(นิยายเรื่องนี้อาจมีลิขสิทธิ์)
“เพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่าน เราขอแนะนำให้ท่านผู้อ่านหลับตาแล้วนึกย้อนเวลากลับไปสู่อดีตอันไกลแสนไกลพร้อมกับเรา ถอยหลังกลับไปสู่วัยเด็กก่อนที่ท่านจะจำความได้ ถอยหลังไปอีก..ผ่านช่วงเวลาที่ท่านลืมตาดูโลกเป็นครั้งแรก..ย้อนกลับเข้าไปในท้องของมารดาซึ่งเวลานั้นกำลังตั้งครรภ์ท่านอยู่ ถอยหลังกลับไปเรื่อยๆ พร้อมกับอายุครรภ์ที่ลดลงทุกขณะ ไปสู่วาระแรกของความเป็นมนุษย์ที่อุบัติขึ้นมาในครรภ์ ก่อนหน้านั้นอีกนิดเดียวตอนนั้นท่านยังอยู่ในน้ำอสุจิ ถอยออกมาจากช่องคลอดของมารดาแล้วกลับเข้าไปอยู่ในองคชาตของผู้เป็นบิดาของท่าน เหตุการณ์ทั้งหมดของเรื่องนี้ เริ่มต้นที่นั่น..”
บทที่ 1
โรงเรียนอัณฑะวิทยา
“เอ้า..! เงียบๆ กันหน่อย” เสียงคุณครูยีนตะโกนลั่นเมื่อในห้องเรียนของสเปิร์มอนุบาลเต็มไปด้วยเสียงกระจองอแงเซ็งแซ่ไปหมด สเปิร์มเหล่านี้ไม่รู้ที่มาของตัวเองและไม่รู้ด้วยว่าทำไมจึงต้องส่งพวกเขามายัดทะนานกันอยู่ในห้องโถงรูปสี่เหลี่ยมที่มีพื้นผิวของผนังทุกด้านเชื่อมต่อกันเป็นผืนเดียวเช่นนี้ ความไม่รู้ผนวกกับต้องมาเจอกับเพื่อนแปลกหน้าที่ต่างฝ่ายต่างไม่รู้จักกันมาก่อนทำให้พวกเขาต้องร้องแรกแหกกระเฌอเพื่อป้องกันตัวเองและเรียกร้องความสนใจกันไว้ก่อน
เสียงของสเปิร์มขนาดเล็กบ้างใหญ่บ้าง หัวกลมๆ หางเรียวๆ ยาวๆ จำนวนกว่าห้าล้านตัวที่ขยับขยุกขยิกอยู่ในน้ำเมือกสีใสเป็นมันเลื่อมที่ฉาบอยู่บนพื้นต้องหยุดลงชั่วขณะแล้วหันไปให้ความสนใจหน้าชั้นเรียนเมื่อคุณครูผู้มีลักษณะลำตัวเหมือนเส้นด้ายที่วนรอบตัวเองเป็นเกลียวสปริงตัวหนึ่งสั่นกระดิ่งที่อยู่ในมือเป็นเสียงดัง แก๊ง ๆ ๆ ๆ..รัวอย่างต่อเนื่อง
“โอ..วิเศษมาก” คุณครูยีนกุมมือทั้งสองเข้าด้วยกันแล้วยิ้มอย่างพอใจที่เห็นนักเรียนอยู่ในความสงบแล้ว เธอรีบฉวยโอกาสขณะที่เด็กนักเรียนยังไม่ละสายตาไปจากเธอเริ่มต้นการสอนในทันที
“ ต่อไปนี้พวกเธอคือนักเรียนของโรงเรียนอัณฑะวิทยา โรงเรียนแห่งเดียวในร่างกายมนุษย์ที่จะสอนให้พวกเธอเรียนรู้วิธีการพัฒนาตนเองเพื่อก้าวไปสู่การเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ”
“มนุษย์เหรอ..! ทำไมเราต้องเป็นมนุษย์ด้วยล่ะ เราเป็นสเปิร์มอย่างนี้ตลอดไปไม่ได้เหรอ” สเปิร์มเจ้าปัญหาตัวหนึ่งที่นั่งอยู่แถวหน้าถามขึ้นมาอย่างฉะฉาน
“กระบวนการทางธรรมชาติได้สร้างให้มนุษย์มีระบบสืบพันธุ์เพื่อขยายเผ่าพันธุ์ของตัวเอง โดยมนุษย์เพศหญิงทำหน้าที่ผลิตเซลล์ไข่เพื่อรอให้มนุษย์เพศชายผลิตสเปิร์มมาผสมพันธุ์กัน พวกเธอก็เป็นผลผลิตของระบบสืบพันธุ์ในมนุษย์เพศชายเพื่อใช้ในการผสมพันธุ์นั่นเอง” คุณครูยีนอธิบายไป ลำตัวที่เหมือนเส้นด้ายก็หมุนวนตามจังหวะการพูดไปด้วย
ภาพที่ 1 ระบบอวัยวะสืบพันธุ์เพศชาย
“งั้นถ้าไม่มีพวกเรา มนุษย์ก็เกิดขึ้นไม่ได้” สเปิร์มอีกตัวสรุปง่ายๆ
