Fever 4 (F4 THAILAND) โดย ณพัชระ #13

เรื่องนี้แต่งขึ้น เป็นเรื่องสมมุติ ตามจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น ไม่มีเจตนาพาดพิงใดๆนะคะ

ขอขอบคุณ คุณโยโกะ คามิโอะ ผู้เขียน Hana Yori Dango ต้นฉบับแห่งแรงบันดาลใจ


นายหญิงแห่งเตมีย์กรุ๊ป




ทานตะวัน


เตชินท์ เตมีย์อภิทรัพย์วณิชย์

ณาวา กฤษจาวรนันท์ (Snowman)

คิรินท์ อินทราชัยพิศุทธิ์ หรือนายน้อยรินท์

หม่อมราชวงค์พศวีย์ สิริเมฑาวรกุล ชายวีย์แห่งวังสิริเมฑา

พี่แพร แพรธารา

เดียร์น่า ดิษยา


Fever 4 (F4 THAILAND) #1 http://pantip.com/topic/30896810
Fever 4 (F4 THAILAND) #2 http://pantip.com/topic/30922852
Fever 4 (F4 THAILAND) #3 http://pantip.com/topic/30984872
Fever 4 (F4 THAILAND) #4 http://pantip.com/topic/31008854
Fever 4 (F4 THAILAND) #5 http://pantip.com/topic/31040591
Fever 4 (F4 THAILAND) #6 http://pantip.com/topic/31084221
Fever 4 (F4 THAILAND) #7 http://pantip.com/topic/31132233
Fever 4 (F4 THAILAND) #8 http://pantip.com/topic/31162427
Fever 4 (F4 THAILAND) #9 http://pantip.com/topic/31888161
Fever 4 (F4 THAILAND) #10 #11 http://pantip.com/topic/31973362
Fever 4 (F4 THAILAND) #12 http://pantip.com/topic/33880877







***   ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------   ***


Fever 4 (F4 THAILAND) #13

             หลายวันมานี้ ทานตะวันไม่เห็นเตชินท์ที่เตมีย์ยูอีกเลย พอเขาหายไปจริงๆ เธอกลับรู้สึกเหมือนสิ่งของบางอย่างของเธอได้หล่นหายไป ทานตะวันมาทำงานที่ร้านเจ๊เฉียบอย่างเหม่อลอย ช้างโทรเข้ามาแต่เธอก็ไม่ได้กดรับสาย จนเกวิตาต้องสะกิดให้เธอรู้ตัว

        "ว่าไงช้าง" ทานตะวันถาม

        "ตะวันจำเรื่องที่เราชวนเธอไปดูไร่ของเราที่เขาใหญ่ได้มั้ยตกลงไปนะ แม่เราอยากให้เธอไปมาก" ช้างเริ่มใช้แม่มาอ้างเพราะกลัวเพื่อนจะปฎิเสธ

        "เอาสิ" ทานตะวันตอบโดยไม่คิด ทำให้ช้างอดแปลกใจไม่ได้ ช้างจะเอ่ยถามต่อ แต่ทานตะวันกดวางสาย เพราะในเวลานี้เธอไม่ต้องการพูดหรือคุยกับใครเลย
        
        ส่วนทางด้านเตชินท์นั้น เมื่อกลับถึงบ้านก็ฟาดงวงฟาดงาใส่คนรอบข้างไปทั่ว จนพ่อบ้านได้แต่ส่ายหัวอย่างระอา ที่นายน้องคนเดิมนั้นกลับมาอีกแล้ว

***   ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------   ***


             เตชินท์ถึงแม้จะพยายามหลบหน้าแต่เขาก็อดเป็นห่วงทานตะวันไม่ได้ เขาสั่งให้คนของเขาติดกล้องวงจรปิดเพิ่มมากขึ้น และส่งภาพประมวลผลจากกล้องเหล่านั้นเข้ามาที่โทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงเท่านั้น เวลาว่างจากเรียนหนังสือ เขาจะแอบดูเธอจากกล้องวงจรปิดบ่อยๆ

