คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
ผมให้ไว้เป็นไอเดียครับ
ชื่อแบรนด์ที่ดีจะต้อง….
1. Encode ง่าย ทำให้ลูกค้าจำง่าย ซึ่งจะช่วย save ค่าใช้จ่ายในการให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ได้ในท้ายที่สุด
ex. สีทาบ้าน BegerCool ที่มีจุดเด่นเรื่องสะท้อนความร้อน ช่วยให้บ้านเย็น ง่าย ๆ เลยครับ ก็ใช้คำว่า Cool ที่แปลว่า เย็นสบาย
2. Meaningful มีความหมายหรือไม่ก็ได้ แต่ต้องสอดคล้องกับ positioning
3. Linkability ชื่อที่ดี เมื่อพูดแล้วจะต้องทำให้เกิดจินตนาการได้ นอกเหนือจากความหมาย
ex. สีทาบ้าน BegerCool นอกจากจะสื่อถึงเย็นแล้ว Cool ยังหมายถึง เท่ห์ ซึ่งเป็น positive meaning อีกด้วย
4. Adaptability/Extension ชื่อที่ดีไม่ควรจำกัดหมวดหมู่ใดหมวดหมู่หนึ่ง….เพื่ออนาคตในการขยายไปเจาะ Product ประเภทอื่น
ex. Snailwhite แบรนด์ทีเพิ่งเปิดตัวทำตลาดอยู่ตอนนี้ ชื่อสินค้าอ้างอิงกับวัตถุดิบหลัก คือ เมือกจากหอยทาก ส่วนตัวผมเข้าใจนะที่ใช้ชื่อนี้เพราะเป็นจุดขายของสินค้าโดยตรง และเข้าใจว่าผู้หญิงส่วนหนึ่งในบ้านเราก็คงเคยได้ยินสรรพคุณกันมาบ้าง พอทำให้เกิดกระแสโดยการนำดาราหลายคนมาโฆษณา
แต่ข้อเสียของการตั้งชื่อแบบนี้ (หากไม่นับเรื่องการแปลเป็นภาษาไทยนะ 555+) ก็คือ มันจำกัดหมวดหมู่เกินไป เกิดในอนาคตถ้าอยากขยายไลน์สินค้า เป็นครีม หรือเครื่องสำอางค์ซึ่งไม่ได้มีส่วนผสมของเมือกหอยทากแล้ว คนก็จะรู้สึกแปลก ๆ กับชื่อ ซึ่งก็คงจะต้องมาสร้างแบรนด์ใหม่
ถ้าจะให้เกิด Synergy 1+1 > 2 ก็สร้างแบรนด์ชื่อเฉพาะขึ้นมา แล้วเพิ่ม Tagline ตามมาหรือชื่อรุ่นต่อท้ายไป เช่น ครีม Lyra snailwhite (สมมติ)
5. Transferability ไม่มีความหมายแย่ในภาษาใด ๆ
ex. Wayne Rooney พอเรียกภาษาไทยก็จะมีความหมายเพี้ยนไปอีกแบบนึง
6. ไม่ fashion ตาม trend เกินไป
7. Protectability ไม่ทับซ้อนกับคนอื่น
ข้างล่างเป็นบทความฉบับเต็มที่เคยเขียนไว้ครับ เผื่อจะได้ไอเดียดี ๆ ขึ้นมา
ตั้งชื่อแบรนด์อย่างไรไม่ให้เจ๊ง! (ตอนที่2)
Blog: http://www.ติดตลาด.com/2015/06/2.html
ตั้งชื่อแบรนด์อย่างไรไม่ให้เจ๊ง! (ตอนที่1)
Blog: http://www.ติดตลาด.com/2015/06/1.html
ชื่อแบรนด์ที่ดีจะต้อง….
