ระยะนี้...และระยะที่ผ่านมาไม่นาน...เราจะได้ยินคำว่า "คนดี"
บ่อยครั้งมาก...จนรู้สึกว่า..เอ..เรานี่เป็น "คนดี" กับเค้าด้วยเปล่าล่ะเนี่ยยย???
อย่ากระนั้นเลย...ไปค้นหา "หนังสือสมบัติผู้ดี"....มาปัดฝุ่นอ่านกันหน่อยดีกว่า..
คำว่า "คนดี" ต่างจากคำว่า "ผู้ดี" หรือเปล่า...คนที่อวดตนว่าเป็น "คนดี"
ทำไมจึงไม่บอกว่าตนเป็น "ผู้ดี" ล่ะ...แล้วถ้าเป็นคำที่มีความหมายเหมือนกัน
"คนดีเหล่านั้น"...ทำได้ครบทุกข้อในหนังสือ "สมบัติผู้ดี" ได้หรือไม่...
ถ้าทำได้ไม่ครบ..ขาดข้อใดเพียงข้อเดียว...เราจะยังยอมรับเค้าให้เป็น
"คนดี" หรือ "ผู้ดี" ได้หรือไม่
สมบัติผู้ดี 10 ประการ....
สมบัติผู้ดี
ในตำราเล่มนี้ จะมีเนื้อหาอยู่ 10 ภาค แต่ละภาคจะสอนการปฏิบัติตน
ทั้งกาย วาจาและใจไว้เป็นข้อๆ เรียกว่า กายจริยา วจีจริยา และมโนจริยา
โดยตอนท้ายเล่มจะมีภาคผนวก อธิบายขยายความข้อปฏิบัติในแต่ละภาค
และแต่ละข้อว่าต้องทำเช่นไร
สำหรับเนื้อหาการประพฤติปฏิบัติตนใน 10 ภาค เพื่อนำไปสู่ความเป็น
“ผู้ดี” นั้น จะต้องทำอย่างไร เรามาดูกันเป็นภาคๆ ไปเลย
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
ภาคหนึ่ง : ผู้ดีย่อมรักษาความเรียบร้อย ท่านได้แบ่งเป็นความประพฤติ
ทางกายจริยามี 10 ข้อ วจีจริยา 5 ข้อ และมโนจริยา 2 ข้อ
ยกตัวอย่าง
ทาง
กายจริยา เป็นการสอนให้รู้จักมีกิริยาที่ดี เช่น ผู้ดีย่อม
ไม่ล่วง-เกิน ถูกต้องผู้อื่นซึ่งไม่ใช่หยอกกันฐานเพื่อน ผู้ดีย่อมไม่เอิกอึง
เมื่อผู้อื่นทำกิจ ผู้ดีย่อมไม่ส่งของให้ผู้อื่นด้วยกิริยาอัน ไสผลัก-โยน
วจีจริยา เป็นการสอนให้รู้จักพูดจาให้เรียบร้อย เช่น ผู้ดีย่อมไม่สอดสวน
วาจาหรือแย่งชิงพูด ผู้ดีย่อมไม่ใช้ถ้อยคำหยาบ-คาย
มโนจริยา คือ การสอนให้นึกคิด ในทางที่ดี ได้แก่ ผู้ดีย่อมไม่ปล่อยใจให้
ฟุ้งซ่าน กำเริบหยิ่งโยโส และผู้ดีย่อมไม่บันดาลโทสะให้เสียกิริยา เป็นต้น
ภาคสอง : ผู้ดีย่อมไม่ทำอุจาดลามก แบ่งเป็นกายจริยา 13 ข้อ วจีจริยา
2 ข้อ และมโนจริยา 2 ข้อ
ตัวอย่าง
กายจริยา เป็นการสอนให้รู้จักแสดงออกทางกายในทางที่ไม่
เสีย-หาย เช่น ผู้ดีย่อมใช้เสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวสะอาด และแต่งโดยเรียบร้อย
เสมอ ผู้ดีย่อมไม่แต่งตัวในที่แจ้ง ผู้ดีย่อมไม่จิ้มควัก ล้วงแคะแกะเกา
ร่างกายในที่ประชุมชน ผู้ดีย่อมไม่จามด้วยเสียงอันดังและโดยไม่ป้องกำบัง