         "โรคจิต" คิรินท์พูดใส่เพื่อนของเขา แต่เตชินท์ไม่สนใจได้แต่ทำหน้าใส่ประมาณว่า (แล้วไง)

         "อาทิตย์หน้าว่าไง ตกลงไปฮาวายใช่มั้ย" ชายวีย์ถามขึ้นเพราะใกล้กำหนดวันเดินทางแล้ว

         "อืมก็คงงั้น" เตชินท์ตอบอย่างไม่ค่อยให้ความสำคัญสักเท่าไหร่

         "ได้ข่าวว่าพวกเด็กทุน ไปเที่ยวไร่เศรษฐีใหม่ที่เขาใหญ่กันนะ" คิรินท์แกล้งพูดขึ้นมาอย่างลอยๆ

         เตชินท์แกล้งทำเป็นไม่สนใจ ก่อนจะเรียกการ์ดของเขาให้เดินเข้ามาใกล้ๆ

         "ไปสืบมาสิ ห้ามเกินห้านาทีนะ" เตชินท์สั่งอย่างเฉียบขาด คิรินท์ได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอากับการกระทำที่ไม่รู้จักโตของเพื่อนเขา

         "พนันกันมั้ยคิรินท์ สงสัย ตั๋วเครื่องบินคงไม่ได้ใช้แล้วหละคราวนี้" ชายวีย์บอกอย่างรู้ทัน
      
          คิรินท์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย

          "นายจะพนันกับเราด้วยมั้ย ณาวา" ชายวีย์หาแนวร่วม

         ณาวา ได้แต่ส่ายหน้า เพราะเรื่องนี้เขาไม่อยากยุ่งมากไปกว่านี้เพราะเขากลัวทานตะวันจะเดือดร้อนเพราะเขาอีก

         เตชินท์แอบมองไปที่ณาวา ถึงเขาจะรู้สึกไม่พอใจเพื่อนของเขา แต่ว่าเพื่อนยังไงก็คือเพื่อนสำหรับเขาอยู่ดี

***   ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------   ***


         เตชินท์ยังคงหายไปตามคำสั่งของทานตะวัน แต่เธอยังรับรู้ได้ว่าเขายังคงไม่หายไปไหน มีหลายเหตุการณ์ที่เธออยู่ในช่วงคับขันไม่ว่าจะที่ไหน เธอรู้สึกได้ว่ามีคนมาช่วยเธอไว้ และแอบมองเธออยู่ห่างๆเสมอ

         "แต่สิ่งที่นายทำมันแรงเกินไป และฉันไม่มีทางให้อภัยนายง่ายๆหรอก" ทานตะวันบ่นขึ้น ตอนที่เธอนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องสมุด เพราะรู้ว่าใครที่มานั่งอยู่ข้างหลังเธอตอนนี้

         เตชินท์ขยับเก้าอี้ไปใกล้ๆเก้าอี้ของทานตะวัน จนหลังของทั้งคู่แทบจะชนกัน เตชินท์นั่งอยู่ข้างหลังเธออย่างนั้นโดยที่ไม่พูดอะไร เพราะความเงียบอาจเป็นคำตอบของทุกสิ่ง ยิ่งเงียบเสียงของหัวใจของทั้งคู่ยิ่งดังขึ้นดังขึ้นและ...มากขึ้นทุกวินาที



***   ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------   ***


             เมื่อถึงรีสอร์ทของช้างที่เขาใหญ่ เกวิตารู้สึกตื่นเต้นที่ได้มารีสอร์ทของช้างมาก ซึ่งช้างนั้นก็หน้าบานภูมิใจใหญ่ แทบจะอวดทุกซอกทุกมุมให้ทานตะวันกับเกวิตาได้เห็น ทานตะวันฝืนยิ้มไปกับเพื่อนของเธอ เพราะภาพที่เตชินท์ขโมยจูบแรกของเธอมันยังคงวนเวียนอยู่ในหัวสมองเธอตลอด

             ช้างพาทานตะวันกับเกวิตาเดินเล่นรอบๆรีสอร์ท ทานตะวันได้ยินเสียงเหมือนงานเลี้ยงสังสรรค์ จึงถามช้างด้วยความสงสัย

