เรื่องนี้แต่งขึ้น เป็นเรื่องสมมุติ ตามจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น ไม่มีเจตนาพาดพิงใดๆนะคะ
ขอขอบคุณ คุณโยโกะ คามิโอะ ผู้เขียน Hana Yori Dango ต้นฉบับแห่งแรงบันดาลใจ
Fever 4
นายหญิงแห่งเตมีย์กรุ๊ป
Fever 4 (F4 THAILAND) #1
"อย่าแย่งกันครับอย่าแย่งกัน ช่วยเข้าแถวให้เป็นระเบียบด้วย"
เสียงรุ่นพี่แห่ง
เตมีย์ยู (Temee University) พยายามจัดระเบียบ นักศึกษาที่เข้ามาสมัครสอบชิงทุนของทางมหาวิทยาลัย ใบสมัครที่มีค่าดั่งทองคำล้อมเพชร และ มีเพียง
หนึ่งคน เท่านั้นที่จะได้ทุน
"เรียนฟรีจนจบการศึกษา พร้อมทั้งการันตรีการทำงานที่บริษัทในเครือเตมีย์กรุ๊ปหลังจากเรียนจบทันที"
ทานตะวัน อ่านป้ายที่ติดอยู่อย่างมีความหวัง ฐานะทางบ้านที่ค่อนข้างจะปานกลางของเธอ การได้เรียนที่นี่นั้น
คือเรื่องยาก
"ไม่รวยบ้างให้มันรู้ไป" คนที่เข้าแถวต่อจากด้านหลังของทานตะวัน เริ่มบ่น
"มันก็แน่อยู่แล้วหละ เตมีย์ยู ถ้าไม่รวยจริง อย่าหวังจะได้มาเหยียบที่นี่ ค่าหน่วยกิตนี่ก็แทบจะคิดตามราคาหุ้นของเตมีย์กรุ๊ปได้มั้ง"
ทานตะวันเริ่มที่จะบ่นออกมาบ้าง และเธอก็อดคิดอย่างอดโมโหไม่ได้กับค่านิยมทางสังคม เพราะถ้าใครจบจากเตมีย์ยูก็เหมือนมี
โอกาสอยู่ในมือมากกว่าคนอื่น
"แล้วฉันจะสอบได้มั้ยเนี่ย" คนข้างหน้าของทานตะวันเริ่มที่จะท้อ ที่เห็นนักศึกษารอบข้างมีแต่พวกหนอนหนังสือทั้งนั้น
ทานตะวันเริ่มใจแป้วขึ้นมาบ้าง ทั้งข้างหน้า ทั้งข้างหลัง ทำให้เธอรู้สึกอย่างนั้น
"เราคิดแค่ว่า เอาใบสมัครมาให้ได้ก่อนดีมั้ย" ทานตะวันเผลอพูดออกมาเสียงดังตามที่เธอคิด ทำให้คนที่ต่อแถวต่างมองมาที่เธออย่างเห็นด้วย
"ใช่" คนข้างหน้าเธอคล้อยตาม ทานตะวันยิ้มออก
"แต่เค้าว่ากันว่าใบสมัครมีจำนวนจำกัดนะ อาจจะไม่พอมาถึงพวกเราก็ได้" คนข้างหลังบอก ทำให้คนที่ได้ยินเริ่มที่จะถอดใจ
"นั่นไง หนักยิ่งกว่าเก่า รู้งี้ไม่พูดด้วยดีกว่า" ทานตะวันได้บ่นกับตัวเองก่อนจะมองหน้าคนข้างหลัง
(ขอบใจนะที่ช่วยทำให้ใจแป้วยิ่งกว่าเดิม) นั่นคือเสียงที่อยู่ได้แต่ความคิดของเธอ
"ไม่พอจริงๆด้วย" คนข้างหน้าเห็นใบสมัครที่เหลืออยู่เพียงไม่ถึงสิบแผ่น ทานตะวันได้แต่ภาวนา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนว่าดี เธอแทบจะเอ่ยนามของท่านมาจนครบ ทันใดนั้น ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน พายุลมบ้าหมูลูกเล็ก ไม่รู้พัดมาจากไหน เหมือนจงใจ พัดใบสมัครที่ เหลืออยู่ ปลิวว่อนทั่วไปหมด
