ประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศประกอบด้วย
1. บรูไน ดารุสซาลาม (Brunei Darussalam)
2. กัมพูชา (Cambodia)
3. อินโดนีเซีย (Indonesia)
4. ลาว (Laos)
5. มาเลเซีย (Malaysia)
6. พม่า (Myanmar)
7. ฟิลิปปินส์ (Philippines)
8. สิงคโปร์ (Singapore)
9. เวียดนาม (Vietnam)
10. ไทย (Thailand)
ตัวชี้วัดด้านการศึกษาจำนวน 8 ตัว ประกอบด้วย
1. คุณภาพการจัดการศึกษาระดับประถมศึกษา (Quality of Primary Education)
2. อัตราการเข้าเรียนระดับประถมศึกษาสุทธิ ( Primary Education Enrollment Rate)
3. อัตราการเข้าเรียนระดับมัธยมศึกษาสุทธิ (Secondary Education Enrollment Rate)
4. อัตราการเข้าเรียนระดับอุดมศึกษาสุทธิ (Tertiary Education Enrollment Rate)
5. คุณภาพของระบบการศึกษา (Quality of the Education System)
6. คุณภาพของโรงเรียนที่สอนคณิต – วิทย์ (Quality of Math And Science Education)
7. คุณภาพของโรงเรียนที่สอนการบริหารจัดการ (Quality of Management Schools)
8. การเข้าถึงการใช้อินเตอร์เน็ตในโรงเรียน (Internet Access in Schools) รวมไปถึงการวิจัยเฉพาะทางของท้องถิ่นและ การให้บริการฝึกอบรม (Local Availability of Specialized Research and Training Services) และขอบเขตการฝึกอบรมพนักงาน (Extent of staff Training)
WEF เขาจัดอันดับการศึกษาไทยปี 2556 อยู่ในระดับไหนบ้าง จากข้อมูลการประชุมของ World Economic Forum : The Global Competitiveness Report 2012 – 2013 ซึ่งเป็นการประชุม “เวทีเศรษฐกิจโลก” รายละเอียดดังนี้
คุณภาพการศึกษาเปรียบเทียบกับประเทศในภูมิภาคอาเซียน จากการจัดอันดับของ World Economic Forum (WEF) 2012 – 2013 ผลปรากฏว่า คุณภาพการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานไทยอยู่อันดับที่ 6 จาก 8 อันดับ ส่วนคุณภาพการศึกษาระดับมัธยมและอุดมศึกษาไทยอยู่ในอันดับ 8 อันดับสุดท้าย
จากข้อมูลดังกล่าวทำให้ตั้งข้อสังเกตว่า “จากผลการจัดอันดับได้สรุปว่า เงินทุนไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่สุดของการมีระบบการศึกษาที่ดี และ การที่ครู อาจารย์มีเงินเดือนสูงก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีความสามารถทางการสอนสูงตามไปด้วย และนักเรียนไทยต้องพึ่งพา และ ใช้เวลาในการเรียนสูงมาก เพราะไม่เพียงแต่เรียนในชั้นเรียนตามหลักสูตรเพียงอย่างเดียวแต่ต้องพึ่งพาการเรียนพิเศษ ตามโรงเรียนกวดวิชา หรือจากการสอนเสริมของอาจารย์ผู้สอนโดยตรง จนทำให้ธุรกิจการสอนพิเศษ โรงเรียนกวดวิชา เติบโตอย่างรวดเร็ว และมีเงินหมุนเวียนในธุรกิจนี้มหาศาล ในขณะที่นักเรียนในต่างประเทศเขาจะใช้เวลาวันหยุดในการทำกิจกรรมนันทนาการ เล่นกีฬา อยู่ตามสระว่ายน้ำ สนามเทนนิส ฟุตบอล