         "มีงานอะไรกัน"

         "ไม่รู้เหมือนกัน งานของเจ้าของรีสอร์ทข้างๆมั้ง คงเป็นพวกเศรษฐีใหม่เหมือนเราแหละ เห็นแม่เราบอกว่า มากว้านซื้อที่ดินรอบๆนี้ไว้หมดเลย" ช้างบอกที่เขารู้มา

         "ขนาดนั้นเลยหรอ" ทานตะวันถามอย่างแปลกใจ เกวิตา วิ่งเข้าไปดูใกล้ๆ เห็นว่ามีรั้วสีขาวแค่อกของเธอกั้นไว้อยู่ ในที่เแห่งนั้น มีกระโจมสีขาวตั้งอยู่รอบๆ พร้อมเหล่าบรรดาคนชั้นสูงต่างพากันส่งเสียงเชียร์ การแข่งขันโปโลอยู่ในสนาม เกวิตาแอบมองอย่างตื่นตาตื่นใจ และเหมือนเธอสังเกตุผู้เล่นในสนามดีๆ ทำให้เธอเห็นอะไรบางอย่าง

         "ไม่ใช่พวกเศรษฐีใหม่สักหน่อย ตะวันกับช้างมาดูอะไรนี่เร็ว"  เกวิตารีบชวนเพื่อนทั้งสองเข้ามาดูด้วยความตื่นเต้น

         "F4....." ทานตะวันอุธานออกมาเมื่อเธอรู้ว่าเป็นใคร

         "โห้...." ช้าง ถึงกับตกตะลึง เหมือนว่าเขาได้หลุดมายังอีกโลกหนึ่ง แค่รั้วกั้นกลาง กับควาามแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

          "เหยื่อกินเบ็ดแล้วครับ" หนึ่งในบอร์ดี้การ์ดของเตชินท์ พูดขึ้นผ่านไมค์ที่ติดอยู่ที่ปกเสื้อ เพื่อแจ้งให้นายน้อยของเขารู้

         เตชินท์หยุดม้าที่ควบอยู่ทันที พร้อมกับชูมือของเขาขึ้นเหนือศีรษะ เพื่อยุติการเล่นในสนาม

         "เรากำลังมีแขก" เตชินท์ตะโกนบอกกับผู้เล่นในสนาม ก่อนจะหันไปมองเหยื่อทั้งสามที่เข้ามาติดกับดักของเขา

         ชายวีย์และคิรินท์ ควบม้ามาข้างๆเตชินท์ ส่วนแพรธารา กับ ณาวา ควบม้ามาอย่างช้าๆ เพื่อตามมาสบทบ ส่วนผู้เล่นคนอื่นๆ ควบม้าหลบอยู่ข้างหลัง พวกเขาทั้ง 5

         "โห้..........อย่างกับในหนัง แป๊ะเวอร์" ช้างอุธานออกมาอีกครั้ง เกวิตารีบพยักหน้าเห็นด้วย

        ทานตะวันแอบมอง ไปที่ณาวา และ แพรธารา เป็นอีกครั้งที่เธอรู้สึกแวบที่หัวใจ ความสมบูรณ์แบบ ความเพียบพร้อมของทั้งคู่ยิ่งทำให้ทานตะวันรู้สึกอิจฉาในความเหมาะสมที่เกิดขึ้นนี้ ทานตะวันหันไปทางเตชินท์ ที่กำลังยิ้มอย่างดีใจที่ได้เห็นหน้าเธอ ทานตะวันมองค้อนให้ ก่อนจะหันมายกมือไหว้ แพรธารา แล้วชวนเพื่อนเธอกลับ เพราะยิ่งพวกเธอตกเป็นเป้าสายตา ยิ่งทำให้เธอรู้สึกอาย ที่เธอกับเพื่อน ยืนเกาะรั้วแอบมองอยู่เหมือนตัวอะไรสักอย่าง

         "กลับกันเถอะช้าง" ทานตะวันบอกก่อนจะเดินถอยหลังออกมา

         "เดี๋ยวสิ ทานตะวัน" แพรธารา ตะโกนเรียก ก่อนจะควบม้าออกมาจากสนามเพื่อมายังข้างริมรั้วกั้นอาณาเขตที่ทานตะวันกับเพื่อนกำลังยืนอยู่

