หนึ่งในสิ่งที่เราตั้งใจไว้เมื่อได้มีโอกาสไปต่างประเทศคือ การได้ไปสัมผัสบรรยากาศโรงหนังของประเทศนั้นๆ เพราะฉะนั้นเมื่อไปถึงเกาหลีใต้ทั้งที สำหรับเราถ้าไม่ได้ดูหนังที่นั่น นับว่ามาไม่ถึงนะ !
งั้นก็มาเริ่มกันเลยและกัน ธุรกิจภาพยนตร์ในเกาหลีใต้ นับว่ามีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ 4 ของเอเชีย (รองจาก จีน อินเดีย และญี่ปุ่น) ก็คิดว่าโรงหนังไม่น่าจะหายาก ก็เลยลองค้นข้อมูลเท่าที่ทำได้ ณ ขณะนั้น ก็สรุปได้ว่า จะไปดูที่ Megabox โรงภาพยนตร์ที่อยู่ภายในห้างฯ Coex Mall (เท่าที่เห็น Coex Mall มันจะเป็นห้างฯ ขนาดใหญ่ มีร้านค้าเยอะแยะมากมาย ตัวห้างจะเป็นลักษณะเหมือน Mega บางนา อ่ะ คือมีชั้นเดียว ขยายออกไปในแนวราบ และรู้สึกว่าจะอยู่ใต้ดินด้วย คือจำได้ว่าตอนเดินเข้าตัวห้างเราลงบันได้เลื่อนไปชั้นนึง ที่ Coex Mall นี้มีจุดเด่นที่ อควาเรียมที่ใหญ่ที่สุดในโซล มีพิพิธภัณฑ์กิมจิ แต่ที่ว่ามานี้เราไม่ได้เข้า เรามุ่งมั่นไปที่ Megabox โรงภาพยนตร์ในห้างนี้นั่นเอง)
ณ ขณะนั้นเวลาประมาณ 20.30 น. (เวลาเกาหลีใต้) และโจทย์ที่สำคัญสำหรับเรามีอยู่ 2 ข้อ
1. ต้องดูหนังเกาหลีเท่านั้น
2. ข้อนี้สำคัญกว่ามาก ต้องทันขึ้นรถไฟเที่ยวสุดท้าย เพราะถ้าไม่ทันนี่เรื่องใหญ่นะ มีสิทธิ์ได้เหมาแท็กซี่ (ที่เค้าว่าแพงสัส) หรือไม่ได้นอนข้างถนนแน่ เราเลยไปสอบถามมาแล้วได้ความว่ารถไฟเที่ยวสุดท้ายเวลา 23.47 น. เป๊ะสัสๆ

วัยรุ่นเกาหลีนั่งๆ นอนๆ รอเข้าโรงหนังกันเกลื่อน
อ่ะ ! ทีนี้ก็ได้มาอยู่ที่หน้าโรงหนังซักที
พอได้มาเห็นนี่แบบ เฮ้ย โรงหนังเค้าก็ดูดีนะ แต่บอกได้เลยว่าไม่อลังการเท่าโรงหนังของไทยอย่าง เมกาฯ พารากอนฯ หรืออีกหลายๆ โรงฯ ที่เราได้ไปสัมผัสมา แต่ที่ชอบคือ บรรยากาศโรงหนังเค้าชิลล์ดีมาก มีพวกวัยรุ่นเกาหลีมานั่งๆ นอนๆ กันเกลื่อนกลาด (ในที่ที่เค้าจัดไว้ให้นั่ง (มั้ง ?))
