'เรืองไกร'จ่อคิว สอย'ภักดี' พ่วง ป.ป.ช.ยกคณะ
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา
จ่อคิว สอย 'ภักดี โพธิศิริ' อ้างเหตุ ลาออกจากกรรมการ ป.ป.ช.เมื่อปี 2549 ช้ากว่าที่กฎหมายกำหนด ภายในระยะเวลา 15 วัน
จ่อพ่วงเอาผิด ป.ป.ช.ยกคณะ
วันที่ 14 ก.ค. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา กล่าวว่า วันที่ 16 ก.ค. จะยื่นเรื่องให้ ประธานคณะกรรมาธิการกิจการองค์กรตามรัฐธรรมนูญ และติดตามการบริหารงบประมาณ วุฒิสภา สอบสวนการงบประมาณของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณี การจ่ายเงินเดือนหรือผลประโยชน์ตอบแทนอื่นให้ นายภักดี โพธิศิริ ในฐานะกรรมการ ป.ป.ช.
โดยพบข้อเท็จจริงที่ได้จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าว่า
บริษัท องค์การเภสัชกรรม-เมอร์ริเออร์ชีววัตถุ จำกัด ได้มีคำขอที่ 151/2550 (แบบ บอจ.1) เมื่อวันที่ 13 ก.พ.2550 แจ้งต่อสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท จ.ฉะเชิงเทราว่า มีกรรมการเข้า 2 คน ออก 2 คน โดยระบุ
หลักฐานลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัทของนายภักดี และนายจิอองคาร์โล เปทรุซซี่
ลงวันที่ 15 ธ.ค.2549 และให้มีผลในวันเดียวกัน
นายเรืองไกร กล่าวว่า จึงมีประเด็นที่ควรพิจารณาว่า นายภักดี ขณะได้รับการแต่งตั้ง
เป็นกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 22 ก.ย.2549 ตามประกาศ คปค. ฉบับที่ 19 ซึ่งมีเงื่อนไขให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการดังกล่าว ต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 11 ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง คือ ต้องลาออกภายในวันที่ 6 ต.ค.2549 แต่กลับ
ลาออก หลังพ้นกำหนด 15 วันแล้ว
กรณีนี้ จึงควรถือได้ว่า นายภักดี ไม่ได้เป็นกรรมการ ป.ป.ช. มาตั้งแต่ต้น จึงมีปัญหาด้านการงบประมาณของสำนักงาน ป.ป.ช.ตามมาว่า กรณีการจ่ายเงินเดือน หรือผลประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นให้ นายภักดี มาจนถึงปัจจุบันชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และการประชุมของป.ป.ช. จะมีปัญหาความไม่ชอบด้วยกฎหมาย มติที่ประชุมย่อมตกเป็นโมฆะ กรรมการอื่นที่เข้าร่วมประชุมอาจต้องรับผิดในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 หรือไม่
โดย
มีแนวคำพิพากษาฎีกาที่ 634-635/2492 เป็นบรรทัดฐาน หากวุฒิสภา พบว่า กรรมการ ป.ป.ช. กระทำผิดจริง ขอให้ดำเนินการเข้าชื่อร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 249 ด้วย
ไทยรัฐออนไลน์ 15 กรกฎาคม 2556, 00:30 น.
http://www.thairath.co.th/content/pol/357128
๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋
ลาออกจากบริษัทลงวันที่ ลงวันที่
15 ธ.ค.2549
ได้รับการแต่งตั้ง
เป็นกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่
22 ก.ย.2549
ชัดเจน...ชัดเจน...
กฏหมายอยู่ในมือ จะปู้ยีปู้ยำ ต้มยำทำแกงอย่างไรก็ได้
จะบิดเบือนเป็นศรีธนนชัยหัวหมออย่างไรก็ได้ ไม่เห็นต้องสะดุ้งสะเทือนทำเหมือนหนังหน้าบาง
บ้านเมืองเละเทะขนาดไหน ก็ช่างหัวมัน
ไม่ใช่ประเทศของ ปปช.พวกเดียวนี่ฝ่า....
ขอให้จำเริญ จำเริญลงฮวบๆสมใจอยากเถิดพ่อคนดีศรีกะล่อนถ่วงประเทศทั้งหลาย
พวกทั่น...เน่าใน สมใจอยากแร้วววว.....
