ผมขอยืม id เพื่อนมาโพสนะครับ
เมื่อไม่นานมานี้ผมได้มีโอกาสได้ไปร่วมทำงานกับบริษัทแห่งนึงแถวๆ จังหวัดเชียงใหม่-หางดง
เป็นบริษัทสอบบัญชีเล็กๆ เล็กมากกก (เด๋วอ่านๆไปจะรู้เหตุผลเองว่าทำไมมันถึงเล็ก)
กระผมอดทนทำงานบริษัทนี้มาได้ 6 เดือนครับ
เล่าความตั้งแต่ต้นเลยก็แล้วกันนะครับ
กระผมเป็นนศ.จบใหม่ที่เพิ่งจะเคยทำงานจริงๆจังครั้งแรกในชีวิต
ครั้งแรกที่มาสมัครงานที่นี่ ผมก็ไม่คิดอะไร เห็นข้อมูลในเวปมันก็ดีนะครับ มีเงินเดือน 12000-15000 มีโบนัส มีเบี้ยขยันต่างหาก แล้วก็มีเบี้ยเลี้ยงค่าออกนอกพื้นที่ด้วย แถมยังสามารถเก็บชั่วโมงผู้ฝึกหัดงานสอบบัญชีได้อีก(ลืมบอกไปผมจบบัญชีครับ) แล้วก็ประกันสังคม มีวันหยุดประจำปีและวันหยุดนักขัตฤกษ์ คร่าวๆตามข้อมูลที่ได้จาก เวปไซต์หางานก็ประมาณนี้ (บังเอิญตอนนั้นผมไม่ได้เซฟรูปเก็บไว้)
พอมาสมัครงานจริง สมัครปุ๊บตอนเย็นโทรมานัดให้ผมไปสัมภาษณ์อีก1วัน ผมก็ไปตามนัดครับ ตอนสัมภาษณ์ไม่ได้ถามอะไรมากครับ ไม่มีสอบข้อเขียนหรือทดสอบอะไรเลย ซึ่งผมก็ยัง งงๆ อยู่ว่า ปรกติสำนักงานสอบบัญชีมันต้องทดสอบกันหน่อยๆเรื่องบัญชีไม่ไช่เหรอ? แต่นี่ถามผมนิดเดียวแล้วรับผมเข้าทำงานเลย ผมก็ไม่ได้เอะใจอะไร ก็ตอบตกลงไป เริ่มงานในอีกอาทิตถัดมา
19 ม.ค. 58 มาทำงานวันแรกก็ไม่มีอะไรมากครับ ผู้จัดการ(ต่อไปนี้ผมขอเรียกว่ามัน) มันเรียกผมไปคุยถึงลักษณะงานครับ คือตำแหน่งที่ผมไปสมัครคือผู้ช่วยผู้ตรวจสอบบัญชีครับ มันบอกผมว่า "เงินเดือนผมไห้คุณก่อน 9000 สำหรับช่วงฝึกงาน3เดือน หลังจากนั้นค่อยมาว่ากันอีกที อาจจะไม่ถึง3เดือนก็ได้แล้วแต่ผลงาน แล้วเรื่องเงินเดือนอาจจะขึ้นไห้ทุกๆ4เดือนก็ได้ อันนี้ต้องดูผลงานอีกที(ผลงานอีกแหล่ว)(ผมก็ไม่ได้เอะใจอะไรครับเพราะเราเพิ่งจบบไหม่คงได้ประมาณนี้ไปก่อน) แล้วบอกต่อว่า บริษัทนี้ไม่มีโอทีนะ แต่จะให้เป็นโบนัสหลังปิดงบไปเลย 1 เท่าของเงินเดือน (ผมว่าเทียบกับโอทีแล้วน้อยมากๆ) เวลาออกนอกสถานที่ผมให้เบี้ยเลี้ยงต่างหากวันละ 300 บาท แล้ว3เดือนแรกผมยังไม่ทำประกันสังคมไห้นะ เผื่อคุณไม่ผ่านงานจะได้ไม่ต้องทำเรื่องย้ายไห้ยุ่งยาก(แปลกๆ มีเผื่อไม่ผ่านงานด้วย) แล้วมีปัญหาอะไรก็ถามผมได้นะ"
ประมาณนี้ครับ แล้วผมก็ทำงานไปตามปรกติ สำนักงานนี้ มันพนักงานอยู่ 2 คนครับ รวมผมแล้ว ถ้ารวมมันด้วยก็เป็น 3 คนถ้วนครับ แล้วงานส่วนไหญ่ก็มาตกที่ผมทำคนเดียว เพราะพี่อีกคนไม่ได้จบบัญชีมา คอยเดินเอกสารไห้ลูกค้า ติดต่อกับกรมพัฒฯ เป็นหลัก และจัดส่งVAT ทุกเดือน แค่นั้นเพราะพี่เขาไม่ค่อยรู้เรื่องบัญชีเท่าไหร่
งานของผมคือ บัญทึกบัญชี ตรวจสอบบัญชี ทำแฟ้มตรวบสอบเอกสารทั้งหมดที่ใช้บันทึกบัญชี ปิดงบ ประสานงานกับหน่วยราชกาลและบริษัทบัญชีอื่นๆที่ส่งงบมาให้ตรวจสอบ และทุกอย่างตามที่มันสั่ง แม้กระทั่งถ่ายเอกสาร ติดกาว ไปรับเอกสารจากลูกค้า(ไกลๆซึ่งไม่เคยได้ค่าน้ำมันแถมรถตัวเองด้วย พี่อีกคนก็ไม่ได้เหมือนๆกัน) แล้วอีกสารพัด รวมถึงดูแลน้องฝึกงานทั้งหมดด้วย ฯลฯ
