เจ็บแต่จบ

วันนี้อยากระบายจังจ้า เรื่องต่อไปนี้หวังว่าแม่ๆที่เจอปัญหาจะผ่านได้อย่างพี่หมู   แต่กว่าพี่หมูจะผ่านมันมาได้ แทบตายเหมือนกันค่ะ กว่าจะไม่มีน้ำตาได้ กว่าใจจะด้านชา  ในวันที่ล้มแล้วลุกไม่เป็น ทำอะไรไม่ถูก เสียใจ บ้าบอ ขอร้องเขาแทบเป็นแทบตาย ทุกอย่างยิ่งกว่าละครน้ำเน่าอีกค่ะ แต่สุดท้ายพี่เชื่อเรื่องเวรกรรมจ้า คงเป็นกรรมเก่าพี่เอง ที่ทำไม่ดีไว้ กรรมเลยตามทัน เมื่อก่อนพี่ทำแม่ร้องไห้มาเยอะ เลยต้องโดนคนที่เรารักมากทำให้เสียใจตลอดมา  อยากบอกว่าใครที่คิดว่าไม่มีวันตัดใจจากคนรักได้  ลองอ่านเรื่องของพี่หมูดูนะ  จะรู้ว่าเวลาจะช่วยเราได้ทุกอย่างจริงๆค่ะ  เพราะพี่หมูก็เป็นคนที่รักคนอื่นมาก  แต่ขอบอกก่อนว่ายาวยาวนะ
    เมื่อปี 46 ได้ตกลงคบกับ ผช คนหนึ่งที่รู้จักกันมาตั้งแต่ปี 38 แต่ไม่ได้สนิทกันมาก ท่าทางเขาเป็นคนสุภาพ ไม่ค่อยพูด  ดูใจเย็น ตามใจเราทุกอย่าง พอเป็นแฟนกันจนปี 48 เราก็ตกลงใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เขาบอกสิ้นปีจะมาแต่ง แต่ก็เงียบจนปี 49 เพื่อความก้าวหน้าในชีวิตจึงปรึกษากัน ตกลงให้เขาเรียนต่อปริญญาตรี เขาเริ่มมีสังคม อยากมีรถ และตัดสินใจซื้อรถ ช่วงนั้นเขาเริ่มเป็นหนี้บัตรเครดิต แรกๆเราไม่รู้ จนเขาไม่มีค่าเทอม เราก็ให้ยืมเงินจ่ายค่าเทอม และปิดบัตรเครดิต เราคบกันมาเรื่อยๆ มีอยู่ครั้งหนึ่งเราเลิกงานและนั่งรถตู้ไปหาเขา พอออกจาก กทม โทรไปบอกเขา เขาบอกจะรีบมารับที่ตัวเมืองชล จนเราถึงที่เขายังนั่งกินเหล้าอยู่บ้านเพื่อน เรารอจากหกโมงจนสี่ทุ่ม เขามาเราโกรธมากไม่พูดกับเขา และบอกให้เขาไปส่งเราขึ้นรถกลับ กทม. แต่มันไม่มีรถ เราทะเลาะกันหลายครั้งเรื่องการใช้เงินของเขา เป็นหนี้โป๊ะหนี้ แต่ก็ทนกันมาเรื่อย จนปี 50 เงินเดือน 12,000 ส่งรถเดือนละ 6,000 ไหนจะค่าน้ำมัน ค่าใช้จ่ายในการเรียน เลิกเรียนยังไปสังสรรค์ต่อกับเพื่อน จึง ให้เขาขายรถเพราะส่งไม่ไหว เขาตัดสินใจขายให้เพื่อน เราก็บอกให้เขาโอนให้เรียบร้อย แต่ด้วยความไว้ใจเพื่อนก็ผลัดมาเรื่อย