         ทานตะวันหันกลับมาตามเสียงเรียก ช้างได้แต่ตกตะลึงในความสวยของแพรธาราเมื่อได้เห็นเธอใกล้ๆ

         "ทานตะวัน ไม่เข้ามาก่อนหละจ๊ะ กำลังแข่งกันสนุกเลย" แพรธาราเอ่ยชวนก่อนจะลงมาจากหลังม้าเพื่อที่จะเดินเข้ามาใกล้ทานตะวันมากขึ้น

        ทานตะวันมองไปที่เพื่อนทั้งสองเพื่อจะถามความคิดเห็นผ่านทางสายตาของเธอ ทั้งช้าง และ เกวิตา ต่างพากันส่ายหัวเพราะไม่ต้องการจะเข้าไปเป็นแกะดำในสังคมชั้นสูงนั้น

          "ไม่ดีกว่าค่ะ ขอบคุณมากนะคะพี่แพร" ทานตะวันเอ่ยขอบคุณอีกฝ่ายด้วยความเกรงใจ

          ณาวา ควบม้าตามแพรธารามา เขาได้ยินประโยคปฎิเสธของเธอเข้าพอดี

         "เข้ามาเถอะตะวัน พวกเราจะดีใจมาก ถ้าพวกเธออยู่ในงานนี้ด้วย" ณาวาออกปากชวนด้วยตัวเอง เพราะเขารู้แก่ใจดีว่า ที่พวกเขามาที่นี่ตามคำสั่งของเตชินท์ก็เพราะทานตะวันอยู่ที่นีนั่นเอง

         "ใช่จ๊ะ" แพรธาราบอกก่อจะหันไปยิ้มหวานส่งซิกให้ณาวาเป็นการขอบคุณที่ช่วยเธอพูด ณาวายิ้มรับก่อนจะหันหน้ากลับมาพยักหน้าให้ทานตะวันเหมือนขอร้อง ทำให้ทานตะวันไม่อาจที่จะปฎิเสธเขาและหัวใจเธอได้เลย

        ทานตะวันกับเพื่อนเข้ามาในงาน เตชินท์เผลอยิ้มอย่างออกนอกหน้า ทานตะวันและเพื่อนๆของเธอถูกจัดให้นั่งในโซนวีไอพี ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับ F4 และ แพรธาราเท่านั้น เสียงซุบซิบดังขึ้นทันที เพราะทานตะวันกับเพื่อนของเธอนั้นแต่งตัวไม่เหมาะที่จะอยู่ในสถานที่อย่างนี้เลยยิ่งความแตกต่างทางสังคมทำให้ทานตะวันกับเกวิตาเริ่มรู้สึกประหม่า ผิดกับช้างสำหรับเขาในตอนนี้ อาหารตรงหน้าคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขา

        การแข่งขันโปโลเริ่มขึ้นอีกครั้ง ในครั้งนี้เตชินท์ตั้งใจเล่นมาก ส่วนแพธารา และ ณาวา ที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับเตชินท์ต่างก็ไม่ยอมแพ้ ถึงเธอจะเป็นผู้หญิงคนเดียวในทีม แต่เธอไม่ใช่จุดอ่อน การเล่นที่คล่องแคล่ว ว่องไว ท้วงท่าที่สง่า ทำให้เธอตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนในสนาม ที่ต่างชื่นชมในความสามารถและความสวยของเธอ ผิดกับทานตะวัน เพราะ เธอนั้นได้แต่ส่งเสียงเชีนร์ณาวาผ่านทางสายตาที่กำลังจับจ้องเขาอยู่ เตชินท์ที่เฝ้ามองทานตะวัน เขาอยากเป็นฮีโร่ในสายตาเธอบ้าง แต่อีกฝ่ายแทบไม่สนใจเขาเลยด้วยซ้ำ เตชินท์รู้สึกหน่วงๆที่หัวใจขึ้นมาทันที
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่