วจีจริยา เป็นการสอนไม่ให้พูด คำลามกหรือสิ่งอันลามกในที่ชุมชน ได้แก่
ผู้ดีย่อมไม่กล่าวถึงสิ่งโสโครก พึงรังเกียจ ในท่ามกลางประชุมชน ผู้ดีย่อม
ไม่กล่าวถึงสิ่งควรปิดบังท่ามกลางประชุมชน
มโนจริยา เป็นการสอนให้มีความ-คิดในทางที่ชอบที่ควร ได้แก่ ผู้ดีย่อม
พึงใจที่จะรักษาความสะอาด
ภาคสาม : ผู้ดีย่อมมีสัมมาคารวะ แบ่งเป็น กายจริยา 12 ข้อ วจีจริยา
6 ข้อ และมโนจริยา 3 ข้อ เป็นการสอนให้รู้จักแสดงออกในทางที่สุภาพ
เรียบร้อย น่าดู น่าชม
ตัวอย่าง
กายจริยา เช่น ผู้ดีย่อมไม่หันหลังให้ผู้ใหญ่ ผู้ดีย่อมไม่ทัด
หรือคาบบุหรี่ คาบกล้องและสูบให้ควันไปรมผู้อื่น ผู้น้อยย่อมเคารพ
ผู้ใหญ่ก่อน ผู้ดีย่อมเปิด-หมวกในที่เคารพ เช่น โบสถ์, วิหาร ไม่ว่าแห่ง
ศาสนาใด
วจีกิริยา เช่น ผู้ดีย่อมไม่พูดจาล้อ-เลียน หลอกลวงผู้ใหญ่ ผู้ดีย่อมไม่
กล่าว วาจาอันติเตียนสิ่งเคารพหรือที่เคารพของ ผู้อื่นแก่ตัวเขา เมื่อ
ตนทำพลาดพลั้งสิ่งใดแก่บุคคลใด ควรจะออกวาจาขอโทษเสมอ
เมื่อผู้ใดได้แสดงคุณต่อตนอย่างไร ควรออกวาจาขอบคุณเขาเสมอ
มโนจริยา เช่น ผู้ดีย่อมเคารพยำเกรงบิดา-มารดาและอาจารย์ ผู้ดีย่อม
นับถือนอบน้อมต่อผู้ใหญ่ เป็นต้น
ภาคสี่ : ผู้ดีย่อมมีกิริยาเป็นที่รัก แบ่งเป็นกายจริยา 14 ข้อ วจีจริยา
10 ข้อ และมโนจริยา 1 ข้อ เป็นการสอนให้แสดงกิริยาต่างๆ ไม่ว่า
จะนั่ง ยืน เดิน นอน หรือพูดจาปราศรัยให้ไปในทางที่น่ารัก น่าเคารพ
นับถือ
ตัวอย่าง
กายจริยา อาทิ ผู้ดีย่อม ไม่ ฝ่าฝืนเวลานิยม คือ ไม่ใช้กิริยา
ยืนเมื่อเขานั่งกับพื้น และไม่นั่งกับพื้นเมื่อเวลาเขายืนกัน ผู้ดีย่อมไม่ไป
นั่งนานเกินสมควร ในบ้านของผู้อื่น ผู้ดีย่อมไม่ทำกิริยารื่นเริงเมื่อเขา
มีทุกข์ และผู้ดีย่อมไม่จ้องดูนาฬิกา ในเวลาที่แขกยังนั่งอยู่
วจีจริยา ได้แก่ ผู้ดีย่อมไม่ติเตียนสิ่งของที่เขาตั้ง-แต่งไว้ในบ้านที่ตนไปสู่
ผู้ดีย่อมไม่พูดจาให้เพื่อนเก้อกระดาก ผู้ดี ย่อมไม่เอาเรื่องที่เขาพึงซ่อน
เร้นไว้มากล่าวให้อับอายหรือเจ็บใจ
มโนจริยา ได้แก่ ผู้ดีย่อมรู้จักเกรงใจคน
ภาคห้า : ผู้ดีย่อมเป็นผู้มีสง่า มีกายจริยา 3 ข้อ วจีจริยา 1 ข้อ และ
มโน-จริยา 5 ข้อ เป็นการสอนให้รู้จักภาวะของตัวว่าจะเดินเหินลุก
นั่งก็ควรมีท่าให้สง่า-ผ่าเผย ไม่นั่งหลังงอ หรือทำท่าซอมซ่อ ขณะเดียวกัน
ก็ต้องระวังมิให้กลายเป็นการข่มเพื่อนหรือแสดงความยิ่งใหญ่เกินไป
ตัวอย่าง
