สวัสดีครับ หลังจากที่ได้เข้าไปคลุกคลีกับงานในวงการมาสักระยะ ก็ได้เจอทั้งคนที่น่ารัก และบางคนที่อารมณ์ไม่ค่อยดีมาใช้บริการบ้าง
ซึ่งจากตรงนี้ตัว จขกท มองว่าไม่ได้เกิดจากท่านผู้โดยสารเป็นคนไม่ดี หรือขี้วีนเหวี่ยงหรอกครับ แต่บางครั้งเกิดจาก " ความไม่รู้ "
และหลังจากที่ได้ดูคลิปนี้ (ฮา) ก็จะทำให้เห็นว่า ความไม่รู้นั้น นอกจากจะก่อให้เกิดความหงุดหงิดต่อสายการบินแล้ว ยังส่งผลโดยตรง
กับความปลอดภัยของผู้โดยสารอีกตะหาก !
เพราะฉะนั้นเพื่อไขข้อข้องใจต่างๆ เรามาเริ่มกันตั้งแต่มาขึ้นเครื่องเลยครับ !
1.Departure Time รู้ไว้ไม่ตกเครื่อง
หลายๆท่านคงเคยพลาดเที่ยวบิน หรือภาษาบ้านๆเราเรียกว่าตกเครื่องนั่นแหละ Departure Time คือเวลาที่ " เครื่องบินขึ้น "
ไม่ใช่เวลาเรียกขึ้นเครื่อง เนื่องจากหลังจากผู้โดยสารเข้ามาในเครื่องหมดแล้ว ลูกเรือจะต้องทำหน้าที่ตรวจความเรียบร้อยรวม
ถึงนับจำนวนผู้โดยสารว่ามีใครเกินมารึเปล่า !! ก่อนเครื่องจะขึ้นเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารทุกท่าน เพราะฉะนั้นทางที่ดี
ควรมาก่อนเครื่องขึ้นประมาณ 40 นาทีครับ เนื่องจาก Boarding Time นั้นจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที : )
2.Boarding Pass โชว์ไว้ ไม่เสียเวลา !
เข้าใจนะครับ ว่าการที่ต้องวางของ หนักๆ ที่ถือมาเพื่อหยิบตั๋วโดยสารให้ดูที่หน้าเครื่องนั้น มันก็ข่อนข้างวุ่นวาย แต่ทั้งนี้ก็เพื่อ
ที่จะตรวจสอบว่าท่านผู้โดยสารนั้น " ขึ้นถูกเที่ยวบิน " รึเปล่า เพราะบางครั้งหมายเรียกเที่ยวบินคล้ายๆกัน และเรียกขึ้นเครื่อง
ในเวลาใกล้ๆกัน ก็อาจทำให้ท่านเข้า Gate ผิด และบางครั้งมีถึงขั้น " ขึ้นผิดสายการบิน " เลยทีเดียว
จองตั๋วที่ไหนไว้ ก็อยากไปที่นั่นถูกมั้ยละครับ
3.Seat Number โชว์สักนิด ทางเดินไม่ติด !
