ปลูกบ้านหลังแรก เพื่อครอบครัว...หนึ่งแผนการใหญ่ในชีวิตพี่คนโต

สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่เราตั้งใจ และอยากจะเขียนลงเว็บไซด์ที่ชื่อเหมือนชื่อจริงเราทุกตัวอักษร (ขอแทนตัวเองว่าเรานะคะ)  จุดประสงค์คือ เพื่อแชร์ประสบการณ์ การปลูกบ้านบนที่ดินผืนหนึ่งของผู้หญิงธรรมดาๆ ที่ไม่มีเส้นสายใดๆทั้งสิ้นค่ะ  เนื้อหาที่อยากจะแชร์ก็ตั้งแต่การกู้สินเชื่อเคหะจากธนาคาร  เริ่มหาแบบบ้าน ติดต่อกับราชการเพื่อขอปลูกสร้าง ตระเวนหาช่างปลูกบ้าน ประสบการณ์ความรู้ระหว่างปลูกสร้าง และรายละเอียดอื่นๆ ที่เราสามารถแชร์ให้ผู้ที่สนใจได้รับรู้  เนื่องจากเราเอง กว่าจะมาถึงตรงนี้ได้ จุดที่บ้านได้เรียกว่าเป็นบ้านตัวเองจริงๆนั้น ต้องผ่านเรื่องราวเยอะแยะมากมาย ทั้งจุดที่โดนกดดัน  จุดโง่ จุดอวดเก่ง จุดที่คิดว่าตัวเองไหว จุดที่โดนดุ  จุดที่ร้องไห้ น้ำตาไหลเป็นสายเลือด (อันนี้เว่อร์ไปแล้ว) ผ่านมาจนถึงจุดที่คิดและเกิดความตั้งใจว่า ถ้าสิ่งที่เราทำมานี้ มันพอจะเป็นรูปเป็นร่างชัดเจน อะไรที่รู้มาจะเอามาแชร์แบบไม่กั๊ก เพราะหลายๆคนคงกำลังตั้งใจจะปลูกบ้านเหมือนกัน  มันต้องช่วยคนที่กำลังหาคำตอบอะไรได้บ้าง ... ตอนเรามันดราม่าเหลือเกินค่ะ ไม่อยากให้เป็นแบบเรา
         ต้องขอออกตัวก่อนเลย ว่าเราเป็นคนที่มึนๆงงๆ เขียนอะไรลงไป อาจมีวกวน  ตกหล่นไปบ้าง ใส่ทั้งน้ำและเนื้อผสมปนกันบ้าง แอบใส่อารมณ์และนิสัยส่วนตัวลงไปบ้าง  โดยเขียนตามความเข้าใจของตัวเองเป็นหลัก หากการใช้ภาษา การเรียบเรียงคำพูด หรือคำศัพท์ทางช่าง ที่อ่านแล้วเข้าใจยาก  มีอารมณ์เวิ่นเว้อ ต้องกล่าวคำขออภัยไว้ตรงนี้เลยค่ะ

            บทแรก >>>     จะปลูกบ้านสักหลังในที่ดินสักผืนต้องทำอะไรบ้าง???
            มีเครื่องหมายคำถามมากว่า หนึ่ง หรือมากกว่าสามด้วยซ้ำค่ะ... คำถามจะตามมามากมายไม่สิ้นสุดจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่ไม่เคยมีความรู้ในแวดวงสิ่งปลูกสร้างมาก่อนเลย สิ่งแรกที่ต้องทำคือ หยุดคำถามที่ผุดขึ้นในหัวมากมายไว้ซักครู่ แล้วตั้งสติ ค่อยๆคิดเป็นขั้นเป็นตอน  เวลาที่เราทำอะไรไม่ถูก เพราะมีอะไรในหัวมากมาย เราจะเขียนค่ะ เขียนสิ่งที่เราอยากรู้อยากทำคร่าวๆไว้ก่อน  ต่อไปก็ค่อยๆไปหาความรู้มาเพิ่มตามแต่ใครถนัดทางไหนค่ะ ส่วนเราก็ถามอากู๋เป็นหลัก (เรียนจบแล้ว ชีวิตจะไม่ค่อยได้เฉียดห้องสมุดสักเท่าไหร่)  แล้วเอามาพิจารณาอีกที อันไหนน่าสนใจก็เซฟเก็บไว้อ่านอีกที...  ตอบจริงๆแล้วค่ะ  ขอตอบในกรณีที่กู้สินเชื่อจากธนาคารเป็นหลักนะคะ

      1.    ที่ดินผืนที่จะปลูกบ้านนั้น เป็นชื่อใคร?  เป็นชื่อของคนๆเดียว หรือหลายคน ?
