อดีตซีอีโอ ADOR มินฮีจิน ออกมาเผยแผนเปิดเดบิวต์ศิลปินหน้าใหม่
เมื่อวันที่ 4 มินฮีจินได้ปรากฏตัวในช่องยูทูบ ‘장르만 여의도 (Only Genre Yeouido)’ และพูดถึงบริษัทใหม่ของเธอชื่อ OOAK Records.
ในวันนั้นมินฮีจินถูกถามถึง OOAK Records บริษัทใหม่ที่เธอก่อตั้งหลังออกจาก ADOR เธอจึงตอบว่า
“ตอนนี้เพิ่งตั้งเป็นนิติบุคคลเท่านั้นค่ะ”
มินฮีจินกล่าวต่อว่า
“มีเพื่อนร่วมงานและพนักงานที่ตั้งใจจะทำงานด้วยกันอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มมาทำงานกันจริงๆ”
เธอเสริมว่า
“มีหลายคนมากที่บอกว่าจะลงทุนด้วย หลังมีข่าวตั้งบริษัทใหม่ ก็มีการติดต่อเข้ามาทั้งในประเทศและต่างประเทศเยอะมาก เรียกได้ว่าเป็นโชคในเคราะห์จริงๆ ฉันขอบคุณมากจริงๆ”
จากรายงานเรื่องออดิชั่นที่จัดขึ้นที่บริษัท OOAK Records มินฮีจินชี้แจงว่า
“มีการบิดเบือนเหมือนว่าเป็นออดิชั่นที่ฉันจัดเอง ทั้งที่จริงเป็นออดิชั่นที่ทางสถาบันจัด แล้วแค่เอาชื่อค่ายของเรามาใส่ไว้เฉยๆ แม้จะขอบคุณ แต่เรามีแผนเปิดตัวค่าย และมีแผนในอนาคตอยู่แล้ว ฉันอยากเปิดตัวอย่างเท่ๆในแบบของฉันเอง”
มินฮีจินเปิดเผยแผนการในอนาคตของเธอ เธอสารภาพว่า
“ฉันเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับงานมาก เมื่อก่อนก็ให้ความสำคัญเหมือนกัน แต่ฉันสนุกกับมันไม่ค่อยเป็น ถึงแม้ตอนที่ NewJeans ประสบความสำเร็จ ฉันก็ยังรู้สึกหดหู่ว่างเปล่า เพราะทุ่มเทกับงานมากจนเกินไป”
เธอเล่าว่า
“ผ่านเหตุการณ์เหล่านี้ (ที่ต่อสู้กับ HYBE) มันเหลือเชื่อมาก ต้องต่อสู้ ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องต่างๆ แปลกดีที่ฉันได้เรียนรู้อะไรมากมาย ทำให้รู้ถึงคุณค่าของงาน ทำไมงานถึงสำคัญ ทำไมฉันถึงต้องสู้ และต่อไปฉันควรจะก้าวข้ามปัญหาในการทำงานอย่างไร สิ่งเหล่านี้ทำให้ฉันคิดเยอะขึ้นมาก”
มินฮีจินกล่าวต่อว่า
“ฉันอยากเสนอรูปแบบการทำงานในวงการบันเทิงรูปแบบใหม่ อยากลดระยะเวลาสัญญาให้สั้นลง เราต้องทำงานเพราะอยากร่วมงานกันจริงๆไม่ใช่เพราะถูกบังคับ สัญญามาตรฐานยังมีช่องโหว่เยอะมาก มันถูกเขียนจากมุมมองของผู้ว่าจ้างเด็กๆืหรือผู้ปกครองที่ไม่รู้อะไรมาก ถ้าอยากเป็นไอดอลก็ต้องเซ็นสัญญา ฉันอยากเสนอการปรับปรุงสัญญามาตรฐานจากมุมของคนทำงานจริงๆ”
มินฮีจินกล่าวต่อว่า
“เพราะแบบนี้ฉันถึงอยากทำบริษัทเอง ไม่ใช่เพราะอยากหาเงินเฉยๆ ถ้าทำงานดี เงินมันก็ตามมาเองนี่คะ มีหลายอย่างที่หลายคนอาจมองว่าเป็นการทดลอง แต่แทนที่จะยึดติดกับสัญญาระยะยาวแบบฝืนๆ ฉันคิดว่าควรทำให้ระยะสัญญาสั้นลง เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายที่ ‘ต้องการกันจริงๆ’ บริษัทก็ต้องเป็นบริษัทที่สมาชิกอยากพึ่งพา และสมาชิกก็ต้องทำให้บริษัทเห็นว่าจำเป็นต่อกัน และตัวศิลปินเองก็ควรมีความสามารถพอที่จะนำเสนอคุณค่าของตัวเองได้ด้วย”
เธอกล่าวว่า