“ถูกต้องเลยจ้ะ..แต่ในทางกลับกัน ถ้าไม่มีมนุษย์ พวกเราก็เกิดขึ้นมาไม่ได้เช่นกัน เราจึงจำเป็นต้องสร้างมนุษย์เพื่อให้มนุษย์สร้างพวกเราอีกที เผ่าพันธุ์ของมนุษยชาติจึงจะดำรงอยู่” คุณครูยีนกล่าวยิ้มๆ เหล่าสเปิร์มก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เช่นกันเพราะเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจที่ตัวเองมีความสำคัญต่อมนุษย์ไม่น้อยกว่าที่มนุษย์มีต่อพวกเขา
“แม้ว่า พวกเธอจะมีความสำคัญต่อมนุษย์แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า มนุษย์จะเลี้ยงพวกเธอตลอดไป..” คุณครูยีนหยุดนิดนึงเพื่อดึงจังหวะให้นักเรียนตั้งข้อสงสัยขึ้นในใจก่อนจะอธิบายต่อ
“มนุษย์ให้ที่พักพิงแก่สเปิร์มเพียงช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น เมื่อพวกเธอเติบโตเต็มที่และพร้อมจะออกปฏิบัติการได้แล้ว พวกเธอจะต้องถูกส่งออกไปเพื่อผสมพันธุ์ หรือมิฉะนั้น..” คุณครูยีนหยุดเพื่อดึงความสนใจอีกครั้งก่อนที่จะพูดประโยคสำคัญ
“ก็จะต้องถูกกำจัดทิ้งไปด้วยระบบฉีดทิ้งของมนุษย์เพศชาย” คุณครูยีนหันไปเขียนคำว่า ฉีดทิ้ง ตัวโตบนกระดานดำ เหล่าสเปิร์มฟังแล้วก็เกิดอาการเสียววูบในทันทีเพราะไม่คิดว่าตนเองที่ควรจะถูกยกย่องว่าเป็นผู้ให้กำเนิดมนุษย์จะต้องจบชีวิตลงด้วยวิธีการที่น่าอเนจอนาถเช่นนั้น
“หมายความว่ายังไง พวกเราในห้องนี้ไม่ได้ไปเกิดเป็นมนุษย์กันหมดหรอกหรือ” นักเรียนสเปิร์มตัวหนึ่งตั้งคำถามด้วยความไม่พอใจเมื่อเริ่มรู้สึกถึงความไม่มั่นคงในชีวิตขึ้นมา
“มนุษย์คนนี้ผลิตสเปิร์มได้ทุกวันตั้งแต่เขาอายุ 12 ปี และฉีดมันออกไปสัปดาห์ละ 2 ครั้งๆ ละ 100 ถึง 200ล้านตัวเรื่อยมา ตอนนี้เขาอายุ 23 ปีแล้ว ถ้าทุกตัวได้ไปเกิดเป็นมนุษย์หมด ครูคิดว่าบนโลกที่เขาอยู่คงไม่มีที่ยืนสำหรับมนุษย์อย่างแน่นอน”
“โลกของเขาใบเล็กขนาดนั้นเลยเหรอ” สเปิร์มอนุบาลที่ตัวเล็กที่สุดถามอย่างพาซื่อ ทำเอาคุณครูยีนกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่
“ไม่หรอกจ้ะ โลกมนุษย์กว้างใหญ่ไพศาลก็จริง แต่ก็มีขนาดสมดุลกับจำนวนมนุษย์ที่มีอยู่ โดยปกติมนุษย์คนหนึ่งจะผลิตลูกไม่เกิน 5 คนในช่วงชีวิตของเขา ทั้งๆ ที่เขาสามารถผลิตได้มากกว่านั้น แต่บนโลกมนุษย์ไม่มีอาหารและปัจจัยในการดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพเพียงพอ มนุษย์จึงเลือกที่จะมีลูกในจำนวนที่พวกเขาสามารถเลี้ยงดูได้อย่างมีความสุข”
“แล้ว..ถ้าอย่างนั้น ในบรรดาพวกเราทั้งหมดจะมีโอกาสไปเกิดเป็นมนุษย์ได้สักกี่ตัวล่ะ” สเปิร์มเพศหญิงตัวหนึ่งในบรรดานักเรียนแถวหน้าชูคอขึ้นถามด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น
คุณครูยีนไม่ตอบในทันที เธอขดลำตัวเข้าแล้วคลายออกเพื่อเคลื่อนที่ไปข้างหน้าและทำซ้ำอีกครั้งเพื่อให้กลับมาหยุดลงตรงที่เดิมเพื่อใช้เวลาทำใจและรวบรวมสติก่อนจะหันมากล่าวด้วยสุ้มเสียงที่แผ่วลงจากเดิม
“จะว่าไปแล้ว พวกเธอในชั้นเรียนนี้มีจำนวนแค่เพียงหยดเดียวของน้ำเชื้อจำนวนนับร้อยหยดที่โรงเรียนเราจะส่งออกไปผสมพันธุ์เท่านั้น ซึ่งในจำนวนที่ว่าทั้งหมดอาจจะมีสักหนึ่ง..หรือสองตัวเป็นอย่างมากที่ได้ไปเกิด บางทีก็..ไม่มีสักตัวเลยซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ” คุณครูยีนกล่าวพลางยิ้มพลาง เธอคงทำได้อย่างดีที่สุดแค่นี้ในการให้ความหวังในสิ่งที่แม้แต่ตัวเธอก็ยังไม่กล้าหวัง ขณะที่เกิดเสียงฮือของเหล่าสเปิร์มดังขึ้นจนอื้ออึง กว่าครึ่งของสเปิร์มในชั้นเรียนเริ่มอยู่ไม่สุขขึ้นมาในทันที