         ( ที่ดินที่เราปลูกบ้านนี้ แต่แรกเริ่มเป็นชื่อของแม่  เป็นเงินที่พ่อกับแม่ช่วยกันสะสมแล้วซื้อไว้ค่ะ แต่เราตั้งใจจะกู้เงินธนาคารคนเดียว ไม่ได้ให้แม่กู้ร่วมด้วย จึงต้องให้แม่โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นชื่อของเรา เพื่อสะดวกต่อการดำเนินการขอกู้เงิน และจดจำนองกับธนาคารค่ะ ... ส่วนกรณีใครที่ที่ดินมีหลายคนเป็นเจ้าของร่วมกัน คงต้องมีการเซ็นยินยอมหรือโอนกรรมสิทธิ์  กรณีนี้ความรู้ไม่ถึงค่ะ ขอผ่าน )  

      2.    หากตั้งใจจะกู้จากธนาคาร ถามตัวเองต่อเลยค่ะ ว่าตอนนี้ทำงานประจำกินเงินเดือน หรือมีธุรกิจส่วนตัว?    รายได้ต่อเดือนอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่?  เพราะจะมีผลต่อวงเงินกู้ที่จะสามารถกู้ได้ค่ะ สนใจจะกู้จากธนาคารไหน สามารถเอาจำนวนเงินรายได้เฉลี่ยต่อเดือนไปเช็คได้เลยค่ะ ว่ารายได้เราเท่านี้ วงเงินที่สามารถกู้ได้อยู่ที่ประมานเท่าไหร่  เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาเลือกแบบบ้านให้เหมาะสมกับงบประมาณการก่อสร้างค่ะ
* มีอีกหนึ่งทางเลือกค่ะ สำหรับคนที่สะดวกมีผู้กู้ร่วม โดยการกู้ร่วมนี้ เราจะได้วงเงินสินเชื่อเพิ่มมากขึ้นจากที่กู้คนเดียวค่ะ เพราะธนาคารถือว่ามีคนช่วยกันผ่อนจ่าย  ผู้กู้ร่วมนี้อาจจะเป็นคู่สมรส คู่พี่น้อง หรือพ่อลูก แม่ลูก ได้ทั้งนั้นค่ะ แต่บอกไว้ก่อนเลย ยุ่งยากกว่ากู้คนเดียวแน่นอน ละทุกขั้นตอนค่ะ  ก่อนจะตัดสินใจกู้ก็คุยกันให้เรียบร้อย แล้วหาข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยค่ะ  
         (ต้องขอโทษด้วยที่เราไม่สามารถให้ข้อมูลในกรณีนี้ได้ละเอียด เพราะเรากู้คนเดียวค่ะ  เราทำงานประจำมา 3ปี  เป็นพนักงานต๊อกต๋อย กินเงินเดือน และสวัสดิการอันน้อยนิดของบริษัทต่างชาติแห่งหนึ่งในไทยค่ะ ...แอบบ่นพาดพิงนิ๊ดดด   รายได้เฉลี่ยต่อเดือนของเราประเมินจากสมองอันน้อยนิดที่มี เราคิดว่าเรากู้คนเดียวน่าจะไหวค่ะ ไหวในที่นี้ คือเงินเดือนและเครดิตเพียงพอกับขนาดแปลนบ้านที่คำนวณออกมาเป็นจำนวนเงินแล้วพอกับที่ธนาคารจะให้กู้นะคะ อีกทั้งอายุยังน้อย( ปลอบใจตัวเอง ) เงินเดือนของเรา ธนาคาร ให้กู้ได้มากสุดที่ หนึ่งล้านหกแสนค่ะ ...แต่อ่านไปท้ายๆจะมีเซอร์ไพรแอบดราม่าค่ะ/  ระยะเวลากู้ เราเลือกแบบยาวสุดไว้ก่อนค่ะคือ 30ปี  ก็รู้ทั้งรุ้นะคะ ว่าดอกเบี้ยสินเชื่อเคหะนั้นแพงกว่าสินเชื่อประเภทอื่นแล้ว แต่ก็ไม่มีทางเลือก เพื่อความสุขสบายของพ่อแม่และน้อง ก็ลุยค่ะ ให้เวลาตัวเอง 3 ปี แรกๆคงผ่อนไปเรื่อยๆ แล้วก็หาทางหาเงินมาโปะเพิ่มขึ้นๆ ดอกเบี้ยจะได้กินเราได้ไม่เยอะค่ะ )

