ประสบการณ์สุดซวยกับWork and Travel

สวัสดีเพื่อนๆพี่ๆน้องๆชาวพันทิปทุกคนค่ะ เราขอยืมล็อกอินเพื่อนมาใช้เพราะว่าสมัครเองมันด่วนไม่ทันใจ อยากเล่าจัดจริงๆไฟมันกำลังสุมอกเลยค่ะ เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เราเข้าร่วมโครงการ Work and travel ได้ทำงานที่สวนสนุก Six flags รัฐ Texas เราเลือกที่นี่เพราะมีคนรู้จักไปมาแล้วเขาโอเคชีวิตแฮปปี้ อีกอย่างเราเคยมาแลกเปลี่ยนที่เทกซัสด้วย ก็เลยคิดว่าโอระดับหนึ่งเทใจให้มากกว่ารัฐอื่นๆ เพื่อนเตือนก็ไม่ฟังอยากไปใจจะขาด   
วันแรกที่มาถึงก็สนุกสนานร่าเริงตามประสาคนได้ท่องโลกกว้างค่ะ ได้สูดอากาศเทกซัสอีกครั้งสดชื้นนนนสดชื่นนน วางแผนชีวิตไว้เต็มที่ เดี๋ยวจะไปเจอเพื่อนเก่า เดี๋ยวจะไปเยี่ยมโฮสต์แฟมิลี่ เดี๋ยวจะช็อปปิ้งให้กระเป๋าฉีก คือแผนอนาคตสว่างสดใสยิ่งกว่าไฟนีออน แต่ไฟดันมาเริ่มหลอดขาดตอนเริ่มทำงานวันแรก(ยังไม่ครบ 24ชมที่เหยียบประเทศฟรีดอมนี้เลย) ตอนแรกเราประจำบูทเกม ตากแดด ตากฝน จนไม่สบาย ทำงานจนคนที่มาเล่นเกมที่ซุ้มถามว่าไปพักไหม ทำเกมอยู่ได้ประมาณสองอาทิตย์เราขอย้ายไปฟู้ดเพราะสุขภาพไม่ไหวจริงๆ อาจจะมีคนคิดว่าเออเราไม่สู้งานหรือเปล่า ทำไมเรายอมแพ้เร็วจังเราไม่เถียงค่ะ เราแค่คิดว่าถ้าเราล้มไปตอนนี้พ่อแม่เราเสียใจมากกว่า เรื่องงานเอาสั้นๆแค่นี้ละกัน เชื่อว่าเกือบทุกคนที่ไปเวิร์คต้องผ่านช่วงเวลายากลำบากนี้มาทุกคน
   
    มาที่นี่ความรู้สึกว่าตัวเองเป็นแรงงานต่างด้าวเด่นชัดมาก แล้วยิ่งมาชัดมากๆตอนเราเกิดอุบัติเหตุตอนทำงาน ลิ้นชักเตาอบหล่นใส่นิ้วโป้งเท้า เจ็บสุดๆ เจ็บโคตรๆ ไม่เคยเจ็บขนาดนี้มาก่อน ไม่กล้าแม้แต่จะถอดรองเท้าดูว่านิ้วโป้งสุดรักอาการเป็นยังไงบ้าง เราไม่คิดว่ามันจะหล่นมาใส่เท้าเราได้ พอจะนึกภาพลิ้นชักออกไหมคะ เราเข้าใจว่าลิ้นชักทุกอันมันจะดึงออกมาได้ไม่สุด แต่อันนี้คือสุดปุ้บหล่นปั๊บ
   