ทางกายจริยา เช่น ผู้ดีย่อมมีกิริยาอันผึ่งผาย องอาจ ผู้ดีย่อม
ไม่เป็นผู้สะทกสะท้าน งกเงิ่น หยุดๆ ยั้งๆ
วจีจริยา ได้แก่ ผู้ดีย่อมพูดจาฉะฉานชัดถ้อยความ ไม่อุบอิบ อ้อมแอ้ม
มโนจริยา เช่น ผู้ดีย่อมมีอัชฌาสัย อันกว้างขวาง เข้าไหนเข้าได้ ผู้ดี
ย่อมมีความเข้าใจอันว่องไวไหวพริบ รู้เท่าถึงการณ์ เป็นต้น
ภาคหก : ผู้ดีย่อมปฏิบัติการงานดี แบ่งเป็นกายจริยา 4 ข้อ วจีจริยา
1 ข้อ และมโนจริยา 10 ข้อ เป็นการสอนให้ทำการทำงานทุกอย่าง
อันเป็นหน้าที่ไม่ให้บกพร่อง คั่งค้าง และทำให้เสร็จเรียบร้อยด้วยดี
ตัวอย่าง
ทางกายจริยา เช่น ผู้ดีย่อมทำการอยู่ในระเบียบแบบแผน
ผู้ดีย่อมไม่ถ่วงเวลาให้ผู้อื่นคอย ผู้ดีย่อมไม่ทำการแต่ต่อหน้า
วจีจริยา ได้แก่ ผู้ดีพูดสิ่งใดย่อมให้เป็นที่เชื่อถือได้ ผู้ดีย่อมไม่รับวาจา
คล่องๆโดยมิได้เห็นว่าการจะเป็นไปได้หรือไม่
มโนจริยา เช่น ผู้ดีย่อมไม่เป็นผู้ที่เกียจคร้าน ผู้ดีย่อมไม่เพลิดเพลินจน
ละเลยให้การเสีย ผู้ดีย่อมมีความมานะในการงาน ไม่ย่อท้อต่อความ
ยากลำบาก และผู้ดีย่อมเป็นผู้ทำอะไรทำจริง เป็นต้น
ภาคเจ็ด : ผู้ดีย่อมเป็นผู้ใจดี แบ่งเป็นกายจริยา 3 ข้อ วจีจริยา 2 ข้อ
และมโนจริยา 5 ข้อ เป็นการสอนให้มีใจเมตตากรุณา คิดแต่ในทางที่ดี
มองคนในแง่ดี และสะสมแต่ความดีต่อกันไว้
ตัวอย่าง
กายจริยา เช่น เมื่อเห็นใครทำผิดพลาดอันน่าเก้อกระดาก
ย่อมช่วยกลบเกลื่อนหรือทำเป็นไม่เห็น เมื่อเห็นสิ่งของของใครตก
หรือจะเสื่อมเสีย ย่อมต้องหยิบยื่นให้หรือบอกให้รู้ตัว
วจีจริยา ได้แก่ ผู้ดีย่อมไม่เยาะเย้ยถากถางผู้กระทำผิดพลาด ผู้ดีย่อม
ไม่ใช้วาจาอันขมขี่
มโนจริยา เช่น ผู้ดีย่อมไม่มีใจอันโหดเหี้ยม เกรี้ยวกราดแก่ผู้น้อย
ผู้ดีย่อมเอาใจโอบอ้อมอารีแก่คนอื่น ผู้ดีย่อมไม่เป็นผู้ซ้ำเติมคนเสียที เป็นต้น
ภาคแปด : ผู้ดีย่อมไม่เห็นแก่ตัวฝ่ายเดียว แบ่งเป็นกายจริยา 11 ข้อ
วจี-จริยา 7 ข้อ และมโนจริยา 7 ข้อ เป็นการสอนว่าเมื่ออยู่เป็นหมู่คณะ
จะต้องนึกถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก มิใช่คิดแต่ได้อย่างเดียว
ตัวอย่าง
กายจริยา เช่น ผู้ดีย่อมไม่สอสระเอื้อกสน แย่งชิงที่นั่งหรือที่ดูอันใด
ผู้ดีย่อมไม่แสดงความไม่เพียงพอในสิ่งของที่เขาหยิบยกให้ ผู้ดีย่อมไม่
นิ่งนอนใจให้เขาออกทรัพย์แทนส่วนตัวเสมอไป
วจีจริยา เช่น ผู้ดีย่อมไม่ขอแยก ผู้หนึ่งมาจากผู้ใดเพื่อจะพาไปพูดจา
