เรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง จุดที่เราปั่นจักรยานครบ 1 ปี

กระทู้สนทนา
เริ่มปั่นจักรยานมาตั้งแต่เด็กๆ  ทุกครั้งที่ปั่นในตอนนั้น คิดอะไรไม่ออก นอกจาก มันก็ดีกว่าเดิน แม่ใช้ไปซื้อของ ก็ปั่นไปแป๊ปเดียวถึง

เริ่มเข้ามัธยมปลาย จักรยานที่เคยปั่นก็หายเกลี้ยง ทั้ง BMX , เสือภูเขาอีก 2 คัน (ไม่รู้ว่าหายไปไหน  ใครยืมแล้วไม่คืน??)  ก็ไม่ได้ปั่นจักรยานอีกเลย  จนทำงาน เพื่อนๆชวนไปปั่นจักรยานเล่นที่สวนรถไฟ  อารมณ์ปั่นฟรุ้งฟริ้งกันมากๆ  ปั่นไป ถ่ายรูปไป  สนุกสุดๆ  แล้วก็ห่างหายจากการปั่นไปอีกหลายปี



ที่กลับมาเริ่มปั่นจักรยานอีกครั้ง  อาจเป็นเพราะเริ่มมีกระแส เห็นพี่ๆ เพื่อนๆ แถวบ้านเริ่มปั่นจักรยานออกกำลังกายกันมากขึ้น แต่ที่ตัดสินใจซื้อจักรยานเลย เพราะเบื่อการขับรถยนต์  อยากให้ชีวิตข้างทางที่ผ่านทุกๆวัน ช้าลงบ้าง  อยากเห็นรายละเอียดข้างทางแบบชัดเจนบ้าง  อยากมีอารมณ์ที่ปั่นแล้วลมปะทะหน้าแบบฟินๆบ้าง

หลังจากนั้นก็เริ่มหาข้อมูลว่าจักรยานสมัยนี้ เค้ามีอะไร แบบไหนบ้าง  ที่เห็นปั่นกันเยอะๆ  ก็มีแค่เสือหมอบ เสือภูเขา  แต่เราห่างหายจากการปั่นจักรยานไปค่อนข้างนาน จะให้ซื้อคันใหม่เป็นเสือหมอบเลย ก็ดูจะเมื่อยๆ ไปนะ  หรือถ้าจะเสือภูเขา  หูยยย!!!! ล้อโตจัง  เหนื่อย และหนักแน่ๆ  บังเอิญว่าอ่านไปเจอคำว่า จักรยานไฮบริด  + ด้วยภาพประกอบ ทำไมมันดูสวยจัง  ดูน่าจะปั่นง่าย แฮนด์ก็ตรง  ล้อก็เล็ก  อันนี้แหละ  เหมาะสมที่สุดแล้ว

ต่อไปก็เริ่มศึกษาว่า แล้วจักรยานแนวๆ ไฮบริดเนี่ย มันมียี่ฮ้ออะไรบ้าง อ่านรีวิวจากคนที่ใช้บ้าง แต่ข้อสรุป (ที่อ่านเจอ) ให้เลือกคันที่เราชอบ ถ้าคร่อมแล้วใช่ ยังไงเราก็อยากจะปั่นมันไปนานๆ ทำให้ตัดสินใจได้ลูกสาวคนสวย น้องส้มจี๊ด มาไว้ในครอบครอง (เกิดมาไม่เคยซื้อจักรยานราคาเป็นหมื่น  ครั้งแรกรู้ราคา ลมแทบจับ ทำไมจักรยานสมัยนี้ราคาสูงจัง)