"สนุกหละที่นี่" ทานตะวันอุธานออกมา เหตุการณ์ที่เธอเห็นอยู่ตรงหน้าเธออยากถ่ายคลิปไว้จริงๆ เพราะใครๆต่างก็แย่งกันคว้าใบสมัคร
เธอเพิ่งรู้ว่าใบสมัครสอบชิงทุนของเตมีย์ยู มีค่ามากมายก็คราวนี้ ทานตะวันถูกเบียดออกมารอบนอก
("งานเข้า โอกาสเราอาจจะไม่มีแล้วก็ได้") เธอได้แต่คิดเงยหน้าแล้วถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง
"อ๊ะ" ทานตะวันมองเห็นอะไรบางอย่าง เธอแอบย่องเดินออกมาเพราะกลัวว่าใครจะเห็นในสิ่งที่เธอกำลังเห็น
ทานตะวัน เดินขึ้นมาบนดาดฟ้าของอาคารอีกฝั่ง เธอขอให้สิ่งที่เธอเห็นปลิวขึ้นมานั้นคือ
ใบสมัคร ทานตะวัน เดินหาอย่างใจหวั่นๆ
"หวังว่าฉันคงไม่สายตาแย่ขนาดนั้นนะ" ทานตะวันบ่นไปหาไปอย่างหวั่นใจ
"โธ่ ไม่นะ" ทานตะวันเริ่มถอดใจ เพราะเธอหาสิ่งนั้นไม่เจอ
"เธอหาไอ้นี่อยู่หรอ" เสียงหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลังของเธอ จนเธอเผลอสะดุ้งอย่างตกใจ ทานตะวันหันมาตามเสียง เธอพยายามมองหน้าแต่ไม่เห็น เพราะ
อีกฝ่าย ถือใบสมัครอยู่ระดับใบหน้าของเขาพอดี
"อ๋อ ใช่ค่ะ" ทานตะวันตอบมองใบสมัครอย่างดีใจเธอเอื้อมมือเพื่อที่จะขอ อีกฝ่าย แต่ อีกฝ่าย กับลดระดับกระดาษที่ถืออยู่ลง
"โห้วววววว เหมือนฝันเลย" ทานตะวันถึงกับตะลึงกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า ("เจ้าชายหลุดมาจากเทพนิยายเรื่องไหนกันนะ") เธอได้แต่คิด
อีกฝ่าย ได้แต่ถอนหายใจ เพราะสิ่งที่ทานตะวันเป็นอยู่
คือสิ่งที่เขาเห็นเกือบทุกวันอยู่แล้ว อีกฝ่าย เริ่มม้วนกระดาษแล้วตีเข้าที่แขนของทานตะวันเบาๆ พร้อมทั้งทำหน้าทำตาประมาณเหมือนอยากให้เธอรู้และเข้าใจไว้ด้วยว่า
ตื่นได้แล้วววว
สติของทานตะวันเริ่มกลับมา
("ทำไมถึงได้หน้าตาดีอย่างนี้นะ") ทานตะวันคิดก่อนจะขอใบสมัครคืนจากเขาอย่างอายๆ
อีกฝ่าย ส่งคืนให้ก่อนจะเดินจากไปโดยแทบจะไม่สนใจเธออีกเลย
"เดี๋ยวคะ" ทานตะวันรวบรวมความกล้าเรียกเขา อีกฝ่าย หยุดที่จะฟังแต่ก็ไม่ได้หันกลับมา
"คุณก็เรียนอยู่ที่นี่ใช่มั้ยคะ"
อีกฝ่าย ได้แต่อึ้งกับคำถาม เขาหันกลับมามองทานตะวันอย่างสงสัย จนเธอเริ่มทำอะไรไม่ถูก
"จะมาไม้ไหน? ผมเกลียดผู้หญิงแบบนี้ที่สุด" อีกฝ่ายพูดอย่างไม่พอใจ เขาอุตสาห์คิดว่า เธอคือเด็กเรียน ที่ไหนได้ เธอแค่จะใช้
ใบสมัคร เพื่อที่จะเข้าหาเขา นี่คงเป็นหนึ่งในวิธีที่เขาต้องรับมือมันบ่อยๆสินะ
"ผมเรียนอยู่ที่นี่งั้นหรอ อย่ามาแกล้งทำเป็นไม่รู้จักหน่อยเลย" เขาพูดกระแทกเสียงอย่างประชดก่อนจะเดินจากเธอไป ทานตะวันได้แต่ยืนงงและได้แต่คิดอย่างไม่เข้าใจ ("นี่เราถามอะไรผิดไปหรอ") ("แล้วทำไมเจ้าชายของฉัน ถึงได้กลายเป็นปีศาจไปแล้วหละ")