ความลับกัน ผู้ดีย่อมไม่สนทนาแต่เรื่องตนฝ่ายเดียว จนคนอื่นไม่มี
ช่องจะสนทนาเรื่องอื่นได้
มโนจริยา เช่น ผู้ดีย่อมไม่ตั้งใจปรารถนาของรักเพื่อน ผู้ดีย่อมไม่มีใจ
มักได้ เที่ยวขอของเขาร่ำไป ผู้ดีย่อมไม่หวังแต่จะพึ่งพาอาศัยคนอื่น
ผู้ดีย่อมรู้คุณผู้อื่นที่ได้ทำแล้วแก่ตน ผู้ดีย่อมไม่พึงใจการหยิบยืม
ข้าวของทองเงินซึ่งกันและกัน เป็นต้น
ภาคเก้า : ผู้ดีย่อมรักษาความสุจริต ซื่อตรง แบ่งเป็นกายจริยา 12 ข้อ
วจีจริยา 9 ข้อ และมโนจริยา 4 ข้อ เป็นการสอนให้นำหลักธรรมความ
สุจริตมาประพฤติปฏิบัติทั้งการกระทำ คำพูด และความคิด
ตัวอย่าง
กายจริยา เช่น ผู้ดีย่อม ไม่ ละลาบละล้วงเข้าห้องเรือนแขก
ก่อนเจ้าของบ้านเขาเชิญ ผู้ดีย่อมไม่ลอบแอบฟังคนพูด ผู้ดีย่อม
ไม่แทรกเข้าหมู่ผู้อื่นซึ่งเขาไม่ได้เชื้อเชิญ
วจีจริยา เช่น ผู้ดีย่อมไม่ซอกแซกไต่ถามธุระส่วนตัวหรือการในบ้าน
ของเขา ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องแก่ตน ผู้ดีย่อมไม่เที่ยวถามถึงผลประโยชน์
ที่เขาหาได้เมื่อตนไม่ได้มี หน้าที่เกี่ยวข้อง ผู้ดีย่อมไม่เก็บเอาความลับ
ของผู้หนึ่งมาเที่ยวพูดแก่ผู้อื่น ผู้ดีย่อมไม่ใช้คำสบถติดปาก
มโนจริยา เช่น ผู้ดีย่อมไม่เป็นคนต่อหน้าอย่างหนึ่ง ลับหลังอย่างหนึ่ง
ผู้ดีย่อมไม่แสวงหาประโยชน์ในทางที่ผิดธรรม ผู้ดีย่อมเป็นผู้ที่ตั้งอยู่
ในความเที่ยงตรง เป็นต้น
ภาคสิบ : ผู้ดีย่อมไม่ประพฤติชั่ว แบ่งเป็นกายจริยา 9 ข้อ วจีจริยา 5 ข้อ
และมโนจริยา 4 ข้อ ภาคนี้ก็คือการสอน มิให้ประพฤติในสิ่งที่เสียหาย
หรือความชั่วนั่นเอง
ตัวอย่าง
กายจริยา เช่น ผู้ดีย่อมจะ ไม่ ข่มเหงผู้อ่อนกว่า เช่น เด็กหรือ
ผู้หญิง ผู้ดีย่อมไม่มั่วสุมกับสิ่งอันเลวทราม เช่น กัญชา ยา ฝิ่น ผู้ดีย่อม
ไม่พึงพอใจในหญิงที่เจ้าของหวงแหน ผู้ดีย่อมไม่พาลเกะกะ ระรานและ
กระทำร้ายคน
วจีจริยา เช่น ผู้ดีย่อมไม่เป็นพาลพอใจทะเลาะวิวาท ผู้ดีย่อมไม่พอใจ
พูดส่อ-เสียด ยุยง ผู้ดีย่อมไม่แช่งชักให้ร้ายผู้ใด
มโนจริยา เช่น ผู้ดีย่อมไม่ปองร้ายผู้อื่น ผู้ดีย่อมไม่คิดทำลายผู้อื่นเพื่อ
ประโยชน์ตน และผู้ดีย่อมเป็นผู้มีความละอายต่อบาป เป็นต้น
ที่มา....
http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2012/05/Y12132296/Y12132296.html
ภาษาไทย กับ การเมือง วันละคำ...."คนดี กับ ผู้ดี"
บ่อยครั้งมาก...จนรู้สึกว่า..เอ..เรานี่เป็น "คนดี" กับเค้าด้วยเปล่าล่ะเนี่ยยย???