อีกประเด็นหนึ่งที่มีข้อสังเกตก็คือ การเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการบ่อยมาก ๆ ในช่วงปี 2554 – 2556 พบว่ามีการเปลี่ยนรัฐมนตรีดังนี้
ที่มา
สมนึก ชูสุวรรณ
ค.อ.บ. พระจอมเกล้าลาดกระบัง
น.บ. มหาวิทยาลัยรามคำแหง
วท.ม. มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
http://th.wikipedia.org
แหล่งข้อมูล
http://education.unsean.com
http://www.youtube.com
http://km-cm1.net
http://guru.google.co.th
http://th.wikipedia.org
http://www.matichon.co.th
http://secondary22.obec.go.th
โดยส่วนตัว จขกท คิดว่า การที่ประเทศใดๆจะพัฒนาได้อย่างแท้จริง ระบบการศึกษาที่ดีเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ และสิ่งที่น่าห่วงที่สุดคือ จากวันที่ข้อมูลดังกล่าวได้เปิดเผย จนถึงวันนี้เป็นระยะเวลากว่า 2 ปี เราได้แก้ไขจุดบอดด้านการศึกษาของเราไปบ้างหรือยัง เรามัวแต่สนใจสิ่งที่ฉุดรั้งการพัฒนาของ ปท เรามาโดยตลอดหรือไม่ สิ่งที่เราสู้กัน(เอง)อยู่ทุกวันนี้เป็นหนทางไปสู่คำว่า ปท พัฒนาแต่เปลือกหรือไม่
และสิ่งที่ จขกท เชื่อว่าใครหลายคนอยากเห็นคือ วันที่เราเลิกทะเลาะกันเอง เลิกสร้างบรรยากาศให้เด็กไทยซึมซับความรู้สึกขัดแย้งและเอาชนะคละคลานกับคนชาติเดียวกัน หันกับมาพัฒนาตนเองเพื่อแข่งขันกับประเทศอื่นที่มีการพัฒนาด้าน เศรษฐกิจ นวัตกรรม และเทคโนโลยี่มากขึ้นทุกวัน
ไม่อย่างนั้นอีก 100 ปีข้างหน้า ไทยอาจยังคงเป็นประเทศกำลังพัฒนาอยู่เช่นเดิม
คุณภาพการศึกษาไทยเทียบกับประเทศในภูมิภาคอาเซียน
1. บรูไน ดารุสซาลาม (Brunei Darussalam)
2. กัมพูชา (Cambodia)
3. อินโดนีเซีย (Indonesia)
4. ลาว (Laos)
5. มาเลเซีย (Malaysia)
6. พม่า (Myanmar)
7. ฟิลิปปินส์ (Philippines)
8. สิงคโปร์ (Singapore)
9. เวียดนาม (Vietnam)
10. ไทย (Thailand)
ตัวชี้วัดด้านการศึกษาจำนวน 8 ตัว ประกอบด้วย
1. คุณภาพการจัดการศึกษาระดับประถมศึกษา (Quality of Primary Education)
2. อัตราการเข้าเรียนระดับประถมศึกษาสุทธิ ( Primary Education Enrollment Rate)
3. อัตราการเข้าเรียนระดับมัธยมศึกษาสุทธิ (Secondary Education Enrollment Rate)
4. อัตราการเข้าเรียนระดับอุดมศึกษาสุทธิ (Tertiary Education Enrollment Rate)
5. คุณภาพของระบบการศึกษา (Quality of the Education System)
6. คุณภาพของโรงเรียนที่สอนคณิต – วิทย์ (Quality of Math And Science Education)
7. คุณภาพของโรงเรียนที่สอนการบริหารจัดการ (Quality of Management Schools)
8. การเข้าถึงการใช้อินเตอร์เน็ตในโรงเรียน (Internet Access in Schools) รวมไปถึงการวิจัยเฉพาะทางของท้องถิ่นและ การให้บริการฝึกอบรม (Local Availability of Specialized Research and Training Services) และขอบเขตการฝึกอบรมพนักงาน (Extent of staff Training)