“แล้ว..เอ่อ..คุณครูคิดว่า พวกเราจะมีชีวิตอยู่ได้ยืนยาวก่อนอาหารมื้อต่อไปหรือเปล่า” คำถามพาซื่อของสเปิร์มหัวโตตัวอ้วนๆ ที่นั่งอยู่แถวหน้าพร้อมด้วยสีหน้ากังวลทำให้คุณครูยีนรู้สึกทั้งอยากหัวเราะและร้องไห้ออกมาในเวลาเดียวกัน ติดอยู่ที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นทำอย่างไหนก่อนดี
“ถ้าเธอผ่านพ้นห้องเรียนนี้ไปได้ก็จะได้รับประทานอาหารกันแน่นอน” คุณครูยีนให้คำมั่นด้วยยิ้มที่พยายามแย้มออกมาอย่างเต็มที่
“แล้วทำไมมนุษย์ต้องกำจัดเราด้วย เขาให้เราอยู่ในนี้ตลอดไปไม่ได้หรือไง” สเปิร์มเพศหญิงเสียงใสแจ๋วเจ้าปัญหาที่นั่งอยู่แถวหน้าตัวเดิมสงสัยต่อ
“ธรรมชาติได้สร้างระบบคัดเลือกสายพันธุ์ที่ดีที่สุดในร่างกายมนุษย์ออกมา สเปิร์มที่อ่อนแอกว่า ด้อยคุณภาพกว่าจะถูกระบบคัดกรองที่ร่างกายมนุษย์สร้างขึ้นกำจัดออกไปในแต่ละขั้นตอน เนื่องจากมนุษย์เพศหญิงปกติจะตกไข่ได้ครั้งละฟองในแต่ละเดือน ทำให้ผลิตมนุษย์ได้แค่ครั้งละคนเท่านั้น ในขณะที่มีสเปิร์มไม่ต่ำกว่า 100 ล้านตัวถูกฉีดออกไปผสมพันธุ์ในแต่ละครั้ง ตัวที่เก่งและแข็งแรงที่สุดจึงจะพิชิตไข่ฟองนั้นได้ ที่เหลือก็ต้องตายหมด”
“แล้วทำไมมนุษย์เพศหญิงไม่ตกไข่คราวละหลายๆ ฟองล่ะ ในเมื่อมนุษย์เพศชายยังผลิตสเปิร์มได้ทีละหลายๆ ล้านตัวน่ะ” สเปิร์มเพศชายตัวหนึ่งถามอย่างไร้เดียงสา
“นั่นน่ะสิ ธรรมชาติทำอย่างนี้ไม่ยุติธรรมเลย” มีเสียงสเปิร์มขานรับอย่างสอดคล้องในประเด็นนี้ทันที
“อืมม์..ก็เป็นคำถามที่ดีนะ” คุณครูยีนยังยิ้มรับอยู่เช่นเดิม วิธีคิดของธรรมชาติเป็นสิ่งที่เธอเองก็ไม่ได้เห็นด้วยไปเสียทั้งหมด โดยเฉพาะการที่ต้องมาคอยแก้ต่างให้กับธรรมชาติเรื่อยไปอย่างนี้
“มนุษย์เพศหญิงอาจตกไข่มากกว่าครั้งละหนึ่งฟองก็ได้ แต่มันไม่เกิดขึ้นบ่อยนักหรอก ถ้าพวกเธอได้เห็นมนุษย์เพศหญิงตัวจริงแล้วล่ะก็ อาจจะเห็นด้วยกับธรรมชาติที่ยอมให้เธออุ้มท้องมนุษย์ได้ครั้งละหนึ่งคนก็ได้” แม้คุณครูยีนจะพยายามให้เหตุผลทางด้านสรีระแต่สเปิร์มหลายตัวก็ยังแสดงออกทางสีหน้าว่าไม่เห็นด้วยอยู่ดี
“ถ้าธรรมชาติยุติธรรมเสียหน่อย ก็น่าจะสร้างให้มนุษย์คนนี้ผลิตสเปิร์มได้ครั้งละหนึ่งตัวบ้างสิ” สเปิร์มสาวน้อยตัวหนึ่งขว้างค้อนด้วยสายตาใส่ธรรมชาติอย่างแค้นใจ
“หูย..ย..ถ้า..ถ้าเป็นอย่างนั้น ใครล่ะจะเป็นสเปิร์มหนึ่งเดียวตัวนั้นน่ะ” สเปิร์มเพศชายที่นั่งอยู่ข้างๆ ถามกลับทันที ขณะที่สเปิร์มทุกตัวก็เหลียวมองเพื่อนๆ ที่อยู่ข้างกายของตนด้วยความรู้สึกไม่ต่างกันสักเท่าใด ทุกตัวคาดหวังว่าตนเองจะเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งนั้นแต่เพื่อนๆ ที่เหลือจะเอาไปทิ้งไว้ไหน ยังนึกกันไม่ออก
“แล้วตอนนี้ มนุษย์คนนี้มีลูกกี่คนแล้วล่ะ” สเปิร์มนักคำนวณตัวหนึ่งโพล่งออกมา เขากำลังรวบรวมข้อมูลที่เป็นตัวเลขเพื่อคำนวณหาโอกาสของตัวเองอยู่อย่างขะมักเขม้น