อย่ากระนั้นเลย...ไปค้นหา "หนังสือสมบัติผู้ดี"....มาปัดฝุ่นอ่านกันหน่อยดีกว่า..
คำว่า "คนดี" ต่างจากคำว่า "ผู้ดี" หรือเปล่า...คนที่อวดตนว่าเป็น "คนดี"
ทำไมจึงไม่บอกว่าตนเป็น "ผู้ดี" ล่ะ...แล้วถ้าเป็นคำที่มีความหมายเหมือนกัน
"คนดีเหล่านั้น"...ทำได้ครบทุกข้อในหนังสือ "สมบัติผู้ดี" ได้หรือไม่...
ถ้าทำได้ไม่ครบ..ขาดข้อใดเพียงข้อเดียว...เราจะยังยอมรับเค้าให้เป็น
"คนดี" หรือ "ผู้ดี" ได้หรือไม่
สมบัติผู้ดี 10 ประการ....
สมบัติผู้ดี
ในตำราเล่มนี้ จะมีเนื้อหาอยู่ 10 ภาค แต่ละภาคจะสอนการปฏิบัติตน
ทั้งกาย วาจาและใจไว้เป็นข้อๆ เรียกว่า กายจริยา วจีจริยา และมโนจริยา
โดยตอนท้ายเล่มจะมีภาคผนวก อธิบายขยายความข้อปฏิบัติในแต่ละภาค
และแต่ละข้อว่าต้องทำเช่นไร
สำหรับเนื้อหาการประพฤติปฏิบัติตนใน 10 ภาค เพื่อนำไปสู่ความเป็น
“ผู้ดี” นั้น จะต้องทำอย่างไร เรามาดูกันเป็นภาคๆ ไปเลย
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
ภาคหนึ่ง : ผู้ดีย่อมรักษาความเรียบร้อย ท่านได้แบ่งเป็นความประพฤติ
ทางกายจริยามี 10 ข้อ วจีจริยา 5 ข้อ และมโนจริยา 2 ข้อ
ยกตัวอย่าง
ทางกายจริยา เป็นการสอนให้รู้จักมีกิริยาที่ดี เช่น ผู้ดีย่อม
ไม่ล่วง-เกิน ถูกต้องผู้อื่นซึ่งไม่ใช่หยอกกันฐานเพื่อน ผู้ดีย่อมไม่เอิกอึง
เมื่อผู้อื่นทำกิจ ผู้ดีย่อมไม่ส่งของให้ผู้อื่นด้วยกิริยาอัน ไสผลัก-โยน
วจีจริยา เป็นการสอนให้รู้จักพูดจาให้เรียบร้อย เช่น ผู้ดีย่อมไม่สอดสวน
วาจาหรือแย่งชิงพูด ผู้ดีย่อมไม่ใช้ถ้อยคำหยาบ-คาย
มโนจริยา คือ การสอนให้นึกคิด ในทางที่ดี ได้แก่ ผู้ดีย่อมไม่ปล่อยใจให้
ฟุ้งซ่าน กำเริบหยิ่งโยโส และผู้ดีย่อมไม่บันดาลโทสะให้เสียกิริยา เป็นต้น
ภาคสอง : ผู้ดีย่อมไม่ทำอุจาดลามก แบ่งเป็นกายจริยา 13 ข้อ วจีจริยา
2 ข้อ และมโนจริยา 2 ข้อ
ตัวอย่าง
กายจริยา เป็นการสอนให้รู้จักแสดงออกทางกายในทางที่ไม่
เสีย-หาย เช่น ผู้ดีย่อมใช้เสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวสะอาด และแต่งโดยเรียบร้อย
เสมอ ผู้ดีย่อมไม่แต่งตัวในที่แจ้ง ผู้ดีย่อมไม่จิ้มควัก ล้วงแคะแกะเกา
ร่างกายในที่ประชุมชน ผู้ดีย่อมไม่จามด้วยเสียงอันดังและโดยไม่ป้องกำบัง
วจีจริยา เป็นการสอนไม่ให้พูด คำลามกหรือสิ่งอันลามกในที่ชุมชน ได้แก่