เมื่อกี้ก็เพิ่งดูไปหยกๆ นี่มาขอดูอีกละ อะไรกันนัก ! ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะให้ท่านผู้โดยสารนั่งได้ตรงตามหมายเลขยังไงละครับ
ระยะเวลาการ Boardingผู้โดยสารนั่งประจำที่นั้นจะมีเวลาไม่มาก ประมาณ 30 นาทีต่อผู้โดยสารเกือบสองร้อยคน
ลองคิดดูนะครับ ถ้านั่งผิดแล้วต้องมาขยับเข้าๆออกๆในที่แคบๆ ก็จะติดกันเป็นแถวยาววววว
ทำให้ผู้โดยสารด้านหลังไม่สามารถที่จะเดินได้เลยละครับ
4.กระเป๋าหนัก ยกให้หน่อย
มาถึงปัญหายอดฮิต ที่ทำให้หลายๆคนไม่สบอารมณ์กับพนักงาน ทำไมถึงไม่ยกกระเป๋าให้
เรายินดีช่วยครับหากว่าท่าน "ไม่สามารถยกได้จริงๆ"
แต่ถ้าท่านขนของมาเยอะจน "ยกไม่ไหว" ท่านสามารถ Load ลงใต้เครื่องได้ครับ แต่หากยืนยันว่าจะเอาขึ้นมา
ท่านต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อกระเป๋าท่านเองนะครับ ไม่ใช่ว่าเราไม่มี Service Mind ครับ แต่ด้วยหน้าที่เราไม่มี
สิทธิไปยุ่งกับสัมภาระของท่านและไม่มีหน้าที่ต้องยกด้วยครับแต่ทั้งนี้เราก็ต้องดูแลสุขภาพร่างกายของเราด้วย
เราต้องทำงานหาเลี้ยงคนที่เรารักเช่นกันหากหลังพังไม่สามารถทำงานได้ แล้วใครจะหาเลี้ยงพ่อแม่เราละครับ : )
5.Exit Briefing ฟังไว้ ปลอดภัยกว่า
สำหรับบางท่านที่นั่งบริเวณทางออกฉุกเฉินนั้น จะมีพนักงานคอยมาอธิบายเกี่ยวกับวิธีใช้ หลายๆท่านคงรู้สึกว่า
ทำไมต้องมาพูดอะไรมากมายเนื่องจากหากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ท่านอาจจะต้องเป็นผู้ช่วยเหลือตัวท่านเอง
รวมถึงผู้โดยสารท่านอื่นๆให้ " รอด " และต้องมี " สติ " เพราะฉะนั้นการที่พนักงานย้ำเตือนท่านถึงวิธีการใช้
เพราะอย่างน้อยหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ท่านก็อาจจะยังคุ้นๆกับวิธีใช้ทางออกฉุกเฉินซึ่งมันจะทำให้ท่าน
รอดปลอดภัย ดังนั้นเราจึงทำการคัดแล้วว่าท่านจะสามารถช่วยเหลือผู้อื่นในกรณีฉุกเฉินได้และได้เน้นย้ำว่า
หากท่านไม่พร้อมก็สามารถย้ายที่ได้ครับ รวมถึงการเก็บสิ่งของบริเวณนั้นๆ จนหมดหลายท่านอาจจะคาใจว่าทำไม
กระเป๋าใบไม่ใหญ่ก็ต้องเก็บ เนื่องจากว่าหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินจนต้องใช้ทางออกนั้นๆแล้ว ความ " โกลาหล "
ก็จะเกิดขึ้น หากในจังหวะเร่งรีบแต่กระเป๋าดันไปเกี่ยว ติด หรือขวางทาง มันก็คงไม่ดีแน่ กันไว้ดีกว่าแก้(ไม่ทัน)
นะครับ ทั้งนี้ทางออกเหล่านี้หากท่านเปิดใช้เล่นๆละก็ มีความผิดนะคร้าบบ
6.Safety Demonstration ดูการสาธิต ชีวิตปลอดภัย
การสาธิตวิธีใช้อุปกรณ์ฉุกเฉินนั้น ก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินนั้น ทุกๆท่านจะมีอุปกรณ์ช่วยเหลือ
ของตัวเองอยู่แล้วแต่หากท่านใช้ไม่เป็นแล้ว ในเวลานั้นจะไม่มีใครมาช่วยท่านนะครับ เพราะทุกคนต้องเซฟตัวเองก่อน
หากมีหน้ากากอ๊อกซิเจนตกลงมา แต่ท่าน Activate มันไม่เป็น คนที่จะเป็นอันตรายก็คือตัวท่านเองนะครับ...