แต่พอทำงานไปได้ซักประมาณเดือนนึง มันบอกผมว่าผมให้เงินเดือนคุณ 10000 ละกัน จะได้มีกำลังใจทำงาน แล้วผ่านโปรก็ค่อยว่ากันอีกที ผมก็ดีใจสิครับ ทำงานได้แค่เดือนกว่าๆเงินเดือนก็ขึ้นแล้ว (แต่ในใจก็คิดว่าไม่คุ้มกับงานที่โคตรมโหฬารบานตะไทที่ทำทุกวันอยู่ดี)
เหตุมันเริ่มเกิดตอนเดือนที่3ของการทำงานครับ ประมาณ เดือน เม.ย.58 ที่ผ่านมา ผมก็เริ่มคิดแล้วว่าผมทำงานมาได้ครบ3เดือนพอดี เดือนนี้หัวหน้าคงขึ้นเงินเดือนให้แล้วสินะ แถมเดือนนี้ได้ออกต่างจังหวัดด้วยคงได้ค่าเบี้ยเลี้ยงเพิ่มอีกแน่นอน ว่าแล้วก็อดดีใจไม่ได้ สิ้นเดือนก็เลยไปกดATM ดูเงินเดือนเข้าว่าจะได้เท่าไหร่ สิ้นเดือนไปกด...ตังไม่เข้า วันที่ 1 ...ตังไม่เข้า ไปเข้าอีกทีวันที่ 3 ครับ(โดยประมาณผมจำไม่ได้ว่าวันที่เทาไหร่ แต่ไม่ตรงสิ้นเดือนแน่ๆ) จากที่ยิ้มๆกลับคอตกครับ เงินเดือนได้เท่าเดิม 10000 ไม่มีเงินเพิ่มหรืออะไรซักอย่าง ในใจผมก็คิดว่าเอ อาจจะเปนเพราะเราเพิ่งทำงานผ่านโปรพอดีหรือปล่าว อาจจะได้เดือนหน้าก็ได้ เพราะเป็นเงินเดือนของเดือนที่ 4 ของการทำงาน แล้วเงินค่าออกนอกพื้นที่มันก็คงลืมให้มั้งเพราะทุกทีมันก็ให้ช้าเป็นเดือนๆ(ก่อนหน้าเคยได้ช้าประมาณ1เดือน) ก็เลยปล่อยเลยตามเลยไปจนเดือนถัดมา
1 พ.ค. 58 เดือนนี้เป็นเดือนแห่งการปิดงบ ทุกๆคนคงรู้ดีว่ามันเหนื่อยแสนเนื่อยแค่ใหน ช่วงนี้มีน้องฝึกงานมาช่วยงานครับก็ดีหน่อย แต่งานก็เยอะอยู่ดี เพราะงบที่มันรับมาทำมีประมาณ 200+ งบครับ ทั้งไซต์ไหญ่ไซต์เล็กปะปนกันไป และที่พีคสุดๆคือ งบทั้งหมดต้องผ่านมือกระผมคนเดียวทั้งหมดก่อนที่จะไปให้มันดู (ลืมบอกอีกแล้ว มันเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตครับ) และน้องฝึกงานก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก เพราะแกยังเรียนอยู่ (แต่อายุเท่าๆผมนะครับ เพราะเป็นเด็กเทคโน แถมบางคนแก่กว่าผมอีกด้วย) เด็กฝึกงานทุกคนมันบอกว่าจะให้ค่าขนมวันละ100เพื่อเป็นการตอบแทนครับ แล้วจะให้ 450 สำหรับวันที่เลิกดึกๆเกิน 4 ทุ่ม!! (ในประเด็นนี้ไว้ค่อยคุยกันอีกทีนะครับ) ช่วงนี้งานเยอะมากครับ เลิกดึกเกือบทุกวันทุกๆคนที่ทำบัญชีจะรู้ดี ยิ่งช่วงอาทิตย์สุดท้ายก่อยสิ้นเดือน เป็นช่วงที่ดึกมากๆ ประมาณ ตี 1-2 เกือบทุกคืน โดยที่ต้องตื่นมาทำงานอีกวันเวลา9.00น. แถมทำจันทร์ถึงเสาร์ด้วย หยุดแค่วันอาทิตย์วันเดียว แถมวันสุดท้ายของเดือนวันที่ 31 เป็นวันอาทิตย์ ก็ไม่หยุดด้วยเพราะเป็นวันสุดท้าย
โอเคครับพอมาถึงตรงนี้ทุกคนที่รู้เรื่องราวของบัญชีคงพอจะเข้าใจแล้วว่ามันหนักแค่ไหนกับการทำงานคนเดียว แล้วแถมที่งานมันหนักไม่ไช่อะไรนะครับ ช่วงเดือน 2-3-4 ผมทำงานส่งมันทุกวันแต่มันไม่เคยจะตรวจเลยปล่อยให้งานที่ผมส่งกองเต็มโต๊ะ ผ่านไปซักอาทิตแล้วค่อยมาดูไห้ซักงบนึง ซึงตอนนั้นผมก็ไปทำงบอื่นๆที่เข้ามาแทบไม่ขาดสาย แล้วผมจะเอาสมองส่วนไหนไปจำว่าผมทำงานถึงไหน งบนั้นทำเกียวกับอะไร เพราะนั่นมันงานที่ผมทำตั้งกะอาทิตที่แล้วแล้วโว้ย แถมบางอันค้างไว้เป็นเดือนก็มี ส่งผลทำให้ผมโดนบ.บัญชีด่าว่าทำไมไม่บอกเร็วๆ แล้วที่สำคัญ ช่วงที่ผมทำงานในวันเสาร์ มันไม่เคยจะอยู่ทำงาน รู้มั้ยครับมันไปไหน มันไปตีกอร์ฟฟ!! เย็นๆก็กลับ มันจะมาถามงานว่าถึงไหนอะไรยังไง ประมาณว่าเร่งงานที่กำลังทำอยู่แต่ไม่ยอมตรวจงานที่ทำเสร็จแล้ว ซึ่งเป็นหน้าที่ของตัวเอง พอเร่งๆๆเสร็จผมส่ง

