.
ข่าวลือแรงกว่ากระสุน! ทหารกัมพูชาแนวหน้าใส่หน้ากากกันแก๊สตลอดวัน หลังกองทัพตัวเองปั่นข่าวไทยโจมตีพิษจนขวัญเสีย
.
เมื่อวันที่ 16 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจ Army Military Force ได้เผยแพร่ภาพและคลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นทหารกัมพูชาประจำฐานแนวหน้า ยังคงสวมใส่หน้ากากกันแก๊สและหน้ากากอนามัย ขณะปฏิบัติหน้าที่ หลังมีกระแสข่าวภายในกองทัพกัมพูชาอ้างว่า ไทยเตรียมจะโจมตีด้วยแก๊สพิษ
.
ทั้งนี้ ในคลิปยังปรากฏภาพทหารหญิงชาวกัมพูชาที่แนวหน้า ซึ่งสวมหน้ากากกันแก๊สตลอดเวลา โดยเพจดังกล่าวระบุว่า เป็นผลจากการสร้างกระแสข่าวภายในกองทัพกัมพูชาเอง จนทำให้กำลังพลในพื้นที่เกิดความวิตกกังวล และต้องปฏิบัติการภายใต้การสวมหน้ากากดังกล่าว
.
ขอบคุณ เพจ Army Military Force
.
https://www.facebook.com/armymilitaryforcenews/posts/pfbid02SN23HidrHhAb2Qnpg7VnHFBABZ7a17iBQuxvPnnesNWsdsKk5UrEgGN3AcFNZ8Byl
.
.
"มาริษ-วิสาร" พาทูต 33 ประเทศ ไปศรีสะเกษ ดู "กัมพูชา" จงใจละเมิดอนุสัญญาออตตาวา
.
"มาริษ-วิสาร" เรียกร้องประชาคมโลกร่วมประณาม-จี้ "กัมพูชา" แสดงความจริงใจเก็บกู้ทุ่นระเบิดเก่าและใหม่ ลั่น! หากกัมพูชาไม่ดำเนินการ รัฐบาลไทยจะไม่รอแล้ว เพื่อรักษาข้อตกลงตามอนุสัญญาออตตาวา
.
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ กล่าวระหว่างการนำคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียน รัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ และองค์กรภาคประชาสังคมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิด จำนวน 33 ประเทศ 1 องค์กร 2 องค์การระหว่างประเทศ รวมถึงสื่อมวลชนไทย และต่างประเทศ ร่วมกับนายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ และนายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทย รวมถึง สนับสนุนผู้แทนกองทัพบก ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ
.
เพื่อสังเกตการณ์ พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเพิ่งถูกฝังโดยฝ่ายกัมพูชา ในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ และพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอื่น ๆ เพื่อชี้ให้ประชาคมโลกได้เห็นความจริงด้วยหลักฐานเชิงประจักษ์
.
และชี้แจงข้อมูลและเหตุผลเกี่ยวกับการดำเนินการของไทยว่า กัมพูชาจงใจละเมิดอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรือ อนุสัญญาออตตาวา ซึ่งประเทศต่าง ๆ ได้ร่วมกันจัดทำขึ้นในปี 2540 (ค.ศ.1997) หลังมีการต่อต้านการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างกว้างขวาง ถือเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รวมทั้งยังละเมิดอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนของไทยอีกด้วย ดังนั้น ทั้งภาพถ่าย และหลักฐานเชิงประจักษ์ที่กองทัพได้บรรยายนั้น สามารถสรุปได้ชัดเจนว่า ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา สร้างผลกระทบต่อประเทศไทย และทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บสาหัสจนทุพพลภาพ พิการ 5 ราย ซึ่งถือเป็นทุ่นระเบิดใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดเก่าที่ตกค้าง ตามที่กล่าวอ้าง เพราะมีการพัฒนาขึ้นมาใหม่ และประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังอาวุธไปหมดแล้ว
.