เห็นไหมละครับ ว่าทุกๆอย่างมีเหตุผลของตัวมันเองอยุ่ และส่วนมากก็เพื่อความปลอดภัยของท่านเอง
เพียงเท่านี้ท่านก็จะมีเที่ยวบินที่ราบรื่นและปลอดภัยแล้วละครับ : )


6 ขั้นตอน ก่อนเครื่องขึ้น กับการเป็น " ผู้โดยสารที่น่ารัก "
ซึ่งจากตรงนี้ตัว จขกท มองว่าไม่ได้เกิดจากท่านผู้โดยสารเป็นคนไม่ดี หรือขี้วีนเหวี่ยงหรอกครับ แต่บางครั้งเกิดจาก " ความไม่รู้ "
และหลังจากที่ได้ดูคลิปนี้ (ฮา) ก็จะทำให้เห็นว่า ความไม่รู้นั้น นอกจากจะก่อให้เกิดความหงุดหงิดต่อสายการบินแล้ว ยังส่งผลโดยตรง
กับความปลอดภัยของผู้โดยสารอีกตะหาก !
เพราะฉะนั้นเพื่อไขข้อข้องใจต่างๆ เรามาเริ่มกันตั้งแต่มาขึ้นเครื่องเลยครับ !
1.Departure Time รู้ไว้ไม่ตกเครื่อง
หลายๆท่านคงเคยพลาดเที่ยวบิน หรือภาษาบ้านๆเราเรียกว่าตกเครื่องนั่นแหละ Departure Time คือเวลาที่ " เครื่องบินขึ้น "
ไม่ใช่เวลาเรียกขึ้นเครื่อง เนื่องจากหลังจากผู้โดยสารเข้ามาในเครื่องหมดแล้ว ลูกเรือจะต้องทำหน้าที่ตรวจความเรียบร้อยรวม
ถึงนับจำนวนผู้โดยสารว่ามีใครเกินมารึเปล่า !! ก่อนเครื่องจะขึ้นเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารทุกท่าน เพราะฉะนั้นทางที่ดี
ควรมาก่อนเครื่องขึ้นประมาณ 40 นาทีครับ เนื่องจาก Boarding Time นั้นจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที : )
2.Boarding Pass โชว์ไว้ ไม่เสียเวลา !
เข้าใจนะครับ ว่าการที่ต้องวางของ หนักๆ ที่ถือมาเพื่อหยิบตั๋วโดยสารให้ดูที่หน้าเครื่องนั้น มันก็ข่อนข้างวุ่นวาย แต่ทั้งนี้ก็เพื่อ
ที่จะตรวจสอบว่าท่านผู้โดยสารนั้น " ขึ้นถูกเที่ยวบิน " รึเปล่า เพราะบางครั้งหมายเรียกเที่ยวบินคล้ายๆกัน และเรียกขึ้นเครื่อง
ในเวลาใกล้ๆกัน ก็อาจทำให้ท่านเข้า Gate ผิด และบางครั้งมีถึงขั้น " ขึ้นผิดสายการบิน " เลยทีเดียว
จองตั๋วที่ไหนไว้ ก็อยากไปที่นั่นถูกมั้ยละครับ
3.Seat Number โชว์สักนิด ทางเดินไม่ติด !