   วันนั้นเรากลับที่พัก ในใจคือคิดว่าอยากกลับบ้านมาก แต่ทำงานมาขนาดนี้(เดือน กค. เดือนสุดท้ายก่อนกลับ) ทนอีกสักพักเดี๋ยวก็ได้กลับบ้าน ไปเยี่ยมโฮสต์ไปทำอะไรที่อยากทำแล้ว เช้าวันต่อมานิ้วโป้งเท้าเราไม่เคยทำให้ผิดหวัง บวมเป่งสวยหรูเด่นสง่ากว่านิ้วอื่นๆ เลือดลั่งสีดำอยู่ในเล็บเท้าเรา เราต้องใส่รองเท้าแตะไปทำงานเพราะใส่รองเท้าที่ใช้ปัจจุบันไม่ได้ พอไปห้องพยาบาลฝากความความหวังไว้ว่าเขาจะช่วยอะไรเราบ้างแน่ๆ นึกภาพห้องพยาบาลสมัยเรียนมัธยมกันออกไหมคะ เราไม่รู้โรงเรียนอื่นเป็นหรือเปล่า แต่ของเราคือยัดยาใส่มือแล้วรีบไล่ออก แต่ที่นี่แอดวานซ์กว่านั้น ยาไม่ให้ ไล่เราไปซื้อรองเท้าใหม่ size ใหญ่กว่าเดิม เราอึ้งไปประมาณสามวิ เห้ย ยัยนี่มันมาทำงานห้องพยาบาลได้ไงแว๊ คนนิ้วโป้งบวมบอกให้ไปซื้อรองเท้าใหม่ ดีนะไม่บอกให้เจาะรูรองเท้า นิ้วโป้งจะได้ไม่เจ็บเนี่ย โอ้ยยยย คิดถึงเหตุการณ์ตอนนั้นทีไร พูดละมันขึ้นค่ะ
   
   จะไปหาหมอก็ไปไม่ได้ เมืองที่เราอยู่เป็นเมืองที่ต้องใช้รถส่วนตัวเท่านั้น ไม่มีรถประจำทางอะไรเลยเพราะไม่มีรถ พยายามบอกให้เขาพาไปหาหมอ โชว์ประกันให้ดู ก็ไม่พาไป บอกซุปที่เป็นหัวหน้าเราว่าพาไปหน่อย บอกให้เราไปห้องพยาบาลให้เขาดูว่าเราควรไปหาหมอไหม แล้วคือทุกคนจำยัยเจ๊ห้องพยาบาลได้ใช่ไหมคะ นางก็บอกว่าโน๊โน ไม่ต้องไป๊ ซื้อรองเท้าใหม่มาใส่พออ่ะ แต่ยังเราไม่ยอมแพ้ ขอให้ทุกคนที่กำลังจะไปจดข้อนี้ไว้ให้ดีๆนะคะ ว่าถ้าเราเกิดอุบัติเหตุในที่ทำงานระหว่างเวลางานที่ทำงานต้องรับผิดชอบ ด้วยแรงปวดนิ้วโป้งสุดๆ เราโทรไปแจ้งเอเจนซี่ให้มาจัดการให้ ในที่สุด six flags ก็พาเราไปหาหมอสักที และหมอไม่เคยทำให้เราผิดหวัง (ประชด) ให้ยาแก้ปวดกับเจลประคบมา วันต่อมาเราก็กลับไปทำงานต่อที่หลังร้าน อยู่กับกองขยะ หอมฉุยตลอดวัน มีเพื่อนเป็นยุงวิ้งๆๆ
   
   พอนิ้วเท้าค่อยๆดีขึ้นก็กลับมาทำงานปกติ ทุกๆอย่างเหมือนจะเริ่มเข้ารูปเข้ารอย ชีวิตกลับมาแฮปปี้อีกครั้ง ทำงานอีกสองอาทิตย์ก็จะได้เป็นอิสระสักที!! พอถึงตอนนั้นคือให้ทำไรทำหมด กำลังใจมาเต็มมาก สั่งมาเลยพี่พร้อมลุย และในที่สุด……..เวลาแห่งการรอคอยก็มาถึง ได้เดย์ออฟ 2 วัน ทางโครงการจะพาไปเที่ยว Austin ตื่นเต้นนนน เก็บกระเป๋าเป้ได้หนึ่งใบ เป็นช่วงเวลาที่แฮปปี้ สนุกสนาน ช็อปปิ้งเพลิน คืนก่อนกลับนั่งคุยกับเพื่อนงุ้งงิ้งหัวเราะเฮฮาปาร์ตี้ ยังพูดติดขำอยู่เลยว่าไม่ได้ล็อกกระเป๋าเดินทางที่อยู่ในห้องเลยจะเป็นไรไหม
   
