เรื่องนี้แต่งขึ้น เป็นเรื่องสมมุติ ตามจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น ไม่มีเจตนาพาดพิงใดๆนะคะ
ขอขอบคุณ คุณโยโกะ คามิโอะ ผู้เขียน Hana Yori Dango ต้นฉบับแห่งแรงบันดาลใจ
นายหญิงแห่งเตมีย์กรุ๊ป
ทานตะวัน
เตชินท์ เตมีย์อภิทรัพย์วณิชย์
ณาวา กฤษจาวรนันท์ (Snowman)
คิรินท์ อินทราชัยพิศุทธิ์ หรือนายน้อยรินท์
หม่อมราชวงค์พศวีย์ สิริเมฑาวรกุล ชายวีย์แห่งวังสิริเมฑา
พี่แพร แพรธารา
เดียร์น่า ดิษยา
Fever 4 (F4 THAILAND) #1
http://pantip.com/topic/30896810
Fever 4 (F4 THAILAND) #2
http://pantip.com/topic/30922852
Fever 4 (F4 THAILAND) #3
http://pantip.com/topic/30984872
Fever 4 (F4 THAILAND) #4
ปิติ เลขาใหญ่ของเตมีย์กรุ๊ป เรียกดิษยาและทานตะวันมาพบ ดิษยาที่มาถึงและนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เธอแปลกใจไม่น้อยที่ทานตะวันเปิดประตูเข้ามาและนั่งลงข้างๆเธอ ทานตะวันยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ดิษยาเองก็เช่นกัน
เมื่อถึงเวลา ปิติ เดินเข้ามา ดิษยา และทานตะวัน ลุกขึ้นและยกมือไหว้ตามมารยาท ปิติรับไหว้ก่อนจะบอกให้ทั้งคู่นั่งลง ปิติ แจ้งเรื่องที่ ทั้งคู่ได้คะแนนเท่ากัน
ฝ่ายบริหารจึงตัดสินใจให้ในปีนี้มีผู้ได้รับทุนเพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องสอบใหม่ ทานตะวันยิ้มอย่างโล่งใจ ดิษยาเองก็เช่นกัน ปิติ ได้มีการชี้แจงเรื่องกฏของผู้ที่ได้รับทุนคือต้องมีคะแนนสอบให้อยู่ในตามเกณฑ์ที่กำหนด ทั้งทานตะวันและดิษยาเซ็นรับเงื่อนไขข้อตกลง ถ้าทั้งคู่ทำไม่ได้ จะถูกตัดสิทธิ์ออกจากเตมีย์ยู เว้นแต่ว่า สามารถหาเงินมาจ่ายค่าเล่าเรียนได้
ทานตะวัน และ ดิษยา ออกมาจากห้อง ทั้งคู่ต่างทำความรู้จักกัน ทานตะวันดีใจที่มีดิษยาเป็นเพื่อนคนแรก เมื่อทานตะวันแยกตัวไปเรียนแล้ว ดิษยาได้เดินมาหยุดที่หน้าป้ายประกาศของเตมีย์ยู ที่เป็น LED ทีวีจอยักษ์ ในจอนั้นกำลังประกาศและลงรูปภาพคนที่สามารถ
สอบชิงทุนได้ หลังจากที่ประกาศออกมาแล้ว สร้างเสียงฮือฮาได้ไม่น้อยเพราะปีนี้เป็นปีแรกที่มีผู้ได้รับสิทธ์นี้สองคน
ดิษยา ได้แต่ยืนนิ่งหลังจากที่ประกาศเพิ่งจบไป แววตาของเธอที่มองรูปของทานตะวันเริ่มเปลี่ยนไป
"
เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้หรอก" ดิษยา พูดใส่ภาพของทานตะวันด้วยความ
ไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ทานตะวันเรียนที่เตมีย์ยูได้สักพักถึงแม้จะยังไม่ถึงเดือน แต่เธอพยายามปรับสภาพและทำตัวให้เคยชินกับสภาพแวดล้อม ในสังคมไฮโซที่แสนจะโก้หรู ภาพที่นักศึกษาบางคนที่พยายามโชว์หรืออวดกันในสิ่งของฟุ่มเฟื่อยไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า รองเท้า หรือ เครื่องประดับราคาแพง ทานตะวันเริ่มชินตากับภาพนั้นแล้ว ช่วงเวลาพัก ทานตะวันเดินไปหาที่นั่งริมทะเลสาปของเตมีย์ยูตามปกติ เธอได้เจอกับรุ่นพี่คนหนึ่งจากโรงเรียนเก่าของเธอ
"พี่นัท พี่นัทจำตะวันได้มั้ยค่ะ" ทานตะวันทักชายหนุ่มคนนั้นอย่างดีใจ แต่กลับตรงกันข้ามกับความรู้สึกของคนที่ถูกเรียก
นัทสิทธิ์ มองหน้าทานตะวัน ก่อนจะพยักหน้าเพราะเขาจำเธอได้
"ไม่น่าเชื่อว่าตะวันจะได้เจอพี่ที่นี่ ฝากตัวไว้ตรงนี้เลยนะคะ" ทานตะวันยิ้มอย่างเป็นมิตรแต่อีกฝ่ายถึงกลับถอนหายใจ
"คงไม่ได้แล้วหละ ตะวัน อีกอย่างอยู่ให้ไกลจากพี่เป็นดีที่สุด" นัทสิทธิ์บอกก่อนที่จะลุกเดินออกไปจากเธอเพราะไม่อยากให้ทานตะวัน
เดือดร้อน ทานตะวันได้แต่มองตามอย่างงงๆ และไม่เข้าใจในการกระทำของรุ่นพี่ที่เธอรู้จัก
เมื่อถึงเวลาเรียนทานตะวันกลับขึ้นอาคารเรียนตามปกติเหมือนเช่นเคย แต่ดูเหมือนกลับว่าวันนี้ผู้คนดูแปลกๆ ทานตะวันเห็น มีนักศึกษากลุ่มหนึ่งมุงดูอะไรบ้างอย่าง ด้วยความสงสัย ทานตะวันจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ทานตะวันจำคนที่นั่งเก็บของที่หล่นอยู่กับพื้นได้
"พี่นัท" ทานตะวันอุธานอย่างตกใจเพราะสภาพของรุ่นพี่ของเธอดูแตกต่างจากชั่วโมงที่แล้วมาก เสื้อที่เต็มไปด้วยคราบสี
"นี่มันเกิดอะไรขึ้น"ทานตะวันจะแหวกฝูงชนเข้าไปช่วย แต่นัทสิทธิ์หันมาทางเธอพอดี เขารู้ถึงเจตนาของอีกฝ่าย
เขาได้แต่ส่งสายตาสั่งห้ามว่า
อย่าเข้ามา
ทานตะวันหยุดชะงัก เสียงพูดของผู้คนรอบข้างทำให้เธอเริ่มเข้าใจว่า
พี่นัทของเธอไปมีเรื่องกับกลุ่ม F4 จึงถูกบีบให้ออกตามอำนาจของใบแดง
ทานตะวันได้แต่กำมือแน่นเพื่อข่มความรู้สึกละอายใจ ที่เธอไม่อาจจะช่วยอะไรอดีตรุ่นพี่ของเธอได้เลย ภาพของนัทสิทธิ์ที่เดินออก
จากอาคารเรียน ผู้คนรอบๆได้แต่มองเขาอย่างสมเพช ทานตะวันไม่อาจทนกับสภาพแบบนี้ได้ แต่เธอไม่มีทางเลือกใดๆ ความอดทนของเธอ
ที่พยายามปรับตัวให้เข้ากับที่นี่เริ่มถึงขีดสุด เธอเลือกที่จะไประบายอารมณ์
บนดาดฟ้าที่ลับเฉพาะของเธอ