           2.1    ตรงนี้ขอพูดถึงรายละเอียดที่เราจะกู้เงินธนาคารนะคะ มันต้องมีเอกสารหลักฐานมากมายนอกจากเอกสารส่วนตัวค่ะ  ของเราคร่าวก็มีดังนี้
คุณสมบัติหลักที่ผู้กู้จะต้องมี คือ อายุครบ 20ปีบริบูรณ์แล้ว  และเป็นผู้ที่มีอาชีพ รายได้แน่นอน   มีหลักประกันเงินกู้ (ส่วนมากจะเป็นที่ดิน  อาคาร หรือห้องชุดค่ะ) แบบแปลนพิมพ์เขียว  สำเนาเอกสารอนุมัติปลูกสร้างจากอบต.เขต   สำเนาเอกสารรับรองเงินเดือนจากบริษัทหรือหน่วยงานที่เราทำงานอยู่   Slipเงินเดือนย้อนหลัง6เดือน   Statement บัญชีเงินฝาก  สำเนาสัญญาว่าจ้างปลูกสร้างของเรากับผู้รับเหมา  และสำเนาบัตร ปชช. และทะเบียนบ้านผู้รับเหมา   ประมานนี้ค่ะ   รายละเอียดพวกนี้ ถ้าในกรณีที่มีธุรกิจส่วนตัว หรือแค่ต่อเติมซ่อมแซมบ้าน เอกสารหลักฐานอาจต่างจากของเราบ้างค่ะ ต้องไปศึกษาดูข้อกำหนดของแต่ละธนาคารอีกที

       3.    เมื่อรู้ถึงกำลังทรัพย์ และงบประมาณที่สามารถจะกู้ได้ ก็ถึงขั้นตอนหาแบบบ้านที่ถูกใจค่ะ
         ( แบบบ้านของเรา สามห้องนอน  สองห้องน้ำ หนึ่งห้องพระ หนึ่งห้องครัว โถงกลางบ้าน และมีชานระเบียงหน้าบ้านเล็กน้อย  ราคาที่คิดไว้คือตั้งใจจะกู้เต็มวงเงินที่สามารถกู้ได้ค่ะ  ( ว่าตัวเองนะคะ... ชะนีนางนี้อวดเก่งมาก เงินเป็นล้านนะยะ ว่าแล้วก็ตั้งใจทำงาน  ขึ้นคานใช้หนี้ไป แฮร่  )  

       4.    หาคนเขียนพิมพ์เขียวค่ะ หรือ ถ้าหากต้องการประหยัดงบส่วนนี้ จะเริ่มจากการไปขอดูแบบบ้านตาม อบต. หรือเทศบาลประจำจังหวัดก่อนก็ได้ค่ะ เพราะจะได้แบบบ้านฟรีๆ หรือถูกกว่าจ้างคนเขียนใหม่ค่ะ  กรณีที่จ้างคนเขียนใหม่ ก็คิดไปด้วยเลยค่ะ ว่าบ้านนี้จะให้ช่างรับเหมาทั้งหมดไหม  หรือเหมาแค่ค่าแรง  หากเหมาแค่ค่าแรง เราซื้อของเอง ต้องศึกษาเพิ่มเติมพอสมควรนะคะ ความรู้เรื่องปลูกสร้าง เรื่องช่างต้องมี จะได้ตามช่างทัน ขยันตรวจงาน  แต่จะว่าไป เหมาทั้งหมดก็ต้องขยันตรวจงานและหาความรู้ไว้คุยกับช่างเหมือนกัน   ค่อยๆประเมินความเหมาะสมและสะดวกเอาค่ะ