ผู้ดีย่อมไม่กล่าวถึงสิ่งโสโครก พึงรังเกียจ ในท่ามกลางประชุมชน ผู้ดีย่อม
ไม่กล่าวถึงสิ่งควรปิดบังท่ามกลางประชุมชน
มโนจริยา เป็นการสอนให้มีความ-คิดในทางที่ชอบที่ควร ได้แก่ ผู้ดีย่อม
พึงใจที่จะรักษาความสะอาด
ภาคสาม : ผู้ดีย่อมมีสัมมาคารวะ แบ่งเป็น กายจริยา 12 ข้อ วจีจริยา
6 ข้อ และมโนจริยา 3 ข้อ เป็นการสอนให้รู้จักแสดงออกในทางที่สุภาพ
เรียบร้อย น่าดู น่าชม
ตัวอย่าง
กายจริยา เช่น ผู้ดีย่อมไม่หันหลังให้ผู้ใหญ่ ผู้ดีย่อมไม่ทัด
หรือคาบบุหรี่ คาบกล้องและสูบให้ควันไปรมผู้อื่น ผู้น้อยย่อมเคารพ
ผู้ใหญ่ก่อน ผู้ดีย่อมเปิด-หมวกในที่เคารพ เช่น โบสถ์, วิหาร ไม่ว่าแห่ง
ศาสนาใด
วจีกิริยา เช่น ผู้ดีย่อมไม่พูดจาล้อ-เลียน หลอกลวงผู้ใหญ่ ผู้ดีย่อมไม่
กล่าว วาจาอันติเตียนสิ่งเคารพหรือที่เคารพของ ผู้อื่นแก่ตัวเขา เมื่อ
ตนทำพลาดพลั้งสิ่งใดแก่บุคคลใด ควรจะออกวาจาขอโทษเสมอ
เมื่อผู้ใดได้แสดงคุณต่อตนอย่างไร ควรออกวาจาขอบคุณเขาเสมอ
มโนจริยา เช่น ผู้ดีย่อมเคารพยำเกรงบิดา-มารดาและอาจารย์ ผู้ดีย่อม
นับถือนอบน้อมต่อผู้ใหญ่ เป็นต้น
ภาคสี่ : ผู้ดีย่อมมีกิริยาเป็นที่รัก แบ่งเป็นกายจริยา 14 ข้อ วจีจริยา
10 ข้อ และมโนจริยา 1 ข้อ เป็นการสอนให้แสดงกิริยาต่างๆ ไม่ว่า
จะนั่ง ยืน เดิน นอน หรือพูดจาปราศรัยให้ไปในทางที่น่ารัก น่าเคารพ
นับถือ
ตัวอย่าง
กายจริยา อาทิ ผู้ดีย่อม ไม่ ฝ่าฝืนเวลานิยม คือ ไม่ใช้กิริยา
ยืนเมื่อเขานั่งกับพื้น และไม่นั่งกับพื้นเมื่อเวลาเขายืนกัน ผู้ดีย่อมไม่ไป
นั่งนานเกินสมควร ในบ้านของผู้อื่น ผู้ดีย่อมไม่ทำกิริยารื่นเริงเมื่อเขา
มีทุกข์ และผู้ดีย่อมไม่จ้องดูนาฬิกา ในเวลาที่แขกยังนั่งอยู่
วจีจริยา ได้แก่ ผู้ดีย่อมไม่ติเตียนสิ่งของที่เขาตั้ง-แต่งไว้ในบ้านที่ตนไปสู่
ผู้ดีย่อมไม่พูดจาให้เพื่อนเก้อกระดาก ผู้ดี ย่อมไม่เอาเรื่องที่เขาพึงซ่อน
เร้นไว้มากล่าวให้อับอายหรือเจ็บใจ
มโนจริยา ได้แก่ ผู้ดีย่อมรู้จักเกรงใจคน
ภาคห้า : ผู้ดีย่อมเป็นผู้มีสง่า มีกายจริยา 3 ข้อ วจีจริยา 1 ข้อ และ
มโน-จริยา 5 ข้อ เป็นการสอนให้รู้จักภาวะของตัวว่าจะเดินเหินลุก
นั่งก็ควรมีท่าให้สง่า-ผ่าเผย ไม่นั่งหลังงอ หรือทำท่าซอมซ่อ ขณะเดียวกัน
ก็ต้องระวังมิให้กลายเป็นการข่มเพื่อนหรือแสดงความยิ่งใหญ่เกินไป
ตัวอย่าง