ก็ไม่ยอมตรวจอยู่ดี และที่สำคัญมาเร่งตอนเย็นๆก่อนที่ผมจะเลิกงาน ผมก็จำต้องนั่งทำงานไห้มันเสร็จจนต้องเลิกดึกๆประมาณ2ทุ่ม (โดยที่ไม่ได้โอที ย้ำไม่มีโอที)
31 พ.ค. 58 โอเค พอผ่านเดือนหน้างบมาได้ก็คงเบาทั้งงานทั้งเวลาแล้ว แล้วอีกอย่างอดคิดเรื่อเงินเดือนไม่ได้ เพราะว่าเดือนนี้น่าจะได้ฤกษ์เเงินเดือนขึ้นซะที เพราะงบทั้ง200+งบผมก็ทำแทบจะคนเดียวทั้งหมด ผลงานขนาดนี้ไม่ดีไห้มันรู้ไป โอเคคับ มาถึงสิ้นเดือนจนได้ ก่อนโอนตังมีฉลองหน้างบกันซักหน่อยครับ แล้วมันก็พูดกับผมว่า เด๋วผมโอนเงินไห้ก่อน 15000 แล้วที่เหลือค่อยมาคำนวนกันดีดีอีกที เพราะตอนนี้ไม่ค่อยสะดวก ผมก็โอเคไป โดยที่ยังไม่ได้ทวงค่าออกนอกพื้นที่ เพราะคิดว่าเดือนหน้าก็คงจะได้ (อ้อลืมบอกไปในระหว่างเดือน พ.ค. ก็ได้อกพื้นที่ต่างจังหวัดอีกแล้วครับท่าน ไปเกือบๆอาทิตย์ คิดว่าเดือนหน้าคงทบต้นทบดอกให้) ณตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้เลยว่าตกลงผมได้เงินเดือนเท่าไหร่ แต่ก็ไม่คิดอะไรมาก เดือนหน้าค่อยว่ากัน
1มิ.ย. 58 เดือนนี้ช่วงต้นเดือนผมลากลับบ้าน 1 อาทิตย์ครับ เพราะแม่ผมป่วยหนักต้องเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาล(บ้านผมอยู่ตจว.) ที่จริงก็ผ่าตั้งแต่ปลายๆเดือน พ.ค. 58 แล้ว แต่ด้วยความที่ช่วงนั้นงานเยอะ ผมเลยกะว่าเครียร์งานเสร็จค่อยกลับไปหาแม่ทีเดียวสบายใจกว่า แล้วผมก็บอกมันแล้วนะครับช่วงที่ปิดงบ (เด็กๆฝึกงานรวมทั้งพี่อีกคนที่ทำงานด้วยกันก็ได้ยิน) ว่าตอนนี้แม่ผนผ่าตัด แต่ไม่ต้องห่วงผมจะเครียร์งานก่อนแล้วจะขอลาหยุดเดือนหน้า เพราะถ้าขาดผมไปคนนึง งบที่เหลือเกือบๆ100งบ ใครจะทำต่อ มันก็โอเคครับให้ผมลาได้ พอต้นเดือน พี่อีกคนที่ทำงานด้วยกันดันโดนรถชนครับ อาการสาหัสต้องพักฟื้นประมาณ3-4เดือนถึงจะหาย จากที่ผมคิดว่างานคงจะเริ่มน้อย กลับกลายเป็นตอนนี้งานทั้งหมดผมต้องทำคนเดียว แต่ก็ช่วยไม่ได้ครับก็ต้องทำ แต่ผมก็ยังยืนกรานที่จะลาหยุดเพราะผมได้ขอไว้แล้ว และแม่ผมท่านก็อยู่บ้านคนเดียว ไม่มีไครคอยดูแล คิดดูสิครับคนเพิ่งผ่าตัด(ผ่าตัดที่ท้ายทอยและหน้าอกครับ) มันก็บอกว่า"โอเคกลับก็ได้ เด๋วผมเครียร์งานต่อไห้เอง" ผมหลังจากผมกลับบ้านผ่านมา งานที่บอกจะเครียร์ จะดูต่อให้ เท่าเดิมครับ ผมก็ต้องมานั่งทำเองอยุ่ดี และแถมมาบอกผมว่า "ผมเห็นแก่ตัวที่กลับบ้านไป งานก็ยังเหลืออยุ่ พี่อีกคนก็ป่วย ผมต้องนั่งทำงานคนเดียว(งานเท่าเดิม) ไม่รุ้จักเห็นแก่ส่วนรวม แล้วเวลาหยุดเราถึงเหรอถึงลาหยุดไป เราหยุดเกินนะ วันหลังผมจะให้มาทำงานซ่อม" ผมนี่อึ้งเลย ผมเลยตอบไปว่า "ถ้าผมเห็นแก่ตัวจริงผมหยุดตั้งแต่หน้างบไม่ดีกว่าเหรอครับ (นั่นแม่ผมทั้งคนนะ แถมไม่มีไครคอยดูแลด้วย จะหาข้าวให้แม่ผมกิน ใครจะช่วยพยุงแม่ผมเวลาไปไหนมาไหน)" มันตอบผมว่าไงรู้มั้ยครับ มัตอบผมว่า "ทีหลังก็หัดบอกผมก่อนสิ ที่จริงจะกลับตอนนั้นเลยก็ได้ถ้าแม่ป่วย ผมก็ไม่ได้ว่า" (คือกูบอกแล้ว แล้วพยานก็มีเป็นเกือบ10คนที่ได้ยิน) ผมก็ไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงอะไร แค่บอกไปว่าครับๆวันหลังผมจะบอกก่อน!!(เน้นเสียง)