   และแล้วก็กลับมาถึงห้องประมาณสี่ทุ่มของวันพุธที่ 22 กค เหนื่อยมากพร้อมที่จะทิ้งตัวลงนอน เปิดประตูห้องแสนรัก ขยี้ตาสองสามที นี่ฉันฝันไปหรือเปล่าวะ กลับมาดูเลขห้องอีกครั้ง ก็ห้องฉันนี่หว่า เสื้อผ้าของน้องรูมเมทลงมากองที่พื้นหมดเลย ไม่รู้ได้ยินเสียงใครพูดขึ้นมาว่า “ทำไมสภาพห้องเป็นอย่างนี้ล่ะ” อ่อ นี่มันเสียงเราเองนี่หว่า ตอนนั้นช็อกจนพูดจาไม่รู้เรื่อง ลิ้นชักทุกชั้นถูกรื้อ เลยรีบวิ่งไปที่ห้องนอน ของทุกอย่างมันหายไปหมดเลย มูลค่าคือตั้งหลักไม่ทัน หายไปพร้อมกระเป๋าเดินทาง สรุปง่ายๆคือมันเอาทุกอย่างใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่สี่ใบ สะดวกอะไรขนาดนี้ เราเจ็บจนจุก กระเป๋าเรานี่พร้อมกว่าใคร เพราะเก็บของทุกอย่างไว้แล้วเตรียมตัวไปเที่ยวในอีกหนึ่งอาทิตย์ น้ำตาร่วงแหมะๆอธิบายไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง สภาพตอนนั้นเหมือนคนบ้า ไม่รู้จะทำอะไรก่อน เลยวิ่งลงไปล็อบบี้ของโรงแรมพนักงานก็ไม่ให้ความช่วยเหลืออะไรแถมไม่เชื่อว่าที่เราบอกจะเป็นเรื่องจริง เราเลยโทรหาทั้งเอเจนซี่กับทางซิกแฟลกทุกคนก็รีบมาภายในคืนนั้นและตำรวจก็มา แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรแค่ลงบันทึกไว้เฉยๆไม่มีการเก็บหลักฐานอะไรเลยเราเลยขอย้ายห้องเพราะกลัวมาก วันรุ่งขึ้นทางโรงแรมยังให้แม่บ้านเข้าไปทำความสะอาดห้องที่เกิดเหตุ ดีที่เพื่อนเรามาเห็นก่อนเลยบอกว่าไม่ต้องทำเพราะทางตำรวจไม่ได้มาเก็บหลักฐาน เราก็ไม่รู้ว่าคดีแบบนี้ตำรวจจะทำอะไรบ้างแต่นี่คือไม่ทำอะไรเลย ไม่มีการถ่ายรูปห้องไว้ ไม่มีการขอดูกล้องวงจรปิด เราจะขอดูเองก็ไม่ได้เพราะอีคุณผู้จัดการโรงแรมไม่ยอมและไม่มีการแม้แต่จะพูดเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่กับพูดมาว่าพวกคุณไม่ได้ล็อคหน้าต่างเองใครจะเปิดเข้ามาก็ได้สิ แต่เรากับรูมเมทมั่นใจว่าล็อคหน้าต่างแล้ว ก่อนหน้าคืนเกิดเหตุประมาณหนึ่งอาทิตย์ คีย์การ์ดห้องเราเสีย แล้วก็ไม่มีใครมาซ่อมให้ เราเลยขอมาสเตอร์คีย์การ์ดโรงแรมมาซึ่งเค้าก็ให้ด้วยตั้งสามใบ เพราะฉะนั้นใครที่จะเข้าห้องเราได้ต้องมีมาสเตอร์คีย์การ์ดเท่านั้น และโรงแรมนี้ใครจะขอคีย์การ์ดห้องไหนก็ได้เค้าให้หมดไม่ได้สนใจว่าเราอยู่ห้องนั้นรึป่าว
    