"อำนาจบ้าๆ ของพวกF4 พวกไม่มีสมอง พวกไร้ความรู้สึก คิดจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นหรอ
คิดว่ามีเงินแล้วก็ตัดสินชีวิตของคนอื่นได้งั้นสิ
พวกนายเคยคิดจะละอายใจบ้างมั้ย ว่าอำนาจที่มีอยู่ ก็มาจากครอบครัวของพวกนายทั้งนั้น
ถ้าพวกนายได้เกิดในครอบครัวตาสีตาสา ก็โปรดจงรู้เอาไว้ซะด้วยว่า พวกนายก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่พวกนายรังแกหรอก "
ทานตะวันตะโกนจนสุดเสียง ทั้งเหนื่อย ทั้งหอบ ทั้งเจ็บใจ ภาพของพี่นัทที่วนเวียนเข้ามา ทำให้เธออยากตะโกนด่า F4 อีกสักสิบรอบ
แต่เพราะมีการเคลื่อนไหวบางอย่างจากด้านหลังทำให้เธอ รีบหันกลับมาดู ทานตะวันถึงกับช็อค เพราะเธอไม่คิดว่าจะได้เจอกับณาวาที่นี่อีกครั้ง
"พูดได้ดีนี่ แต่จะดีกว่านี้นะ ถ้าเธอไปพูดที่อื่น เพราะฉันนอนอยู่ที่นี่ก่อนที่เธอจะมา" ณาวาบอกอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก
เพราะที่นี่เป็นเหมือนหลุมหลบภัย หรือที่หลบผู้คนของเขา ณาวาเดินเข้ามา ทานตะวันได้แต่ยืนนิ่งและก้มหน้าเพราะทำอะไรไม่ถูก
"ไม่พูดต่อหละ" ณาวาถาม
"ที่...ที่ฉันพูดฉันไม่ได้ว่าคุณหรอกนะ ฉันว่าพวก F4" ทานตะวันตอบทั้งๆที่ก้มหน้า ณาวาถึงกับหลุดยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
"แล้วฉันไม่ใช่ F4 หรือไง" ณาวาถามด้วยความสงสัย ทานตะวันเริ่มคิดได้
นั่นสิ
"ฉันขอโทษค่ะ" ทานตะวันบอกกับณาวา เพราะจิตใตสำนึกนั้นบอกกับเธอว่า ณาวาคงไม่ใช่คนที่นิสัยไม่ดีอย่างแน่นอน
"จะขอโทษทำไม ในเมื่อสิ่งที่เธอพูดมันก็ถูก แต่อาจจะไม่ทั้งหมดหรอกนะ
จริงอยู่ที่บางครั้งพวกเราทำอะไรที่ไร้เหตุผล แต่เพราะพวกเราเป็นแบบนี้ และนั่นคือสิ่งที่สังคมยอมรับ
อาจจะเป็นสังคมที่เธอเกลียด แต่เธอก็เลือกที่จะมาเรียนที่นี่
เธอก็ต้องยอมรับมันให้ได้ เพราะทั้งเธอและฉัน เราต่างเลือกก็เกิดไม่ได้
มันไม่ใช่ความผิดหรอกที่เธอเกิดมาแบบนี้ และมันก็ไม่ใช่ความผิดอะไรที่พวกเราดันเกิดมาแล้วมีมากกว่าคนอื่น"
ณาวาบอกทานตะวันเพื่อเตือนสติเพราะสังคมที่เตมีย์ยูมีอะไรอีกมากมายที่เธอยังไม่รู้ ณาวาหวังว่าทานตะวันจะเข้าใจ ณาวามองหน้า
ทานตะวันเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เลือกที่จะไม่พูดเพราะไม่ต้องการให้เธอคิดว่าเขาสนใจเธอมากจนเกินไป ณาวาหันหลังกลับเพื่อ
ที่จะไปเรียน ทานตะวันรวบรวมความกล้าทั้งหมด เรียกเขาไว้
"คุณณาวา"