30 มิ.ย. 58 วันนี้สิ้นเดือน (อีกแล้ว)
ผมก็คิดว่าวันนี้น่าจะได้รู้กระจ่างซะทีว่าตกลงเงินเดือนตัวเองได้เท่าไหร่ แล้วค่าเบี้ยเลี้ยงต่างจังหวัดที่ติดจะได้มั้ย? เงินเดือนเข้าประมาณวันที่ 5 ครับ รู้มั้ยครับว่าได้เท่าไหร่...ถูกแล้วครับ 10000 เท่าเดิม ไม่มีเพิ่มเติมมากไปกว่านี้ ผมก็ยังมิวายคิดในแง่บวกว่า ช่วงนั้นเขาคงยุ่งๆเรื่องคดีของพี่อีกคนที่โดนรถชน เพราะเห็นว่าคู่กรณีไม่รับผิดชอบอะไรซักอย่างนี่แหละ ผมก็ตั้งหน้าตั้งตาทำไป ช่วงนี้ก็ทำงานส่วนของพี่เขาไปด้วย แล้วแถมงานของพี่เขาก็เกี่ยกับเอกสารทางราชกาลกับของลูกค้า พวกบิลใบกำกับภาษีอะไรพวกนี้ก็ต้องไปรับเอกสารที่บริษัทของลูกค้าเพื่อมาบันทึกบัญชี (ลืมบอกไปครับ บริษัทนี้รับทำบัญชีด้วย) แล้วที่ๆไปก็ไกลๆทั้งนั้น ศาลากลางจังหวัดเชียงไหม่ อำเภอสันทรายงี้ คนพื้นพื้นที่จะรู้ว่าจากหางดงไปมันค่อนข้างไกล และต้องเอารถตัวเองไปคนเดียว (แถมไม่มีค่าน้ำมันด้วย ย้ำไม่มี) ทั้งๆที่ตัวเองก็ไปเองได้ เอารถยนต์ไปปู๊ดเดียว แต่ไม่ไปกลับนั่งตากแอร์สบายใจเฉิบ
31 ก.ค. 58 ล่าสุดไม่กี่เดือนที่ผ่านมาครับ สิ้นเดือน ข้ามขั้นตอนของวันที่เงินเดือนเข้าไป เพราะไม่สำคัญเท่าไหร่ ประเด็นคือ เงินเดือน ได้เท่าไหร่รู้มั้ยครับ? เชื่อว่าหลายๆคนคงเดาถูก ใช่ครับ เท่าเดิมมมมมมมมมม!! ไม่มีเพิ่มไม่มีลด ณ จุดๆนี้ ผมเริ่มปรึกษาคนรอบข้างแล้วครับว่าควรทำยังไง ทุกคนก็บอกให้ไปถามมันไห้รู้แล้วรู้รอด ผมก็โอเค ถามก็ถาม
ประมาณวันที่ 6 ก.ค. ครับ ผมเข้าไปถาม เล่าไห้ฟังตามคำพูดที่พอจะจำได้นะครับ
ผม: พี่...ครับ ตกลงเงินเดือมผมนี่ยังไงเหรอครับ?
มัน: มันทำไมเหรอครับ?
ผม:ก็มันได้เท่าเดิมเลย แล้วโบนัสผมหละ?
มัน:ก็เดือนที่ปิดงบคุณไม่เลิกดึกทุกวันไงผมเลยไม่ไห้ ...............(เฮ้ย!!)(กูไม่ยักกะรู้)
(ผมก็ตอบ เออ ออไป ตามมันโดยที่ยังเก็บอาการอยู่แล้วถามต่อ)
ผม:แล้วเงินเดือมผมหละครับ ผมทำงานมาจะ6เดือนแล้วยังได้เท่าเดิมเลย
มัน: ก็จะให้ผมขึ้นเงินเดือนไห้ได้ยังไงหละ ก็คุณทำงานได้ไม่ถึง "เป้า" ที่ผมวางไว้ (เป้าอะไร อธิบาย) คุณเหมือนไม่ค่อยตั้งใจทำงาน เหมือนไม่มีใจสู้งาน หยั่งที่ผมบอกให้ไปดูงานที่ลาวคุณก็ไม่ไป
(ไม่ไช่ไม่อยากไปนะครับ คือวันที่ไปมันวันอาทิตย์วันหยุดวันเดียวของผม แล้วอีกอย่างอาทิตนั้นผมเหนื่อยมาก เพราะต้องออกไปทำงานนอกออฟฟิตไปกลับเองทุกวันที่บริษัทแห่งหนึ่งแถวๆเซ็นทรัลเฟชฯ และมันไม่เคยมาดูผมทำงาน พาผมไปแนะนำให้บรษัทเขาแล้วที่เหลือผมไปเองทั้งอาทิตย์ เป็นงานตรวจสอบภายในและตรวจสอบบัญชีคู่กันอีกต่างหาก แล้วจะไม่ไห้ผมพักแล้วไปลาวต่อ ผมก็บอกว่า มันวันอาทิตย์วันหยุดผม โดยที่ผมยังไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่ม มันบอกว่างั้นก้ไม่ต้องไปแล้วโทรหาพี่อีกคนไห้ไปแทน ผมก็ไม่คิดว่ามันจะเก็บมาคิดโดยที่ผมไม่รู้ตัว)