*** --------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ***
"ฮ่า ฮ้าห้าา อย่าบอกนะว่าแกได้ใบสมัครมาเพราะพายุลมบ้าหมูพัดมา" เสียงหัวเราะปนคำถามของ แก้ม หรือ เกวิตา เพื่อนสนิทของทานตะวัน ทั้งคู่นั่งอยู่ในร้านนมสด ในฐานะพนักงานชั่วคราวของร้านนี้
"งั้นมั้ง" ทานตะวันตอบอย่างไม่เต็มเสียง ทั้งที่ในหัวของเธอนั้นมีแต่หน้า
ผู้ชายแปลกหน้าคนนั้น อยู่เต็มไปหมด
"เฮ้อออ แล้วแกจะเอาเวลาที่ไหนไปอ่านหนังสือสอบเพื่อแข่งกับคนอื่นเนี่ย พักงานก่อนดีมั้ย" แก้มถามอย่างเป็นห่วง
"ไม่ได้หรอก" ทานตะวันตอบอย่างไม่ต้องคิด
"เพราะถ้าเป้นอย่างนั้น ค่าใช้จ่ายเดือนนี้คงไม่พอแน่" ทานตะวันพูดอย่างหนักใจ แก้มมองหน้าเพื่อนอย่างเข้าใจ
"เพราะอย่างนี้ แกถึงอยากเข้าเตมีย์ยูใช่มั้ย"
ทานตะวันพยักหน้าตอบ ก่อนจะเอามือลูบใบสมัครไปมา สีหน้าของเธอเริ่มเศร้า การได้ใบสมัครมาว่ายากแล้ว
การสอบเข้ายิ่งยากกว่า
แก้ม มองเพื่อนอย่างเห็นใจ เธออยากจะช่วยแต่คงช่วยอะไรไมาได้มากไปกว่า การให้กำลังใจเพื่อนของเธอ
"แกทำได้อยู่แล้ว ตะวัน ไม่ต้องเครียดเรื่องสอบเลย แต่แกมาเครียดเรื่องที่แกทำยังไง เมื่อเข้าไปแล้วไม่มีปัญหากับพวก F4 ดีกว่า"
"F4" ทานตะวันทวนพร้อมกับทำหน้างง
"ก็ Fever 4 พวกคุณๆ ทั้งสี่ที่ทำให้สาวๆเป็นโรคไข้ใจไงหละ อย่าบอกนะ ว่าแกไม่รู้จัก"
"เคยได้ยินมาบ้าง แต่ไม่ได้สนใจ" ทานตะวันตอบเพื่อนตามตรง
"งั้นจากนี้ต้องสนใจแล้วนะ" แก้ม บอก ก่อนจะหันซ้ายหันขวาเพราะกลัว
เจ๊เฉียบ (เฉียบขาด)เจ้าของร้านจะเข้ามาเห็น
แก้มล้วงเอาโทรศัพท์มือถือเธอออกมา เพื่อเปิดประวัติ Fever 4 ให้เพื่อนเธอดูจากอากู๋ (กูเกิ้ล)
"เริ่มจากคนแรกสำคัญเลยนะคนนี้ เพราะเป็นหัวหน้ากลุ่ม ทั้งในมหาวิทยาลัย และในกลุ่มสังคมธุรกิจ"
"ทายาทเตมีย์กรุ๊ป" ทานตะวันตอบ
"ใช่
นายเตชินท์ เตมีย์อภิทรัพย์วณิชย์ ทายาทคนสำคัญที่จะมาสืบทอดธุรกิจอสังหาที่มีเครือข่ายหรือสาขาอยู่ทั่วทุกมุมโลก"
"โห้วววว"
"อึ้งหละสิ"
"อืม ทำไมนามสกุลถึงได้ยาวจัง" ทานตะวันถามนอกเรื่อง คนเล่าแทบอารมณ์ค้าง
"ก็เพราะอย่างนี้ไง ถึงได้เรียกสั้นๆ ว่า
เตมีย์กรุ๊ป"
"อ๋อ" ทานตะวันเริ่มที่เข้าใจ
"คนนี้เนี่ยนะอยู่ห่างเข้าไว้ อารมณ์ดิบมาก แถมเจ้าอารมณ์ เหย่อหยิ่งสุดๆ" แก้มใส่อารมณ์เต็มที่
"คงถือว่าบ้านรวยมั้ง" ทานตะวันเริ่มออกความคิดเห็น