"มีอะไร" ณาวาหยุดแล้วหันกลับมา ทานตะวันเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับยื่นสิ่งที่เธอพกติดตัวมาโดยตลอดเพื่อคืนให้เขา
"ผ้าเช็ดหน้าของคุณ ฉันซักแล้วอย่างดีค่ะ"
"
หรอ ขอบใจนะ แต่เธอเก็บไว้เถอะ ฉันไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร" ณาวาบอก ก่อนจะเดินไปจากตรงนั้น
ทานตะวันได้แต่มองตามหลังของณาวา อย่างน้อยใจ เพราะคิดว่า เขาคงรังเกียจเธอไม่ต่างอะไรกับผ้าเช็ดหน้าผืนนี้แน่นอน
ที่ร้านนมสด แก้มเห็นทานตะวันมองผ้าเช็ดหน้าแล้วถอนหายใจอยู่หลายครั้งก็อดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
"ที่ถอนหายใจเนี่ย คนไม่ใช่เป็นเพราะ เจ้าของผ้าเช็ดหน้าผืนนี้หรอกนะ"
"ก็เพราะเจ้าของนั่นแหละ ที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้" ทานตะวันตอบอย่างเซ็งๆ ยิ่งคิดถึงเรื่องบนดาดฟ้า เธอยิ่งเซ็งเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
"เค้าต้องคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงปากจัดแน่ๆ แต่ถ้าคิดถึงสีหน้าของพี่นัทตอนนั้นนะ ฉันก็อดไม่ได้จริงๆ" ทานตะวันระบายให้เพื่อนฟัง
"มันก็จริง แต่ไม่สมกับเป็นแกเลย ฉันคิดว่าแกจะเข้าไปช่วยพี่นัท และตะโกนว่าพวกนั้นต่อหน้าซะอีก" แก้มออกความคิดเห็น
"ก็อยากอยู่นะ แต่คงเป็นเพราะ........" ทานตะวันพูดไม่จบ แต่เพื่อนของเธอรู้ดี
"เพราะ เจ้าของผ้าเช้ดหน้าผืนนี้อีกหละสิ ทำให้เธอไม่กล้า เพราะเกรงใจเค้า"
ทานตะวันอึ้งที่แก้มอ่านใจเธอออก แต่มันก็ไม่น่าแปลกอะไร เพราะแก้มคือเพื่อนสนิทที่สุดของเธอนี่น่า
*** --------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ***
Fever 4 (F4 THAILAND) โดย Na Patchara #4
Fever 4 (F4 THAILAND) #1 http://pantip.com/topic/30896810
Fever 4 (F4 THAILAND) #2 http://pantip.com/topic/30922852
Fever 4 (F4 THAILAND) #3 http://pantip.com/topic/30984872
Fever 4 (F4 THAILAND) #4
ปิติ เลขาใหญ่ของเตมีย์กรุ๊ป เรียกดิษยาและทานตะวันมาพบ ดิษยาที่มาถึงและนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เธอแปลกใจไม่น้อยที่ทานตะวันเปิดประตูเข้ามาและนั่งลงข้างๆเธอ ทานตะวันยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ดิษยาเองก็เช่นกัน