แล้วบอกผมต่อว่า ผมคุมน้องฝึกงานก็ไม่ค่อยได้ (มีต่อ)
เตือนภัย บริษัทเลวๆ ก่อนที่คุณจะหลงกล
เมื่อไม่นานมานี้ผมได้มีโอกาสได้ไปร่วมทำงานกับบริษัทแห่งนึงแถวๆ จังหวัดเชียงใหม่-หางดง
เป็นบริษัทสอบบัญชีเล็กๆ เล็กมากกก (เด๋วอ่านๆไปจะรู้เหตุผลเองว่าทำไมมันถึงเล็ก)
กระผมอดทนทำงานบริษัทนี้มาได้ 6 เดือนครับ
เล่าความตั้งแต่ต้นเลยก็แล้วกันนะครับ
กระผมเป็นนศ.จบใหม่ที่เพิ่งจะเคยทำงานจริงๆจังครั้งแรกในชีวิต
ครั้งแรกที่มาสมัครงานที่นี่ ผมก็ไม่คิดอะไร เห็นข้อมูลในเวปมันก็ดีนะครับ มีเงินเดือน 12000-15000 มีโบนัส มีเบี้ยขยันต่างหาก แล้วก็มีเบี้ยเลี้ยงค่าออกนอกพื้นที่ด้วย แถมยังสามารถเก็บชั่วโมงผู้ฝึกหัดงานสอบบัญชีได้อีก(ลืมบอกไปผมจบบัญชีครับ) แล้วก็ประกันสังคม มีวันหยุดประจำปีและวันหยุดนักขัตฤกษ์ คร่าวๆตามข้อมูลที่ได้จาก เวปไซต์หางานก็ประมาณนี้ (บังเอิญตอนนั้นผมไม่ได้เซฟรูปเก็บไว้)
พอมาสมัครงานจริง สมัครปุ๊บตอนเย็นโทรมานัดให้ผมไปสัมภาษณ์อีก1วัน ผมก็ไปตามนัดครับ ตอนสัมภาษณ์ไม่ได้ถามอะไรมากครับ ไม่มีสอบข้อเขียนหรือทดสอบอะไรเลย ซึ่งผมก็ยัง งงๆ อยู่ว่า ปรกติสำนักงานสอบบัญชีมันต้องทดสอบกันหน่อยๆเรื่องบัญชีไม่ไช่เหรอ? แต่นี่ถามผมนิดเดียวแล้วรับผมเข้าทำงานเลย ผมก็ไม่ได้เอะใจอะไร ก็ตอบตกลงไป เริ่มงานในอีกอาทิตถัดมา
19 ม.ค. 58 มาทำงานวันแรกก็ไม่มีอะไรมากครับ ผู้จัดการ(ต่อไปนี้ผมขอเรียกว่ามัน) มันเรียกผมไปคุยถึงลักษณะงานครับ คือตำแหน่งที่ผมไปสมัครคือผู้ช่วยผู้ตรวจสอบบัญชีครับ มันบอกผมว่า "เงินเดือนผมไห้คุณก่อน 9000 สำหรับช่วงฝึกงาน3เดือน หลังจากนั้นค่อยมาว่ากันอีกที อาจจะไม่ถึง3เดือนก็ได้แล้วแต่ผลงาน แล้วเรื่องเงินเดือนอาจจะขึ้นไห้ทุกๆ4เดือนก็ได้ อันนี้ต้องดูผลงานอีกที(ผลงานอีกแหล่ว)(ผมก็ไม่ได้เอะใจอะไรครับเพราะเราเพิ่งจบบไหม่คงได้ประมาณนี้ไปก่อน) แล้วบอกต่อว่า บริษัทนี้ไม่มีโอทีนะ แต่จะให้เป็นโบนัสหลังปิดงบไปเลย 1 เท่าของเงินเดือน (ผมว่าเทียบกับโอทีแล้วน้อยมากๆ) เวลาออกนอกสถานที่ผมให้เบี้ยเลี้ยงต่างหากวันละ 300 บาท แล้ว3เดือนแรกผมยังไม่ทำประกันสังคมไห้นะ เผื่อคุณไม่ผ่านงานจะได้ไม่ต้องทำเรื่องย้ายไห้ยุ่งยาก(แปลกๆ มีเผื่อไม่ผ่านงานด้วย) แล้วมีปัญหาอะไรก็ถามผมได้นะ"
ประมาณนี้ครับ แล้วผมก็ทำงานไปตามปรกติ สำนักงานนี้ มันพนักงานอยู่ 2 คนครับ รวมผมแล้ว ถ้ารวมมันด้วยก็เป็น 3 คนถ้วนครับ แล้วงานส่วนไหญ่ก็มาตกที่ผมทำคนเดียว เพราะพี่อีกคนไม่ได้จบบัญชีมา คอยเดินเอกสารไห้ลูกค้า ติดต่อกับกรมพัฒฯ เป็นหลัก และจัดส่งVAT ทุกเดือน แค่นั้นเพราะพี่เขาไม่ค่อยรู้เรื่องบัญชีเท่าไหร่
งานของผมคือ บัญทึกบัญชี ตรวจสอบบัญชี ทำแฟ้มตรวบสอบเอกสารทั้งหมดที่ใช้บันทึกบัญชี ปิดงบ ประสานงานกับหน่วยราชกาลและบริษัทบัญชีอื่นๆที่ส่งงบมาให้ตรวจสอบ และทุกอย่างตามที่มันสั่ง แม้กระทั่งถ่ายเอกสาร ติดกาว ไปรับเอกสารจากลูกค้า(ไกลๆซึ่งไม่เคยได้ค่าน้ำมันแถมรถตัวเองด้วย พี่อีกคนก็ไม่ได้เหมือนๆกัน) แล้วอีกสารพัด รวมถึงดูแลน้องฝึกงานทั้งหมดด้วย ฯลฯ