นายมาริษ ยังเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาแสดงความจริงใจ และร่วมมือกับประเทศไทยปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ตามที่ไทยได้เสนอในการประชุม GBC และหลังจากนี้เป็นต้นไป ตนขอเรียกร้องให้ประชาคมโลก โดยเฉพาะประเทศรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาที่เป็นผู้บริจาค ร่วมกันประณามการใช้ทุ่นระเบิดสังหาร พร้อมเรียกร้องให้กัมพูชาให้ความร่วมมือกับศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติของไทย (Thailand Mine Action Center) หรือ TMAC ในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดแบบ 2 ฝ่าย ระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งทุ่นระเบิดเก่าและใหม่ด้วย เพราะทุ่นระเบิดสังหาร เป็นอาวุธที่ทำร้ายมนุษย์ อย่างไม่เลือกเป้าหมายว่าจะเป็นทหาร หรือพลเรือนผู้บริสุทธิ์ ซึ่งถือเป็นความรุนแรงที่ไร้มนุษยธรรม
.
นายมาริษ ยังระบุว่า แม้สถานการณ์ชายแดนมีการหยุดยิงตามข้อตกลงในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ไทย-กัมพูชา แต่ยังคงมีการโจมตีด้วยสงครามข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือนมากขึ้นเป็นประจำทุกวัน จึงขอทุกมิตรประเทศ ช่วยผลักดันไม่ให้กัมพูชา เผยแพร่ข้อมูลเท็จ เพื่อให้บรรยากาศการเจรจาสร้างสันติภาพ ได้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม เพื่อประโยชน์ประชาชนบริเวณชายแดน
.
นายมาริษ ยังระบุด้วยว่า ในห้วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง หรือ MLC ครั้งที่ 10 ที่เมืองอันหนิง สาธารณะรัฐประชาชนจีน นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้เชิญตนเอง และนายปรัก สุคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ประชุมร่วม 3 ฝ่าย ซึ่งตนก็ได้หยิบยกผลกระทบของทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ประเทศไทยได้รับผลกระทบ และทหารไทยได้รับบาดเจ็บ ซึ่งประเทศจีน ก็เห็นด้วย และในช่วงที่ตนหารือทวิภาคีกับผู้แทนประเทศต่าง ๆ และทุกประเทศเห็นด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะประเทศจีน จึงขอขอบคุณนายหวัง อี้ ที่สนับสนุนให้เกิดการพูดคุย และพร้อมสนับสนุนไทย-กัมพูชาในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด แต่ทั้งหมด ก็เกิดปัญหา เพราะกัมพูชายังไม่ตั้งใจที่จะเก็บกู้ ซึ่งตนก็ได้ชี้แจงให้ทุกประเทศรับทราบว่า แม้ฝ่ายกัมพูชาจะไม่พร้อม แต่ประเทศไทยจะไม่รอแล้ว และสิ่งที่กัมพูชาพยายามจะอ้างว่า เป็นระเบิดเก่า ตนก็ได้ยืนยันทุกโอกาส และทุกมิตรประเทศว่า ไม่ว่าจะเป็นระเบิดเก่า หรือระเบิดใหม่ ตนไม่ได้สนใจ เพราะมีเหยื่อผู้ได้รับผลกระทบ หลายคนต้องทุกข์ทรมานมาถึง 30 ปี และตนยืนยันว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กองทัพ กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงมหาดไทย ได้เรียกร้องให้มีการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ไม่ว่าจะเป็นระเบิดเก่า หรือใหม่ เพื่อรักษาข้อตกลงตามอนุสัญญาออตตาวา และกฎหมายระหว่างประเทศ
.
นายมาริษ ยังขอขอบคุณกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ โดยเฉพาะกองทัพบก และกองทัพอากาศ ที่สนับสนุนการชี้แจงต่อคณะทูตานุทูต ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงมหาดไทย ขอชื่นชม และยกย่องทหารกล้าที่ได้สละเวลา และยินดีมาร่วมชี้แจงต่อคณะทูตานุทูตในวันนี้ (16 ส.ค.)
.
ขณะเดียวกัน ยังมีชาวบ้านชาวภูมิซรอล 5 คน ที่ได้รับผลกระทบจากทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในอดีตจนต้องใส่ขาเทียม มาเข้าพบนายมาริษ และคณะทูตานุทูต เพื่อชี้แจงผลกระทบ และความร้ายแรงของทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ชาวบ้าน ต้องได้รับความทุกข์ทรมาน และยังคงเป็นบาดแผลทางจิตใจมากว่า 30 ปี ซึ่งนายมาริษ ย้ำว่า รัฐบาลจะพยายามเรียกร้องให้กัมพูชา กลับมาร่วมกันเก็บกู้ทุ่นระเบิดสังหารฯ กับประเทศไทยเหมือนในอดีต แต่หากฝ่ายกัมพูชา ยังไม่ให้ความร่วมมือ ฝ่ายไทยก็จะดำเนินการเอง
.