    จนปลายปี 50 เราได้เรียนต่อ ป.โท ที่ราม1 ช่วงนั้นเราเป็น SALE บริษัทมีรถให้ จนต้นปี 51เขาได้งานใหม่ เงินเดือนเพิ่มมากขึ้นเป็น 20,000 และเราก็ย้ายงานจาก กทม. มาปราจีน เลยตกลงซื้อรถจะได้มีรถวิ่งไปรับไปส่งเราจากราม1 มา ปราจีน เราพากันไปซื้อรถมือ2 เป็นรถที่ชนมาแล้วอู่ไปรับมาซ่อมและขายต่อ ตอนที่ไปดูยังประกอบไม่เสร็จ เราอยากให้เสร็จก่อนค่อยวางจอง เขาบอกว่าต้องวางจองเลย ไม่งั้นทางอู่จะให้คนอื่น อู่นี้ไว้ใจได้ (เพราะความอยากได้ของเขา) ด้วยความที่เราก็ดูรถไม่เป็นก็ตกลงวางเงินทำสัญญา กู้ซื้อรถ โดยเขาเป็นคนค้ำ และเขาก็ไปฝึกงานที่ญี่ปุ่น พอวันที่เราขับรถครั้งแรก รถส่าย จนถึงที่ม. เราให้เพื่อนดูให้ น้องมันตกใจมากบอกดีนะเจ้ที่ล้อเจ้ไม่หลุดบนทางด่วน น๊อตที่ขันล้อมันหลุด (สงสัยยังใช้กรรมไม่หมด) แล้วเพื่อนเขาก็ค้างส่งงวดรถ เขาจึงไปเอารถกลับมาและส่งต่อ ส่วนเราก็เลยเอาคันที่ซื้อใหม่มาใช้ และตกลงเอาค่างวด 2 คัน ออกกันคนละครึ่ง (6,000+9,400) แต่พอถึงเวลาจริงๆเขาจ่ายแค่คันเขา เราเงินเดือน 20,000 จ่ายค่ารถ ค่าเช่าห้อง ไหนจะค่าเดินทางไปเรียน เริ่มมีปัญหาการเงิน เราต้องขอที่บ้านตลอด เขาบอกเขาไม่มีตังค์ แต่เขามีเงินไปเรียนตีกล์อฟ ไปกินเหล้ากับเพื่อน จนหนี้สิ้นท่วม  หนักสุดช่วง
    จนกันยา 52 ตอนนั้นใกล้สิ้นเดือน  เราไม่มีเงิน  มีแต่ข้าวกับของสดที่อยู่ในตู้พอกินได้อีก 3 วัน ซึ่งเงินเดือนเราออก  แต่โชคร้ายฝนตกข้าวสารเปียก  เราโทรขอเงินเขา 500 เพราะเงินเขาเพิ่งออก  เขาว่าไม่มี  เราทวงค่ากล้อง  ค่าคอม เขาว่าเขาเพิ่งจ่ายบัตรไป  รอบัตรก่อน  พอตอน 2 ทุ่มโทรหาเขาจึงรู้ว่าเขาไปตีกล์อฟ  เราโวยวายไม่มีเงินแล้วทำไมไปตีกล์อฟ  เขาว่ามันเงินเขา  และเขามาหลุดที่หลังวันที่เรายืมเงินนั้น  ตอนเย็นเขากดเงินจ่ายค่าเรียนตีกล์อฟ  และกดเงินให้เพื่อนยืม  ช่วงนั้นทะเลาะกันบ่อยมากโดยเป็นเรื่องเงิน  ปลายปี52 เขาตัดสินใจขายรถคันเขาไป และขอยืมรถเราไปใช้  ตอนสิ้นปีเขาได้โบนัสเยอะ เขาเอาเงินมาเคลียร์หนี้บางส่วน  พอให้ได้หายใจ  และพาเราไปเที่ยวกัน ซึ่งก็มีความสุขดี  แต่ตอนขากลับเขาขับรถชนมอเตอร์ไซด์  มอเตอร์ไซด์ตัดหน้า  เราให้เขาตาม  เขาโกหกเราว่ารถไม่เป็นไร  พอจอดซื้อของฝากเราเห็นแก้มรถยุบ  สเกิร์ตแตก  เราปรี๊ดเลย  โกหกทำไม  (นิสัยเสียของเราคือชอบโวยวาย)  แต่สักพักเราก็ง้อเขา  และกลับบ้านเราที่ราชบุรีด้วยกัน  หลังจากกลับมาเขาแปลกไป  และเขาโทรมาบอกเราว่าเขาจะเอารถคันนี้  และจะจ่ายเงินดาวน์คืนให้  แต่เดือนนี้ขอให้ช่วยส่งรถให้ก่อน  พอสิ้นเดือนมกรา 53 เขาขอเลิก