แต่พอทำงานไปได้ซักประมาณเดือนนึง มันบอกผมว่าผมให้เงินเดือนคุณ 10000 ละกัน จะได้มีกำลังใจทำงาน แล้วผ่านโปรก็ค่อยว่ากันอีกที ผมก็ดีใจสิครับ ทำงานได้แค่เดือนกว่าๆเงินเดือนก็ขึ้นแล้ว (แต่ในใจก็คิดว่าไม่คุ้มกับงานที่โคตรมโหฬารบานตะไทที่ทำทุกวันอยู่ดี)
เหตุมันเริ่มเกิดตอนเดือนที่3ของการทำงานครับ ประมาณ เดือน เม.ย.58 ที่ผ่านมา ผมก็เริ่มคิดแล้วว่าผมทำงานมาได้ครบ3เดือนพอดี เดือนนี้หัวหน้าคงขึ้นเงินเดือนให้แล้วสินะ แถมเดือนนี้ได้ออกต่างจังหวัดด้วยคงได้ค่าเบี้ยเลี้ยงเพิ่มอีกแน่นอน ว่าแล้วก็อดดีใจไม่ได้ สิ้นเดือนก็เลยไปกดATM ดูเงินเดือนเข้าว่าจะได้เท่าไหร่ สิ้นเดือนไปกด...ตังไม่เข้า วันที่ 1 ...ตังไม่เข้า ไปเข้าอีกทีวันที่ 3 ครับ(โดยประมาณผมจำไม่ได้ว่าวันที่เทาไหร่ แต่ไม่ตรงสิ้นเดือนแน่ๆ) จากที่ยิ้มๆกลับคอตกครับ เงินเดือนได้เท่าเดิม 10000 ไม่มีเงินเพิ่มหรืออะไรซักอย่าง ในใจผมก็คิดว่าเอ อาจจะเปนเพราะเราเพิ่งทำงานผ่านโปรพอดีหรือปล่าว อาจจะได้เดือนหน้าก็ได้ เพราะเป็นเงินเดือนของเดือนที่ 4 ของการทำงาน แล้วเงินค่าออกนอกพื้นที่มันก็คงลืมให้มั้งเพราะทุกทีมันก็ให้ช้าเป็นเดือนๆ(ก่อนหน้าเคยได้ช้าประมาณ1เดือน) ก็เลยปล่อยเลยตามเลยไปจนเดือนถัดมา
1 พ.ค. 58 เดือนนี้เป็นเดือนแห่งการปิดงบ ทุกๆคนคงรู้ดีว่ามันเหนื่อยแสนเนื่อยแค่ใหน ช่วงนี้มีน้องฝึกงานมาช่วยงานครับก็ดีหน่อย แต่งานก็เยอะอยู่ดี เพราะงบที่มันรับมาทำมีประมาณ 200+ งบครับ ทั้งไซต์ไหญ่ไซต์เล็กปะปนกันไป และที่พีคสุดๆคือ งบทั้งหมดต้องผ่านมือกระผมคนเดียวทั้งหมดก่อนที่จะไปให้มันดู (ลืมบอกอีกแล้ว มันเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตครับ) และน้องฝึกงานก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก เพราะแกยังเรียนอยู่ (แต่อายุเท่าๆผมนะครับ เพราะเป็นเด็กเทคโน แถมบางคนแก่กว่าผมอีกด้วย) เด็กฝึกงานทุกคนมันบอกว่าจะให้ค่าขนมวันละ100เพื่อเป็นการตอบแทนครับ แล้วจะให้ 450 สำหรับวันที่เลิกดึกๆเกิน 4 ทุ่ม!! (ในประเด็นนี้ไว้ค่อยคุยกันอีกทีนะครับ) ช่วงนี้งานเยอะมากครับ เลิกดึกเกือบทุกวันทุกๆคนที่ทำบัญชีจะรู้ดี ยิ่งช่วงอาทิตย์สุดท้ายก่อยสิ้นเดือน เป็นช่วงที่ดึกมากๆ ประมาณ ตี 1-2 เกือบทุกคืน โดยที่ต้องตื่นมาทำงานอีกวันเวลา9.00น. แถมทำจันทร์ถึงเสาร์ด้วย หยุดแค่วันอาทิตย์วันเดียว แถมวันสุดท้ายของเดือนวันที่ 31 เป็นวันอาทิตย์ ก็ไม่หยุดด้วยเพราะเป็นวันสุดท้าย
โอเคครับพอมาถึงตรงนี้ทุกคนที่รู้เรื่องราวของบัญชีคงพอจะเข้าใจแล้วว่ามันหนักแค่ไหนกับการทำงานคนเดียว แล้วแถมที่งานมันหนักไม่ไช่อะไรนะครับ ช่วงเดือน 2-3-4 ผมทำงานส่งมันทุกวันแต่มันไม่เคยจะตรวจเลยปล่อยให้งานที่ผมส่งกองเต็มโต๊ะ ผ่านไปซักอาทิตแล้วค่อยมาดูไห้ซักงบนึง ซึงตอนนั้นผมก็ไปทำงบอื่นๆที่เข้ามาแทบไม่ขาดสาย แล้วผมจะเอาสมองส่วนไหนไปจำว่าผมทำงานถึงไหน งบนั้นทำเกียวกับอะไร เพราะนั่นมันงานที่ผมทำตั้งกะอาทิตที่แล้วแล้วโว้ย แถมบางอันค้างไว้เป็นเดือนก็มี ส่งผลทำให้ผมโดนบ.บัญชีด่าว่าทำไมไม่บอกเร็วๆ แล้วที่สำคัญ ช่วงที่ผมทำงานในวันเสาร์ มันไม่เคยจะอยู่ทำงาน รู้มั้ยครับมันไปไหน มันไปตีกอร์ฟฟ!! เย็นๆก็กลับ มันจะมาถามงานว่าถึงไหนอะไรยังไง ประมาณว่าเร่งงานที่กำลังทำอยู่แต่ไม่ยอมตรวจงานที่ทำเสร็จแล้ว ซึ่งเป็นหน้าที่ของตัวเอง พอเร่งๆๆเสร็จผมส่ง