“ยังไม่มีเลยซักคนเดียว” คุณครูยีนเลือกตอบเฉพาะประเด็นที่เธออยากตอบ โดยปล่อยให้ข้อสงสัยเกี่ยวกับความไม่ยุติธรรมของธรรมชาติตกไปอย่างช่วยไม่ได้
“ยังไม่มี..! ถ้างั้น..คุณครูหมายความว่า สเปิร์มที่ถูกฉีดไปในรอบสิบปีที่ผ่านมาก็ตายทั้งหมดน่ะสิ” สเปิร์มนักคำนวณตัวนั้นใจแป้วในทันที โอกาสอันน้อยนิดที่เขาวาดหวังเอาไว้มลายไปจนหมดสิ้น
คุณครูยีนพยักหน้าอย่างช้าๆ ช้าที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ แต่คราวนี้ไม่มีรอยยิ้มปรากฏให้เห็น เธอไม่อาจฝืนธรรมชาติไปได้ตลอด
“แต่ก็ไม่แน่นะ พวกเธออาจจะมีโอกาสที่ดีกว่าก็ได้เพราะตอนนี้เขาคนนี้เรียนจบแล้วและกำลังคบหาอยู่กับแฟนสาวของเขา ซึ่งทั้งคู่มีแผนจะแต่งงานกันในไม่ช้านี้” คุณครูยีนหวังว่า นี่จะเป็นข่าวดีสำหรับลูกศิษย์ทุกคลาสต่อจากนี้ไป ไม่ใช่แต่เฉพาะพวกสเปิร์มเท่านั้น แต่บรรดาคุณครูที่สอนอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้ก็เฝ้ารอความหวังนี้มานานแสนนานแล้วเช่นกัน การที่ผลิตลูกศิษย์ชั้นดีมีคุณภาพออกไปจำนวนมากไม่เกิดประโยชน์อันใดเลยหากไม่มีประสิทธิผลออกมาให้ชื่นชม
“แล้วแฟนสาวของเขาจะผลิตไข่ออกมามากกว่าครั้งละหนึ่งฟองหรือเปล่า” สเปิร์มตัวที่จบโอกาสของตนเองไปแล้วก่อนหน้านี้รีบกลับมาคำนวณหาความหวังใหม่อีกครั้งทันที
“เอ่อ..อ..บอกตามตรงนะว่า ครูไม่รู้หรอก และธรรมชาติก็ตอบคำถามข้อนี้ไม่ได้ด้วย เพราะการผลิตไข่ในแต่ละรอบเดือนขึ้นอยู่กับภาวการณ์หลายอย่าง ทั้งพันธุกรรม ..อายุ ..อารมณ์ ..สิ่งแวดล้อมที่ส่งผลต่อผู้หญิงในช่วงเวลานั้น และที่สำคัญ มันไม่เหมือนกันทุกเดือน บางเดือนอาจมีมากกว่าหนึ่งฟอง หรือ บางเดือนไม่มีเลยซักฟองเดียว” คราวนี้คุณครูยีนสารภาพเองว่า เธอเองก็ไม่เข้าใจกลไกของธรรมชาติ (อีกแล้ว) เช่นกัน
“เฮ้อ..หมดกัน ความหวังเรา” สเปิร์มผู้ชอบคำนวณเอาหางกุมขมับ ในเมื่อข้อมูลเบื้องต้นไม่แน่ชัดก็ป่วยการจะคำนวณหาโอกาสต่อ
“มันไม่ใช่เรื่องผิดปกติหรอกที่มนุษย์เพศหญิงจะตกไข่ได้มากกว่าครั้งละหนึ่งฟอง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องปกติเช่นกันที่มนุษย์เพศหญิงจะอุ้มท้องลูกของเธอมากกว่าครั้งละ 1 คน เพราะสเปิร์มที่ไปเกิดในท้องของเธอจะตัวโตขึ้นเรื่อยๆ ๆ ๆ ตลอดระยะเวลา 9 เดือนของการตั้งครรภ์จนตัวใหญ่กว่าห้องที่พวกเราเรียนอยู่นี่เสียอีก”
นักเรียนทุกตัวกวาดตามองไปรอบๆ ห้องแล้วทำปากเหมือนร้อง..อู้ฮู
เพื่อให้นักเรียนเห็นภาพของความยากลำบาก คุณครูยีนก็ตรงเข้าไปช้อนร่างของสเปิร์มตัวหนึ่งขึ้นมาอุ้มแล้วค่อยๆ เปลี่ยนสีหน้าเป็นคนอมทุกข์ ขณะที่ร่างที่บอบบางเหมือนเส้นด้ายของเธอก็ขยายวงให้กว้างขึ้นและเตี้ยลงไปทุกที
“คราวนี้ถ้าครูต้องอุ้มคราวละสองตัว” กล่าวจบก็ก้มลงไปช้อนสเปิร์มอีกตัวหนึ่งขึ้นมาไว้ในวงแขนอีกข้าง ใบหน้าของคุณครูยีนก็เริ่มเปลี่ยนไปอีก คราวนี้เหมือนกำลังอมอะไรอยู่ในปากแล้วกลืนไม่ได้คายก็ไม่ออก ดวงตาทั้งสองข้างเหลือกขึ้นทีละน้อยๆ จนโปนออกเหมือนปลาปักเป้า ขณะที่รูปร่างก็อ้วนขึ้นๆ แต่เตี้ยลงไปทุกขณะ จนตัวกลมเหมือนลูกฟุตบอลชายหาด