เขาบอกว่าเขาคงเห็นเรื่องหนี้เป็นเรื่องปกติ เรากับเขาคงไปกันไม่ได้ (ปกติก็ดีๆเลิกๆอยู่แล้ว ไม่ได้คิดไรมาก) พอดีวันเกิดเลยดูดวงมา (เกิดกลางกุมภา)  เขาทักให้ว่าแฟนมีคนใหม่ ถามไปถามมาเขาก็ยอมรับว่ามีคนใหม่ เราเสียใจมาก เขาเองไม่เคยเห็นเราร้องไห้เลย เขาก็ตกใจเช่นกัน (กรรมมันไม่ขาด) พอเช้าออกกะมา เขาก็ขับรถมาหาเรา ขอโทษ เขาก็เสียใจ แต่ยังไม่รู้ไรมาก เลยบอกว่าให้พาไปรับขัน 5 หน่อย (ที่ไปดู) เท่านั้นแหล่ะความแตกหมด เขาทักมาว่า ผญ คนนั้นก็มีสามีแล้วทำไมเขาถึงทำอย่างนี้เป็นบาปเป็นกรรม บลาาาาา อยู่กับเรานะ ผญ ดีๆทำมาหากิน รู้จักใช้เงิน ทำให้ครอบครัวมั่นคงไม่ชอบหรือ บลาาา ทำให้เขาคิดได้ และเริ่มวิ่งหาวัดยามมีทุกข์ (55555 ตามสเต็บ) เขาขอเลิกกับ ผญ คนนั้นและ ผญ คนนั้นขอเงินเขา 50,000 ถ้าไม่อย่างนั้นจะไปโพทานาว่าเขาหลอกให้ทิ้งผัวมา แล้วมาทิ้งเขา ซึ่ง ผช ก็ยอม วันที่กลับมามีหนี้เกือบอยู่ 200,000 เราก็ไม่เป็นไร ช่วยกันใช้เดียวก็หมด เราให้เขาใช้อาทิตย์ละ 500 ตัวเองกิน 200 เขาให้เราถือเงิน พอสิ้นปีหนี้ก็บางลง ขาขอบัตร ATM คืน เขาบอกว่า พ่อแม่เขายังไม่เอาเงินเขาเลย ทำไมเราอยากได้เงินเขาหรือ เราเสียใจมาก เลยตัดสินใจคืนไปจะได้จบเรื่อง เราตกลงแต่งงานกัน แต่ได้ฤกษ์ต้นปี 54 หลังจากแต่งงานเขาก็ตามใจเราดีในปีแรกๆ แต่คนเราคงเปลี่ยนนิสัยกันไม่ได้ เขาก็ยังติดเพื่อน ตอน ก.ย. 55 เราป่วยตาเป็นฝี ตรงกับอาทิตย์ที่เขานัดเพื่อนไปเที่ยว  เลือกก็ไปกับเพื่อนที่นครนายก บอกเราว่าจะกลับมาพาเราไปโรงพยาบาลที่ชลในวันอาทิตย์ตอนเที่ยง พอเราโทรไปเขายังนั่งเล่นไผ่กับเพื่อน กว่าจะมาบ่าย 3 เราโกรธมาก ถ้าขับรถไปเองได้จะไม่ง้อ ส่วนจะให้เพื่อนพาไปก็กลัวลำบากเขาถ้าต้องเฝ้า พอปลายปี54 รถที่ใช้เริ่มมีปัญหา เพราะเขาเอาไปติดแก๊ส เลยมีปัญหา เลยตัดสินใจซื้อรถใหม่ หลังจากซื้อก็ตกลงกันว่าเขาใช้ แต่เสาร์-อาทิตย์จะขับมาหาเรา ถึงเวลาจริงๆก็ต้องมาทะเลาะกัน เราอยากกลับบ้าน เขาเหนื่อยมาไม่ไหว มีครั้งหนึ่งเรานัดเจอเขาครึ่งทาง  โดยเรานั่งรถตู้ไป  มีกระเป๋าสองใบ  รถตู้เกิดจดเติมแก๊ส  เราโทรบอกให้เขาวิ่งเลยมารับจากจุดนัดอีก 1 กิโล  (คิวเติม NGV ยาว)  เขาหลับอยู่  ไม่ยอมขับมารับ เขาบอกอยากมาให้เดินมาเอง เราแบกกระเป๋าสองมือเดินไป  (ยอมลางานวันเสาร์เพราะอยากอยู่บ้านนานๆก็ไม่อยากเสียเวลารอรถเติมแก๊ส)  