เราก็เดินไปที่ box office ก็เห็นมีเคาน์เตอร์ขายตั๋ว กะตู้อัตโนมัติ (เหมือนของเครือเมเจอร์ฯ บ้านเรา) ด้วยความมั่นใจก็ต้องซื้อกะตู้ฯ ซิฮะ ก็ยืนดูลาดเลาแปบนึง เห็นคนเกาหลีเค้าก็มากดๆ แล้วก็รับตั๋วเลย (ประมาณว่าน่าจะจองมาแล้วมาถึงก็รับตั๋วเลย) สรุปไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมา เลยกดซื้อเลยล่ะกัน พอกดปุ๊บก็อึ้งเลยฮะ ภาษาเกาหลีล้วนๆ แถมไม่มีให้เปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษด้วย (หรือมีแต่เราหาไม่เจอไม่รู้) อ่ะ ก็ลองกดๆ ไป คิดว่าขั้นตอนก็คงไม่ต่างจากของเมืองไทยล่ะน่า สรุปเป็นข้อๆ ตามนี้

หนังที่เข้าฉาย ณ จุดๆ นี้
- เลือกหนังก่อน ณ จุดๆ นั้น มีหนังให้เลือก 9 เรื่อง มีหนังเกาหลี 6 เรื่อง ไม่รู้เลยว่ามีเรื่องอะไรมั่ง และไม่ณุ้ข้อมูลใดๆ เกี่ยวกะหนังทั้งสิ้น วัดระดับความน่าดูจากรูปโปสเตอร์ แต่เมื่อนำมารวมกะเงื่อนไขเรื่องรถไฟ เลยสรุปเป็นเรื่องที่มีธงเกาหลีใต้อยู่ในใบปิด และมันดูเหมือนหนังกีฬาอะไรซักอย่าง รอบเวลา 21.00 น. จบ 23.20 น. ทันเวลารถไฟสบายๆ

ราคาตั๋ว
- พอกดเข้าไปที่รูปโปสเตอร์หนังเป้าหมาย ทีนี้ก็มาเลือกที่นั่ง ณ จุดนั้น เหลือที่ยนั่งไม่มากและ แต่ก็ยังมีให้เลือก 3 ราคา 10,000 วอน 8,000 วอน และ 5,000 วอน ระดับพรีเมี่ยมอย่างเรา แน่นอนฮะ เลือกที่ 5,000 วอน(คิดเป็นเงินไทยด้วยการคูณ 0.03) ประมาณ 150 บาท เออ ไม่แพงนะ
- ทีนี้พอจะจ่ายตังค์ อ้าว ไม่มีช่องให้สอดเงินอ่ะ มีแต่ช่องให้เสียบบัตร เราก็เลยลองพยายามจะจ่ายด้วยบัตร T-money อ้าว จ่ายไม่ได้อีก เหมือนว่ามันต้องจ่ายด้วยบัตรเครดิตหรือบัตรของทางโรงหนังเท่านั้น (เหมือนของเครือเมเจอร์ฯ) ชิ๊บหายและ อุตส่าห์ยืนกดตั้งนาน สุดท้ายต้องไปซื้อที่ช่องขายตั๋ว T_T
- มาที่ช่องขายตั๋ว ก็ชี้ๆ บอกพนักงานไป เอาเรื่องเดิมที่เลือกไว้แหละ พนักงานบอกไม่มีซับฯ ไทยนะ เฮ้ย ช็อคแปบ รู้ได้ไงวะว่าเราคนไทย ก็เลยถามกลับไปว่า รู้ได้ไงว่าเราคนไทย เค้าบอก ดูแล้วเราน่าจะเป็นชาวต่างชาติ และหนังที่เราเลือกมันเป็นหนังเกาหลีที่ไม่มีซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษนะ สรุป ที่เราได้ยินทีแรก น่าจะบอกว่า "ไม่มีซับไทเทิ้ล" แต่เราได้ยินแค่ "ซับไทฯ" ตกใจหมด

หน้าตาของตั๋วหนังจะเป็นแบบนี้
