กฟผ. แจงความจำเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่
กฟผ. ชี้ความสำคัญโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ เป็นโรงไฟฟ้าหลักเพื่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในภาคใต้ทางฝั่งอันดามัน ยืนยันไม่มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยว พร้อมนำข้อห่วงใยของชุมชนมาปรับปรุงโครงการ และนำยุทธศาสตร์เมืองสีเขียวของจังหวัดกระบี่มาต่อยอดพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านพลังงานและการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ทันสมัยของจังหวัด ที่สามารถอยู่ร่วมกับชุมชนได้
นายสุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวชี้แจง กรณีกลุ่มประชาชนบางกลุ่มเคลื่อนไหวคัดค้านโครงการโรงไฟฟ้ากระบี่ และมีความวิตกกังวลว่า จะสร้างผลกระทบต่อการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่และอันดามัน ว่า กฟผ. พร้อมสร้างความเข้าใจและรับฟังข้อวิตกกังวลต่างๆ และยินดีรับข้อเสนอแนะเพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขการดำเนินงานโครงการ เนื่องจากการผลิตพลังงานทุกชนิดย่อมมีทั้งข้อดี และข้อจำกัด แต่เทคโนโลยีทันสมัยและระบบจัดการตามมาตรฐานสากล สามารถควบคุมมลภาวะได้ดีกว่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนดหลายเท่าตัว ตลอดจนหน่วยงานต่างๆ และชุมชน สามารถตรวจสอบได้ตลอดระยะเวลาของการดำเนินงาน
ทั้งนี้ โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ มีความจำเป็นในการเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าหลัก เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานในพื้นที่ภาคใต้ เนื่องจากตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป กำลังผลิตไฟฟ้าที่พึ่งได้ ในพื้นที่ภาคใต้จะไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ไฟฟ้า หากไม่มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้ากระบี่ จะทำให้เกิดความเสี่ยงสูงต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้า นอกจากนี้ โรงไฟฟ้าถ่านหินที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัยในการควบคุมมลภาวะ และยังมีต้นทุนเชื้อเพลิงต่ำเพียง 2.70 บาท ต่อหน่วย ซึ่งจะทำให้ค่าไฟฟ้าโดยรวมของประเทศในระยะยาวไม่สูงเกินไป
นายสุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวต่อไปว่า การดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ ตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการรับฟังความคิดเห็นในปี 2555 กฟผ. ได้นำข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากชุมชนมาศึกษาทุกกลุ่มเพิ่มเติม ทั้งกลุ่มประมง และท่องเที่ยว ประกอบการจัดทำรายงานสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA)เช่น เรื่องการสร้างท่าเรือ การขนส่งถ่านหินที่เป็นผลจากการร่วมปรึกษาหารือกับชุมชน สำหรับเส้นทางการขนส่งถ่านหินจะใช้เส้นทางเดียวกับเรือขนส่งปัจจุบัน รวมทั้งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันเตาซึ่งใช้มาจริงตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อจุดดำน้ำ แหล่งปะการัง และหญ้าทะเลใด ๆ นอกจากนี้โครงการยังได้ออกแบบติดตั้งระบบดักจับไอปรอทเพิ่มเติม เพื่อลดความวิตกกังวลเรื่องสารโลหะหนัก และกำหนดค่าควบคุมมลภาวะทุกตัว เช่น ออกไซด์ของไนโตรเจน ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ฝุ่นละอองและโลหะหนัก ดีกว่ามาตรฐานทางกฎหมายถึง 3 เท่าตัว
สำหรับความวิตกกังวลเรื่องผลกระทบต่อการท่องเที่ยวนั้น ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวว่า การดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ของ กฟผ. ได้คำนึงถึงยุทธศาสตร์ของจังหวัดกระบี่ที่มุ่งสู่การเป็นเมืองสีเขียว (Krabi go green) การออกแบบของโรงไฟฟ้าและมาตรการในการป้องกันแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม จึงปฏิบัติตามกฎหมายสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ กฟผ. ได้กำหนดนโยบายพัฒนาโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านพลังงานและการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ทันสมัยของจังหวัด ที่สามารถอยู่ร่วมกับชุมชนได้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าประเทศและเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงต่างๆ ของโลก เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เกาหลี รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศมาเลเซียก็มีโรงไฟฟ้าถ่านหินเพิ่มขึ้นตลอดเวลา แต่จำนวนนักท่องเที่ยวก็ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โรงไฟฟ้าถ่านหินจึงไม่ใช่สาเหตุที่จะทำให้การท่องเที่ยวลดลง