หลังจากได้ส้มจี๊ดมา ก็เห่อสิคะ รออะไร  แถวบ้านใกล้ช็อคโกแลตวิวอยู่แล้ว  ก็ไปปั่นเลยค่ะ  ปั่นมันคนเดียวนี่ล่ะ  ปั่นวนๆรอบเล็ก วนไปวนมา วันแรกได้เกือบ 10 กม. (แต่เรื่อง av อย่าถามนะคะ 8 กว่าๆเอง 555+) บอกเลยว่าเหนื่อย เหงื่อท่วมตัว หน้านี่แดงแบบไม่ต้องใช้บลัชออน  



วันแรกผ่านไปแบบการเห่อรถใหม่ ไฟแรง อยากปั่นอีก แต่กลับบ้านมาก็มีเมื่อยๆ ล้าๆบ้างนะคะ  แต่ถ้าเหนื่อย ล้า แล้วหยุดปั่น  กลัวว่าจะยิ่งเหนื่อยคูณ 2  (ก่อนหน้านี้เคยออกกำลังกายวิ่งมาบ้าง  เคยวิ่งบ่อยๆ แล้วหยุดวิ่ง พอกลับมาวิ่งอีกที ตายๆ  เหนื่อยกว่าเดิมอีก) ก็ตัดสินใจพาส้มจี๊ดไปตะลุยช็อคโกแลตวิวอีกเรื่อยๆ  จาก 10 กม. ขยับมาเป็น 18 กม. ขยับมาเป็น 20 กม. (ปั่นไป พักไป ปั่นไป พักไป) ชีวิตมันช่างฟินกับระยะทางที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ



ปั่นๆไปสักระยะ  ได้รู้จักกับคุณพี่ใจดีท่านนึง พี่เค้าปั่นจักรยานมานานพอสมควร  เลยได้มีโอกาสเปลี่ยนเส้นทางในการปั่นบ้าง  นัดกับพี่เอาจักรยานใส่รถยนต์ แล้วมุ่งหน้าสู่สนามเขียว  ครั้งแรกที่ได้มาสนามเขียว  ยอมรับเลยค่ะ ตื่นเต้นมากๆ ด้วยระยะทาง 23.5 กม. (ไม่เคยปั่นจักรยานไกลขนาดนี้  ถ้าเหนื่อยฉันจะจอดพักตรงไหน กังวลสารพัด)  จนได้เริ่มปั่นในสนาม  โอ้ยยย!!! ทำไมลมแรงจัง  ฝนก็ตก  พื้นก็หนืดๆ  แต่มาถึงขนาดนี้แล้ว เห่ยย!! ชั้นต้องทำให้ได้  เห่ยย!!! อีกนิดเดียวก็ถึง  23.5 กม.  และแล้ว วันนั้นก็ปั่นครบ 23.5 กม.  

เมื่อผ่านระยะ 20 กม. นิดๆแล้ว  เป้าหมายต่อไป อยากเพิ่มระยะเป็น 50 กม. ดูบ้าง  เผอิญช่วงนั้นมีงาน CAR FREE DAY พอดี  เห็นเส้นทางจากบ้าน ไป – กลับ CTW ก็ใกล้เคียง 50 กม. รอช้าทำไม รีบสมัครลงปั่นโดยด่วน  งานนี้ไม่กลัวว่าจะไม่มีเพื่อน  เพราะคนปั่นกันค่อนข้างเยอะ  และงานนี้ก็ได้รู้จักพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ เพิ่มอีกหลายท่าน และก็สามารถปั่นระยะทาง 50 กม. ได้เป็นครั้งแรก  แต่กลับบ้านมา  ตะคริวเรียกหาเกือบชั่วโมง TT



จากงาน CAR FREE DAY ที่ได้เพื่อนใหม่  ต่อมาก็ตั้งใจจะร่วมทริปกับกลุ่มจักรยานที่จะปั่นไปสนามเขียว แต่สุดท้ายชีวิตก็ดันมาดราม่า  “ถูกทิ้ง” (ตอนนั้นใช้อารมณ์โพสล้วนๆเลยค่ะ  อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนมีอารมณ์เลยนะคะ) แต่เพราะกระทู้ถูกทิ้ง  น้ามังจาก 1000 Trip Night Ride ก็ชวนไปปั่นจักรยานเพื่อน้องที่หนองจอก และก็มีกลุ่มปั่นจักรยานกับเค้าซะที  ต้องขอบคุณกลุ่ม DayRide ที่ให้เข้ากลุ่มด้วยนะคะ