"รวยมั้งหรอ ใช้มั้งไม่ได้หรอก ต้องใช้คำว่า รวยมั่กมาก กอไก่ล้านตัวเลยหละ" แก้มลากเสียงย้ำ ก่อนจะเลื่อนไปอ่านประวัติคนต่อไป
"คนที่สองค่อยน่ารักขึ้นมาหน่อย คนนี้นะได้ชื่อว่าเป็น
เจ้าชายน้อยๆ ของสาวแท้ๆและสาวไม่แท้เลยนะ"
แก้มทำท่าเพ้อฝัน ทานตะวันเริ่มที่อยากรู้
"ใครอ่ะ ขอดูหน่อยสิ" ทานตะวันไม่พูดเปล่า เธอหยิบโทรศัพท์เพื่อมาซูมดูเพื่อที่จะได้เห็นหน้าชัดๆ
"เฮ้ยยยย คุณคนนั้น" ทานตะวันเผลออุธานออกมา เมื่อเห็นว่า เป็นคน คนเดียวกันกับคนที่เธอเห็นบน
ดาดฟ้า
"แกรู้จักหรอ"
"เปล้าาาา" (เสียงสูงมาก)
"จะเชื่อได้มั้ยเนี่ย......คนนี้ชื่อ
ณาวา กฤษจาวรนันท์ ลูกชายคนเดียวของเจ้าของธุรกิจเรือสำราญ ความใหญ่เนี่ยเรียกว่าน้องๆไททานิคเลยนะ"
"ใหญ่ขนาดนั้นเลยหรอ"
"อืม มีหลายลำด้วยนะ นี่ยังไปนับธุรกิจโรงแรมบนเกาะดังๆทั่วโลกอีก คนนี้ได้ชื่อว่า Perfect สุดๆ"
"ทำไมหละ"
"ก็ทั้งหล่อ ทั้งรวย แถมนิสัยดีอีก เนื้อหอมสุดๆ เลยไง" แก้มบอก ทานตะวันได้แต่ยิ้ม หัวใจเธอพองโตซะงั้นเมื่อได้ยินเรื่องราวของเขา
"ส่วนคนต่อมา คนเนี้ยฉันจองนะ"
"ใคร" ทานตะวันสงสัย
"
คิรินท์ อินทราชัยพิศุทธิ์ หรือนายน้อยรินท์ ลูกชายของเจ้าของที่ดินบนเขาใหญ่ รีสอร์ทของเขานะกว้างใหญ่มาก
แต่น่าเสียดาย" แก้มเริ่มทำหน้าเศร้า
"ทำไมหละ"
"ก็คนนี้ได้ชื่อว่า ปากหวาน นิสัยดี เข้าใจผู้หญิง เฮ้ออ เลยเจ้าชู้สุดๆ" แก้มบอกพร้อมส่ายหัวอย่างเสียดายจริงๆ
"เอาน่า อย่าคิดมาก ยังไงเขากับเราก็เหมือนอยู่กันคนละโลกอยู่แล้ว" ทานตะวันพยายามปลอบเพื่อน แต่เหมือนจะไม่ช่วยอะไรเลย
"งั้น หรอออออออ"
ทานตะวันได้แต่ยิ้มแห้งๆ
"คนสุดท้ายแล้วหละนะ
หม่อมราชวงค์พศวีย์ สิริเมฑาวรกุล หรือชายวีย์แห่งวังสิริเมฑา คนนี้ไม่ต้องอธิบายอะไรมากะ แกรู้จักห้าคุณชายแห่งวังจุฑาเทพใช่มั้ย"
"รู้สิ ละครเรื่องนี้ดังจะตาย"
"อืมดีแล้วที่รู้ คนนี้
ALL IN ONE" แก้มย้ำชัด
"ขนาดนั้นเลย" ทานตะวันแทบไม่อยากเชื่อ ก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างขำๆกับเรื่องที่เธอเพิ่งได้ยิน
"แกขำอะไร"
"เปล่า ก็แค่คิดดูเล่นๆนะ ถ้าเอาชื่อและนามสกุลของสี่คนนี้มารวมกัน
คงตั้งชื่อเด็กได้ทั้งหมู่บ้าน"
"ไม่ต้องมาพูดดีเลย รู้หรือเปล่าถ้าทำให้สี่คนนี้ไม่พอใจจะได้
ใบแดง และถูก
ไล่ออก จากเตมีย์ยูเลยนะ ต่อให้แกเก่งแค่ไหนก็ไม่ช่วย" แก้มบอกอย่างจริงจัง
"ฉันก็เคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง เอาเป็นว่า ฉันจะอยู่ให้ไกลจากสี่คนนี้แล้วกัน" ทานตะวันตอบอย่างจริงจังเช่นกัน
"ดีแล้ว"