- แล้วก็มาเลือกที่นั่งต่อ เราก็ชี้เป้าตรงที่นั่งที่เราหมายตาไว้แล้ว 5,000 วอน อิอิ แต่พอเรียกเก็บเงิน "10,000 วอนครับ" พนักงานบอก เราก็อึ้งๆ งงๆ คิดในใจ นี่กูทำอะไรผิดไปรึเปล่า แต่ไม่อยากต่อปากต่อคำและ ควักจ่ายไป 10,000 วอนทั้งน้ำตา (300 บาทกู๊)

minions ราคา 12,000 วอน T_T
- เมื่อเสร็จจากซื้อบัตร รู้สึกเหมือนว่าใช้เวลานานมาก ก็พุ่งตรงไปที่ขาย popcorn ต่อ ดูหนังแล้วก็ต้องลอง popcorn ด้วย ไม่งั้นไม่ครบสูตร คนเยอะพอดู เราเลยรอจังหวะนิดนึง รอคนซาๆ หน่อย เพราะคิดว่าทำเค้าเสียเวลาแน่ ระหว่างนั้นก็มองดูเป้าหมายว่าจะเอาแบบไหนดี แบบธรรมดา หรือแบบคอมโบ้จากหนังดี ณ จุดนี้มีให้เลือก 3 เซ็ต จาก Terminator , Shaun of the Sheep และก็ Minions สรุปเลือก Minions และกัน เป็นถังเหล็กด้วย เก็บเป็นที่ระลึก เห็นราคา 9,000 วอน และก็มีขีดฆ่าราคา มีอีกตัวเลขนึง 5,000 วอน ไม่รู้ขายราคาไหน ก็สั่งไป พนักงานก็ถามว่าเอา popcorn รสไหน ฟังไม่ออกว่ามีรสอะไรมั่ง แต่น่าจะมี 4 รส จับใจความได้แค่ว่า คาราเมล แต่เราไม่ชอบอ่ะ เราเลยบอกไปว่า salt พนักงานก็งงๆ นิดนึง และก็ปิ๊ง (นึกภาพประมาณว่ามีหลอดไฟขึ้นมาในความคิด) และก็สั่ง เป๊ปซี่อีกแก้ว ราคารวม 12,000 วอน โหยยยยยย แพงอ่ะ ก็จ่ายไป แต่พอมาคิดอีกที 360 บาท มันก็พอๆ กะที่ไทยนะ
- พอเข้าโรงหนัง บอกเลยว่าใหญ่พอสมควร ก็เดินไปที่นั่งของเรา ดูแล้วดูอีก กลัวผิด ที่นั่งนี่ชันพอสมควรเลยนะ แต่ไม่ถึงกะโรง Imax เบาะนั่งก็แค่พอดีตัว ความกว้างของแถวก็แค่พอประมาณ ตรงนี้บอกได้เลยว่าสู้ของไทยไม่ได้อ่ะ
- ก่อนฉายหนังก็แน่นอนมีโฆษณา ก็พอประมาณนะ แต่เราว่ายังไม่เยอะเท่าของไทยอ่ะ อ้อ ไม่มีเพลงสรรเสริญฯ นะ เลยรู้สึกแปลกๆ ๕๕๕ ว่าแต่ทำไมต้องมีเพลงสรรเสริญฯ ก่อนหนังฉายกันนะ (อันนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไรนะ แค่สงสัยเฉยๆ อ่ะ)

ดูเรื่องนี้ครับผม
- มาว่ากันที่ตัวหนัง ที่ไม่รู้ว่าชื่อเรื่องอะไร แต่สรุปคร่าวๆ ว่าเป็นเรื่องของของทหารเรือ อะไรซักอย่าง ที่เหมือนจะมีปัญหาอะไรซักอย่างกะเกาหลีเหนือ ในปีที่เกาหลีใต้ เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกร่วมกะญี่ปุ่น และหนังก็น่าจะสร้างมาจากเหตุการณ์จริงอะไรซักอย่าง เลยมีภาพเหตุการณ์จริงปนอยู่ด้วย ระหว่างภาพของการเชียร์ฟุตบอลกะภาพของการปฏิบัติงานของกองทัพเรือ แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามานี้ เดาจากสิ่งที่เห็นตรงหน้าล้วนๆ ไม่รู้ว่าถูกหรือผิดยังไงนะ