WEF เขาจัดอันดับการศึกษาไทยปี 2556 อยู่ในระดับไหนบ้าง จากข้อมูลการประชุมของ World Economic Forum : The Global Competitiveness Report 2012 – 2013 ซึ่งเป็นการประชุม “เวทีเศรษฐกิจโลก” รายละเอียดดังนี้
คุณภาพการศึกษาเปรียบเทียบกับประเทศในภูมิภาคอาเซียน จากการจัดอันดับของ World Economic Forum (WEF) 2012 – 2013 ผลปรากฏว่า คุณภาพการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานไทยอยู่อันดับที่ 6 จาก 8 อันดับ ส่วนคุณภาพการศึกษาระดับมัธยมและอุดมศึกษาไทยอยู่ในอันดับ 8 อันดับสุดท้าย
จากข้อมูลดังกล่าวทำให้ตั้งข้อสังเกตว่า “จากผลการจัดอันดับได้สรุปว่า เงินทุนไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่สุดของการมีระบบการศึกษาที่ดี และ การที่ครู อาจารย์มีเงินเดือนสูงก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีความสามารถทางการสอนสูงตามไปด้วย และนักเรียนไทยต้องพึ่งพา และ ใช้เวลาในการเรียนสูงมาก เพราะไม่เพียงแต่เรียนในชั้นเรียนตามหลักสูตรเพียงอย่างเดียวแต่ต้องพึ่งพาการเรียนพิเศษ ตามโรงเรียนกวดวิชา หรือจากการสอนเสริมของอาจารย์ผู้สอนโดยตรง จนทำให้ธุรกิจการสอนพิเศษ โรงเรียนกวดวิชา เติบโตอย่างรวดเร็ว และมีเงินหมุนเวียนในธุรกิจนี้มหาศาล ในขณะที่นักเรียนในต่างประเทศเขาจะใช้เวลาวันหยุดในการทำกิจกรรมนันทนาการ เล่นกีฬา อยู่ตามสระว่ายน้ำ สนามเทนนิส ฟุตบอล
อีกประเด็นหนึ่งที่มีข้อสังเกตก็คือ การเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการบ่อยมาก ๆ ในช่วงปี 2554 – 2556 พบว่ามีการเปลี่ยนรัฐมนตรีดังนี้
ที่มา
สมนึก ชูสุวรรณ
ค.อ.บ. พระจอมเกล้าลาดกระบัง
น.บ. มหาวิทยาลัยรามคำแหง
วท.ม. มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
http://th.wikipedia.org
แหล่งข้อมูล
http://education.unsean.com
http://www.youtube.com
http://km-cm1.net
http://guru.google.co.th
http://th.wikipedia.org
http://www.matichon.co.th
http://secondary22.obec.go.th
โดยส่วนตัว จขกท คิดว่า การที่ประเทศใดๆจะพัฒนาได้อย่างแท้จริง ระบบการศึกษาที่ดีเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ และสิ่งที่น่าห่วงที่สุดคือ จากวันที่ข้อมูลดังกล่าวได้เปิดเผย จนถึงวันนี้เป็นระยะเวลากว่า 2 ปี เราได้แก้ไขจุดบอดด้านการศึกษาของเราไปบ้างหรือยัง เรามัวแต่สนใจสิ่งที่ฉุดรั้งการพัฒนาของ ปท เรามาโดยตลอดหรือไม่ สิ่งที่เราสู้กัน(เอง)อยู่ทุกวันนี้เป็นหนทางไปสู่คำว่า ปท พัฒนาแต่เปลือกหรือไม่
และสิ่งที่ จขกท เชื่อว่าใครหลายคนอยากเห็นคือ วันที่เราเลิกทะเลาะกันเอง เลิกสร้างบรรยากาศให้เด็กไทยซึมซับความรู้สึกขัดแย้งและเอาชนะคละคลานกับคนชาติเดียวกัน หันกับมาพัฒนาตนเองเพื่อแข่งขันกับประเทศอื่นที่มีการพัฒนาด้าน เศรษฐกิจ นวัตกรรม และเทคโนโลยี่มากขึ้นทุกวัน
ไม่อย่างนั้นอีก 100 ปีข้างหน้า ไทยอาจยังคงเป็นประเทศกำลังพัฒนาอยู่เช่นเดิม