1. Encode ง่าย ทำให้ลูกค้าจำง่าย ซึ่งจะช่วย save ค่าใช้จ่ายในการให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ได้ในท้ายที่สุด
ex. สีทาบ้าน BegerCool ที่มีจุดเด่นเรื่องสะท้อนความร้อน ช่วยให้บ้านเย็น ง่าย ๆ เลยครับ ก็ใช้คำว่า Cool ที่แปลว่า เย็นสบาย
2. Meaningful มีความหมายหรือไม่ก็ได้ แต่ต้องสอดคล้องกับ positioning
3. Linkability ชื่อที่ดี เมื่อพูดแล้วจะต้องทำให้เกิดจินตนาการได้ นอกเหนือจากความหมาย
ex. สีทาบ้าน BegerCool นอกจากจะสื่อถึงเย็นแล้ว Cool ยังหมายถึง เท่ห์ ซึ่งเป็น positive meaning อีกด้วย
4. Adaptability/Extension ชื่อที่ดีไม่ควรจำกัดหมวดหมู่ใดหมวดหมู่หนึ่ง….เพื่ออนาคตในการขยายไปเจาะ Product ประเภทอื่น
ex. Snailwhite แบรนด์ทีเพิ่งเปิดตัวทำตลาดอยู่ตอนนี้ ชื่อสินค้าอ้างอิงกับวัตถุดิบหลัก คือ เมือกจากหอยทาก ส่วนตัวผมเข้าใจนะที่ใช้ชื่อนี้เพราะเป็นจุดขายของสินค้าโดยตรง และเข้าใจว่าผู้หญิงส่วนหนึ่งในบ้านเราก็คงเคยได้ยินสรรพคุณกันมาบ้าง พอทำให้เกิดกระแสโดยการนำดาราหลายคนมาโฆษณา
แต่ข้อเสียของการตั้งชื่อแบบนี้ (หากไม่นับเรื่องการแปลเป็นภาษาไทยนะ 555+) ก็คือ มันจำกัดหมวดหมู่เกินไป เกิดในอนาคตถ้าอยากขยายไลน์สินค้า เป็นครีม หรือเครื่องสำอางค์ซึ่งไม่ได้มีส่วนผสมของเมือกหอยทากแล้ว คนก็จะรู้สึกแปลก ๆ กับชื่อ ซึ่งก็คงจะต้องมาสร้างแบรนด์ใหม่
ถ้าจะให้เกิด Synergy 1+1 > 2 ก็สร้างแบรนด์ชื่อเฉพาะขึ้นมา แล้วเพิ่ม Tagline ตามมาหรือชื่อรุ่นต่อท้ายไป เช่น ครีม Lyra snailwhite (สมมติ)
5. Transferability ไม่มีความหมายแย่ในภาษาใด ๆ
ex. Wayne Rooney พอเรียกภาษาไทยก็จะมีความหมายเพี้ยนไปอีกแบบนึง
6. ไม่ fashion ตาม trend เกินไป
7. Protectability ไม่ทับซ้อนกับคนอื่น
ข้างล่างเป็นบทความฉบับเต็มที่เคยเขียนไว้ครับ เผื่อจะได้ไอเดียดี ๆ ขึ้นมา

ตั้งชื่อแบรนด์อย่างไรไม่ให้เจ๊ง! (ตอนที่2)
Blog: http://www.ติดตลาด.com/2015/06/2.html
ตั้งชื่อแบรนด์อย่างไรไม่ให้เจ๊ง! (ตอนที่1)
Blog: http://www.ติดตลาด.com/2015/06/1.html
แสดงความคิดเห็น
ช่วยคิดชื่อร้านขายต่างหูหน่อยคะ
ศัพท์เกี่ยวกับเครื่องประดับก็ไม่ค่อยรู้มาก อยากได้คำเก๋ๆ เป็นชื่อสั้นๆ ไม่กี่พยางค์ จะได้จำง่ายๆ จะเล่นคำนิดนึงก็ดีนะ 555555
ขอบคุณค้าาา