ทั้งนี้ ในการลงพื้นที่ช่วงเช้า คณะทูตานุทูต ได้ลงพื้นที่ที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปจากกองทัพบก กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงมหาดไทยก่อน พร้อม รับชมวีดิทัศน์ชุด “เสียงระเบิด...ที่โลกไม่ได้ยิน แต่ชาวศรีสะเกษไม่มีวันลืม” ที่เล่าเรื่องราว ตั้งแต่วันเริ่มต้นของความสูญเสีย ในวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 หลังเกิดเสียงระเบิดที่ดังขึ้นในยามเช้า ไร้การเตือนล่วงหน้า และเป็นจุดเริ่มต้นของสถานการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย–กัมพูชา และนำมาซึ่งความทุกข์ระทมมา ของพี่น้องประชาชนชาวศรีสะเกษกว่า 260,000 ครัวเรือน รวมกว่า 780,000 คน
.
รวมทั้งยังมีกระสุนปืนใหญ่ หรือ จรวด BM-21 จากฝั่งกัมพูชา ตกลงที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท. บ้านผือ เกิดไฟลุกไหม้รุนแรง คร่าชีวิตพลเรือนผู้บริสุทธิ์ 8 ราย ซึ่งในจำนวนนี้ มีทั้งเด็ก นักเรียน ผู้ปกครอง และพนักงานร้านสะดวกซื้อ รวมทั้งยังมีพลเรือนผู้บริสุทธิ์ บาดเจ็บอีก 19 ราย ทั้งชาย หญิง ผู้สูงอายุ และเด็กเล็ก และยังมีกระสุนอีกจำนวนมาก ตกใส่บ้านเรือนประชาชน จนพังเสียหายทั้งเสียหายบางส่วน เสียหายทั้งหลัง เสียหายยับเยิน จนไม่เหลือเค้าเดิมของคำว่า ‘บ้าน’ อีกต่อไป ทั้งโรงเรียนต้องหยุดสอน และศูนย์บริการสาธารณสุข โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพในพื้นที่ ก็ยังได้รับความเสียหายจากแรงระเบิดต้องอพยพผู้ป่วยกว่า 100,000 คน รวมทั้ง สัตว์เลี้ยงของประชาชน ต้องล้มตายกลางทุ่งนาที่เคยสงบสุข และแม้เสียงระเบิดจะสงบลงแล้ว แต่ก็ยังพบจรวด BM-21 และกระสุนปืนใหญ่ รวม 58 นัด กระจายครอบคลุม 45 พื้นที่ ซึ่งตรวจสอบแล้ว 35 จุด ยังเหลืออีก 10 จุดที่ยังไม่ปลอดภัย และอีก 2 จุด…รอการเก็บกู้ทำลาย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียซ้ำรอย
.
ขณะที่ ในช่วงบ่าย คณะทูตานุทูต จะขึ้นไปยังภูมะเขือ และฐานปฏิบัติการ เพื่อดูภูมิประเทศ และติดตามการเก็บกู้ทุ่นระเบิดของหน่วยปฏิบัติการด้านทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในพื้นที่ภูมะเขือ
.
.
ฝนถล่มเชียงราย น้ำทะลักท่วมหลายชุมชน ทางการเร่งเข้าช่วย-เตือนปชช.พื้นที่เสี่ยง
https://www.matichon.co.th/region/news_5325650
.
ฝนถล่มเชียงราย น้ำทะลักท่วมหลายชุมชน ทางการเร่งเข้าช่วย-เตือนปชช.พื้นที่เสี่ยง
.
เมื่อเวลา 12.00น. วันที่ 16 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำในแม่น้ำสาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย หลังฝนตกหนักต่อเนื่องทั้งคืน โดยเฉพาะบริเวณต้นน้ำบ้านโจตาดา ประเทศเมียนมา ห่างจากชายแดนราว 30 กิโลเมตร ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำสายสูงปริ่มตลิ่ง และมีน้ำทะลักเข้าตามช่องอาคารหลายจุด
.
