึงสถานีหมอชิตก็ปาเข้าไป 19.30 แล้ว และแน่นอน ผมไปไม่ทัน ผมตกรถต้องนั่งรอที่ขนส่งหมอชิต จนกระทั่งพนักงานหารถรอบใหม่ จนกระทั่งผมสามารถเดินทางต่อไปได้ตอน 20.40 น.
9 สิงหาคม 2557
9.00 รถทัวร์ของผมมาถึง บขส. เชียงราย ผมไดรู้จักกับพี่วัช ผู้ที่เดินทางมาถึง บขส. ช้าพอๆกัน เรานั่งคุยกันสักพัก เพื่อนๆที่เหลือ อาทิเช่น มิ้น กล้วย ปั้น องอาจ น้ำค้าง เพลง ก็มาสมทบและทางครูบ้านนอกก็นำรถสองแถวมารับพวกเรา “ชุดตกค้าง” ไปยังสำนักงานของ “ครูบ้านนอก” ในตัวเมืองเชียงราย
ที่สำนักงานผมได้รู้จักกับเพื่อนๆร่วมรุ่น 160 ประมาน 60 กว่าชีวิต และที่มา รวมไปถึงการทำงานของ “มูลนิธิกระจกเงา” ต่างๆมีการแบ่งกลุ่ม รวมไปถึงการแจ้งกำหนดการว่าเราจะทำการเดินเท้าเข้าไป ณ บ้านแม่มอญ ซึ่งห่างจากฝาย ประมาน 8 กิโลเมตรได้
หลังจากการตระเตรียมสิ่งของ หรือแม้กระทั่งตัวของครูบ้านนอกเองเสร็จสิ้น การเดินทางก็เริ่มต้นขึ้น เราออกเดินทางตอนประมาน 11 โมง กับรถกะบะคันใหญ่หลายคัน เพื่อนำพวกเราไปส่ง ณ ฝาย ตรงทางขึ้นบ้านแม่มอญนั้นเอง...
พวกเรากระโดดลงจากรถ แบ่งกลุ่มออกเป็น 8 กลุ่ม ซึ่งการเดินทางนั้นจะเดินด้วยเท้าไปเรื่อยๆ ผ่านหมู่บ้าน ลำคลอง ทุ่งนาข้าว เด็กๆชาวบ้าน ไร่ข้าวโพด ไร่มัน ไร่ชา เซนเว่นดอย ซึ่งต่างจาก 7-11 ที่พวกเรารู้จัก มันคือร้านขายของชำ มีแทบจะทุกอย่างที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ที่สำคัญระหว่างที่เดินทางเท้าอันแสนยาวไกลนี้ เราต้องไม่ลืมที่จะ เก็บ RC (Rally Code) เพื่อนำมาร้อยเรียงเป็นคำและประโยคด้วย
หลังจากที่เราเดินด้วยเท้าบ้าง ไม่ไหวก็ขึ้นรถบ้าง เวลาผ่านไป 3 ชั่งโมงเราก็มาถึงจุดหมายปลายทาง “บ้านแม่มอญ” หมู่บ้านเล็กๆที่หลบซ่อนอยู่ในดอยอันห่างไกล หลีกเร้นจากความวุ่นวายภายนอก เรานัดพบกัน ณ ที่ทำการสีชมพู จนกระทั่งทุกคนมากันครบ มีการชี้แจงกำหนดการ เข้าบ้านไปพักอยู่กับเหล่านักเรียนของเราซึ่งนับๆดูได้ประมาณ 15 หลัง เราได้ของสดจากทางโครงการเพื่อไปประกอบอาหารกับทาง อาต๊ะ(พ่อ) อามะ(แม่) และเหล่าเด็กๆตัวแสบอีกหลายคน ไม่ว่าจะเป็น เจอาร์ กุล อาแผะ สาวผมสั้นจากการตัดทิ้งเพราะปัญหาเรื่องเหา
หลังจากที่พวกเราเข้าบ้าน+ทำอาหารกินกับทาง “เจ้าถิ่น” เรียบร้อยและ เราก็กลับมา ณ ที่ทำการอีกครั้ง เพื่อร่วมกิจกรรม ละลายพฤติกรรม กับทาง ครูสายลม ครูจะเด็ด ผู้จัดโครงการนี้ขึ้นมา กิจกรรมวันนี้เกิดขึ้นมากมายหลายอย่าง จนผมแทบจะจำไม่ได้ แต่ทว่าทุกอย่างที่จัดขึ้นมานั้น มันก็เป็นไปเพื่อลดช่องว่างระหว่างกันและกันของเหล่าครูบ้านนอกผู้ต่างถิ่น ผู้ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และแน่นอน ผลจากการทำกิจกรรมละลายพฤติกรรมนั้น ทำให้พวกเราต่างรักและสนิทสนมกันได้เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ สุดท้าย เวลาไม่ดึกมากนัก พวกเราทั้งหมดก็แยกย้ายกันกับบ้านของตัวเอง ซึ่งผู้ร่วมหอลงโลงกับผมคราวนี้ ก็คือ พี่วัช หนุ่มจากโรงงานที่ชลบุรี ฮิมขี้เหล้านักเดินทาง เอ็มลูกชายร้านอาหาร...