    ปีใหม่ 55เราจะกลับบ้านแต่เขาไม่อยากไป  เพราะเขาอยากไปบ้านเรา  สรุปเลยไปเที่ยวเชียงใหม่กัน  จำได้ว่าไปถึงเราอยากไปเดินถนนคนเดิน  แต่เขาบอกว่าเหนื่อยอยากนอน  เราเลยไปคนเดียว  พออีกคืนเราอยากนอน  เขาอยากไปวัดที่หลวงพ่อพรมน้ำมนต์เป็นพระธาตุ  เราบอกให้เขาไปคนเดียว  เราจะอยู่ห้องพัก  เขาบอกว่าขับรถพาเรามาเที่ยว  เรากลับทำให้เขาไม่ได้ทำบุญ  เราเห็นหน้าเขาแล้วสงสาร  อาบน้ำพาเขาไปสวดมนต์ข้ามคืนที่วัดนั้น กลางปี 55 เพื่อนเขาบอกจะขายรถ เขาบอกอยากซื้อและผ่อนกับเพื่อน จึงให้เขาเอาเงินโบนัสเรา (โบนัสเราออกตรุษจีน) ทางเพื่อนเขาเหมือนไม่อยากขาย เพราะดาวน์น้อย เขาเลยขอให้เราขายทองที่เรามี (ได้มาจากการรับปริญญาและทำงานใหม่ๆ) เพื่อไปดาวน์รถเพื่อนให้เขา  เขาภูมิใจกับรถคันนี้  คงใช้ไปจนกว่าจะพัง เพราะไม่อยากเป็นหนี้แล้ว   แต่คนเราคงเปลี่ยนนิสัยกันไม่ได้ เขาก็ยังติดเพื่อน เพราะหลายครั้งที่เราป่วย แต่เขาต้องไปเที่ยวกับเพื่อน เขาก็เลือกไปเที่ยวก่อนพาเราไปหาหมอ มีครั้งหนึ่งตาเป็นฝี เขาไปเที่ยวกับเพื่อนที่นครนายก บอกเราว่าจะกลับมาพาเราไปโรงพยาบาลที่ชลในวันอาทิตย์ตอนเที่ยง พอเราโทรไปเขายังนั่งเล่นไพ่กับเพื่อน กว่าจะมาบ่าย 3 เราโกรธมาก ถ้าขับรถไปเองได้จะไม่ง้อเลย และเพื่อนเขาชวนไปยิงปืน ก็อยากได้ปืน ทั้งๆที่เงินไม่มีก็ซื้อ โดยแอบกดบัตรเครดิตไปซื้อ  ทั้งๆที่ทุกสิ้นเดือนเงินที่เขาจ่ายหนี้ให้ไม่เคยพอ (เรากู้เงินมาเคลียร์หนี้ให้เขา  และให้ผ่อนเป็นเดือนๆ  เพราะสินเชื่อเราดอกถูก)  
    จนต้นปี 56 เราท้องเหมือนเขาจะดีใจ สงกรานต์เรากลับบ้าน และเกิดแท้งคลุกคลาม เราโทรให้เขามารับเราไปหาหมอที่ฝากครรภ์ พอเช้าวันที่ 14 เมษา เก้าโมงเราโทรหา เขาอยู่หน้าอมตะ เขาบอกเขาเหนื่อยขับไม่ไหว กลัวเกิดอุบัติเหตุ ตอนนี้หายปวดแล้ว เราก็เลยบอกให้เขากลับไป (มารู้ที่หลังว่าคืน 13 เขานั่งเล่นไพ่กับญาติพี่น้องเขาทั้งคืน) จนตอนกลางคืนเราปวดท้องมาก หมอที่รพ.บ้านเราให้ไปที่ รพ.