ทหารช่างร่วมกับเทศบาลตำบลเวียงพางคำ และเทศบาลตำบลแม่สาย เร่งอุดรอยรั่ว ป้องกันน้ำทะลัก โดยพบจุดวิกฤต 10 จุด แบ่งเป็นตึกบ้านเรือนพื้นระเบิด 4 หลัง และผนังบ้านติดน้ำระเบิด 6 หลัง น้ำได้ไหลเข้าท่วมพื้นที่ใต้สะพานมิตรภาพแห่งที่ 1 ชุมชนเกาะทราย และชุมชนไม้ลุงขน ปริมาณยังไม่มากนัก แต่ได้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเตรียมพร้อมอพยพหากมีมวลน้ำเพิ่มขึ้น
.
ขณะเดียวกัน ที่อำเภอแม่จัน น้ำป่าได้เอ่อท่วมถนนพหลโยธิน 2 จุด ได้แก่ บ้านร้องผักหนาม–สถานีวิทยุ 914–บ้านปงอ้อ ตำบลแม่จัน และบริเวณลำน้ำแม่ไร่ แยกไฟแดงดอยตุง ทำให้น้ำไหลเข้าท่วมผิวการจราจรและบ้านเรือนบางส่วนในหมู่ 7 และหมู่ 9 ตำบลแม่ไร่
.
กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย ได้สั่งการทุกหน่วยงานในพื้นที่ เตรียมความพร้อมกำลังพล เครื่องมือ เครื่องจักร และยุทโธปกรณ์ ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเข้าช่วยเหลือประชาชนทันทีเมื่อได้รับการร้องขอ
.
ขณะที่ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า
.
สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย รายงานว่า จากอิทธิพลของฝนตกต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 16 สิงหาคม 2568 ได้เกิดฝนตกระดับปานกลางถึงหนักในหลายพื้นที่ ส่งผลให้เกิดน้ำหลากและน้ำท่วมผิวทางจราจรบางจุดในอำเภอแม่จัน แม่สาย รวมถึงมีฝนกระจายในอำเภอแม่สรวย แม่ฟ้าหลวง เวียงป่าเป้า พญาเม็งราย เมืองเชียงราย เชียงแสน และเทิง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งเข้าสนับสนุนการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงอย่างต่อเนื่อง
.
ในวันที่ 16 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงรายแจ้งว่า ในพื้นที่อำเภอแม่จันเกิดน้ำท่วมผิวทางถนนพหลโยธินจำนวน 2 จุด ได้แก่ บริเวณบ้านร้องผักหนาม–สถานีวิทยุ 914–บ้านปงอ้อ ตำบลแม่จัน และบริเวณลำน้ำแม่ไร่ (ไฟแดงแยกดอยตุง) พื้นที่หมู่ 7 และ 9 ตำบลแม่ไร่ ซึ่งขณะนี้ระดับน้ำลดลงและสามารถสัญจรได้ตามปกติ
JJNY : ทัพเขมรปั่นเอง!│พาทูตดู "กัมพูชา" จงใจละเมิดอนุสัญญาออตตาวา│ฝนถล่มเชียงราย│อ้างทหารไทย บังคับคนเขมรออกจากบ้าน
https://www.dailynews.co.th/news/5023789/
.
ข่าวลือแรงกว่ากระสุน! ทหารกัมพูชาแนวหน้าใส่หน้ากากกันแก๊สตลอดวัน หลังกองทัพตัวเองปั่นข่าวไทยโจมตีพิษจนขวัญเสีย
.
เมื่อวันที่ 16 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจ Army Military Force ได้เผยแพร่ภาพและคลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นทหารกัมพูชาประจำฐานแนวหน้า ยังคงสวมใส่หน้ากากกันแก๊สและหน้ากากอนามัย ขณะปฏิบัติหน้าที่ หลังมีกระแสข่าวภายในกองทัพกัมพูชาอ้างว่า ไทยเตรียมจะโจมตีด้วยแก๊สพิษ
.
ทั้งนี้ ในคลิปยังปรากฏภาพทหารหญิงชาวกัมพูชาที่แนวหน้า ซึ่งสวมหน้ากากกันแก๊สตลอดเวลา โดยเพจดังกล่าวระบุว่า เป็นผลจากการสร้างกระแสข่าวภายในกองทัพกัมพูชาเอง จนทำให้กำลังพลในพื้นที่เกิดความวิตกกังวล และต้องปฏิบัติการภายใต้การสวมหน้ากากดังกล่าว
.
