จากเหมยถึงกาสะลอง จากโกวเล้งถึงคุณยิ่งลักษณ์ ( ประชาธิปไตยแบบไทยๆ 1 )

ท่านที่เคารพรักครับ  เจ้าสำนักท่านหนึ่งเคยเปรียบเปรยเอาไว้ว่า คำจำกัดความเป็น " นักเศรษฐศาสตร์ " แบบไทยๆ นั้นหมายถึง

ผู้ที่สามารถคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจในอนาคตอีก 3 เดือน  6 เดือนข้างหน้าว่าจะเป็นอย่างไร

และคนๆเดิมนั่นแหละ ก็จะเป็นผู้ที่จะออกมาพูดแก้ตัวอีกว่า ทำไมเศรษฐกิจจึงไม่เป็นไปตามที่ตนเองคาด
แล้วก็จะโทษนั่น โทษนี่ เช่น เงินบาทแข็งไป เงินบาทอ่อนไป ปัจจัยความผันผวนผันแปรเศรษฐกิจโลก
ที่ส่งผลกระทบจากฟองสบู่แตก จีดีพี เราเข้าขั้น ไอซียู

ที่หนักหนาสาหัสขึ้นไปอีกคือโทษว่า เราโดนต่างชาติกลั่นแกล้ง คว่ำบาตร ไม่งั้นเราไปได้สวย

แต่ไม่เคยได้ยินคำแก้ตัวออกจากปากว่า ที่เศรษฐกิจไม่ดี เพราะความไม่เชื่อมั่นการเมืองที่ไม่เป็นประชาธิปไตย

และไม่เคยได้ยินการออกมายอมรับว่า ทฤษฏีที่ตนเองนำมาใช้นั้นล้มเหลวและตนเอง " มือไม่ถึง "

จากนั้นก็ออกมาให้สัมภาษณ์คาดการณ์อีกว่า ในอนาคตภาวะเศรษฐกิจอีก 3 เดือน 6 เดือน ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
แล้วก็ออกมาแก้ตัวอีก วนเวียนไปมาจนกว่าจะมีใครกล้าปลดออก

ท่านที่เคารพครับ  การต่อสู้ของมนุษย์เหมือนคบไฟที่ถูกส่งผ่านกันมารุ่นต่อรุ่น
คำว่าอุดมการณ์นั้นถูกพิสูจน์ด้วยความลำบากยากไร้มานักต่อนัก

งานชุมนุมพบปะของเหล่าปัญญาชนผู้มีความคิดอันบริสุทธิ์ใจที่ฝักใฝ่ประชาธิปไตยนั้น
มาด้วยอุดมการณ์ล้วนๆ มาด้วยความเดือดร้อน การที่ไม่มีม๊อบสมัชชาคนจนเข้ามาทำให้รถติดวินาศสันตะโร  

การที่ไม่มีม๊อบเกษตรกรรายย่อยภาคอิสาน  การที่ไม่มีม๊อบยางพาราจากภาคใต้ การที่ไม่มีม๊อบโรงงาน ไม่มีม๊อบแท๊กซี่
ไม่ได้หมายความว่า ทุกวันนี้ ประชาชนกินอิ่ม นอนอุ่น

ยิ่งการไม่มีม๊อบเรียกร้องประชาธิปไตย ก็ไม่ได้หมายความว่า เรา " มีความสุข " อยู่กันแบบนี้ไปวันๆ


เจ้าสำนักท่านนี้ยังเปรียบเปรยเอาไว้อีกว่า  คำจำกัดความเป็น " งานชุมนุมการเมือง " แบบไทยๆ ในประเทศนี้
ก็ไม่ต่างไปจากงานมหกรรมของดีราคาถูก หรืองานอาหารดีสี่ภาค ที่เต็มไปด้วยอาหารดี ดนตรีไพเราะ
เพราะมีของกินอย่าง ก๊วยเตี๋ยว ก๊วยจั๊บ  คั่วกลิ้ง ให้กินฟรีกันจนพุงปลิ้น

สภาพม๊อบที่ควรจะมี นักคิด นักวิชาการ ปัญญาชน ผู้มี " อุดมการณ์ " ที่พอจะมีน้ำหนักชี้ทางออกให้ประเทศได้บ้าง

กลับเต็มไปด้วย ดารา นักร้องซึมเศร้า   ที่อยากดัง พากันไปเซลฟี่อัฟลงเฟส หรือขึ้นเวที พูดตามสคริปท์
ใช้ลีลานักแสดงเรียกเสียงเฮลั่นหน้าเวที  และหลังเวทีม๊อบ ผู้มี " อุดมกิน " ก็ก้มหน้าก้มตาควานเลือกกินของอร่อย  

การเมืองนั้น เป็นเรื่องที่ยุ่งยากและซับซ้อน ผ่านการวางแผนมาเป็นแรมปี แรมเดือน
ทุกวันนี้ที่คนในชาติแตกแยก ไม่มีความสามัคคี ก็เพราะการเมืองแบบไร้สติ ที่ทำให้คนเมืองหลวง กับคนชนบท
มีช่องว่างห่างกันออกไปทุกที

ทั้งๆที่โครงสร้างรัฐธรรมนูญคือการกระจายอำนาจการปกครอง ออกไปสู่ชนบทที่ไกลปืนเที่ยง ไม่ใช่รวมศูนย์อำนาจไว้


สุดท้ายสิ่งที่เรียกร้องกันในงานมหกรรมอาหารดีสี่ภาค

ไปๆมาๆ แทนที่จะได้ " ทางออก "  ก็อาจจะได้ " ทางตันไม่มีทางออก  " มาแทนครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่