31 พ.ค. 58 โอเค พอผ่านเดือนหน้างบมาได้ก็คงเบาทั้งงานทั้งเวลาแล้ว แล้วอีกอย่างอดคิดเรื่อเงินเดือนไม่ได้ เพราะว่าเดือนนี้น่าจะได้ฤกษ์เเงินเดือนขึ้นซะที เพราะงบทั้ง200+งบผมก็ทำแทบจะคนเดียวทั้งหมด ผลงานขนาดนี้ไม่ดีไห้มันรู้ไป โอเคคับ มาถึงสิ้นเดือนจนได้ ก่อนโอนตังมีฉลองหน้างบกันซักหน่อยครับ แล้วมันก็พูดกับผมว่า เด๋วผมโอนเงินไห้ก่อน 15000 แล้วที่เหลือค่อยมาคำนวนกันดีดีอีกที เพราะตอนนี้ไม่ค่อยสะดวก ผมก็โอเคไป โดยที่ยังไม่ได้ทวงค่าออกนอกพื้นที่ เพราะคิดว่าเดือนหน้าก็คงจะได้ (อ้อลืมบอกไปในระหว่างเดือน พ.ค. ก็ได้อกพื้นที่ต่างจังหวัดอีกแล้วครับท่าน ไปเกือบๆอาทิตย์ คิดว่าเดือนหน้าคงทบต้นทบดอกให้) ณตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้เลยว่าตกลงผมได้เงินเดือนเท่าไหร่ แต่ก็ไม่คิดอะไรมาก เดือนหน้าค่อยว่ากัน
1มิ.ย. 58 เดือนนี้ช่วงต้นเดือนผมลากลับบ้าน 1 อาทิตย์ครับ เพราะแม่ผมป่วยหนักต้องเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาล(บ้านผมอยู่ตจว.) ที่จริงก็ผ่าตั้งแต่ปลายๆเดือน พ.ค. 58 แล้ว แต่ด้วยความที่ช่วงนั้นงานเยอะ ผมเลยกะว่าเครียร์งานเสร็จค่อยกลับไปหาแม่ทีเดียวสบายใจกว่า แล้วผมก็บอกมันแล้วนะครับช่วงที่ปิดงบ (เด็กๆฝึกงานรวมทั้งพี่อีกคนที่ทำงานด้วยกันก็ได้ยิน) ว่าตอนนี้แม่ผนผ่าตัด แต่ไม่ต้องห่วงผมจะเครียร์งานก่อนแล้วจะขอลาหยุดเดือนหน้า เพราะถ้าขาดผมไปคนนึง งบที่เหลือเกือบๆ100งบ ใครจะทำต่อ มันก็โอเคครับให้ผมลาได้ พอต้นเดือน พี่อีกคนที่ทำงานด้วยกันดันโดนรถชนครับ อาการสาหัสต้องพักฟื้นประมาณ3-4เดือนถึงจะหาย จากที่ผมคิดว่างานคงจะเริ่มน้อย กลับกลายเป็นตอนนี้งานทั้งหมดผมต้องทำคนเดียว แต่ก็ช่วยไม่ได้ครับก็ต้องทำ แต่ผมก็ยังยืนกรานที่จะลาหยุดเพราะผมได้ขอไว้แล้ว และแม่ผมท่านก็อยู่บ้านคนเดียว ไม่มีไครคอยดูแล คิดดูสิครับคนเพิ่งผ่าตัด(ผ่าตัดที่ท้ายทอยและหน้าอกครับ) มันก็บอกว่า"โอเคกลับก็ได้ เด๋วผมเครียร์งานต่อไห้เอง" ผมหลังจากผมกลับบ้านผ่านมา งานที่บอกจะเครียร์ จะดูต่อให้ เท่าเดิมครับ ผมก็ต้องมานั่งทำเองอยุ่ดี และแถมมาบอกผมว่า "ผมเห็นแก่ตัวที่กลับบ้านไป งานก็ยังเหลืออยุ่ พี่อีกคนก็ป่วย ผมต้องนั่งทำงานคนเดียว(งานเท่าเดิม) ไม่รุ้จักเห็นแก่ส่วนรวม แล้วเวลาหยุดเราถึงเหรอถึงลาหยุดไป เราหยุดเกินนะ วันหลังผมจะให้มาทำงานซ่อม" ผมนี่อึ้งเลย ผมเลยตอบไปว่า "ถ้าผมเห็นแก่ตัวจริงผมหยุดตั้งแต่หน้างบไม่ดีกว่าเหรอครับ (นั่นแม่ผมทั้งคนนะ แถมไม่มีไครคอยดูแลด้วย จะหาข้าวให้แม่ผมกิน ใครจะช่วยพยุงแม่ผมเวลาไปไหนมาไหน)" มันตอบผมว่าไงรู้มั้ยครับ มัตอบผมว่า "ทีหลังก็หัดบอกผมก่อนสิ ที่จริงจะกลับตอนนั้นเลยก็ได้ถ้าแม่ป่วย ผมก็ไม่ได้ว่า" (คือกูบอกแล้ว แล้วพยานก็มีเป็นเกือบ10คนที่ได้ยิน) ผมก็ไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงอะไร แค่บอกไปว่าครับๆวันหลังผมจะบอกก่อน!!(เน้นเสียง)