“ถ้า..ต้องอุ้มพวกเธอสองคนเอาไว้ที่เอวฉันนาน 9 เดือน ฉันขอตายตรงนี้ดีกว่า” ว่าแล้วคุณครูยีนก็ทรุดลงไปนอนแผ่กับพื้นโดยมีนักเรียนทั้งสองตัวนั่งทับอยู่ตรงหน้าท้อง เรียกเสียงหัวเราะจากสเปิร์มได้ลั่นห้อง
**กว่าจะเป็นพวกเธอในวันนี้ (The sperm's story)**
โรงเรียนอัณฑะวิทยา
“เอ้า..! เงียบๆ กันหน่อย” เสียงคุณครูยีนตะโกนลั่นเมื่อในห้องเรียนของสเปิร์มอนุบาลเต็มไปด้วยเสียงกระจองอแงเซ็งแซ่ไปหมด สเปิร์มเหล่านี้ไม่รู้ที่มาของตัวเองและไม่รู้ด้วยว่าทำไมจึงต้องส่งพวกเขามายัดทะนานกันอยู่ในห้องโถงรูปสี่เหลี่ยมที่มีพื้นผิวของผนังทุกด้านเชื่อมต่อกันเป็นผืนเดียวเช่นนี้ ความไม่รู้ผนวกกับต้องมาเจอกับเพื่อนแปลกหน้าที่ต่างฝ่ายต่างไม่รู้จักกันมาก่อนทำให้พวกเขาต้องร้องแรกแหกกระเฌอเพื่อป้องกันตัวเองและเรียกร้องความสนใจกันไว้ก่อน
เสียงของสเปิร์มขนาดเล็กบ้างใหญ่บ้าง หัวกลมๆ หางเรียวๆ ยาวๆ จำนวนกว่าห้าล้านตัวที่ขยับขยุกขยิกอยู่ในน้ำเมือกสีใสเป็นมันเลื่อมที่ฉาบอยู่บนพื้นต้องหยุดลงชั่วขณะแล้วหันไปให้ความสนใจหน้าชั้นเรียนเมื่อคุณครูผู้มีลักษณะลำตัวเหมือนเส้นด้ายที่วนรอบตัวเองเป็นเกลียวสปริงตัวหนึ่งสั่นกระดิ่งที่อยู่ในมือเป็นเสียงดัง แก๊ง ๆ ๆ ๆ..รัวอย่างต่อเนื่อง
“โอ..วิเศษมาก” คุณครูยีนกุมมือทั้งสองเข้าด้วยกันแล้วยิ้มอย่างพอใจที่เห็นนักเรียนอยู่ในความสงบแล้ว เธอรีบฉวยโอกาสขณะที่เด็กนักเรียนยังไม่ละสายตาไปจากเธอเริ่มต้นการสอนในทันที
“ ต่อไปนี้พวกเธอคือนักเรียนของโรงเรียนอัณฑะวิทยา โรงเรียนแห่งเดียวในร่างกายมนุษย์ที่จะสอนให้พวกเธอเรียนรู้วิธีการพัฒนาตนเองเพื่อก้าวไปสู่การเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ”
“มนุษย์เหรอ..! ทำไมเราต้องเป็นมนุษย์ด้วยล่ะ เราเป็นสเปิร์มอย่างนี้ตลอดไปไม่ได้เหรอ” สเปิร์มเจ้าปัญหาตัวหนึ่งที่นั่งอยู่แถวหน้าถามขึ้นมาอย่างฉะฉาน
“กระบวนการทางธรรมชาติได้สร้างให้มนุษย์มีระบบสืบพันธุ์เพื่อขยายเผ่าพันธุ์ของตัวเอง โดยมนุษย์เพศหญิงทำหน้าที่ผลิตเซลล์ไข่เพื่อรอให้มนุษย์เพศชายผลิตสเปิร์มมาผสมพันธุ์กัน พวกเธอก็เป็นผลผลิตของระบบสืบพันธุ์ในมนุษย์เพศชายเพื่อใช้ในการผสมพันธุ์นั่นเอง” คุณครูยีนอธิบายไป ลำตัวที่เหมือนเส้นด้ายก็หมุนวนตามจังหวะการพูดไปด้วย
ภาพที่ 1 ระบบอวัยวะสืบพันธุ์เพศชาย
“งั้นถ้าไม่มีพวกเรา มนุษย์ก็เกิดขึ้นไม่ได้” สเปิร์มอีกตัวสรุปง่ายๆ
“ถูกต้องเลยจ้ะ..แต่ในทางกลับกัน ถ้าไม่มีมนุษย์ พวกเราก็เกิดขึ้นมาไม่ได้เช่นกัน เราจึงจำเป็นต้องสร้างมนุษย์เพื่อให้มนุษย์สร้างพวกเราอีกที เผ่าพันธุ์ของมนุษยชาติจึงจะดำรงอยู่” คุณครูยีนกล่าวยิ้มๆ เหล่าสเปิร์มก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เช่นกันเพราะเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจที่ตัวเองมีความสำคัญต่อมนุษย์ไม่น้อยกว่าที่มนุษย์มีต่อพวกเขา