ขอบคุณ เพจ Army Military Force
.
https://www.facebook.com/armymilitaryforcenews/posts/pfbid02SN23HidrHhAb2Qnpg7VnHFBABZ7a17iBQuxvPnnesNWsdsKk5UrEgGN3AcFNZ8Byl
.
.
.
ฝนถล่มเชียงราย น้ำทะลักท่วมหลายชุมชน ทางการเร่งเข้าช่วย-เตือนปชช.พื้นที่เสี่ยง
https://www.matichon.co.th/region/news_5325650
.
ฝนถล่มเชียงราย น้ำทะลักท่วมหลายชุมชน ทางการเร่งเข้าช่วย-เตือนปชช.พื้นที่เสี่ยง
.
เมื่อเวลา 12.00น. วันที่ 16 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำในแม่น้ำสาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย หลังฝนตกหนักต่อเนื่องทั้งคืน โดยเฉพาะบริเวณต้นน้ำบ้านโจตาดา ประเทศเมียนมา ห่างจากชายแดนราว 30 กิโลเมตร ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำสายสูงปริ่มตลิ่ง และมีน้ำทะลักเข้าตามช่องอาคารหลายจุด
.
ทหารช่างร่วมกับเทศบาลตำบลเวียงพางคำ และเทศบาลตำบลแม่สาย เร่งอุดรอยรั่ว ป้องกันน้ำทะลัก โดยพบจุดวิกฤต 10 จุด แบ่งเป็นตึกบ้านเรือนพื้นระเบิด 4 หลัง และผนังบ้านติดน้ำระเบิด 6 หลัง น้ำได้ไหลเข้าท่วมพื้นที่ใต้สะพานมิตรภาพแห่งที่ 1 ชุมชนเกาะทราย และชุมชนไม้ลุงขน ปริมาณยังไม่มากนัก แต่ได้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเตรียมพร้อมอพยพหากมีมวลน้ำเพิ่มขึ้น
.
ขณะเดียวกัน ที่อำเภอแม่จัน น้ำป่าได้เอ่อท่วมถนนพหลโยธิน 2 จุด ได้แก่ บ้านร้องผักหนาม–สถานีวิทยุ 914–บ้านปงอ้อ ตำบลแม่จัน และบริเวณลำน้ำแม่ไร่ แยกไฟแดงดอยตุง ทำให้น้ำไหลเข้าท่วมผิวการจราจรและบ้านเรือนบางส่วนในหมู่ 7 และหมู่ 9 ตำบลแม่ไร่
.
กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย ได้สั่งการทุกหน่วยงานในพื้นที่ เตรียมความพร้อมกำลังพล เครื่องมือ เครื่องจักร และยุทโธปกรณ์ ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเข้าช่วยเหลือประชาชนทันทีเมื่อได้รับการร้องขอ
.
ขณะที่ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า
.
สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย รายงานว่า จากอิทธิพลของฝนตกต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 16 สิงหาคม 2568 ได้เกิดฝนตกระดับปานกลางถึงหนักในหลายพื้นที่ ส่งผลให้เกิดน้ำหลากและน้ำท่วมผิวทางจราจรบางจุดในอำเภอแม่จัน แม่สาย รวมถึงมีฝนกระจายในอำเภอแม่สรวย แม่ฟ้าหลวง เวียงป่าเป้า พญาเม็งราย เมืองเชียงราย เชียงแสน และเทิง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งเข้าสนับสนุนการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงอย่างต่อเนื่อง
.
ในวันที่ 16 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงรายแจ้งว่า ในพื้นที่อำเภอแม่จันเกิดน้ำท่วมผิวทางถนนพหลโยธินจำนวน 2 จุด ได้แก่ บริเวณบ้านร้องผักหนาม–สถานีวิทยุ 914–บ้านปงอ้อ ตำบลแม่จัน และบริเวณลำน้ำแม่ไร่ (ไฟแดงแยกดอยตุง) พื้นที่หมู่ 7 และ 9 ตำบลแม่ไร่ ซึ่งขณะนี้ระดับน้ำลดลงและสามารถสัญจรได้ตามปกติ