- ระหว่างที่ดูไป มารยาทการดูหนังของคนเกาหลีใต้นี่โอเคเลยนะ รอบที่ดูนี่เกือบเต็มทุกที่นั่ง มีเด็กมาดูก็เยอะ แต่ไม่มีใครส่งเสียงรบกวนใดๆ เลยนะ จะมีที่รบกวนนิดหน่อยคือ มีคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาใช้อ่ะ 2 คน ด้วยความที่ที่นั่งมันค่อนข้างชันไง เลยเห็น แสงไฟเข้าตา คนนึงแค่แปบเดียว อีกคนนึงนี่หลายทีเลยแหละ
- สารภาพว่าเรามีเผลอหลับไปงีบนึง ก็แหม หนังมันออกจะดราม่า แถมยังดูไม่ค่อยรู้เรื่องอีก พอหนังจบ เหมือนจะมีทริบิวต์อะไรนิดหน่อย (อย่างที่บอกไปว่าหนังน่าจะสร้างมาจากเหตุการณ์จริง) ส่วนใหญ่ก็เดินออกกันเลย แต่ก็มีบางคนอยู่ดูจนจบเครดิต เราเองก็อยู่ด้วย อยากรู้ว่ามันจะเป็นไง สรุป ไม่มีอะไรแปลกใหม่ เหมือนของไทยเลย แต่ที่แปลกหน่อยคือ ไม่มีพนักงานมาเดินกดดันว่า รีบออกๆ กันไปได้แล้ว

มีนี่ให้เล่นด้วย แต่เราไม่กล้าเล่นนะ
พอเดินออกมาจากโรงฯ ดูนาฬิกา 23.20 น. ยังพอมีเวลาก็เดินดูนั่นนี่ พอนึกอีกที เฮ้ย สถานีรถไฟนี่มันไกลจากตรงนี้พอสมควรนะ คิดได้ดังนั้นก็รีบวิ่งเลยฮะ กลับไปที่สถานี ไปถึงก่อนเวลาดีกว่าไปถึงหลังเวลาแน่ ไกลจริงๆ แฮะ เล่นเอาหอบ แต่สรุปว่า
มาดูกันว่า โรงหนังที่เกาหลีใต้ แตกต่างยังไงบ้างกะของไทย
หนึ่งในสิ่งที่เราตั้งใจไว้เมื่อได้มีโอกาสไปต่างประเทศคือ การได้ไปสัมผัสบรรยากาศโรงหนังของประเทศนั้นๆ เพราะฉะนั้นเมื่อไปถึงเกาหลีใต้ทั้งที สำหรับเราถ้าไม่ได้ดูหนังที่นั่น นับว่ามาไม่ถึงนะ !
งั้นก็มาเริ่มกันเลยและกัน ธุรกิจภาพยนตร์ในเกาหลีใต้ นับว่ามีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ 4 ของเอเชีย (รองจาก จีน อินเดีย และญี่ปุ่น) ก็คิดว่าโรงหนังไม่น่าจะหายาก ก็เลยลองค้นข้อมูลเท่าที่ทำได้ ณ ขณะนั้น ก็สรุปได้ว่า จะไปดูที่ Megabox โรงภาพยนตร์ที่อยู่ภายในห้างฯ Coex Mall (เท่าที่เห็น Coex Mall มันจะเป็นห้างฯ ขนาดใหญ่ มีร้านค้าเยอะแยะมากมาย ตัวห้างจะเป็นลักษณะเหมือน Mega บางนา อ่ะ คือมีชั้นเดียว ขยายออกไปในแนวราบ และรู้สึกว่าจะอยู่ใต้ดินด้วย คือจำได้ว่าตอนเดินเข้าตัวห้างเราลงบันได้เลื่อนไปชั้นนึง ที่ Coex Mall นี้มีจุดเด่นที่ อควาเรียมที่ใหญ่ที่สุดในโซล มีพิพิธภัณฑ์กิมจิ แต่ที่ว่ามานี้เราไม่ได้เข้า เรามุ่งมั่นไปที่ Megabox โรงภาพยนตร์ในห้างนี้นั่นเอง)