“บางทีฉันก็คิดนะว่า ที่ต้องมาต่อสู้กับเรื่องเหลือเชื่อแบบนี้ อาจเป็นเพราะฉันอยู่ในจุดที่กำลังผลักดันให้วงการพัฒนา เปลี่ยนกระบวนทัศน์ก็ได้ ฉันอยากลองทำอะไรใหม่ๆแบบนั้น”
พร้อมเสริมว่า
“งานถัดไปคงไม่ทำเกิร์ลกรุ๊ปค่ะ อาจทำในอนาคตได้ แต่ตอนนี้ยังไม่คิด ถ้าจะทำก็คงเป็นบอยกรุ๊ปก่อน เพราะสไตล์ฉันเป็นแบบนี้เสมอ ทำบอยกรุ๊ปแล้วถึงค่อยทำเกิร์ลกรุ๊ป”
มินฮีจินยังมั่นใจว่า
“ในหัวฉันมีไอเดียที่จะต่อยอดสิ่งใหม่ๆอยู่ เห็นจุดที่ตลาดยังขาดหรือยังว่างอยู่ แล้วถ้าเติมเต็มให้ถูกจุด ฉันคิดว่าน่าจะสร้างแรงกระเพื่อมที่สนุกและน่าสนใจได้ค่ะ”
พูดถึงความรู้สึกต่อคดีฟ้องร้องเกี่ยวกับการใช้สิทธิ์ Put Option กับ HYBE
ในรายการ ผู้ดำเนินรายการกล่าวว่าดูเหมือนกระแสสังคมไม่ค่อยดีนัก มินฮีจินจึงตอบว่า
“ฉันไม่ได้เข้าไปอ่านคอมเมนต์เอง แต่มีคนรอบตัวเล่าให้ฟังค่ะ ไม่กี่วันก่อนมีคนมาขอลายเซ็นฉันกลางถนน แต่พอบอกว่ากระแสไม่ดี ฉันก็คิดว่า ‘ทำไมโลกออนไลน์กับออฟไลน์มันต่างกันขนาดนี้นะ?’”
เธอกล่าวต่อว่า
“หลังแถลงข่าวฉันเงียบมาตลอดเกือบปีครึ่ง พอไม่พูดอะไรเลย ดูเหมือนความเข้าใจผิดจะยิ่งมากขึ้น คนรอบๆก็แนะนำว่าควรออกมาพูดบ้าง”
ซึ่งเป็นเหตุผลที่เธอเลือกไปออกรายการยูทูบครั้งนี้
เกี่ยวกับคดีเรียกชำระเงินค่าซื้อหุ้นตามการใช้ Put Option ที่ยื่นฟ้อง HYBE มินฮีจินย้ำว่า
“จริง ๆ แล้วฉันไม่ได้มีเงินเก็บอะไรเลยค่ะ นอกจากเงินเดือนกับโบนัสที่เคยได้รับ ฉันไม่เคยได้เงินอะไรเกี่ยวกับเรื่อง Put Option และตอนนี้ก็กำลังอยู่ในระหว่างการฟ้องร้องอยู่”
เธอกล่าวว่า
“ความเชื่อใจในสัญญาผู้ถือหุ้น ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับตัวบุคคลทั้งหมด แต่เป็นความเชื่อใจในมุมธุรกิจว่า ‘สร้างรายได้ให้บริษัทได้ดีไหม’ ตอนฉันอยู่ที่ HYBE ฉันทำรายได้มากที่สุดในบรรดาบริษัทในเครือทั้งหมด และทำสำเร็จภายใน 2 ปี ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดตลอดช่วงสัญญา”
พร้อมย้ำด้วยน้ำเสียงน้อยใจว่า
“ฉันเป็นผู้บริหารที่รักษาสัญญา แถมยังทำผลงานสำเร็จเร็วเกินกว่าที่ตกลงไว้ด้วยซ้ำ”
เธอกล่าวต่อว่า
“บริษัทไหนจะประกาศก่อนเองว่าเริ่มการตรวจสอบภายใน? แต่ HYBE กลับประกาศเรื่องนั้นเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2024 ทำให้ฉันถูกทำให้กลายเป็นแม่มดในทันที นั่นคือเหตุผลที่ฉันต้องจัดแถลงข่าวในวันที่ 25”
มินฮีจินยังระบุว่า
“HYBE ควรขอโทษ NewJeans ให้มากๆในวันนั้น (22 เม.ย. 2024) เขามัดเราเข้าด้วยกันแล้วปั่นสื่อให้เหมือนเป็นพวกทรยศ แค่บทความที่ออกมาก็ราว 1,700 ชิ้น ทั้งที่เป็นการกล่าวหาเราแบบนั้น”
เธอกล่าวต่อว่า
“เวลาใครถูกเอาเปรียบ การออกมาคัดค้านมันคือสิทธิ และเป็นเรื่องของสิทธิมนุษยชนด้วย”
เมื่อพิธีกรถามว่า “คิดว่าที่เรื่องมันบานปลายมาถึงจุดนี้ เป็นเพราะ HYBE มากน้อยแค่ไหน?”