"อืมดี ถ้าฉันสอบได้นะ" ทานตะวันพูดขึ้น ก่อนจะทำหน้าเศร้าอย่างหนักใจ แก้มเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน แต่ไม่รู้จะช่วยเพื่อนได้อย่างไร
ขอขอบคุณภาพสวยๆจากคุณ Annabelle Mairanne
Fever 4 (F4 THAILAND) โดย Na Patchara #1
Fever 4 (F4 THAILAND) #1
เสียงรุ่นพี่แห่ง เตมีย์ยู (Temee University) พยายามจัดระเบียบ นักศึกษาที่เข้ามาสมัครสอบชิงทุนของทางมหาวิทยาลัย ใบสมัครที่มีค่าดั่งทองคำล้อมเพชร และ มีเพียง หนึ่งคน เท่านั้นที่จะได้ทุน
ทานตะวัน อ่านป้ายที่ติดอยู่อย่างมีความหวัง ฐานะทางบ้านที่ค่อนข้างจะปานกลางของเธอ การได้เรียนที่นี่นั้น คือเรื่องยาก
"ไม่รวยบ้างให้มันรู้ไป" คนที่เข้าแถวต่อจากด้านหลังของทานตะวัน เริ่มบ่น
"มันก็แน่อยู่แล้วหละ เตมีย์ยู ถ้าไม่รวยจริง อย่าหวังจะได้มาเหยียบที่นี่ ค่าหน่วยกิตนี่ก็แทบจะคิดตามราคาหุ้นของเตมีย์กรุ๊ปได้มั้ง"
ทานตะวันเริ่มที่จะบ่นออกมาบ้าง และเธอก็อดคิดอย่างอดโมโหไม่ได้กับค่านิยมทางสังคม เพราะถ้าใครจบจากเตมีย์ยูก็เหมือนมี โอกาสอยู่ในมือมากกว่าคนอื่น
"แล้วฉันจะสอบได้มั้ยเนี่ย" คนข้างหน้าของทานตะวันเริ่มที่จะท้อ ที่เห็นนักศึกษารอบข้างมีแต่พวกหนอนหนังสือทั้งนั้น
ทานตะวันเริ่มใจแป้วขึ้นมาบ้าง ทั้งข้างหน้า ทั้งข้างหลัง ทำให้เธอรู้สึกอย่างนั้น
"เราคิดแค่ว่า เอาใบสมัครมาให้ได้ก่อนดีมั้ย" ทานตะวันเผลอพูดออกมาเสียงดังตามที่เธอคิด ทำให้คนที่ต่อแถวต่างมองมาที่เธออย่างเห็นด้วย
"ใช่" คนข้างหน้าเธอคล้อยตาม ทานตะวันยิ้มออก
"แต่เค้าว่ากันว่าใบสมัครมีจำนวนจำกัดนะ อาจจะไม่พอมาถึงพวกเราก็ได้" คนข้างหลังบอก ทำให้คนที่ได้ยินเริ่มที่จะถอดใจ
"นั่นไง หนักยิ่งกว่าเก่า รู้งี้ไม่พูดด้วยดีกว่า" ทานตะวันได้บ่นกับตัวเองก่อนจะมองหน้าคนข้างหลัง (ขอบใจนะที่ช่วยทำให้ใจแป้วยิ่งกว่าเดิม) นั่นคือเสียงที่อยู่ได้แต่ความคิดของเธอ
"ไม่พอจริงๆด้วย" คนข้างหน้าเห็นใบสมัครที่เหลืออยู่เพียงไม่ถึงสิบแผ่น ทานตะวันได้แต่ภาวนา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนว่าดี เธอแทบจะเอ่ยนามของท่านมาจนครบ ทันใดนั้น ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน พายุลมบ้าหมูลูกเล็ก ไม่รู้พัดมาจากไหน เหมือนจงใจ พัดใบสมัครที่ เหลืออยู่ ปลิวว่อนทั่วไปหมด
"สนุกหละที่นี่" ทานตะวันอุธานออกมา เหตุการณ์ที่เธอเห็นอยู่ตรงหน้าเธออยากถ่ายคลิปไว้จริงๆ เพราะใครๆต่างก็แย่งกันคว้าใบสมัคร