เมื่อกี้ก็เพิ่งดูไปหยกๆ นี่มาขอดูอีกละ อะไรกันนัก ! ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะให้ท่านผู้โดยสารนั่งได้ตรงตามหมายเลขยังไงละครับ
ระยะเวลาการ Boardingผู้โดยสารนั่งประจำที่นั้นจะมีเวลาไม่มาก ประมาณ 30 นาทีต่อผู้โดยสารเกือบสองร้อยคน
ลองคิดดูนะครับ ถ้านั่งผิดแล้วต้องมาขยับเข้าๆออกๆในที่แคบๆ ก็จะติดกันเป็นแถวยาววววว
ทำให้ผู้โดยสารด้านหลังไม่สามารถที่จะเดินได้เลยละครับ
4.กระเป๋าหนัก ยกให้หน่อย
มาถึงปัญหายอดฮิต ที่ทำให้หลายๆคนไม่สบอารมณ์กับพนักงาน ทำไมถึงไม่ยกกระเป๋าให้
เรายินดีช่วยครับหากว่าท่าน "ไม่สามารถยกได้จริงๆ"
แต่ถ้าท่านขนของมาเยอะจน "ยกไม่ไหว" ท่านสามารถ Load ลงใต้เครื่องได้ครับ แต่หากยืนยันว่าจะเอาขึ้นมา
ท่านต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อกระเป๋าท่านเองนะครับ ไม่ใช่ว่าเราไม่มี Service Mind ครับ แต่ด้วยหน้าที่เราไม่มี
สิทธิไปยุ่งกับสัมภาระของท่านและไม่มีหน้าที่ต้องยกด้วยครับแต่ทั้งนี้เราก็ต้องดูแลสุขภาพร่างกายของเราด้วย
เราต้องทำงานหาเลี้ยงคนที่เรารักเช่นกันหากหลังพังไม่สามารถทำงานได้ แล้วใครจะหาเลี้ยงพ่อแม่เราละครับ : )
5.Exit Briefing ฟังไว้ ปลอดภัยกว่า
สำหรับบางท่านที่นั่งบริเวณทางออกฉุกเฉินนั้น จะมีพนักงานคอยมาอธิบายเกี่ยวกับวิธีใช้ หลายๆท่านคงรู้สึกว่า
ทำไมต้องมาพูดอะไรมากมายเนื่องจากหากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ท่านอาจจะต้องเป็นผู้ช่วยเหลือตัวท่านเอง
รวมถึงผู้โดยสารท่านอื่นๆให้ " รอด " และต้องมี " สติ " เพราะฉะนั้นการที่พนักงานย้ำเตือนท่านถึงวิธีการใช้
เพราะอย่างน้อยหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ท่านก็อาจจะยังคุ้นๆกับวิธีใช้ทางออกฉุกเฉินซึ่งมันจะทำให้ท่าน
รอดปลอดภัย ดังนั้นเราจึงทำการคัดแล้วว่าท่านจะสามารถช่วยเหลือผู้อื่นในกรณีฉุกเฉินได้และได้เน้นย้ำว่า
หากท่านไม่พร้อมก็สามารถย้ายที่ได้ครับ รวมถึงการเก็บสิ่งของบริเวณนั้นๆ จนหมดหลายท่านอาจจะคาใจว่าทำไม
กระเป๋าใบไม่ใหญ่ก็ต้องเก็บ เนื่องจากว่าหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินจนต้องใช้ทางออกนั้นๆแล้ว ความ " โกลาหล "
ก็จะเกิดขึ้น หากในจังหวะเร่งรีบแต่กระเป๋าดันไปเกี่ยว ติด หรือขวางทาง มันก็คงไม่ดีแน่ กันไว้ดีกว่าแก้(ไม่ทัน)
นะครับ ทั้งนี้ทางออกเหล่านี้หากท่านเปิดใช้เล่นๆละก็ มีความผิดนะคร้าบบ
6.Safety Demonstration ดูการสาธิต ชีวิตปลอดภัย
การสาธิตวิธีใช้อุปกรณ์ฉุกเฉินนั้น ก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินนั้น ทุกๆท่านจะมีอุปกรณ์ช่วยเหลือ
ของตัวเองอยู่แล้วแต่หากท่านใช้ไม่เป็นแล้ว ในเวลานั้นจะไม่มีใครมาช่วยท่านนะครับ เพราะทุกคนต้องเซฟตัวเองก่อน
หากมีหน้ากากอ๊อกซิเจนตกลงมา แต่ท่าน Activate มันไม่เป็น คนที่จะเป็นอันตรายก็คือตัวท่านเองนะครับ...
เห็นไหมละครับ ว่าทุกๆอย่างมีเหตุผลของตัวมันเองอยุ่ และส่วนมากก็เพื่อความปลอดภัยของท่านเอง
เพียงเท่านี้ท่านก็จะมีเที่ยวบินที่ราบรื่นและปลอดภัยแล้วละครับ : )