เมื่อถึงเวลา ปิติ เดินเข้ามา ดิษยา และทานตะวัน ลุกขึ้นและยกมือไหว้ตามมารยาท ปิติรับไหว้ก่อนจะบอกให้ทั้งคู่นั่งลง ปิติ แจ้งเรื่องที่ ทั้งคู่ได้คะแนนเท่ากัน ฝ่ายบริหารจึงตัดสินใจให้ในปีนี้มีผู้ได้รับทุนเพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องสอบใหม่ ทานตะวันยิ้มอย่างโล่งใจ ดิษยาเองก็เช่นกัน ปิติ ได้มีการชี้แจงเรื่องกฏของผู้ที่ได้รับทุนคือต้องมีคะแนนสอบให้อยู่ในตามเกณฑ์ที่กำหนด ทั้งทานตะวันและดิษยาเซ็นรับเงื่อนไขข้อตกลง ถ้าทั้งคู่ทำไม่ได้ จะถูกตัดสิทธิ์ออกจากเตมีย์ยู เว้นแต่ว่า สามารถหาเงินมาจ่ายค่าเล่าเรียนได้
ทานตะวัน และ ดิษยา ออกมาจากห้อง ทั้งคู่ต่างทำความรู้จักกัน ทานตะวันดีใจที่มีดิษยาเป็นเพื่อนคนแรก เมื่อทานตะวันแยกตัวไปเรียนแล้ว ดิษยาได้เดินมาหยุดที่หน้าป้ายประกาศของเตมีย์ยู ที่เป็น LED ทีวีจอยักษ์ ในจอนั้นกำลังประกาศและลงรูปภาพคนที่สามารถ
สอบชิงทุนได้ หลังจากที่ประกาศออกมาแล้ว สร้างเสียงฮือฮาได้ไม่น้อยเพราะปีนี้เป็นปีแรกที่มีผู้ได้รับสิทธ์นี้สองคน
ดิษยา ได้แต่ยืนนิ่งหลังจากที่ประกาศเพิ่งจบไป แววตาของเธอที่มองรูปของทานตะวันเริ่มเปลี่ยนไป
"เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้หรอก" ดิษยา พูดใส่ภาพของทานตะวันด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ทานตะวันเรียนที่เตมีย์ยูได้สักพักถึงแม้จะยังไม่ถึงเดือน แต่เธอพยายามปรับสภาพและทำตัวให้เคยชินกับสภาพแวดล้อม ในสังคมไฮโซที่แสนจะโก้หรู ภาพที่นักศึกษาบางคนที่พยายามโชว์หรืออวดกันในสิ่งของฟุ่มเฟื่อยไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า รองเท้า หรือ เครื่องประดับราคาแพง ทานตะวันเริ่มชินตากับภาพนั้นแล้ว ช่วงเวลาพัก ทานตะวันเดินไปหาที่นั่งริมทะเลสาปของเตมีย์ยูตามปกติ เธอได้เจอกับรุ่นพี่คนหนึ่งจากโรงเรียนเก่าของเธอ
"พี่นัท พี่นัทจำตะวันได้มั้ยค่ะ" ทานตะวันทักชายหนุ่มคนนั้นอย่างดีใจ แต่กลับตรงกันข้ามกับความรู้สึกของคนที่ถูกเรียก นัทสิทธิ์ มองหน้าทานตะวัน ก่อนจะพยักหน้าเพราะเขาจำเธอได้
"ไม่น่าเชื่อว่าตะวันจะได้เจอพี่ที่นี่ ฝากตัวไว้ตรงนี้เลยนะคะ" ทานตะวันยิ้มอย่างเป็นมิตรแต่อีกฝ่ายถึงกลับถอนหายใจ
"คงไม่ได้แล้วหละ ตะวัน อีกอย่างอยู่ให้ไกลจากพี่เป็นดีที่สุด" นัทสิทธิ์บอกก่อนที่จะลุกเดินออกไปจากเธอเพราะไม่อยากให้ทานตะวัน
เดือดร้อน ทานตะวันได้แต่มองตามอย่างงงๆ และไม่เข้าใจในการกระทำของรุ่นพี่ที่เธอรู้จัก