ณ ขณะนั้นเวลาประมาณ 20.30 น. (เวลาเกาหลีใต้) และโจทย์ที่สำคัญสำหรับเรามีอยู่ 2 ข้อ
1. ต้องดูหนังเกาหลีเท่านั้น
2. ข้อนี้สำคัญกว่ามาก ต้องทันขึ้นรถไฟเที่ยวสุดท้าย เพราะถ้าไม่ทันนี่เรื่องใหญ่นะ มีสิทธิ์ได้เหมาแท็กซี่ (ที่เค้าว่าแพงสัส) หรือไม่ได้นอนข้างถนนแน่ เราเลยไปสอบถามมาแล้วได้ความว่ารถไฟเที่ยวสุดท้ายเวลา 23.47 น. เป๊ะสัสๆ
วัยรุ่นเกาหลีนั่งๆ นอนๆ รอเข้าโรงหนังกันเกลื่อน
อ่ะ ! ทีนี้ก็ได้มาอยู่ที่หน้าโรงหนังซักที
พอได้มาเห็นนี่แบบ เฮ้ย โรงหนังเค้าก็ดูดีนะ แต่บอกได้เลยว่าไม่อลังการเท่าโรงหนังของไทยอย่าง เมกาฯ พารากอนฯ หรืออีกหลายๆ โรงฯ ที่เราได้ไปสัมผัสมา แต่ที่ชอบคือ บรรยากาศโรงหนังเค้าชิลล์ดีมาก มีพวกวัยรุ่นเกาหลีมานั่งๆ นอนๆ กันเกลื่อนกลาด (ในที่ที่เค้าจัดไว้ให้นั่ง (มั้ง ?))
เราก็เดินไปที่ box office ก็เห็นมีเคาน์เตอร์ขายตั๋ว กะตู้อัตโนมัติ (เหมือนของเครือเมเจอร์ฯ บ้านเรา) ด้วยความมั่นใจก็ต้องซื้อกะตู้ฯ ซิฮะ ก็ยืนดูลาดเลาแปบนึง เห็นคนเกาหลีเค้าก็มากดๆ แล้วก็รับตั๋วเลย (ประมาณว่าน่าจะจองมาแล้วมาถึงก็รับตั๋วเลย) สรุปไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมา เลยกดซื้อเลยล่ะกัน พอกดปุ๊บก็อึ้งเลยฮะ ภาษาเกาหลีล้วนๆ แถมไม่มีให้เปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษด้วย (หรือมีแต่เราหาไม่เจอไม่รู้) อ่ะ ก็ลองกดๆ ไป คิดว่าขั้นตอนก็คงไม่ต่างจากของเมืองไทยล่ะน่า สรุปเป็นข้อๆ ตามนี้
หนังที่เข้าฉาย ณ จุดๆ นี้
- เลือกหนังก่อน ณ จุดๆ นั้น มีหนังให้เลือก 9 เรื่อง มีหนังเกาหลี 6 เรื่อง ไม่รู้เลยว่ามีเรื่องอะไรมั่ง และไม่ณุ้ข้อมูลใดๆ เกี่ยวกะหนังทั้งสิ้น วัดระดับความน่าดูจากรูปโปสเตอร์ แต่เมื่อนำมารวมกะเงื่อนไขเรื่องรถไฟ เลยสรุปเป็นเรื่องที่มีธงเกาหลีใต้อยู่ในใบปิด และมันดูเหมือนหนังกีฬาอะไรซักอย่าง รอบเวลา 21.00 น. จบ 23.20 น. ทันเวลารถไฟสบายๆ
ราคาตั๋ว
- พอกดเข้าไปที่รูปโปสเตอร์หนังเป้าหมาย ทีนี้ก็มาเลือกที่นั่ง ณ จุดนั้น เหลือที่ยนั่งไม่มากและ แต่ก็ยังมีให้เลือก 3 ราคา 10,000 วอน 8,000 วอน และ 5,000 วอน ระดับพรีเมี่ยมอย่างเรา แน่นอนฮะ เลือกที่ 5,000 วอน(คิดเป็นเงินไทยด้วยการคูณ 0.03) ประมาณ 150 บาท เออ ไม่แพงนะ