        ( คำอธิบายตรงนี้ยาวหน่อยนะคะ...เรามีข้อเสียตรงที่ ค่อนข้างมั่นใจตัวเอง คงเพราะมีนิสัยลุยๆมาตั้งแต่เด็ก ทำให้ไม่ค่อยไปขอคำปรึกษาจากใคร คิดเองเออเองหมด ว่าอย่าไปหวังพึ่งใคร ทุกอย่างเริ่มจากศูนย์ ไม่อยากให้ใครมาเดือดร้อน ยุ่งยากเพราะเรา และไม่ว่ายังไงเราจะผ่านมันไปได้ ... พอตัดสินใจว่าจะทำเรื่องกู้ปลูกบ้าน ก็แค่บอกพ่อ แม่ แล้วก็น้องสาวให้รับรู้  ตกลงกันว่าอยากได้ประมานไหน จากนั้นก็หาแบบบ้านไปเรื่อยๆจากเพจต่างๆในFacebookค่ะ เพราะเล่นทุกวัน  ในหน้าเฟสเรามีแต่แชร์แบบบ้าน หลังไหนน่าสนใจ ระเบียงสวยดี ทรงบ้านเข้าท่า ก็หาๆไป  จนไปเจอแบบบ้านจาก SCGค่ะ เป็นแบบบ้านที่มาพร้อมกับโฆษณาหลังคารุ่นพรีม่า  ตอนนั้นไม่ได้สนใจรายละเอียดของหลังคาเลยค่ะ รู้แต่ว่ามันคือบ้านทรงไทยประยุกต์แบบที่มองหา มันเรียบๆง่ายๆ  และเป็นบ้านชั้นเดียวที่ยกสูงพอสมควรแบบที่ครอบครัวเราอยากได้ ... จบปัญหาแบบบ้าน ก็เกิดปัญหาใหม่ค่ะ  แปลนภายในที่แนบมากับแบบบ้านนี้ มันไม่ค่อยตรงกับที่เราต้องการเท่าไหร่ ก็เลย Save รูปบ้านภายนอกไว้ แล้วก็เริ่มวางแผน ลองจัดแปลนภายในเองเลยค่ะ อยากได้ตรงไหนเป็นห้องอะไร  พอดีกับพี่ที่ออฟฟิศคนหนึ่ง พอมีความรู้ด้านการเขียนพิมพ์เขียวอยู่บ้างจากโปรมแกรมการเขียนแบบ ก็ให้เขาช่วยเขียนคร่าวๆให้อีกที  แล้วก็โชคดีอีก ตรงที่แม่เราไปรู้จักผู้รับเหมาท่านหนึ่งค่ะ เขาก็เสนอว่า ให้เขารับเหมาไหม บ้านเขาก็อยู่ใกล้ๆแถวนั้น  แต่เราก็ยังไม่ค่อยรู้อะไรค่ะ เขาก็ไม่เร่งรีบ หรือมัดมือชกเรานะ แต่เราบอกเราหาวิศวกรที่สามารถเขียนและเซ็นพิมพ์เขียวให้เราได้ พี่เขาก็แนะนำวิศวกรที่ทำงานกับเขาให้ค่ะ ตอนนั้นมืดแปดด้านจริงๆค่ะไม่รู้จักใครที่ไหนมากกว่านี้   จะถือว่าฟ้าส่งตัวช่วยมาให้เราแล้ว  ก็ตกลงค่ะ นัดคุยกับพี่วิศวกร  เอาแบบแปลนที่เขียนคร่าวๆให้เขาดู ว่าภายในอยากได้ประมานนี้  แล้วก็เอารูปภายนอกที่เซฟไว้ให้เขาไป  บอกพี่เขาไปตรงๆค่ะ ว่าเราไม่มีความรู้ด้านนี้เลย อะไรที่ดี ไม่ดี ก็ขอให้บอก แล้วแนะนำเราด้วย จะได้แก้ไขแบบในเวลาที่ยังแก้ไขได้  อยากรู้รายละเอียดตรงไหนให้ถามเราได้เลย  พี่เขาก็น่ารักนะคะ  บอกว่าจะค่อยๆเขียนส่งมาให้ดู  เบาใจไปหน่อยค่ะ รายละเอียดขั้นตอนเขียนแบบจนเสร็จส่งงานให้เรา ขอเล่าคร่าวๆว่ามีแก้ไขเยอะอยู่ค่ะ  เรารู้ตัวเองนะว่าเป็นคนที่ทำอะไรไม่ค่อยละเอียดรอบคอบ แต่ตั้งแต่มาทำบ้านนี้ ความละเอียดมาเต็มค่ะ  แปลกนิด งงๆหน่อย เราก็บอกให้พี่เขาช่วยแก้ไขให้   แอบกลัวเขาจะรำคาญเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็โอเคค่ะ  สิ่งที่ได้จากการว่าจ้างครั้งนี้