ส่วนข้อเสนอที่ให้มีการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนร้อยเปอร์เซนต์นั้น ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวว่า กฟผ. มีแผนระยะสั้นและระยะยาวในการสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน โดยเตรียมพัฒนาระบบส่งรองรับทั่วทุกภูมิภาค ซึ่งจะทยอยแล้วเสร็จเพื่อให้สอดคล้องกับแผนอนุรักษ์และพัฒนาพลังงานทดแทนของประเทศ รวมทั้งการรับซื้อน้ำมันปาล์มมาผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้ากระบี่เพื่อช่วยพยุงราคา ซึ่งหากใช้ราคาประกัน ต้นทุนไฟฟ้าจะประมาณ 5.80 บาท เหตุผลสำคัญส่วนหนึ่ง คือการพัฒนาพลังงานทดแทนจะไม่สามารถพัฒนาให้ทันกับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่สูงขึ้น เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก จะต้องพัฒนาพร้อม ๆ กันจำนวนมาก โรงไฟฟ้าหลักยังจึงมีความจำเป็นต้องพัฒนาควบคู่กันไป ซึ่งทุกประเทศที่สนับสนุนพลังงานทดแทนก็จะต้องมีโรงไฟฟ้าหลักอย่างเพียงพอเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ประชาชนคงต้องยอมรับด้วยว่า จะมีผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าเช่นกัน เช่นค่าไฟฟ้าของเยอรมนี หน่วยละ 12 บาท ซึ่งผลมาจากการอุดหนุนพลังงานทดแทน
ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวในท้ายที่สุดว่า จากเหตุผลที่กล่าวมา โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่จึงมีความสำคัญต่อระบบไฟฟ้าทั้งในภาพรวมและพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งการดำเนินการจะเป็นไปตามแผน PDP 2015 โดยจะนำปัจจัยต่างๆ และข้อวิตกกังวลมาพิจารณาอย่างรอบด้าน พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะต่างๆ มาดำเนินการเพื่อสร้างความมั่นใจให้ชุมชนสามารถอยู่ร่วมกับโรงไฟฟ้าได้อย่างเกื้อกูลกัน
ที่มาจากกลุ่มข่าว
https://www.facebook.com/set.biznews
//"กฟผ. แจงความจำเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่"//
กฟผ. ชี้ความสำคัญโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ เป็นโรงไฟฟ้าหลักเพื่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในภาคใต้ทางฝั่งอันดามัน ยืนยันไม่มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยว พร้อมนำข้อห่วงใยของชุมชนมาปรับปรุงโครงการ และนำยุทธศาสตร์เมืองสีเขียวของจังหวัดกระบี่มาต่อยอดพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านพลังงานและการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ทันสมัยของจังหวัด ที่สามารถอยู่ร่วมกับชุมชนได้
นายสุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวชี้แจง กรณีกลุ่มประชาชนบางกลุ่มเคลื่อนไหวคัดค้านโครงการโรงไฟฟ้ากระบี่ และมีความวิตกกังวลว่า จะสร้างผลกระทบต่อการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่และอันดามัน ว่า กฟผ. พร้อมสร้างความเข้าใจและรับฟังข้อวิตกกังวลต่างๆ และยินดีรับข้อเสนอแนะเพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขการดำเนินงานโครงการ เนื่องจากการผลิตพลังงานทุกชนิดย่อมมีทั้งข้อดี และข้อจำกัด แต่เทคโนโลยีทันสมัยและระบบจัดการตามมาตรฐานสากล สามารถควบคุมมลภาวะได้ดีกว่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนดหลายเท่าตัว ตลอดจนหน่วยงานต่างๆ และชุมชน สามารถตรวจสอบได้ตลอดระยะเวลาของการดำเนินงาน
ทั้งนี้ โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ มีความจำเป็นในการเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าหลัก เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานในพื้นที่ภาคใต้ เนื่องจากตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป กำลังผลิตไฟฟ้าที่พึ่งได้ ในพื้นที่ภาคใต้จะไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ไฟฟ้า หากไม่มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้ากระบี่ จะทำให้เกิดความเสี่ยงสูงต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้า นอกจากนี้ โรงไฟฟ้าถ่านหินที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัยในการควบคุมมลภาวะ และยังมีต้นทุนเชื้อเพลิงต่ำเพียง 2.70 บาท ต่อหน่วย ซึ่งจะทำให้ค่าไฟฟ้าโดยรวมของประเทศในระยะยาวไม่สูงเกินไป
นายสุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวต่อไปว่า การดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ ตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการรับฟังความคิดเห็นในปี 2555 กฟผ. ได้นำข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากชุมชนมาศึกษาทุกกลุ่มเพิ่มเติม ทั้งกลุ่มประมง และท่องเที่ยว ประกอบการจัดทำรายงานสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA)เช่น เรื่องการสร้างท่าเรือ การขนส่งถ่านหินที่เป็นผลจากการร่วมปรึกษาหารือกับชุมชน สำหรับเส้นทางการขนส่งถ่านหินจะใช้เส้นทางเดียวกับเรือขนส่งปัจจุบัน รวมทั้งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันเตาซึ่งใช้มาจริงตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อจุดดำน้ำ แหล่งปะการัง และหญ้าทะเลใด ๆ นอกจากนี้โครงการยังได้ออกแบบติดตั้งระบบดักจับไอปรอทเพิ่มเติม เพื่อลดความวิตกกังวลเรื่องสารโลหะหนัก และกำหนดค่าควบคุมมลภาวะทุกตัว เช่น ออกไซด์ของไนโตรเจน ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ฝุ่นละอองและโลหะหนัก ดีกว่ามาตรฐานทางกฎหมายถึง 3 เท่าตัว
สำหรับความวิตกกังวลเรื่องผลกระทบต่อการท่องเที่ยวนั้น ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวว่า การดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ของ กฟผ. ได้คำนึงถึงยุทธศาสตร์ของจังหวัดกระบี่ที่มุ่งสู่การเป็นเมืองสีเขียว (Krabi go green) การออกแบบของโรงไฟฟ้าและมาตรการในการป้องกันแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม จึงปฏิบัติตามกฎหมายสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ กฟผ. ได้กำหนดนโยบายพัฒนาโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านพลังงานและการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ทันสมัยของจังหวัด ที่สามารถอยู่ร่วมกับชุมชนได้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าประเทศและเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงต่างๆ ของโลก เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เกาหลี รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศมาเลเซียก็มีโรงไฟฟ้าถ่านหินเพิ่มขึ้นตลอดเวลา แต่จำนวนนักท่องเที่ยวก็ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โรงไฟฟ้าถ่านหินจึงไม่ใช่สาเหตุที่จะทำให้การท่องเที่ยวลดลง
ส่วนข้อเสนอที่ให้มีการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนร้อยเปอร์เซนต์นั้น ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวว่า กฟผ. มีแผนระยะสั้นและระยะยาวในการสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน โดยเตรียมพัฒนาระบบส่งรองรับทั่วทุกภูมิภาค ซึ่งจะทยอยแล้วเสร็จเพื่อให้สอดคล้องกับแผนอนุรักษ์และพัฒนาพลังงานทดแทนของประเทศ รวมทั้งการรับซื้อน้ำมันปาล์มมาผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้ากระบี่เพื่อช่วยพยุงราคา ซึ่งหากใช้ราคาประกัน ต้นทุนไฟฟ้าจะประมาณ 5.80 บาท เหตุผลสำคัญส่วนหนึ่ง คือการพัฒนาพลังงานทดแทนจะไม่สามารถพัฒนาให้ทันกับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่สูงขึ้น เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก จะต้องพัฒนาพร้อม ๆ กันจำนวนมาก โรงไฟฟ้าหลักยังจึงมีความจำเป็นต้องพัฒนาควบคู่กันไป ซึ่งทุกประเทศที่สนับสนุนพลังงานทดแทนก็จะต้องมีโรงไฟฟ้าหลักอย่างเพียงพอเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ประชาชนคงต้องยอมรับด้วยว่า จะมีผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าเช่นกัน เช่นค่าไฟฟ้าของเยอรมนี หน่วยละ 12 บาท ซึ่งผลมาจากการอุดหนุนพลังงานทดแทน
ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวในท้ายที่สุดว่า จากเหตุผลที่กล่าวมา โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่จึงมีความสำคัญต่อระบบไฟฟ้าทั้งในภาพรวมและพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งการดำเนินการจะเป็นไปตามแผน PDP 2015 โดยจะนำปัจจัยต่างๆ และข้อวิตกกังวลมาพิจารณาอย่างรอบด้าน พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะต่างๆ มาดำเนินการเพื่อสร้างความมั่นใจให้ชุมชนสามารถอยู่ร่วมกับโรงไฟฟ้าได้อย่างเกื้อกูลกัน
ที่มาจากกลุ่มข่าว https://www.facebook.com/set.biznews