สิ่งที่ได้จากการปั่นจักรยานในระยะเวลา 1 ปี

-    รู้จักใช้เกียร์เวลาที่ปั่นขึ้นสะพาน  จนเดี๋ยวนี้เลิกกลัวสะพานไปแล้ว
-    รู้วิธีบำรุง ดูแลรักษาจักรยาน
-    รู้จักวิธีเปลี่ยนยาง และก็ลองเปลี่ยนยางเองเป็นแล้ว (แต่ตอนสูบลม แขนสั่นไปหมด ทางที่ดี ขอความช่วยเหลือจากหนุ่มๆ จะดีกว่านะคะ 555+)




-    รู้จักเส้นทางสวยๆ ในการปั่นมากขึ้น (แต่ถ้าปั่นคนเดียว ยังคงหลงอยู่เช่นเดิม)









- รู้จักร้านอาหารอร่อยๆมากขึ้น (น้ำหนักก็ขึ้นตาม 5555+ จากหน้าเรียว จนหน้ากลมหมดละ คนอื่นรีวิวยิ่งปั่นยิ่งลด แต่ จขกท.ยิ่งปั่นยิ่งกลม ขอลดน้ำหนักแพพนะคะ)






-    ได้ปั่นจักรยานระยะทางไกลๆ อย่าง audax 200 , 300 กม. ( เหนื่อยๆก็เหนื่อย  ร้อนก็ร้อน  หิวๆก็หิว ก้นก็ชา  ไหล่ก็ปวด  สารพัดอย่าง แต่พอถึงจุดหมายในเวลาที่กำหนด มันบรรยายความรู้สึกในความสะใจอย่างบอกไม่ถูกจริงๆค่ะ ใครไม่เคยต้องลองนะคะ)





-    รู้วิธีปั่นจักรยานขึ้น  และลงเขาแล้ว ถึงจะยังทำได้ไม่ดีพอ แต่โอกาสหน้าจะทำให้ดีขึ้นกว่านี้



-      รู้ว่าเวลาจักรยานล้ม  มันไม่น่ากลัวอย่างที่คิด แถมได้ประสบการณ์ว่าครั้งต่อไปต้องระวังให้มากขึ้น





-    ได้ทำลายความกลัวทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะกลัวแดด (ปั่นจักรยานก็เจอแดดตั้งแต่เช้า ยันเย็น อุณหภูมิเกือบ 40 องศา ร้อนจนลิ้นห้อย )  กลัวเหนื่อย (ระยะทางที่แสนไกล เมื่อไหร่จะถึงสักที เหนื่อยจนบางทีอยากจะโบกรถกลับบ้านซะให้ได้) กลัวอุบัติเหตุ  (จักรยานเป็นยานพาหนะที่มีความเสี่ยงค่อนข้างมาก  ทุกครั้งที่เห็นข่าวจักรยานถูกชน แทบไม่อยากออกไปปั่นเลย) แต่ก็พยายามเอาชนะความกลัว และเพิ่มความระวังในการดูแลตัวเองมากขึ้น



และสิ่งที่สำคัญที่สุด  คงจะเป็นมิตรภาพที่ได้รับจากพี่ๆ น้องๆกลุ่มจักรยาน เหมือนมีอีกครอบครัวที่คอยดูแลซึ่งกันและกัน และขอบคุณ Pantip ห้องจักรยาน ที่มีสาระ ความรู้ หรือข่าวสารดีๆ มาให้อ่านตลอดค่ะ

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่