“แม้ว่า พวกเธอจะมีความสำคัญต่อมนุษย์แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า มนุษย์จะเลี้ยงพวกเธอตลอดไป..” คุณครูยีนหยุดนิดนึงเพื่อดึงจังหวะให้นักเรียนตั้งข้อสงสัยขึ้นในใจก่อนจะอธิบายต่อ
“มนุษย์ให้ที่พักพิงแก่สเปิร์มเพียงช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น เมื่อพวกเธอเติบโตเต็มที่และพร้อมจะออกปฏิบัติการได้แล้ว พวกเธอจะต้องถูกส่งออกไปเพื่อผสมพันธุ์ หรือมิฉะนั้น..” คุณครูยีนหยุดเพื่อดึงความสนใจอีกครั้งก่อนที่จะพูดประโยคสำคัญ
“ก็จะต้องถูกกำจัดทิ้งไปด้วยระบบฉีดทิ้งของมนุษย์เพศชาย” คุณครูยีนหันไปเขียนคำว่า ฉีดทิ้ง ตัวโตบนกระดานดำ เหล่าสเปิร์มฟังแล้วก็เกิดอาการเสียววูบในทันทีเพราะไม่คิดว่าตนเองที่ควรจะถูกยกย่องว่าเป็นผู้ให้กำเนิดมนุษย์จะต้องจบชีวิตลงด้วยวิธีการที่น่าอเนจอนาถเช่นนั้น
“หมายความว่ายังไง พวกเราในห้องนี้ไม่ได้ไปเกิดเป็นมนุษย์กันหมดหรอกหรือ” นักเรียนสเปิร์มตัวหนึ่งตั้งคำถามด้วยความไม่พอใจเมื่อเริ่มรู้สึกถึงความไม่มั่นคงในชีวิตขึ้นมา
“มนุษย์คนนี้ผลิตสเปิร์มได้ทุกวันตั้งแต่เขาอายุ 12 ปี และฉีดมันออกไปสัปดาห์ละ 2 ครั้งๆ ละ 100 ถึง 200ล้านตัวเรื่อยมา ตอนนี้เขาอายุ 23 ปีแล้ว ถ้าทุกตัวได้ไปเกิดเป็นมนุษย์หมด ครูคิดว่าบนโลกที่เขาอยู่คงไม่มีที่ยืนสำหรับมนุษย์อย่างแน่นอน”
“โลกของเขาใบเล็กขนาดนั้นเลยเหรอ” สเปิร์มอนุบาลที่ตัวเล็กที่สุดถามอย่างพาซื่อ ทำเอาคุณครูยีนกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่
“ไม่หรอกจ้ะ โลกมนุษย์กว้างใหญ่ไพศาลก็จริง แต่ก็มีขนาดสมดุลกับจำนวนมนุษย์ที่มีอยู่ โดยปกติมนุษย์คนหนึ่งจะผลิตลูกไม่เกิน 5 คนในช่วงชีวิตของเขา ทั้งๆ ที่เขาสามารถผลิตได้มากกว่านั้น แต่บนโลกมนุษย์ไม่มีอาหารและปัจจัยในการดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพเพียงพอ มนุษย์จึงเลือกที่จะมีลูกในจำนวนที่พวกเขาสามารถเลี้ยงดูได้อย่างมีความสุข”
“แล้ว..ถ้าอย่างนั้น ในบรรดาพวกเราทั้งหมดจะมีโอกาสไปเกิดเป็นมนุษย์ได้สักกี่ตัวล่ะ” สเปิร์มเพศหญิงตัวหนึ่งในบรรดานักเรียนแถวหน้าชูคอขึ้นถามด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น
คุณครูยีนไม่ตอบในทันที เธอขดลำตัวเข้าแล้วคลายออกเพื่อเคลื่อนที่ไปข้างหน้าและทำซ้ำอีกครั้งเพื่อให้กลับมาหยุดลงตรงที่เดิมเพื่อใช้เวลาทำใจและรวบรวมสติก่อนจะหันมากล่าวด้วยสุ้มเสียงที่แผ่วลงจากเดิม
“จะว่าไปแล้ว พวกเธอในชั้นเรียนนี้มีจำนวนแค่เพียงหยดเดียวของน้ำเชื้อจำนวนนับร้อยหยดที่โรงเรียนเราจะส่งออกไปผสมพันธุ์เท่านั้น ซึ่งในจำนวนที่ว่าทั้งหมดอาจจะมีสักหนึ่ง..หรือสองตัวเป็นอย่างมากที่ได้ไปเกิด บางทีก็..ไม่มีสักตัวเลยซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ” คุณครูยีนกล่าวพลางยิ้มพลาง เธอคงทำได้อย่างดีที่สุดแค่นี้ในการให้ความหวังในสิ่งที่แม้แต่ตัวเธอก็ยังไม่กล้าหวัง ขณะที่เกิดเสียงฮือของเหล่าสเปิร์มดังขึ้นจนอื้ออึง กว่าครึ่งของสเปิร์มในชั้นเรียนเริ่มอยู่ไม่สุขขึ้นมาในทันที