   สภาพห้องที่เราอยู่เป็นลักษณะ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ตรงกลางคือห้องรับแขกและห้องครัว แล้วห้องเราเป็นห้องด้านหลังสุดของโรงแรม ซึ่งค่อนข้างเปลี่ยว ตามรูปเลยค่ะ ส่วนสภาพโรงแรมก็เป็น Motel สภาพห้องพออยู่ได้แต่สภาพแวดล้อมและแขกที่มาพักอาศัยหน้าตาไม่น่าไว้ใจสักคน แต่เด็กนานาชาติทุกคนที่มาทำงานกับซิกแฟลกต้องอยู่โรงแรมนี้ทุกคนไม่สามารถเปลี่ยนที่อยู่ได้ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรู้สึกเสียความรู้สึกมากกับทุกๆอย่างโดยเฉพาะโรงแรมที่ไม่มีความปลอดภัยเลยแม้แต่น้อย ให้มาสเตอร์คีย์การ์ดใครก็ได้ และเคสนี้ปีที่แล้วก็เคยเกิดขึ้นกับเด็กไทยที่ทำงานที่นี่และพักโรงแรมแห่งนี้ เรามั่นใจว่าปีหน้าต้องมีเคสนี้อีกแน่นอน อยากจะฝากไปถึงทางโครงการที่ไทยว่าก่อนเสนองานให้เด็กควรดูถึงความปลอดภัยด้วย ไม่ใช่จ่ายค่าโครงการแล้วให้เราไปเผชิญสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงแบบนี้ ของเราถือว่าโชคดีที่ตัวเองปลอดภัย แต่เรื่องของจิตใจกลายเป็นคนขี้ระแวงไปเลย


   ตอนนี้กลับไทยมาแล้วค่ะ แพลนเที่ยวทุกอย่างยกเลิกหมดเลย เมื่อเช้านี้เลยลองเปิด find my iphone ปรากฏว่าเจอไอแพดตัวเองออนไลน์อยู่ที่โรงแรมอีกที่นึงใกล้ที่พักเราเลย เพื่อนเราเลยขับรถไปดูสภาพน่ากลัวมากๆ และแจ้งตำรวจไปอีกรอบซึ่งตำรวจก็ไม่ได้ให้ความช่วยเหลืออะไรทั้งนั้น และทางเอเจนซี่ที่นู่นก็ไม่ได้ตามเรื่องให้เท่าที่ควร เจ็บใจมากค่ะที่รู้ที่อยู่ของโจรแต่ทำอะไรต่อไม่ได้เลย สุดท้ายอยากเตือนเพื่อนๆทุกคนที่คิดจะไปเวิคแอนทราเวลว่าให้ศึกษาให้ดี เราไม่ได้ห้ามแค่เตือนไว้เป็นอุทาหรณ์ว่าอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้หมด ไปถึงที่นู่นแล้วต้องระวังตัวเองและทรัพย์สินให้ดี ถึงจะเก็บไว้ในห้องล็อคไว้อย่างดีแต่ถ้ามันขนไปหมดทั้งกระเป๋าเดินทางคือจบ จะให้รักษายังไงให้เดินลากกระเป๋าเดินทางไปทุกที่ก็คงไม่ใช่ ยังไงก็ศึกษารายละเอียด ที่พัก สภาพแวดล้อมให้ดีค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่