  1 .แบบก่อสร้างต้นฉบับ ขนาด A3 พร้อมลายเซ็นรับรอง 1 ชุด  รายละเอียดในแบบ 1 ชุด
        2. รายการถอดแบบคำนวณปริมาน จำนวนวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง หรือ BOQ ( จากเอกสารนี้ เราจะพอรู้ว่าต้องใช้ อิฐ หิน ปูน ทราย เหล็ก กระเบื้อง และอื่นๆประมานมากน้อยแค่ไหนค่ะ)

        5.   ทวนกันนิดค่ะ  มาถึงตรงนี้ เรามีแบบบ้านแล้ว ( ดราม่ากับแม่เยอะมาก เพราะบางอย่างแม่ไม่ชอบ  แม่เราค่อนข้างหัวโบราณค่ะ เขาไม่ค่อยเห็นแบบบ้านใหม่ๆสมัยนี้ด้วย  ส่วนพ่อกับน้อง ยังไงก็ได้  ) เอกสารส่วนตัวพร้อม  มีหลักประกันเงินกู้เป็นที่ดินผืนที่จะปลูกบ้าน  สำเนาเอกสารอนุมัติปลูกสร้างจากอบต.เขต ( แบบแปลนมาอยู่ในเมือแล้ว ก็ตรงไปขออนุญาตปลูกสร้างที่ อบต.เลยค่ะ เข้าไปกรอกใบขออนุญาตปลูกสร้าง ถ่ายเอกสารแบบบ้าน และสำเนาเอกสารส่วนตัวไปให้พร้อม  รอแบบใจเย็นๆไป ไม่เกิน 1 อาทิตย์เขาจะโทรนัดเราไปรับเอกสารคืนค่ะ   ระหว่างนี้เราก็หาผู้รับเหมาที่อยู่ระแวกนี้  ถามจากบ้านที่กำลังปลูกสร้าง )  สำเนาเอกสารรับรองเงินเดือนจากบริษัทหรือหน่วยงานที่เราทำงานอยู่   Slipเงินเดือนย้อนหลัง  Statement บัญชีเงินฝากย้อนหลัง 3-6 เดือน  (3 อย่างนี้ แนะนำให้จัดการรวบรวมหลังสุด หลังจากที่เราหาผู้รับเหมาได้แน่นอนตกลงเรียบร้อยแล้วค่ะ เพราะใช้เวลาไม่นาน  Slipเงินเดือนพยายามเก็บไว้ทุกเดือนนะคะ เพราะนับย้อนจากเดือนปัจจุบันที่สุด ) สำเนาสัญญาว่าจ้างปลูกสร้างของเรากับผู้รับเหมา  และสำเนาบัตร ปชช. และทะเบียนบ้านผู้รับเหมา   ธนาคารส่วนใหญ่ จะแนะนำให้เราหาช่างที่รับเหมาทั้งหมดค่ะ เพราะเพื่อสร้างความมั่นใจให้ธนาคารว่า งานเราจะไม่ล้าช้าเพราะผู้กู้เอง  มีปัญหาผู้รับเหมาต้องมีส่วนรับผิดชอบที่งานล่าช้ากว่ากำหนด ประมานนี้ค่ะ  จริงๆแล้ว เหมาแค่ค่าแรงก็ได้ แต่ต้องมั่นใจว่าบ้านจะเสร็จสมบรูณ์ตามแบบที่ยื่นกับธนาคารค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่