“แล้ว..เอ่อ..คุณครูคิดว่า พวกเราจะมีชีวิตอยู่ได้ยืนยาวก่อนอาหารมื้อต่อไปหรือเปล่า” คำถามพาซื่อของสเปิร์มหัวโตตัวอ้วนๆ ที่นั่งอยู่แถวหน้าพร้อมด้วยสีหน้ากังวลทำให้คุณครูยีนรู้สึกทั้งอยากหัวเราะและร้องไห้ออกมาในเวลาเดียวกัน ติดอยู่ที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นทำอย่างไหนก่อนดี
“ถ้าเธอผ่านพ้นห้องเรียนนี้ไปได้ก็จะได้รับประทานอาหารกันแน่นอน” คุณครูยีนให้คำมั่นด้วยยิ้มที่พยายามแย้มออกมาอย่างเต็มที่
“แล้วทำไมมนุษย์ต้องกำจัดเราด้วย เขาให้เราอยู่ในนี้ตลอดไปไม่ได้หรือไง” สเปิร์มเพศหญิงเสียงใสแจ๋วเจ้าปัญหาที่นั่งอยู่แถวหน้าตัวเดิมสงสัยต่อ
“ธรรมชาติได้สร้างระบบคัดเลือกสายพันธุ์ที่ดีที่สุดในร่างกายมนุษย์ออกมา สเปิร์มที่อ่อนแอกว่า ด้อยคุณภาพกว่าจะถูกระบบคัดกรองที่ร่างกายมนุษย์สร้างขึ้นกำจัดออกไปในแต่ละขั้นตอน เนื่องจากมนุษย์เพศหญิงปกติจะตกไข่ได้ครั้งละฟองในแต่ละเดือน ทำให้ผลิตมนุษย์ได้แค่ครั้งละคนเท่านั้น ในขณะที่มีสเปิร์มไม่ต่ำกว่า 100 ล้านตัวถูกฉีดออกไปผสมพันธุ์ในแต่ละครั้ง ตัวที่เก่งและแข็งแรงที่สุดจึงจะพิชิตไข่ฟองนั้นได้ ที่เหลือก็ต้องตายหมด”
“แล้วทำไมมนุษย์เพศหญิงไม่ตกไข่คราวละหลายๆ ฟองล่ะ ในเมื่อมนุษย์เพศชายยังผลิตสเปิร์มได้ทีละหลายๆ ล้านตัวน่ะ” สเปิร์มเพศชายตัวหนึ่งถามอย่างไร้เดียงสา
“นั่นน่ะสิ ธรรมชาติทำอย่างนี้ไม่ยุติธรรมเลย” มีเสียงสเปิร์มขานรับอย่างสอดคล้องในประเด็นนี้ทันที
“อืมม์..ก็เป็นคำถามที่ดีนะ” คุณครูยีนยังยิ้มรับอยู่เช่นเดิม วิธีคิดของธรรมชาติเป็นสิ่งที่เธอเองก็ไม่ได้เห็นด้วยไปเสียทั้งหมด โดยเฉพาะการที่ต้องมาคอยแก้ต่างให้กับธรรมชาติเรื่อยไปอย่างนี้
“มนุษย์เพศหญิงอาจตกไข่มากกว่าครั้งละหนึ่งฟองก็ได้ แต่มันไม่เกิดขึ้นบ่อยนักหรอก ถ้าพวกเธอได้เห็นมนุษย์เพศหญิงตัวจริงแล้วล่ะก็ อาจจะเห็นด้วยกับธรรมชาติที่ยอมให้เธออุ้มท้องมนุษย์ได้ครั้งละหนึ่งคนก็ได้” แม้คุณครูยีนจะพยายามให้เหตุผลทางด้านสรีระแต่สเปิร์มหลายตัวก็ยังแสดงออกทางสีหน้าว่าไม่เห็นด้วยอยู่ดี
“ถ้าธรรมชาติยุติธรรมเสียหน่อย ก็น่าจะสร้างให้มนุษย์คนนี้ผลิตสเปิร์มได้ครั้งละหนึ่งตัวบ้างสิ” สเปิร์มสาวน้อยตัวหนึ่งขว้างค้อนด้วยสายตาใส่ธรรมชาติอย่างแค้นใจ
“หูย..ย..ถ้า..ถ้าเป็นอย่างนั้น ใครล่ะจะเป็นสเปิร์มหนึ่งเดียวตัวนั้นน่ะ” สเปิร์มเพศชายที่นั่งอยู่ข้างๆ ถามกลับทันที ขณะที่สเปิร์มทุกตัวก็เหลียวมองเพื่อนๆ ที่อยู่ข้างกายของตนด้วยความรู้สึกไม่ต่างกันสักเท่าใด ทุกตัวคาดหวังว่าตนเองจะเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งนั้นแต่เพื่อนๆ ที่เหลือจะเอาไปทิ้งไว้ไหน ยังนึกกันไม่ออก
“แล้วตอนนี้ มนุษย์คนนี้มีลูกกี่คนแล้วล่ะ” สเปิร์มนักคำนวณตัวหนึ่งโพล่งออกมา เขากำลังรวบรวมข้อมูลที่เป็นตัวเลขเพื่อคำนวณหาโอกาสของตัวเองอยู่อย่างขะมักเขม้น
“ยังไม่มีเลยซักคนเดียว” คุณครูยีนเลือกตอบเฉพาะประเด็นที่เธออยากตอบ โดยปล่อยให้ข้อสงสัยเกี่ยวกับความไม่ยุติธรรมของธรรมชาติตกไปอย่างช่วยไม่ได้