เธอเพิ่งรู้ว่าใบสมัครสอบชิงทุนของเตมีย์ยู มีค่ามากมายก็คราวนี้ ทานตะวันถูกเบียดออกมารอบนอก
("งานเข้า โอกาสเราอาจจะไม่มีแล้วก็ได้") เธอได้แต่คิดเงยหน้าแล้วถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง
"อ๊ะ" ทานตะวันมองเห็นอะไรบางอย่าง เธอแอบย่องเดินออกมาเพราะกลัวว่าใครจะเห็นในสิ่งที่เธอกำลังเห็น
ทานตะวัน เดินขึ้นมาบนดาดฟ้าของอาคารอีกฝั่ง เธอขอให้สิ่งที่เธอเห็นปลิวขึ้นมานั้นคือ ใบสมัคร ทานตะวัน เดินหาอย่างใจหวั่นๆ
"หวังว่าฉันคงไม่สายตาแย่ขนาดนั้นนะ" ทานตะวันบ่นไปหาไปอย่างหวั่นใจ
"โธ่ ไม่นะ" ทานตะวันเริ่มถอดใจ เพราะเธอหาสิ่งนั้นไม่เจอ
"เธอหาไอ้นี่อยู่หรอ" เสียงหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลังของเธอ จนเธอเผลอสะดุ้งอย่างตกใจ ทานตะวันหันมาตามเสียง เธอพยายามมองหน้าแต่ไม่เห็น เพราะ อีกฝ่าย ถือใบสมัครอยู่ระดับใบหน้าของเขาพอดี
"อ๋อ ใช่ค่ะ" ทานตะวันตอบมองใบสมัครอย่างดีใจเธอเอื้อมมือเพื่อที่จะขอ อีกฝ่าย แต่ อีกฝ่าย กับลดระดับกระดาษที่ถืออยู่ลง
"โห้วววววว เหมือนฝันเลย" ทานตะวันถึงกับตะลึงกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า ("เจ้าชายหลุดมาจากเทพนิยายเรื่องไหนกันนะ") เธอได้แต่คิด
อีกฝ่าย ได้แต่ถอนหายใจ เพราะสิ่งที่ทานตะวันเป็นอยู่ คือสิ่งที่เขาเห็นเกือบทุกวันอยู่แล้ว อีกฝ่าย เริ่มม้วนกระดาษแล้วตีเข้าที่แขนของทานตะวันเบาๆ พร้อมทั้งทำหน้าทำตาประมาณเหมือนอยากให้เธอรู้และเข้าใจไว้ด้วยว่า ตื่นได้แล้วววว
สติของทานตะวันเริ่มกลับมา ("ทำไมถึงได้หน้าตาดีอย่างนี้นะ") ทานตะวันคิดก่อนจะขอใบสมัครคืนจากเขาอย่างอายๆ
อีกฝ่าย ส่งคืนให้ก่อนจะเดินจากไปโดยแทบจะไม่สนใจเธออีกเลย
"เดี๋ยวคะ" ทานตะวันรวบรวมความกล้าเรียกเขา อีกฝ่าย หยุดที่จะฟังแต่ก็ไม่ได้หันกลับมา
"คุณก็เรียนอยู่ที่นี่ใช่มั้ยคะ"
อีกฝ่าย ได้แต่อึ้งกับคำถาม เขาหันกลับมามองทานตะวันอย่างสงสัย จนเธอเริ่มทำอะไรไม่ถูก
"จะมาไม้ไหน? ผมเกลียดผู้หญิงแบบนี้ที่สุด" อีกฝ่ายพูดอย่างไม่พอใจ เขาอุตสาห์คิดว่า เธอคือเด็กเรียน ที่ไหนได้ เธอแค่จะใช้ ใบสมัคร เพื่อที่จะเข้าหาเขา นี่คงเป็นหนึ่งในวิธีที่เขาต้องรับมือมันบ่อยๆสินะ
"ผมเรียนอยู่ที่นี่งั้นหรอ อย่ามาแกล้งทำเป็นไม่รู้จักหน่อยเลย" เขาพูดกระแทกเสียงอย่างประชดก่อนจะเดินจากเธอไป ทานตะวันได้แต่ยืนงงและได้แต่คิดอย่างไม่เข้าใจ ("นี่เราถามอะไรผิดไปหรอ") ("แล้วทำไมเจ้าชายของฉัน ถึงได้กลายเป็นปีศาจไปแล้วหละ")