ครูบ้านนอก รุ่นที่ 160 : วันแม่ แม่มอญ ย้อนความ ทรงจำ
ในเช้าวันอาทิตย์ที่เงียบเหงา ผมนอนอยู่หน้าคอมพิวเตอร์โน๊ตบุคคู่ใจ เปิดดูรูป เหตุการณ์เก่าที่มันเกิดขึ้นกว่า 1 ปีมาแล้ว ภาพการเดินทาง การตกรถ การเดินเท้าเข้าดอยกว่า 7 กิโลฯ เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม มิตรภาพ ความสุขสงบของชาวบ้าน ณ "ดอยแม่มอญ" มันย้อนกลับมาอีกครั้งซึ่งผมนี้ไม่เคยลืม....
8 สิงหาคม 2557
ขณะที่ผมมองไปที่ นาฬิกาสีขาวที่แขวนอยู่ริมพนังห้อง เข็มนาฬิกาได้เดินอย่างสม่ำเสมอตามปกติ หน้าที่ของมัน แต่ทว่าวันนี้ผมกลับรู้สึกว่าเข็มนาฬิกาทั้ง 3 นั้น มันดูขี้เกียจเสียเหลือเกิน...
16.30 เวลาเลิกงานของผมก็มาถึงผมรีบเก็บข้าวของแล้วควบมอเตอร์ไซค์คู่ใจกลับมาที่ห้อง จัดแจงเก็บเสื้อผ้า สัมภาระใส่กระเป๋าเดินทางสีเขียวใบเก่าที่เดินทางร่วมกันมาช้านาน หลังจากที่ผมได้จัดกระเป๋า อาบน้ำ แต่งตัวเสร็จ ผมรีบออกเดินทางจากห้องของผมนั้น ตรงไปยังสถานีรถไฟฟ้า BTS แบริ่ง นั่งรถไฟฟ้าไปยังปลายทาง “หมอชิต” เพื่อให้ทันขึ้นรถเวลา 19.40 น. แต่ทว่า การเดินทางแสนยาวนานในครั้งนี้ บวกกับสภาพของรถไฟฟ้าเองที่ติดๆดับๆ ทำให้ผมมาถึงสถานีหมอชิตก็ปาเข้าไป 19.30 แล้ว และแน่นอน ผมไปไม่ทัน ผมตกรถต้องนั่งรอที่ขนส่งหมอชิต จนกระทั่งพนักงานหารถรอบใหม่ จนกระทั่งผมสามารถเดินทางต่อไปได้ตอน 20.40 น.