ทางกายจริยา เช่น ผู้ดีย่อมมีกิริยาอันผึ่งผาย องอาจ ผู้ดีย่อม
ไม่เป็นผู้สะทกสะท้าน งกเงิ่น หยุดๆ ยั้งๆ
วจีจริยา ได้แก่ ผู้ดีย่อมพูดจาฉะฉานชัดถ้อยความ ไม่อุบอิบ อ้อมแอ้ม
มโนจริยา เช่น ผู้ดีย่อมมีอัชฌาสัย อันกว้างขวาง เข้าไหนเข้าได้ ผู้ดี
ย่อมมีความเข้าใจอันว่องไวไหวพริบ รู้เท่าถึงการณ์ เป็นต้น
ภาคหก : ผู้ดีย่อมปฏิบัติการงานดี แบ่งเป็นกายจริยา 4 ข้อ วจีจริยา
1 ข้อ และมโนจริยา 10 ข้อ เป็นการสอนให้ทำการทำงานทุกอย่าง
อันเป็นหน้าที่ไม่ให้บกพร่อง คั่งค้าง และทำให้เสร็จเรียบร้อยด้วยดี
ตัวอย่าง
ทางกายจริยา เช่น ผู้ดีย่อมทำการอยู่ในระเบียบแบบแผน
ผู้ดีย่อมไม่ถ่วงเวลาให้ผู้อื่นคอย ผู้ดีย่อมไม่ทำการแต่ต่อหน้า
วจีจริยา ได้แก่ ผู้ดีพูดสิ่งใดย่อมให้เป็นที่เชื่อถือได้ ผู้ดีย่อมไม่รับวาจา
คล่องๆโดยมิได้เห็นว่าการจะเป็นไปได้หรือไม่
มโนจริยา เช่น ผู้ดีย่อมไม่เป็นผู้ที่เกียจคร้าน ผู้ดีย่อมไม่เพลิดเพลินจน
ละเลยให้การเสีย ผู้ดีย่อมมีความมานะในการงาน ไม่ย่อท้อต่อความ
ยากลำบาก และผู้ดีย่อมเป็นผู้ทำอะไรทำจริง เป็นต้น
ภาคเจ็ด : ผู้ดีย่อมเป็นผู้ใจดี แบ่งเป็นกายจริยา 3 ข้อ วจีจริยา 2 ข้อ
และมโนจริยา 5 ข้อ เป็นการสอนให้มีใจเมตตากรุณา คิดแต่ในทางที่ดี
มองคนในแง่ดี และสะสมแต่ความดีต่อกันไว้
ตัวอย่าง
กายจริยา เช่น เมื่อเห็นใครทำผิดพลาดอันน่าเก้อกระดาก
ย่อมช่วยกลบเกลื่อนหรือทำเป็นไม่เห็น เมื่อเห็นสิ่งของของใครตก
หรือจะเสื่อมเสีย ย่อมต้องหยิบยื่นให้หรือบอกให้รู้ตัว
วจีจริยา ได้แก่ ผู้ดีย่อมไม่เยาะเย้ยถากถางผู้กระทำผิดพลาด ผู้ดีย่อม
ไม่ใช้วาจาอันขมขี่
มโนจริยา เช่น ผู้ดีย่อมไม่มีใจอันโหดเหี้ยม เกรี้ยวกราดแก่ผู้น้อย
ผู้ดีย่อมเอาใจโอบอ้อมอารีแก่คนอื่น ผู้ดีย่อมไม่เป็นผู้ซ้ำเติมคนเสียที เป็นต้น
ภาคแปด : ผู้ดีย่อมไม่เห็นแก่ตัวฝ่ายเดียว แบ่งเป็นกายจริยา 11 ข้อ
วจี-จริยา 7 ข้อ และมโนจริยา 7 ข้อ เป็นการสอนว่าเมื่ออยู่เป็นหมู่คณะ
จะต้องนึกถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก มิใช่คิดแต่ได้อย่างเดียว
ตัวอย่าง
กายจริยา เช่น ผู้ดีย่อมไม่สอสระเอื้อกสน แย่งชิงที่นั่งหรือที่ดูอันใด
ผู้ดีย่อมไม่แสดงความไม่เพียงพอในสิ่งของที่เขาหยิบยกให้ ผู้ดีย่อมไม่
นิ่งนอนใจให้เขาออกทรัพย์แทนส่วนตัวเสมอไป