พญาไทชลบุรี เพราะประกันสังคมเราอยู่ที่นั้น เราโทรบอกให้เขามารับ เขาบอกเราว่าเขาไม่ว่างกำลังคุยงานกับพี่เขยเขาอยู่ จนเราโวยวายเสียออกจากโทรศัพท์ พี่เขยเขาบอกว่าให้มารับเรา เขาจะมาเป็นเพื่อน รู้ตัวเลยว่าเราไม่สำคัญเลย เขาไม่เคยห่วงเราและลูก แต่ความรักก็ยังบังไว้ ในที่สุดก็แท้ง และขูดมดลูก 15 เมษา เขาทำหน้าเศร้ามาก เราถาม เขาบอกเขาอยากไปคุยงานกับพี่เขย เราก็เลยให้ไป แล้วให้หลานสาวเขามาเฝ้าแทน เราเลยถามว่าเขาอยากมีลูกไหม เขาบอกเขาอยากมี เราก็ท้องเลยปล่อยให้ท้อง เหมือนเขาจะดูแลเรามากขึ้น เราแพ้มาก เหนื่อยง่าย ช่วงกลางปี 56 บ้านที่เขากู้ซื้อ แต่พี่สาวเป็นคนส่งค้างส่งแบงค์จะยึด เราก็วิ่งหาเงินให้เขา โดยกู้ธนาคารออมสินใช้สวัสดิการหักเงินเดือนเรา เพื่อให้ดอกเบี้ยถูกที่สุด ประกันรถเขา ภาษี พรบ. เราต้องหาเตรียมไว้ตลอด เขาค้างค่าโทรศัพท์จะตัด เราก็วิ่งไปจ่ายที่โลตัสทั้งๆที่ท้อง และปลายปี 56 เขาก็ได้เปลี่ยนงานไปในตำแหน่งที่ใหญ่ขึ้น (เตรียมขึ้นผู้จัดการ) ช่วงนี้เราเองต้องวิ่งหาเงินตลอดเตรียมค่าคลอด ค่าของใช้เด็ก เขารับปากจะจ่ายค่าใช้จ่ายลูกเดือนละ 10,000 (เงินเดือนเขา 40,000) ปลายปี 56 เราพบปัญหาโดนโกงค่าของทำให้เราเป็นหนี้บัตร 40,000 เราเหนื่อย จนเดือนมีค เราทะเลาะกับเขาเรื่องฝากพิเศษ เพราะหมอที่เราฝากเขาไม่รับเครสคลอดเอง แต่หมอบอกลูกเราตัวเล็ก ว่าเราตลอดว่าให้นอนเยอะๆ กินเยอะๆ เราจะเปลี่ยนหมอ เพราะอยากคลอดเอง แต่ไม่ให้เปลี่ยนเพราะเชื่อเพื่อนเขาที่เป็นคนปราจีนว่าหมอคนนี้เก่งที่สุด แล้วเราก็น้ำคล่ำแตก ไปโรงพยาบาลเราไม่มีหมอฝากพิเศษจึงเป็นคนไข้ของโรงพยาบาล พอหมอคนนี้มาก็บอกอย่าง หมออีกคนมาก็บอกอย่าง เราอยากย้ายไปโรงพยาบาลเอกชล เขาก็กลัวเรื่องค่าใช้จ่าย จนเราบอกเท่าไรเราก็จ่ายเพราะเป็นชีวิตลูกเรา ช่วยทำให้ด้วย เรารับผิดชอบเอง คลอดเสร็จเราเอาลูกไปเลี้ยงบ้านและตกลงว่าครบ 2 เดือนจะเอาลูกไปอยู่บ้านเขาและกลับไปทำงาน พอไปอยู่บ้านเขาเดือนที่ 3 มีปัญหาหลายอย่าง การเลี้ยงของแม่เขาไม่เหมือนเรา เขาเอาขวดนมลูกเราที่พึ่งซื้อมาให้หลานเขา 4 ขวบกิน แม่เขาป้อนนมเด็ก 2 เดือน 7 ออน ลูกเราท้องอืดเลย (ตอนเราไปซื้อของ) ยอมรับว่าช่วงอยู่บ้านเขาเราก็ไม่ได้ทำตัวน่ารักมาก เพราะเราเองก็เหนื่อยมาก เลี้ยงลูกเอง ทำงานบ้านส่วนของตัวเอง ยอมรับว่าคิดถึงที่บ้านเรามาก อยู่บ้านเราแม่เราช่วยทุกอย่าง ที่แย่ที่สุดไม่มีเงินเพราะเงินประกันสังคมเราใช้ตอนลูกคลอดไปหมดแล้ว เงินเดือนที่ได้มา 45 วันเราก็เอามาซื้อของใช้ลูก พาลูกไปฉีดวัคซีน เครียดมาก แค่จะซื้อปั๊มนมเจ็ดพันกว่าบาทยังต้องขอน้องสาวเลย