ผมเป็นเด็กบ้านแตกคนนึง ชีวิตผมเปลี่ยนไปมากกหลังจากวันนั้น ความฝัน ความเป็นอยู่ การเรียน ความร่าเริง ของผมมันเปลี่ยนแปลงไปมากจริงๆ ผมไม่รู้ตัวเลยใน ณ ขณะนั้นว่าผมมีปัญหา อาจจะเป็นเพราะจิตใจของผมันบดบังความเจ็บปวด ต่อมาวัยรุ่น20+ ผลของมันก็ค่อยๆตามมา ผมเก็บตัว มีความคิดลบ สมาธิสั้น การเรียนแย่ลงเรื่อยๆ แต่ปัญหาที่สำคัญที่สุดของผมคือ ความรู้สึกที่ไม่มั่นคง การโหยหาความรักที่มากเกินกว่าความจริง ความมั่นใจในตนเอง ยิ่งพอผมมองย้อนกลับไปกลับพบว่า พ่อแม่ผมไม่ได้เตรียมความพร้อม ดูแลผมอย่างที่ผมควรจเป็น เมื่อหลังจากอย่าร้าง ทุกอย่างกลับตรงกันข้ามทั้งผมด จากหลักที่ควรจะเป็น เช่น
1.ทำให้ลูกมั่นใจว่าไม่ว่าพ่อแม่จะเลิกกันหรือไม่ เขายังมีทั้งพ่อและแม่ที่รักและห่วงใยเขาเสมอ
2.ไม่นำลูกเข้ามาแบกรับภาระหน้าที่และความวิตกกังวลของผู้ใหญ่
3.บอกลูกให้ชัดเจนว่าการแยกทางกันเป็นความรับผิดชอบของพ่อแม่ ไม่ใช่ความผิดของลูก เคล็ดลับที่พ่อแม่สามารถปฏิบัติเพื่อช่วยบรรเทาความโศกเศร้าของลูกมีดังนี้
*แม่คาดหวังในตัวเราสูงขึ้น จนเรารู้สึกเหมือนแบกภาระในอนาคต ซึ่งขนาดตัวเราเองยังรู้สึกไม่มั่นคงเลย
4.เปิดใจให้กว้างและพูดคุยกับลูกอย่างเปิดอก เด็กไม่เพียงแต่ต้องการทราบว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ยังต้องการรู้สึกว่าการถามคำถามเป็นเรื่องที่ทำได้
*แม่เอาแต่พูดว่าพ่อไม่ดี ไม่เคยเล่าถึงรายละเอียด สั่งให้ห้ามพูดถึง
5.ใช้เวลากับลูกให้มากขึ้น, มาพบลูกตามนัดเสมอ
*เจอกันอาทิตย์ละครั้ง แม่ให้เราอยู่กับยาย และมักผิดนัดเสมอ
6.อย่าถามลูกว่าจะเลือกข้างใคร เช่น ถามลูกว่าอยากจะย้ายไปอยู่กับใครมากกว่ากันหลังจากการแยกทาง
*อันนี้เราโกรธมากเลย มีอยู่วันนึง ครูเอาตัวเรามานั่งต่อหน้าพ่อแม่แล้วถามว่าเราจะเลือกใคร ทุกวันนี้เรายังเกลียดครูคนนั้นที่เส ือก เรื่องครอบครัวคนอื่น ทุบโต๊ะแล้วถามเด็กให้เด็กตัดสินใจ อย่างผิดวิธี เพื่อที่จะกั้นไม่ให้ผู้ปกครองฝ่ายใดฝ่ายนึงมาหาที่ รร.
ในเมื่อพ่อแม่ไม่ได้แก้ไขปัญหาเราในวิธีที่ถูกต้อง ผลของมันยังติดตัวมาถึงทุกวันนี้ เราอยากจะเปลี่ยน อยากจะแก้มัน แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่ทันแล้ว มันต้องแก้ตั้งแต่เด็กแล้ว เราไม่รู้ว่าเราจะแก้ปัญหานี้ยังไงดี มันเหมือนปัญหาที่เหมือนต้นหญ้า ไม่ว่าเราจะบวช ทำตัวเข้มแข็ง พบจิตแพทย์ มันก็พอทุเลาไปได้ แต่พอเราเอาก้อนหินเหล่านั้นๆออก ปัญหาเหล่านั้นมันก็ย้อนกลัมาทำร้ายเราซ้ำๆ
ใครเป็นเด็กบ้านแตกบ้าง มีวิธีปรับตัวยังไงกันบ้างครับ
1.ทำให้ลูกมั่นใจว่าไม่ว่าพ่อแม่จะเลิกกันหรือไม่ เขายังมีทั้งพ่อและแม่ที่รักและห่วงใยเขาเสมอ
2.ไม่นำลูกเข้ามาแบกรับภาระหน้าที่และความวิตกกังวลของผู้ใหญ่
3.บอกลูกให้ชัดเจนว่าการแยกทางกันเป็นความรับผิดชอบของพ่อแม่ ไม่ใช่ความผิดของลูก เคล็ดลับที่พ่อแม่สามารถปฏิบัติเพื่อช่วยบรรเทาความโศกเศร้าของลูกมีดังนี้
*แม่คาดหวังในตัวเราสูงขึ้น จนเรารู้สึกเหมือนแบกภาระในอนาคต ซึ่งขนาดตัวเราเองยังรู้สึกไม่มั่นคงเลย
4.เปิดใจให้กว้างและพูดคุยกับลูกอย่างเปิดอก เด็กไม่เพียงแต่ต้องการทราบว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ยังต้องการรู้สึกว่าการถามคำถามเป็นเรื่องที่ทำได้
*แม่เอาแต่พูดว่าพ่อไม่ดี ไม่เคยเล่าถึงรายละเอียด สั่งให้ห้ามพูดถึง
5.ใช้เวลากับลูกให้มากขึ้น, มาพบลูกตามนัดเสมอ
*เจอกันอาทิตย์ละครั้ง แม่ให้เราอยู่กับยาย และมักผิดนัดเสมอ
6.อย่าถามลูกว่าจะเลือกข้างใคร เช่น ถามลูกว่าอยากจะย้ายไปอยู่กับใครมากกว่ากันหลังจากการแยกทาง
*อันนี้เราโกรธมากเลย มีอยู่วันนึง ครูเอาตัวเรามานั่งต่อหน้าพ่อแม่แล้วถามว่าเราจะเลือกใคร ทุกวันนี้เรายังเกลียดครูคนนั้นที่เส ือก เรื่องครอบครัวคนอื่น ทุบโต๊ะแล้วถามเด็กให้เด็กตัดสินใจ อย่างผิดวิธี เพื่อที่จะกั้นไม่ให้ผู้ปกครองฝ่ายใดฝ่ายนึงมาหาที่ รร.
ในเมื่อพ่อแม่ไม่ได้แก้ไขปัญหาเราในวิธีที่ถูกต้อง ผลของมันยังติดตัวมาถึงทุกวันนี้ เราอยากจะเปลี่ยน อยากจะแก้มัน แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่ทันแล้ว มันต้องแก้ตั้งแต่เด็กแล้ว เราไม่รู้ว่าเราจะแก้ปัญหานี้ยังไงดี มันเหมือนปัญหาที่เหมือนต้นหญ้า ไม่ว่าเราจะบวช ทำตัวเข้มแข็ง พบจิตแพทย์ มันก็พอทุเลาไปได้ แต่พอเราเอาก้อนหินเหล่านั้นๆออก ปัญหาเหล่านั้นมันก็ย้อนกลัมาทำร้ายเราซ้ำๆ