น่ากลัวตรงนี้ครับ
มาตรา 123/2 ผู้ใดเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐต่างประเทศ หรือเจ้าหน้าที่ของ องค์การระหว่างประเทศ เรียก
รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือ
ประโยชน์อื่นใดสําหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทําการหรือไม่กระทําการอย่างใดในตําแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษ จําคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจําคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือ
ประหารชีวิต
น่ากลัวตรงที่ว่า
ตอนนี้ ในองค์กร ป.ป.ช. มีปัญหาอยู่สองเรื่อง
เรื่องแรก
นายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช. ที่ขาดคุณสมบัติการเป็น ป.ป.ช. มาตั้งแต่แรก
พ.ร.บ. ป.ป.ช. 2542 มาตรา 11 บัญญัติไว้ว่า
"ถ้าผู้นั้น
มิได้ลาออกหรือเลิกประกอบวิชาชีพอิสระ
ภายในเวลาที่กําหนด
ให้ถือว่าผู้นั้น
มิได้เคยรับเลือกหรือได้รับความเห็นชอบให้เป็นกรรมการ"
นายภักดี โพธิศิริ เป็นกรรมการบริษัทองค์การเภสัชกรรม-เมอร์ริเออร์ชีววัตถุ จำกัด
ซึ่งตาม พ.ร.บ. ป.ป.ช. 2542 นายภักดี
ต้องลาออกจากบริษัท
ภายใน 15 วัน หลังได้รับการแต่งตั้งเป็น ป.ป.ช.
นายภักดี โพธิศิริ ได้รับการแต่งตั้งเป็น ป.ป.ช. เมื่อวันที่
22 กันยายน 2549
แต่ลาออกจากบริษัทองค์การเภสัชกรรม-เมอร์ริเออร์วีวัตถุ ในวันที่
15 ธันวาคม 2549
ขัดกฎหมาย ขาดคุณสมบัติการเป็น ป.ป.ช. มาตั้งแต่ต้น !!!
เรื่องสอง
กรณีนางสาวสุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช.
โปรดคลิกดูรายละเอียด
http://f.ptcdn.info/942/032/000/1435667323-o.jpg
สองเรื่องนี้ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐทำเฉย ไม่รู้สึกไม่รู้สา ไม่รับผิดชอบมาโดยตลอด
เป็นการ
รับผลประโยชน์สำหรับตนเองและผู้อื่นหรือไม่
รู้แล้วยังกระทำ และกระทำอย่างต่อเนื่อง ความผิดก็ย่อมต่อเนื่อง
หากถือว่าผิดต่อเนื่องจนถึงกฎหมายที่เพิ่งมีผลบังคับใช้
โทษสูงสุดคือประหารชีวิต
ไม่น่ากลัวได้ไง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ก็โพสต์เล่น ๆ ไปงั้นแหละครับ ไม่มีใครผิดหรอก
เพราะเป็นเรื่องของ "คนดี"
พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต(ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2558 น่ากลัวนะครับ
มาตรา 123/2 ผู้ใดเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐต่างประเทศ หรือเจ้าหน้าที่ของ องค์การระหว่างประเทศ เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสําหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทําการหรือไม่กระทําการอย่างใดในตําแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษ จําคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจําคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือประหารชีวิต
น่ากลัวตรงที่ว่า
ตอนนี้ ในองค์กร ป.ป.ช. มีปัญหาอยู่สองเรื่อง
เรื่องแรก
นายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช. ที่ขาดคุณสมบัติการเป็น ป.ป.ช. มาตั้งแต่แรก
พ.ร.บ. ป.ป.ช. 2542 มาตรา 11 บัญญัติไว้ว่า
"ถ้าผู้นั้นมิได้ลาออกหรือเลิกประกอบวิชาชีพอิสระภายในเวลาที่กําหนด
ให้ถือว่าผู้นั้นมิได้เคยรับเลือกหรือได้รับความเห็นชอบให้เป็นกรรมการ"
นายภักดี โพธิศิริ เป็นกรรมการบริษัทองค์การเภสัชกรรม-เมอร์ริเออร์ชีววัตถุ จำกัด
ซึ่งตาม พ.ร.บ. ป.ป.ช. 2542 นายภักดีต้องลาออกจากบริษัทภายใน 15 วัน หลังได้รับการแต่งตั้งเป็น ป.ป.ช.
นายภักดี โพธิศิริ ได้รับการแต่งตั้งเป็น ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2549
แต่ลาออกจากบริษัทองค์การเภสัชกรรม-เมอร์ริเออร์วีวัตถุ ในวันที่ 15 ธันวาคม 2549
ขัดกฎหมาย ขาดคุณสมบัติการเป็น ป.ป.ช. มาตั้งแต่ต้น !!!
เรื่องสอง
กรณีนางสาวสุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช.
โปรดคลิกดูรายละเอียด http://f.ptcdn.info/942/032/000/1435667323-o.jpg
สองเรื่องนี้ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐทำเฉย ไม่รู้สึกไม่รู้สา ไม่รับผิดชอบมาโดยตลอด
เป็นการรับผลประโยชน์สำหรับตนเองและผู้อื่นหรือไม่
รู้แล้วยังกระทำ และกระทำอย่างต่อเนื่อง ความผิดก็ย่อมต่อเนื่อง
หากถือว่าผิดต่อเนื่องจนถึงกฎหมายที่เพิ่งมีผลบังคับใช้
โทษสูงสุดคือประหารชีวิต
ไม่น่ากลัวได้ไง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้