"ฮ่า ฮ้าห้าา อย่าบอกนะว่าแกได้ใบสมัครมาเพราะพายุลมบ้าหมูพัดมา" เสียงหัวเราะปนคำถามของ แก้ม หรือ เกวิตา เพื่อนสนิทของทานตะวัน ทั้งคู่นั่งอยู่ในร้านนมสด ในฐานะพนักงานชั่วคราวของร้านนี้
"งั้นมั้ง" ทานตะวันตอบอย่างไม่เต็มเสียง ทั้งที่ในหัวของเธอนั้นมีแต่หน้า ผู้ชายแปลกหน้าคนนั้น อยู่เต็มไปหมด
"เฮ้อออ แล้วแกจะเอาเวลาที่ไหนไปอ่านหนังสือสอบเพื่อแข่งกับคนอื่นเนี่ย พักงานก่อนดีมั้ย" แก้มถามอย่างเป็นห่วง
"ไม่ได้หรอก" ทานตะวันตอบอย่างไม่ต้องคิด
"เพราะถ้าเป้นอย่างนั้น ค่าใช้จ่ายเดือนนี้คงไม่พอแน่" ทานตะวันพูดอย่างหนักใจ แก้มมองหน้าเพื่อนอย่างเข้าใจ
"เพราะอย่างนี้ แกถึงอยากเข้าเตมีย์ยูใช่มั้ย"
ทานตะวันพยักหน้าตอบ ก่อนจะเอามือลูบใบสมัครไปมา สีหน้าของเธอเริ่มเศร้า การได้ใบสมัครมาว่ายากแล้ว การสอบเข้ายิ่งยากกว่า
แก้ม มองเพื่อนอย่างเห็นใจ เธออยากจะช่วยแต่คงช่วยอะไรไมาได้มากไปกว่า การให้กำลังใจเพื่อนของเธอ
"แกทำได้อยู่แล้ว ตะวัน ไม่ต้องเครียดเรื่องสอบเลย แต่แกมาเครียดเรื่องที่แกทำยังไง เมื่อเข้าไปแล้วไม่มีปัญหากับพวก F4 ดีกว่า"
"F4" ทานตะวันทวนพร้อมกับทำหน้างง
"ก็ Fever 4 พวกคุณๆ ทั้งสี่ที่ทำให้สาวๆเป็นโรคไข้ใจไงหละ อย่าบอกนะ ว่าแกไม่รู้จัก"
"เคยได้ยินมาบ้าง แต่ไม่ได้สนใจ" ทานตะวันตอบเพื่อนตามตรง
"งั้นจากนี้ต้องสนใจแล้วนะ" แก้ม บอก ก่อนจะหันซ้ายหันขวาเพราะกลัว เจ๊เฉียบ (เฉียบขาด)เจ้าของร้านจะเข้ามาเห็น
แก้มล้วงเอาโทรศัพท์มือถือเธอออกมา เพื่อเปิดประวัติ Fever 4 ให้เพื่อนเธอดูจากอากู๋ (กูเกิ้ล)
"เริ่มจากคนแรกสำคัญเลยนะคนนี้ เพราะเป็นหัวหน้ากลุ่ม ทั้งในมหาวิทยาลัย และในกลุ่มสังคมธุรกิจ"
"ทายาทเตมีย์กรุ๊ป" ทานตะวันตอบ
"ใช่ นายเตชินท์ เตมีย์อภิทรัพย์วณิชย์ ทายาทคนสำคัญที่จะมาสืบทอดธุรกิจอสังหาที่มีเครือข่ายหรือสาขาอยู่ทั่วทุกมุมโลก"
"โห้วววว"
"อึ้งหละสิ"
"อืม ทำไมนามสกุลถึงได้ยาวจัง" ทานตะวันถามนอกเรื่อง คนเล่าแทบอารมณ์ค้าง
"ก็เพราะอย่างนี้ไง ถึงได้เรียกสั้นๆ ว่าเตมีย์กรุ๊ป"
"อ๋อ" ทานตะวันเริ่มที่เข้าใจ
"คนนี้เนี่ยนะอยู่ห่างเข้าไว้ อารมณ์ดิบมาก แถมเจ้าอารมณ์ เหย่อหยิ่งสุดๆ" แก้มใส่อารมณ์เต็มที่
"คงถือว่าบ้านรวยมั้ง" ทานตะวันเริ่มออกความคิดเห็น
"รวยมั้งหรอ ใช้มั้งไม่ได้หรอก ต้องใช้คำว่า รวยมั่กมาก กอไก่ล้านตัวเลยหละ" แก้มลากเสียงย้ำ ก่อนจะเลื่อนไปอ่านประวัติคนต่อไป
"คนที่สองค่อยน่ารักขึ้นมาหน่อย คนนี้นะได้ชื่อว่าเป็นเจ้าชายน้อยๆ ของสาวแท้ๆและสาวไม่แท้เลยนะ"