ทั้งๆที่สองคนเงินเดือนเกือบแปดหมื่น เราให้นมลูกเคยอยากกินของหวานมาก เขาซื้อเค็กก้อน 35 บาทมาให้ เราดีใจที่สุด อาบน้ำเสร็จเราให้เขาเอามาให้เรากิน เขาบอกแบ่งหลานครึ่งนึงนะ เรางี้เออเลย (ไม่ใช่หวงนะค่ะ  แต่คิดว่าทำไมแค่กินเค้กเนี่ยต้องแย่งเด็กเลยหรือ) เลยบอกเขาเราไม่กินแล้ว เราตัดสินใจเอาลูกมาเลี้ยงเองที่ปราจีน ถึงเหนื่อยทำงานเลี้ยงลูกก็ยอม ซึ่งเขาก็ยอมให้เอาลูกมาเลี้ยงโดยจ้างหลานเขามาเลี้ยง ต่อในความคิดเห็นนะค่ะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
หลานเขาติดคุยกับแฟนดึกๆตี2-3 ถึงนอน ทำให้ช่วงกลางวันเอาแต่นอน ไม่ค่อยใส่ใจลูกเรา แต่หลานเขาก็นิสัยดีอยู่ เราบอกเขา เขาก็บอกว่าหลานเขาทำได้แค่นี้ก็ดีแล้ว ช่วงที่หลานเขาอยู่เราแบกรับภาระค่ากิน ค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งๆที่เพิ่งกลับมาทำงานยังไม่มีเงินเดือนเลย  ดีนะที่พอมีเงินเก็บจากการขายของ เราเหนื่อยมาก  ทั้งปั๊มนม งานบ้าน กลับมาลูกงองแงเป็นโคลิค อดนอนทั้งคืน เราเลยหาเนิสให้ลูกอยู่ และให้หลานเขากลับ หลักจากนั้นอาทิตย์หนึ่งวันเสาร์เขาเอารถเข้าศูนย์และจะแวะซื้อของใช้ลูกมาให้เรา เราโทรหาเขาตั้งแต่ 6 โมงยันตี 2 เขาปิดเครื่อง พอวันอาทิตย์เขาบอกว่าจะไม่มา จะเอาของไปให้หลานเขาที่บางแสน เราเลยบอกให้ซื้อถุงใส่น้ำนมด้วย ที่เราอยู่ไม่มี เขารับปาก จน 4 โมงเย็นเขาบอกว่าเขาไม่มาแล้วเขาเหนื่อย เราเลยทะเลาะกัน เขาบอกเราไม่เคยเข้าใจเขา ไม่เข้าใจครอบครัวเขา ถ้าต้องเลือกเขาต้องเลือกครอบครัว เขา เราเลยถามแล้วลูกหล่ะไม่ใช่ครอบครัวเขาใช่ไหม เขาบอกว่าเราอยากมี ก็ทำให้แล้วนิ ก็เลี้ยงไปสิ หลังจากนั้นเรามองหน้าลูก กลัวลูกไม่มีพ่อ เราพยายามง้อเขามาตลอด 4 เดือน เขาบอกเขากลับมาไม่ได้แล้วเพราะเขามี ผญ อีกคนที่รักเขา ช่วยใช้หนี้บัตรเครดิตให้เขา 3 แสน เรางี้อึ้งเลย แล้วเราที่ช่วยมาตลอด ไม่รู้กี่ครั้ง แล้วเด็กคนนี้ที่เขาบอกใครต่อใครว่ารักลูกที่สุด นึกกลับไปเมื่อ 5 ปีที่แล้วที่เราอภัยทุกอย่าง เขากราบเท้าขอโทษเรา เราก็ยอมแล้ว เนี่ยเรากราบเขา เขาไม่ยอม เขาอยากได้อิสระ