9 สิงหาคม 2557
9.00 รถทัวร์ของผมมาถึง บขส. เชียงราย ผมไดรู้จักกับพี่วัช ผู้ที่เดินทางมาถึง บขส. ช้าพอๆกัน เรานั่งคุยกันสักพัก เพื่อนๆที่เหลือ อาทิเช่น มิ้น กล้วย ปั้น องอาจ น้ำค้าง เพลง ก็มาสมทบและทางครูบ้านนอกก็นำรถสองแถวมารับพวกเรา “ชุดตกค้าง” ไปยังสำนักงานของ “ครูบ้านนอก” ในตัวเมืองเชียงราย
ที่สำนักงานผมได้รู้จักกับเพื่อนๆร่วมรุ่น 160 ประมาน 60 กว่าชีวิต และที่มา รวมไปถึงการทำงานของ “มูลนิธิกระจกเงา” ต่างๆมีการแบ่งกลุ่ม รวมไปถึงการแจ้งกำหนดการว่าเราจะทำการเดินเท้าเข้าไป ณ บ้านแม่มอญ ซึ่งห่างจากฝาย ประมาน 8 กิโลเมตรได้
หลังจากการตระเตรียมสิ่งของ หรือแม้กระทั่งตัวของครูบ้านนอกเองเสร็จสิ้น การเดินทางก็เริ่มต้นขึ้น เราออกเดินทางตอนประมาน 11 โมง กับรถกะบะคันใหญ่หลายคัน เพื่อนำพวกเราไปส่ง ณ ฝาย ตรงทางขึ้นบ้านแม่มอญนั้นเอง...
พวกเรากระโดดลงจากรถ แบ่งกลุ่มออกเป็น 8 กลุ่ม ซึ่งการเดินทางนั้นจะเดินด้วยเท้าไปเรื่อยๆ ผ่านหมู่บ้าน ลำคลอง ทุ่งนาข้าว เด็กๆชาวบ้าน ไร่ข้าวโพด ไร่มัน ไร่ชา เซนเว่นดอย ซึ่งต่างจาก 7-11 ที่พวกเรารู้จัก มันคือร้านขายของชำ มีแทบจะทุกอย่างที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ที่สำคัญระหว่างที่เดินทางเท้าอันแสนยาวไกลนี้ เราต้องไม่ลืมที่จะ เก็บ RC (Rally Code) เพื่อนำมาร้อยเรียงเป็นคำและประโยคด้วย
หลังจากที่เราเดินด้วยเท้าบ้าง ไม่ไหวก็ขึ้นรถบ้าง เวลาผ่านไป 3 ชั่งโมงเราก็มาถึงจุดหมายปลายทาง “บ้านแม่มอญ” หมู่บ้านเล็กๆที่หลบซ่อนอยู่ในดอยอันห่างไกล หลีกเร้นจากความวุ่นวายภายนอก เรานัดพบกัน ณ ที่ทำการสีชมพู จนกระทั่งทุกคนมากันครบ มีการชี้แจงกำหนดการ เข้าบ้านไปพักอยู่กับเหล่านักเรียนของเราซึ่งนับๆดูได้ประมาณ 15 หลัง เราได้ของสดจากทางโครงการเพื่อไปประกอบอาหารกับทาง อาต๊ะ(พ่อ) อามะ(แม่) และเหล่าเด็กๆตัวแสบอีกหลายคน ไม่ว่าจะเป็น เจอาร์ กุล อาแผะ สาวผมสั้นจากการตัดทิ้งเพราะปัญหาเรื่องเหา
หลังจากที่พวกเราเข้าบ้าน+ทำอาหารกินกับทาง “เจ้าถิ่น” เรียบร้อยและ เราก็กลับมา ณ ที่ทำการอีกครั้ง เพื่อร่วมกิจกรรม ละลายพฤติกรรม กับทาง ครูสายลม ครูจะเด็ด ผู้จัดโครงการนี้ขึ้นมา กิจกรรมวันนี้เกิดขึ้นมากมายหลายอย่าง จนผมแทบจะจำไม่ได้ แต่ทว่าทุกอย่างที่จัดขึ้นมานั้น มันก็เป็นไปเพื่อลดช่องว่างระหว่างกันและกันของเหล่าครูบ้านนอกผู้ต่างถิ่น ผู้ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และแน่นอน ผลจากการทำกิจกรรมละลายพฤติกรรมนั้น ทำให้พวกเราต่างรักและสนิทสนมกันได้เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ สุดท้าย เวลาไม่ดึกมากนัก พวกเราทั้งหมดก็แยกย้ายกันกับบ้านของตัวเอง ซึ่งผู้ร่วมหอลงโลงกับผมคราวนี้ ก็คือ พี่วัช หนุ่มจากโรงงานที่ชลบุรี ฮิมขี้เหล้านักเดินทาง เอ็มลูกชายร้านอาหาร...