“ยังไม่มี..! ถ้างั้น..คุณครูหมายความว่า สเปิร์มที่ถูกฉีดไปในรอบสิบปีที่ผ่านมาก็ตายทั้งหมดน่ะสิ” สเปิร์มนักคำนวณตัวนั้นใจแป้วในทันที โอกาสอันน้อยนิดที่เขาวาดหวังเอาไว้มลายไปจนหมดสิ้น
คุณครูยีนพยักหน้าอย่างช้าๆ ช้าที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ แต่คราวนี้ไม่มีรอยยิ้มปรากฏให้เห็น เธอไม่อาจฝืนธรรมชาติไปได้ตลอด
“แต่ก็ไม่แน่นะ พวกเธออาจจะมีโอกาสที่ดีกว่าก็ได้เพราะตอนนี้เขาคนนี้เรียนจบแล้วและกำลังคบหาอยู่กับแฟนสาวของเขา ซึ่งทั้งคู่มีแผนจะแต่งงานกันในไม่ช้านี้” คุณครูยีนหวังว่า นี่จะเป็นข่าวดีสำหรับลูกศิษย์ทุกคลาสต่อจากนี้ไป ไม่ใช่แต่เฉพาะพวกสเปิร์มเท่านั้น แต่บรรดาคุณครูที่สอนอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้ก็เฝ้ารอความหวังนี้มานานแสนนานแล้วเช่นกัน การที่ผลิตลูกศิษย์ชั้นดีมีคุณภาพออกไปจำนวนมากไม่เกิดประโยชน์อันใดเลยหากไม่มีประสิทธิผลออกมาให้ชื่นชม
“แล้วแฟนสาวของเขาจะผลิตไข่ออกมามากกว่าครั้งละหนึ่งฟองหรือเปล่า” สเปิร์มตัวที่จบโอกาสของตนเองไปแล้วก่อนหน้านี้รีบกลับมาคำนวณหาความหวังใหม่อีกครั้งทันที
“เอ่อ..อ..บอกตามตรงนะว่า ครูไม่รู้หรอก และธรรมชาติก็ตอบคำถามข้อนี้ไม่ได้ด้วย เพราะการผลิตไข่ในแต่ละรอบเดือนขึ้นอยู่กับภาวการณ์หลายอย่าง ทั้งพันธุกรรม ..อายุ ..อารมณ์ ..สิ่งแวดล้อมที่ส่งผลต่อผู้หญิงในช่วงเวลานั้น และที่สำคัญ มันไม่เหมือนกันทุกเดือน บางเดือนอาจมีมากกว่าหนึ่งฟอง หรือ บางเดือนไม่มีเลยซักฟองเดียว” คราวนี้คุณครูยีนสารภาพเองว่า เธอเองก็ไม่เข้าใจกลไกของธรรมชาติ (อีกแล้ว) เช่นกัน
“เฮ้อ..หมดกัน ความหวังเรา” สเปิร์มผู้ชอบคำนวณเอาหางกุมขมับ ในเมื่อข้อมูลเบื้องต้นไม่แน่ชัดก็ป่วยการจะคำนวณหาโอกาสต่อ
“มันไม่ใช่เรื่องผิดปกติหรอกที่มนุษย์เพศหญิงจะตกไข่ได้มากกว่าครั้งละหนึ่งฟอง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องปกติเช่นกันที่มนุษย์เพศหญิงจะอุ้มท้องลูกของเธอมากกว่าครั้งละ 1 คน เพราะสเปิร์มที่ไปเกิดในท้องของเธอจะตัวโตขึ้นเรื่อยๆ ๆ ๆ ตลอดระยะเวลา 9 เดือนของการตั้งครรภ์จนตัวใหญ่กว่าห้องที่พวกเราเรียนอยู่นี่เสียอีก”
นักเรียนทุกตัวกวาดตามองไปรอบๆ ห้องแล้วทำปากเหมือนร้อง..อู้ฮู
เพื่อให้นักเรียนเห็นภาพของความยากลำบาก คุณครูยีนก็ตรงเข้าไปช้อนร่างของสเปิร์มตัวหนึ่งขึ้นมาอุ้มแล้วค่อยๆ เปลี่ยนสีหน้าเป็นคนอมทุกข์ ขณะที่ร่างที่บอบบางเหมือนเส้นด้ายของเธอก็ขยายวงให้กว้างขึ้นและเตี้ยลงไปทุกที
“คราวนี้ถ้าครูต้องอุ้มคราวละสองตัว” กล่าวจบก็ก้มลงไปช้อนสเปิร์มอีกตัวหนึ่งขึ้นมาไว้ในวงแขนอีกข้าง ใบหน้าของคุณครูยีนก็เริ่มเปลี่ยนไปอีก คราวนี้เหมือนกำลังอมอะไรอยู่ในปากแล้วกลืนไม่ได้คายก็ไม่ออก ดวงตาทั้งสองข้างเหลือกขึ้นทีละน้อยๆ จนโปนออกเหมือนปลาปักเป้า ขณะที่รูปร่างก็อ้วนขึ้นๆ แต่เตี้ยลงไปทุกขณะ จนตัวกลมเหมือนลูกฟุตบอลชายหาด
“ถ้า..ต้องอุ้มพวกเธอสองคนเอาไว้ที่เอวฉันนาน 9 เดือน ฉันขอตายตรงนี้ดีกว่า” ว่าแล้วคุณครูยีนก็ทรุดลงไปนอนแผ่กับพื้นโดยมีนักเรียนทั้งสองตัวนั่งทับอยู่ตรงหน้าท้อง เรียกเสียงหัวเราะจากสเปิร์มได้ลั่นห้อง