- ทีนี้พอจะจ่ายตังค์ อ้าว ไม่มีช่องให้สอดเงินอ่ะ มีแต่ช่องให้เสียบบัตร เราก็เลยลองพยายามจะจ่ายด้วยบัตร T-money อ้าว จ่ายไม่ได้อีก เหมือนว่ามันต้องจ่ายด้วยบัตรเครดิตหรือบัตรของทางโรงหนังเท่านั้น (เหมือนของเครือเมเจอร์ฯ) ชิ๊บหายและ อุตส่าห์ยืนกดตั้งนาน สุดท้ายต้องไปซื้อที่ช่องขายตั๋ว T_T
- มาที่ช่องขายตั๋ว ก็ชี้ๆ บอกพนักงานไป เอาเรื่องเดิมที่เลือกไว้แหละ พนักงานบอกไม่มีซับฯ ไทยนะ เฮ้ย ช็อคแปบ รู้ได้ไงวะว่าเราคนไทย ก็เลยถามกลับไปว่า รู้ได้ไงว่าเราคนไทย เค้าบอก ดูแล้วเราน่าจะเป็นชาวต่างชาติ และหนังที่เราเลือกมันเป็นหนังเกาหลีที่ไม่มีซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษนะ สรุป ที่เราได้ยินทีแรก น่าจะบอกว่า "ไม่มีซับไทเทิ้ล" แต่เราได้ยินแค่ "ซับไทฯ" ตกใจหมด
หน้าตาของตั๋วหนังจะเป็นแบบนี้
- แล้วก็มาเลือกที่นั่งต่อ เราก็ชี้เป้าตรงที่นั่งที่เราหมายตาไว้แล้ว 5,000 วอน อิอิ แต่พอเรียกเก็บเงิน "10,000 วอนครับ" พนักงานบอก เราก็อึ้งๆ งงๆ คิดในใจ นี่กูทำอะไรผิดไปรึเปล่า แต่ไม่อยากต่อปากต่อคำและ ควักจ่ายไป 10,000 วอนทั้งน้ำตา (300 บาทกู๊)
minions ราคา 12,000 วอน T_T
- เมื่อเสร็จจากซื้อบัตร รู้สึกเหมือนว่าใช้เวลานานมาก ก็พุ่งตรงไปที่ขาย popcorn ต่อ ดูหนังแล้วก็ต้องลอง popcorn ด้วย ไม่งั้นไม่ครบสูตร คนเยอะพอดู เราเลยรอจังหวะนิดนึง รอคนซาๆ หน่อย เพราะคิดว่าทำเค้าเสียเวลาแน่ ระหว่างนั้นก็มองดูเป้าหมายว่าจะเอาแบบไหนดี แบบธรรมดา หรือแบบคอมโบ้จากหนังดี ณ จุดนี้มีให้เลือก 3 เซ็ต จาก Terminator , Shaun of the Sheep และก็ Minions สรุปเลือก Minions และกัน เป็นถังเหล็กด้วย เก็บเป็นที่ระลึก เห็นราคา 9,000 วอน และก็มีขีดฆ่าราคา มีอีกตัวเลขนึง 5,000 วอน ไม่รู้ขายราคาไหน ก็สั่งไป พนักงานก็ถามว่าเอา popcorn รสไหน ฟังไม่ออกว่ามีรสอะไรมั่ง แต่น่าจะมี 4 รส จับใจความได้แค่ว่า คาราเมล แต่เราไม่ชอบอ่ะ เราเลยบอกไปว่า salt พนักงานก็งงๆ นิดนึง และก็ปิ๊ง (นึกภาพประมาณว่ามีหลอดไฟขึ้นมาในความคิด) และก็สั่ง เป๊ปซี่อีกแก้ว ราคารวม 12,000 วอน โหยยยยยย แพงอ่ะ ก็จ่ายไป แต่พอมาคิดอีกที 360 บาท มันก็พอๆ กะที่ไทยนะ