แก้มทำท่าเพ้อฝัน ทานตะวันเริ่มที่อยากรู้
"ใครอ่ะ ขอดูหน่อยสิ" ทานตะวันไม่พูดเปล่า เธอหยิบโทรศัพท์เพื่อมาซูมดูเพื่อที่จะได้เห็นหน้าชัดๆ
"เฮ้ยยยย คุณคนนั้น" ทานตะวันเผลออุธานออกมา เมื่อเห็นว่า เป็นคน คนเดียวกันกับคนที่เธอเห็นบน ดาดฟ้า
"แกรู้จักหรอ"
"เปล้าาาา" (เสียงสูงมาก)
"จะเชื่อได้มั้ยเนี่ย......คนนี้ชื่อ ณาวา กฤษจาวรนันท์ ลูกชายคนเดียวของเจ้าของธุรกิจเรือสำราญ ความใหญ่เนี่ยเรียกว่าน้องๆไททานิคเลยนะ"
"ใหญ่ขนาดนั้นเลยหรอ"
"อืม มีหลายลำด้วยนะ นี่ยังไปนับธุรกิจโรงแรมบนเกาะดังๆทั่วโลกอีก คนนี้ได้ชื่อว่า Perfect สุดๆ"
"ทำไมหละ"
"ก็ทั้งหล่อ ทั้งรวย แถมนิสัยดีอีก เนื้อหอมสุดๆ เลยไง" แก้มบอก ทานตะวันได้แต่ยิ้ม หัวใจเธอพองโตซะงั้นเมื่อได้ยินเรื่องราวของเขา
"ส่วนคนต่อมา คนเนี้ยฉันจองนะ"
"ใคร" ทานตะวันสงสัย
"คิรินท์ อินทราชัยพิศุทธิ์ หรือนายน้อยรินท์ ลูกชายของเจ้าของที่ดินบนเขาใหญ่ รีสอร์ทของเขานะกว้างใหญ่มาก แต่น่าเสียดาย" แก้มเริ่มทำหน้าเศร้า
"ทำไมหละ"
"ก็คนนี้ได้ชื่อว่า ปากหวาน นิสัยดี เข้าใจผู้หญิง เฮ้ออ เลยเจ้าชู้สุดๆ" แก้มบอกพร้อมส่ายหัวอย่างเสียดายจริงๆ
"เอาน่า อย่าคิดมาก ยังไงเขากับเราก็เหมือนอยู่กันคนละโลกอยู่แล้ว" ทานตะวันพยายามปลอบเพื่อน แต่เหมือนจะไม่ช่วยอะไรเลย
"งั้น หรอออออออ"
ทานตะวันได้แต่ยิ้มแห้งๆ
"คนสุดท้ายแล้วหละนะ หม่อมราชวงค์พศวีย์ สิริเมฑาวรกุล หรือชายวีย์แห่งวังสิริเมฑา คนนี้ไม่ต้องอธิบายอะไรมากะ แกรู้จักห้าคุณชายแห่งวังจุฑาเทพใช่มั้ย"
"รู้สิ ละครเรื่องนี้ดังจะตาย"
"อืมดีแล้วที่รู้ คนนี้ ALL IN ONE" แก้มย้ำชัด
"ขนาดนั้นเลย" ทานตะวันแทบไม่อยากเชื่อ ก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างขำๆกับเรื่องที่เธอเพิ่งได้ยิน
"แกขำอะไร"
"เปล่า ก็แค่คิดดูเล่นๆนะ ถ้าเอาชื่อและนามสกุลของสี่คนนี้มารวมกัน คงตั้งชื่อเด็กได้ทั้งหมู่บ้าน"
"ไม่ต้องมาพูดดีเลย รู้หรือเปล่าถ้าทำให้สี่คนนี้ไม่พอใจจะได้ ใบแดง และถูก ไล่ออก จากเตมีย์ยูเลยนะ ต่อให้แกเก่งแค่ไหนก็ไม่ช่วย" แก้มบอกอย่างจริงจัง
"ฉันก็เคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง เอาเป็นว่า ฉันจะอยู่ให้ไกลจากสี่คนนี้แล้วกัน" ทานตะวันตอบอย่างจริงจังเช่นกัน
"ดีแล้ว"
"อืมดี ถ้าฉันสอบได้นะ" ทานตะวันพูดขึ้น ก่อนจะทำหน้าเศร้าอย่างหนักใจ แก้มเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน แต่ไม่รู้จะช่วยเพื่อนได้อย่างไร
ขอขอบคุณภาพสวยๆจากคุณ Annabelle Mairanne