วจีจริยา เช่น ผู้ดีย่อมไม่ขอแยก ผู้หนึ่งมาจากผู้ใดเพื่อจะพาไปพูดจา
ความลับกัน ผู้ดีย่อมไม่สนทนาแต่เรื่องตนฝ่ายเดียว จนคนอื่นไม่มี
ช่องจะสนทนาเรื่องอื่นได้
มโนจริยา เช่น ผู้ดีย่อมไม่ตั้งใจปรารถนาของรักเพื่อน ผู้ดีย่อมไม่มีใจ
มักได้ เที่ยวขอของเขาร่ำไป ผู้ดีย่อมไม่หวังแต่จะพึ่งพาอาศัยคนอื่น
ผู้ดีย่อมรู้คุณผู้อื่นที่ได้ทำแล้วแก่ตน ผู้ดีย่อมไม่พึงใจการหยิบยืม
ข้าวของทองเงินซึ่งกันและกัน เป็นต้น
ภาคเก้า : ผู้ดีย่อมรักษาความสุจริต ซื่อตรง แบ่งเป็นกายจริยา 12 ข้อ
วจีจริยา 9 ข้อ และมโนจริยา 4 ข้อ เป็นการสอนให้นำหลักธรรมความ
สุจริตมาประพฤติปฏิบัติทั้งการกระทำ คำพูด และความคิด
ตัวอย่าง
กายจริยา เช่น ผู้ดีย่อม ไม่ ละลาบละล้วงเข้าห้องเรือนแขก
ก่อนเจ้าของบ้านเขาเชิญ ผู้ดีย่อมไม่ลอบแอบฟังคนพูด ผู้ดีย่อม
ไม่แทรกเข้าหมู่ผู้อื่นซึ่งเขาไม่ได้เชื้อเชิญ
วจีจริยา เช่น ผู้ดีย่อมไม่ซอกแซกไต่ถามธุระส่วนตัวหรือการในบ้าน
ของเขา ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องแก่ตน ผู้ดีย่อมไม่เที่ยวถามถึงผลประโยชน์
ที่เขาหาได้เมื่อตนไม่ได้มี หน้าที่เกี่ยวข้อง ผู้ดีย่อมไม่เก็บเอาความลับ
ของผู้หนึ่งมาเที่ยวพูดแก่ผู้อื่น ผู้ดีย่อมไม่ใช้คำสบถติดปาก
มโนจริยา เช่น ผู้ดีย่อมไม่เป็นคนต่อหน้าอย่างหนึ่ง ลับหลังอย่างหนึ่ง
ผู้ดีย่อมไม่แสวงหาประโยชน์ในทางที่ผิดธรรม ผู้ดีย่อมเป็นผู้ที่ตั้งอยู่
ในความเที่ยงตรง เป็นต้น
ภาคสิบ : ผู้ดีย่อมไม่ประพฤติชั่ว แบ่งเป็นกายจริยา 9 ข้อ วจีจริยา 5 ข้อ
และมโนจริยา 4 ข้อ ภาคนี้ก็คือการสอน มิให้ประพฤติในสิ่งที่เสียหาย
หรือความชั่วนั่นเอง
ตัวอย่าง
กายจริยา เช่น ผู้ดีย่อมจะ ไม่ ข่มเหงผู้อ่อนกว่า เช่น เด็กหรือ
ผู้หญิง ผู้ดีย่อมไม่มั่วสุมกับสิ่งอันเลวทราม เช่น กัญชา ยา ฝิ่น ผู้ดีย่อม
ไม่พึงพอใจในหญิงที่เจ้าของหวงแหน ผู้ดีย่อมไม่พาลเกะกะ ระรานและ
กระทำร้ายคน
วจีจริยา เช่น ผู้ดีย่อมไม่เป็นพาลพอใจทะเลาะวิวาท ผู้ดีย่อมไม่พอใจ
พูดส่อ-เสียด ยุยง ผู้ดีย่อมไม่แช่งชักให้ร้ายผู้ใด
มโนจริยา เช่น ผู้ดีย่อมไม่ปองร้ายผู้อื่น ผู้ดีย่อมไม่คิดทำลายผู้อื่นเพื่อ
ประโยชน์ตน และผู้ดีย่อมเป็นผู้มีความละอายต่อบาป เป็นต้น
ที่มา....http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2012/05/Y12132296/Y12132296.html