'เรืองไกร'จ่อคิวสอย'ภักดี'พ่วง ป.ป.ช.ยกคณะ...มารอดูกันว่างานนี้ทั่น ปปช.จะออกรูไหนที่คนเขาไม่ทุเรศทุรังเหมือนครั้งก่อนๆ
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา จ่อคิว สอย 'ภักดี โพธิศิริ' อ้างเหตุ ลาออกจากกรรมการ ป.ป.ช.เมื่อปี 2549 ช้ากว่าที่กฎหมายกำหนด ภายในระยะเวลา 15 วัน จ่อพ่วงเอาผิด ป.ป.ช.ยกคณะ
วันที่ 14 ก.ค. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา กล่าวว่า วันที่ 16 ก.ค. จะยื่นเรื่องให้ ประธานคณะกรรมาธิการกิจการองค์กรตามรัฐธรรมนูญ และติดตามการบริหารงบประมาณ วุฒิสภา สอบสวนการงบประมาณของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณี การจ่ายเงินเดือนหรือผลประโยชน์ตอบแทนอื่นให้ นายภักดี โพธิศิริ ในฐานะกรรมการ ป.ป.ช.
โดยพบข้อเท็จจริงที่ได้จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าว่า บริษัท องค์การเภสัชกรรม-เมอร์ริเออร์ชีววัตถุ จำกัด ได้มีคำขอที่ 151/2550 (แบบ บอจ.1) เมื่อวันที่ 13 ก.พ.2550 แจ้งต่อสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท จ.ฉะเชิงเทราว่า มีกรรมการเข้า 2 คน ออก 2 คน โดยระบุหลักฐานลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัทของนายภักดี และนายจิอองคาร์โล เปทรุซซี่ ลงวันที่ 15 ธ.ค.2549 และให้มีผลในวันเดียวกัน
นายเรืองไกร กล่าวว่า จึงมีประเด็นที่ควรพิจารณาว่า นายภักดี ขณะได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 22 ก.ย.2549 ตามประกาศ คปค. ฉบับที่ 19 ซึ่งมีเงื่อนไขให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการดังกล่าว ต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 11 ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง คือ ต้องลาออกภายในวันที่ 6 ต.ค.2549 แต่กลับลาออก หลังพ้นกำหนด 15 วันแล้ว
กรณีนี้ จึงควรถือได้ว่า นายภักดี ไม่ได้เป็นกรรมการ ป.ป.ช. มาตั้งแต่ต้น จึงมีปัญหาด้านการงบประมาณของสำนักงาน ป.ป.ช.ตามมาว่า กรณีการจ่ายเงินเดือน หรือผลประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นให้ นายภักดี มาจนถึงปัจจุบันชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และการประชุมของป.ป.ช. จะมีปัญหาความไม่ชอบด้วยกฎหมาย มติที่ประชุมย่อมตกเป็นโมฆะ กรรมการอื่นที่เข้าร่วมประชุมอาจต้องรับผิดในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 หรือไม่
โดยมีแนวคำพิพากษาฎีกาที่ 634-635/2492 เป็นบรรทัดฐาน หากวุฒิสภา พบว่า กรรมการ ป.ป.ช. กระทำผิดจริง ขอให้ดำเนินการเข้าชื่อร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 249 ด้วย
ไทยรัฐออนไลน์ 15 กรกฎาคม 2556, 00:30 น.
http://www.thairath.co.th/content/pol/357128
๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋๋
ลาออกจากบริษัทลงวันที่ ลงวันที่ 15 ธ.ค.2549
ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 22 ก.ย.2549
ชัดเจน...ชัดเจน...
กฏหมายอยู่ในมือ จะปู้ยีปู้ยำ ต้มยำทำแกงอย่างไรก็ได้
จะบิดเบือนเป็นศรีธนนชัยหัวหมออย่างไรก็ได้ ไม่เห็นต้องสะดุ้งสะเทือนทำเหมือนหนังหน้าบาง
บ้านเมืองเละเทะขนาดไหน ก็ช่างหัวมัน
ไม่ใช่ประเทศของ ปปช.พวกเดียวนี่ฝ่า....
ขอให้จำเริญ จำเริญลงฮวบๆสมใจอยากเถิดพ่อคนดีศรีกะล่อนถ่วงประเทศทั้งหลาย
พวกทั่น...เน่าใน สมใจอยากแร้วววว.....