    สุดท้ายก็มาเจอแม่ๆกลุ่มหนึ่งที่ให้กำลังใจค่ะ  ยอมรับนะค่ะ ว่ากว่าจะผ่านได้ใช้เวลาเหมือนกัน ขอบคุณแม่รัตที่สอนให้รักตัวเอง  ขอบคุณแม่อ้อที่คอยให้คำปรึกษาและกำลังใจในการเลี้ยงลูก  ขอบคุณแม่ฝ้ายผู้หญิงที่ทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว  และแม่ๆอีกหลายท่านที่เป็นกำลังใจให้กันและกันเสมอมา  ในที่สุดก็ผ่านมาจนได้ค่ะ เพราะเห็นคนอื่นแล้วเขายังผ่านได้เลย ดังนั้นใครที่ท้ออย่างเพิ่งถอยนะ อยู่ได้ค่ะ เพื่อนเขาเล่าว่าเขาเคยบอกเราไม่สวย แต่ดีกับเขามาก ทำให้เขาจากคนที่ไม่ดี มาเป็นคนดี ถึงดีแค่ไหนวันที่เขาไม่อยากได้มันก็ไม่มีค่าค่ะ และวันนี้พร้อมแล้วค่ะ  ที่จะเป็นทั้งแม่และพ่อให้กับเด็กน้อยธันๆ  ถึงแม้เขาจะดื้อ และซนมาก แต่นู๋คือของขวัญจากหลวงพ่อเงินที่ให้ม่าม๊า ขอบคุณแม่ๆทุกคนที่เป็นกำลังใจให้กันเสมอมา  ไม่เหงาอีกเลยตั้งแต่มีกลุ่มไลน์คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว   ทุกวันนี้ชีวิตดี๊ดีจ้า จากที่เคยร้อนเป็นไฟ  เพราะอยู่กับเขาเรามีแต่ปัญหา  มาวันนี้เป็นเหมือนสายลมค่ะ  ที่อาจมีลมร้อนเป็นพักๆ  แต่ก็มีลมเย็นให้คนรอบข้าง  รู้จักรักแม่และครอบครัวมากขึ้น  เพราะวันที่เราล้มมีแต่ครอบครัวโอบเราไว้  และชีวิตที่เคยโวยวาย  ลดลงเยอะเลยค่ะ  เพราะความเป็นแม่เปลี่ยน ผญ คนหนึ่งที่เห็นแก่ตัว  ให้เห็นแก่ลูก  อะไรที่ไม่ดีไม่ทำ  เพราะไม่อยากให้ลูกเห็นสิ่งไม่ดี  อยากให้ลูกเป็นอย่างไร  เราต้องเป็นอย่างนั้นค่ะ  ลูกปูจะเดินตรงได้อย่างไร  ในเมื่อแม่ปูเดินเบี้ยวจริงไหมค่ะ  และสิ่งที่ได้เรียนรู้มา   ขอบคุณความทุกข์ที่สอนให้เห็นสัจจะธรรม  ที่บอกเห็นทุกข์เห็นธรรมจริงๆค่ะ  ผญ คนนี้รู้จักตัวเองมากขึ้น  จากเดิมที่เป็นคนพูดตรง  แต่ปัจจุบันไม่ตรงเป็นท่ออีกแล้ว  แต่ไม่พูดปดนะค่ะ  และเรื่องทั้งหมดที่ลงมายินดีค่ะ  ใครจะมีความคิดเห็นอย่างไร  น้อมรับค่ะ  เพราะวัตถุประสงค์ที่เขียนเรื่องนี้ลงเพื่อให้แม่ๆที่มีปัญหาและอยากได้คำปรึกษาไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงลูก  หรือพูดคุย  เชิญที่ห้อง FB  เลี้ยงเดี่ยวเพื่อลูก มีแม่ๆที่ผ่านประสบการณ์มาพร้อมให้คำแนะนำ  เราพร้อมเป็นเพื่อนคุณค่ะ
  สุดท้ายขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่เจอปัญหานะค่ะ  คิดบวกทำให้ชีวิตเปลี่ยนจริงๆค่ะ  ความสุขอยู่ที่ตัวเรา  ไม่ใช่ปลายเท้าใคร เราสร้างความสุขได้แค่ยอมรับความจริงค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่