เมื่อถึงเวลาเรียนทานตะวันกลับขึ้นอาคารเรียนตามปกติเหมือนเช่นเคย แต่ดูเหมือนกลับว่าวันนี้ผู้คนดูแปลกๆ ทานตะวันเห็น มีนักศึกษากลุ่มหนึ่งมุงดูอะไรบ้างอย่าง ด้วยความสงสัย ทานตะวันจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ทานตะวันจำคนที่นั่งเก็บของที่หล่นอยู่กับพื้นได้
"พี่นัท" ทานตะวันอุธานอย่างตกใจเพราะสภาพของรุ่นพี่ของเธอดูแตกต่างจากชั่วโมงที่แล้วมาก เสื้อที่เต็มไปด้วยคราบสี
"นี่มันเกิดอะไรขึ้น"ทานตะวันจะแหวกฝูงชนเข้าไปช่วย แต่นัทสิทธิ์หันมาทางเธอพอดี เขารู้ถึงเจตนาของอีกฝ่าย
เขาได้แต่ส่งสายตาสั่งห้ามว่า อย่าเข้ามา
ทานตะวันหยุดชะงัก เสียงพูดของผู้คนรอบข้างทำให้เธอเริ่มเข้าใจว่า
ทานตะวันได้แต่กำมือแน่นเพื่อข่มความรู้สึกละอายใจ ที่เธอไม่อาจจะช่วยอะไรอดีตรุ่นพี่ของเธอได้เลย ภาพของนัทสิทธิ์ที่เดินออก
จากอาคารเรียน ผู้คนรอบๆได้แต่มองเขาอย่างสมเพช ทานตะวันไม่อาจทนกับสภาพแบบนี้ได้ แต่เธอไม่มีทางเลือกใดๆ ความอดทนของเธอ
ที่พยายามปรับตัวให้เข้ากับที่นี่เริ่มถึงขีดสุด เธอเลือกที่จะไประบายอารมณ์บนดาดฟ้าที่ลับเฉพาะของเธอ
คิดว่ามีเงินแล้วก็ตัดสินชีวิตของคนอื่นได้งั้นสิ
พวกนายเคยคิดจะละอายใจบ้างมั้ย ว่าอำนาจที่มีอยู่ ก็มาจากครอบครัวของพวกนายทั้งนั้น
ถ้าพวกนายได้เกิดในครอบครัวตาสีตาสา ก็โปรดจงรู้เอาไว้ซะด้วยว่า พวกนายก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่พวกนายรังแกหรอก "
ทานตะวันตะโกนจนสุดเสียง ทั้งเหนื่อย ทั้งหอบ ทั้งเจ็บใจ ภาพของพี่นัทที่วนเวียนเข้ามา ทำให้เธออยากตะโกนด่า F4 อีกสักสิบรอบ
แต่เพราะมีการเคลื่อนไหวบางอย่างจากด้านหลังทำให้เธอ รีบหันกลับมาดู ทานตะวันถึงกับช็อค เพราะเธอไม่คิดว่าจะได้เจอกับณาวาที่นี่อีกครั้ง
"พูดได้ดีนี่ แต่จะดีกว่านี้นะ ถ้าเธอไปพูดที่อื่น เพราะฉันนอนอยู่ที่นี่ก่อนที่เธอจะมา" ณาวาบอกอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก
เพราะที่นี่เป็นเหมือนหลุมหลบภัย หรือที่หลบผู้คนของเขา ณาวาเดินเข้ามา ทานตะวันได้แต่ยืนนิ่งและก้มหน้าเพราะทำอะไรไม่ถูก
"ไม่พูดต่อหละ" ณาวาถาม
"ที่...ที่ฉันพูดฉันไม่ได้ว่าคุณหรอกนะ ฉันว่าพวก F4" ทานตะวันตอบทั้งๆที่ก้มหน้า ณาวาถึงกับหลุดยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
"แล้วฉันไม่ใช่ F4 หรือไง" ณาวาถามด้วยความสงสัย ทานตะวันเริ่มคิดได้ นั่นสิ
"ฉันขอโทษค่ะ" ทานตะวันบอกกับณาวา เพราะจิตใตสำนึกนั้นบอกกับเธอว่า ณาวาคงไม่ใช่คนที่นิสัยไม่ดีอย่างแน่นอน