- พอเข้าโรงหนัง บอกเลยว่าใหญ่พอสมควร ก็เดินไปที่นั่งของเรา ดูแล้วดูอีก กลัวผิด ที่นั่งนี่ชันพอสมควรเลยนะ แต่ไม่ถึงกะโรง Imax เบาะนั่งก็แค่พอดีตัว ความกว้างของแถวก็แค่พอประมาณ ตรงนี้บอกได้เลยว่าสู้ของไทยไม่ได้อ่ะ
- ก่อนฉายหนังก็แน่นอนมีโฆษณา ก็พอประมาณนะ แต่เราว่ายังไม่เยอะเท่าของไทยอ่ะ อ้อ ไม่มีเพลงสรรเสริญฯ นะ เลยรู้สึกแปลกๆ ๕๕๕ ว่าแต่ทำไมต้องมีเพลงสรรเสริญฯ ก่อนหนังฉายกันนะ (อันนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไรนะ แค่สงสัยเฉยๆ อ่ะ)
ดูเรื่องนี้ครับผม
- มาว่ากันที่ตัวหนัง ที่ไม่รู้ว่าชื่อเรื่องอะไร แต่สรุปคร่าวๆ ว่าเป็นเรื่องของของทหารเรือ อะไรซักอย่าง ที่เหมือนจะมีปัญหาอะไรซักอย่างกะเกาหลีเหนือ ในปีที่เกาหลีใต้ เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกร่วมกะญี่ปุ่น และหนังก็น่าจะสร้างมาจากเหตุการณ์จริงอะไรซักอย่าง เลยมีภาพเหตุการณ์จริงปนอยู่ด้วย ระหว่างภาพของการเชียร์ฟุตบอลกะภาพของการปฏิบัติงานของกองทัพเรือ แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามานี้ เดาจากสิ่งที่เห็นตรงหน้าล้วนๆ ไม่รู้ว่าถูกหรือผิดยังไงนะ
- ระหว่างที่ดูไป มารยาทการดูหนังของคนเกาหลีใต้นี่โอเคเลยนะ รอบที่ดูนี่เกือบเต็มทุกที่นั่ง มีเด็กมาดูก็เยอะ แต่ไม่มีใครส่งเสียงรบกวนใดๆ เลยนะ จะมีที่รบกวนนิดหน่อยคือ มีคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาใช้อ่ะ 2 คน ด้วยความที่ที่นั่งมันค่อนข้างชันไง เลยเห็น แสงไฟเข้าตา คนนึงแค่แปบเดียว อีกคนนึงนี่หลายทีเลยแหละ
- สารภาพว่าเรามีเผลอหลับไปงีบนึง ก็แหม หนังมันออกจะดราม่า แถมยังดูไม่ค่อยรู้เรื่องอีก พอหนังจบ เหมือนจะมีทริบิวต์อะไรนิดหน่อย (อย่างที่บอกไปว่าหนังน่าจะสร้างมาจากเหตุการณ์จริง) ส่วนใหญ่ก็เดินออกกันเลย แต่ก็มีบางคนอยู่ดูจนจบเครดิต เราเองก็อยู่ด้วย อยากรู้ว่ามันจะเป็นไง สรุป ไม่มีอะไรแปลกใหม่ เหมือนของไทยเลย แต่ที่แปลกหน่อยคือ ไม่มีพนักงานมาเดินกดดันว่า รีบออกๆ กันไปได้แล้ว
มีนี่ให้เล่นด้วย แต่เราไม่กล้าเล่นนะ
พอเดินออกมาจากโรงฯ ดูนาฬิกา 23.20 น. ยังพอมีเวลาก็เดินดูนั่นนี่ พอนึกอีกที เฮ้ย สถานีรถไฟนี่มันไกลจากตรงนี้พอสมควรนะ คิดได้ดังนั้นก็รีบวิ่งเลยฮะ กลับไปที่สถานี ไปถึงก่อนเวลาดีกว่าไปถึงหลังเวลาแน่ ไกลจริงๆ แฮะ เล่นเอาหอบ แต่สรุปว่า