มินฮีจินตอบทันทีว่า
“จากมุมของฉัน 100% เป็นความรับผิดชอบของ HYBE ค่ะ”
https://n.news.naver.com/article/015/0005220158?sid=102
https://m.entertain.naver.com/home/article/609/0001065652
https://www.joynews24.com/view/1914186
มินฮีจิน ประกาศเดบิวต์บอยกรุ๊ปในค่ายใหม่ และบอกว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเธอและ NewJeans เป็นความผิดของ HYBE 100%
เมื่อวันที่ 4 มินฮีจินได้ปรากฏตัวในช่องยูทูบ ‘장르만 여의도 (Only Genre Yeouido)’ และพูดถึงบริษัทใหม่ของเธอชื่อ OOAK Records.
“ตอนนี้เพิ่งตั้งเป็นนิติบุคคลเท่านั้นค่ะ”
“มีเพื่อนร่วมงานและพนักงานที่ตั้งใจจะทำงานด้วยกันอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มมาทำงานกันจริงๆ”
“มีหลายคนมากที่บอกว่าจะลงทุนด้วย หลังมีข่าวตั้งบริษัทใหม่ ก็มีการติดต่อเข้ามาทั้งในประเทศและต่างประเทศเยอะมาก เรียกได้ว่าเป็นโชคในเคราะห์จริงๆ ฉันขอบคุณมากจริงๆ”
“มีการบิดเบือนเหมือนว่าเป็นออดิชั่นที่ฉันจัดเอง ทั้งที่จริงเป็นออดิชั่นที่ทางสถาบันจัด แล้วแค่เอาชื่อค่ายของเรามาใส่ไว้เฉยๆ แม้จะขอบคุณ แต่เรามีแผนเปิดตัวค่าย และมีแผนในอนาคตอยู่แล้ว ฉันอยากเปิดตัวอย่างเท่ๆในแบบของฉันเอง”
“ฉันเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับงานมาก เมื่อก่อนก็ให้ความสำคัญเหมือนกัน แต่ฉันสนุกกับมันไม่ค่อยเป็น ถึงแม้ตอนที่ NewJeans ประสบความสำเร็จ ฉันก็ยังรู้สึกหดหู่ว่างเปล่า เพราะทุ่มเทกับงานมากจนเกินไป”
“ผ่านเหตุการณ์เหล่านี้ (ที่ต่อสู้กับ HYBE) มันเหลือเชื่อมาก ต้องต่อสู้ ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องต่างๆ แปลกดีที่ฉันได้เรียนรู้อะไรมากมาย ทำให้รู้ถึงคุณค่าของงาน ทำไมงานถึงสำคัญ ทำไมฉันถึงต้องสู้ และต่อไปฉันควรจะก้าวข้ามปัญหาในการทำงานอย่างไร สิ่งเหล่านี้ทำให้ฉันคิดเยอะขึ้นมาก”
“ฉันอยากเสนอรูปแบบการทำงานในวงการบันเทิงรูปแบบใหม่ อยากลดระยะเวลาสัญญาให้สั้นลง เราต้องทำงานเพราะอยากร่วมงานกันจริงๆไม่ใช่เพราะถูกบังคับ สัญญามาตรฐานยังมีช่องโหว่เยอะมาก มันถูกเขียนจากมุมมองของผู้ว่าจ้างเด็กๆืหรือผู้ปกครองที่ไม่รู้อะไรมาก ถ้าอยากเป็นไอดอลก็ต้องเซ็นสัญญา ฉันอยากเสนอการปรับปรุงสัญญามาตรฐานจากมุมของคนทำงานจริงๆ”