จริงอยู่ที่บางครั้งพวกเราทำอะไรที่ไร้เหตุผล แต่เพราะพวกเราเป็นแบบนี้ และนั่นคือสิ่งที่สังคมยอมรับ
อาจจะเป็นสังคมที่เธอเกลียด แต่เธอก็เลือกที่จะมาเรียนที่นี่
เธอก็ต้องยอมรับมันให้ได้ เพราะทั้งเธอและฉัน เราต่างเลือกก็เกิดไม่ได้
มันไม่ใช่ความผิดหรอกที่เธอเกิดมาแบบนี้ และมันก็ไม่ใช่ความผิดอะไรที่พวกเราดันเกิดมาแล้วมีมากกว่าคนอื่น"
ณาวาบอกทานตะวันเพื่อเตือนสติเพราะสังคมที่เตมีย์ยูมีอะไรอีกมากมายที่เธอยังไม่รู้ ณาวาหวังว่าทานตะวันจะเข้าใจ ณาวามองหน้า
ทานตะวันเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เลือกที่จะไม่พูดเพราะไม่ต้องการให้เธอคิดว่าเขาสนใจเธอมากจนเกินไป ณาวาหันหลังกลับเพื่อ
ที่จะไปเรียน ทานตะวันรวบรวมความกล้าทั้งหมด เรียกเขาไว้
"คุณณาวา"
"มีอะไร" ณาวาหยุดแล้วหันกลับมา ทานตะวันเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับยื่นสิ่งที่เธอพกติดตัวมาโดยตลอดเพื่อคืนให้เขา
"ผ้าเช็ดหน้าของคุณ ฉันซักแล้วอย่างดีค่ะ"
"หรอ ขอบใจนะ แต่เธอเก็บไว้เถอะ ฉันไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร" ณาวาบอก ก่อนจะเดินไปจากตรงนั้น
ทานตะวันได้แต่มองตามหลังของณาวา อย่างน้อยใจ เพราะคิดว่า เขาคงรังเกียจเธอไม่ต่างอะไรกับผ้าเช็ดหน้าผืนนี้แน่นอน
ที่ร้านนมสด แก้มเห็นทานตะวันมองผ้าเช็ดหน้าแล้วถอนหายใจอยู่หลายครั้งก็อดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
"ที่ถอนหายใจเนี่ย คนไม่ใช่เป็นเพราะ เจ้าของผ้าเช็ดหน้าผืนนี้หรอกนะ"
"ก็เพราะเจ้าของนั่นแหละ ที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้" ทานตะวันตอบอย่างเซ็งๆ ยิ่งคิดถึงเรื่องบนดาดฟ้า เธอยิ่งเซ็งเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
"เค้าต้องคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงปากจัดแน่ๆ แต่ถ้าคิดถึงสีหน้าของพี่นัทตอนนั้นนะ ฉันก็อดไม่ได้จริงๆ" ทานตะวันระบายให้เพื่อนฟัง
"มันก็จริง แต่ไม่สมกับเป็นแกเลย ฉันคิดว่าแกจะเข้าไปช่วยพี่นัท และตะโกนว่าพวกนั้นต่อหน้าซะอีก" แก้มออกความคิดเห็น
"ก็อยากอยู่นะ แต่คงเป็นเพราะ........" ทานตะวันพูดไม่จบ แต่เพื่อนของเธอรู้ดี
"เพราะ เจ้าของผ้าเช้ดหน้าผืนนี้อีกหละสิ ทำให้เธอไม่กล้า เพราะเกรงใจเค้า"
ทานตะวันอึ้งที่แก้มอ่านใจเธอออก แต่มันก็ไม่น่าแปลกอะไร เพราะแก้มคือเพื่อนสนิทที่สุดของเธอนี่น่า