30 มิ.ย. 58 วันนี้สิ้นเดือน (อีกแล้ว)
ผมก็คิดว่าวันนี้น่าจะได้รู้กระจ่างซะทีว่าตกลงเงินเดือนตัวเองได้เท่าไหร่ แล้วค่าเบี้ยเลี้ยงต่างจังหวัดที่ติดจะได้มั้ย? เงินเดือนเข้าประมาณวันที่ 5 ครับ รู้มั้ยครับว่าได้เท่าไหร่...ถูกแล้วครับ 10000 เท่าเดิม ไม่มีเพิ่มเติมมากไปกว่านี้ ผมก็ยังมิวายคิดในแง่บวกว่า ช่วงนั้นเขาคงยุ่งๆเรื่องคดีของพี่อีกคนที่โดนรถชน เพราะเห็นว่าคู่กรณีไม่รับผิดชอบอะไรซักอย่างนี่แหละ ผมก็ตั้งหน้าตั้งตาทำไป ช่วงนี้ก็ทำงานส่วนของพี่เขาไปด้วย แล้วแถมงานของพี่เขาก็เกี่ยกับเอกสารทางราชกาลกับของลูกค้า พวกบิลใบกำกับภาษีอะไรพวกนี้ก็ต้องไปรับเอกสารที่บริษัทของลูกค้าเพื่อมาบันทึกบัญชี (ลืมบอกไปครับ บริษัทนี้รับทำบัญชีด้วย) แล้วที่ๆไปก็ไกลๆทั้งนั้น ศาลากลางจังหวัดเชียงไหม่ อำเภอสันทรายงี้ คนพื้นพื้นที่จะรู้ว่าจากหางดงไปมันค่อนข้างไกล และต้องเอารถตัวเองไปคนเดียว (แถมไม่มีค่าน้ำมันด้วย ย้ำไม่มี) ทั้งๆที่ตัวเองก็ไปเองได้ เอารถยนต์ไปปู๊ดเดียว แต่ไม่ไปกลับนั่งตากแอร์สบายใจเฉิบ
31 ก.ค. 58 ล่าสุดไม่กี่เดือนที่ผ่านมาครับ สิ้นเดือน ข้ามขั้นตอนของวันที่เงินเดือนเข้าไป เพราะไม่สำคัญเท่าไหร่ ประเด็นคือ เงินเดือน ได้เท่าไหร่รู้มั้ยครับ? เชื่อว่าหลายๆคนคงเดาถูก ใช่ครับ เท่าเดิมมมมมมมมมม!! ไม่มีเพิ่มไม่มีลด ณ จุดๆนี้ ผมเริ่มปรึกษาคนรอบข้างแล้วครับว่าควรทำยังไง ทุกคนก็บอกให้ไปถามมันไห้รู้แล้วรู้รอด ผมก็โอเค ถามก็ถาม
ประมาณวันที่ 6 ก.ค. ครับ ผมเข้าไปถาม เล่าไห้ฟังตามคำพูดที่พอจะจำได้นะครับ
ผม: พี่...ครับ ตกลงเงินเดือมผมนี่ยังไงเหรอครับ?
มัน: มันทำไมเหรอครับ?
ผม:ก็มันได้เท่าเดิมเลย แล้วโบนัสผมหละ?
มัน:ก็เดือนที่ปิดงบคุณไม่เลิกดึกทุกวันไงผมเลยไม่ไห้ ...............(เฮ้ย!!)(กูไม่ยักกะรู้)
(ผมก็ตอบ เออ ออไป ตามมันโดยที่ยังเก็บอาการอยู่แล้วถามต่อ)
ผม:แล้วเงินเดือมผมหละครับ ผมทำงานมาจะ6เดือนแล้วยังได้เท่าเดิมเลย
มัน: ก็จะให้ผมขึ้นเงินเดือนไห้ได้ยังไงหละ ก็คุณทำงานได้ไม่ถึง "เป้า" ที่ผมวางไว้ (เป้าอะไร อธิบาย) คุณเหมือนไม่ค่อยตั้งใจทำงาน เหมือนไม่มีใจสู้งาน หยั่งที่ผมบอกให้ไปดูงานที่ลาวคุณก็ไม่ไป
(ไม่ไช่ไม่อยากไปนะครับ คือวันที่ไปมันวันอาทิตย์วันหยุดวันเดียวของผม แล้วอีกอย่างอาทิตนั้นผมเหนื่อยมาก เพราะต้องออกไปทำงานนอกออฟฟิตไปกลับเองทุกวันที่บริษัทแห่งหนึ่งแถวๆเซ็นทรัลเฟชฯ และมันไม่เคยมาดูผมทำงาน พาผมไปแนะนำให้บรษัทเขาแล้วที่เหลือผมไปเองทั้งอาทิตย์ เป็นงานตรวจสอบภายในและตรวจสอบบัญชีคู่กันอีกต่างหาก แล้วจะไม่ไห้ผมพักแล้วไปลาวต่อ ผมก็บอกว่า มันวันอาทิตย์วันหยุดผม โดยที่ผมยังไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่ม มันบอกว่างั้นก้ไม่ต้องไปแล้วโทรหาพี่อีกคนไห้ไปแทน ผมก็ไม่คิดว่ามันจะเก็บมาคิดโดยที่ผมไม่รู้ตัว)
แล้วบอกผมต่อว่า ผมคุมน้องฝึกงานก็ไม่ค่อยได้ (มีต่อ)