“เพราะแบบนี้ฉันถึงอยากทำบริษัทเอง ไม่ใช่เพราะอยากหาเงินเฉยๆ ถ้าทำงานดี เงินมันก็ตามมาเองนี่คะ มีหลายอย่างที่หลายคนอาจมองว่าเป็นการทดลอง แต่แทนที่จะยึดติดกับสัญญาระยะยาวแบบฝืนๆ ฉันคิดว่าควรทำให้ระยะสัญญาสั้นลง เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายที่ ‘ต้องการกันจริงๆ’ บริษัทก็ต้องเป็นบริษัทที่สมาชิกอยากพึ่งพา และสมาชิกก็ต้องทำให้บริษัทเห็นว่าจำเป็นต่อกัน และตัวศิลปินเองก็ควรมีความสามารถพอที่จะนำเสนอคุณค่าของตัวเองได้ด้วย”
“บางทีฉันก็คิดนะว่า ที่ต้องมาต่อสู้กับเรื่องเหลือเชื่อแบบนี้ อาจเป็นเพราะฉันอยู่ในจุดที่กำลังผลักดันให้วงการพัฒนา เปลี่ยนกระบวนทัศน์ก็ได้ ฉันอยากลองทำอะไรใหม่ๆแบบนั้น”
“งานถัดไปคงไม่ทำเกิร์ลกรุ๊ปค่ะ อาจทำในอนาคตได้ แต่ตอนนี้ยังไม่คิด ถ้าจะทำก็คงเป็นบอยกรุ๊ปก่อน เพราะสไตล์ฉันเป็นแบบนี้เสมอ ทำบอยกรุ๊ปแล้วถึงค่อยทำเกิร์ลกรุ๊ป”
“ในหัวฉันมีไอเดียที่จะต่อยอดสิ่งใหม่ๆอยู่ เห็นจุดที่ตลาดยังขาดหรือยังว่างอยู่ แล้วถ้าเติมเต็มให้ถูกจุด ฉันคิดว่าน่าจะสร้างแรงกระเพื่อมที่สนุกและน่าสนใจได้ค่ะ”
ในรายการ ผู้ดำเนินรายการกล่าวว่าดูเหมือนกระแสสังคมไม่ค่อยดีนัก มินฮีจินจึงตอบว่า
“ฉันไม่ได้เข้าไปอ่านคอมเมนต์เอง แต่มีคนรอบตัวเล่าให้ฟังค่ะ ไม่กี่วันก่อนมีคนมาขอลายเซ็นฉันกลางถนน แต่พอบอกว่ากระแสไม่ดี ฉันก็คิดว่า ‘ทำไมโลกออนไลน์กับออฟไลน์มันต่างกันขนาดนี้นะ?’”
“หลังแถลงข่าวฉันเงียบมาตลอดเกือบปีครึ่ง พอไม่พูดอะไรเลย ดูเหมือนความเข้าใจผิดจะยิ่งมากขึ้น คนรอบๆก็แนะนำว่าควรออกมาพูดบ้าง”
ซึ่งเป็นเหตุผลที่เธอเลือกไปออกรายการยูทูบครั้งนี้
“จริง ๆ แล้วฉันไม่ได้มีเงินเก็บอะไรเลยค่ะ นอกจากเงินเดือนกับโบนัสที่เคยได้รับ ฉันไม่เคยได้เงินอะไรเกี่ยวกับเรื่อง Put Option และตอนนี้ก็กำลังอยู่ในระหว่างการฟ้องร้องอยู่”
“ความเชื่อใจในสัญญาผู้ถือหุ้น ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับตัวบุคคลทั้งหมด แต่เป็นความเชื่อใจในมุมธุรกิจว่า ‘สร้างรายได้ให้บริษัทได้ดีไหม’ ตอนฉันอยู่ที่ HYBE ฉันทำรายได้มากที่สุดในบรรดาบริษัทในเครือทั้งหมด และทำสำเร็จภายใน 2 ปี ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดตลอดช่วงสัญญา”
“ฉันเป็นผู้บริหารที่รักษาสัญญา แถมยังทำผลงานสำเร็จเร็วเกินกว่าที่ตกลงไว้ด้วยซ้ำ”
“บริษัทไหนจะประกาศก่อนเองว่าเริ่มการตรวจสอบภายใน? แต่ HYBE กลับประกาศเรื่องนั้นเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2024 ทำให้ฉันถูกทำให้กลายเป็นแม่มดในทันที นั่นคือเหตุผลที่ฉันต้องจัดแถลงข่าวในวันที่ 25”
“เวลาใครถูกเอาเปรียบ การออกมาคัดค้านมันคือสิทธิ และเป็นเรื่องของสิทธิมนุษยชนด้วย”
“จากมุมของฉัน 100% เป็นความรับผิดชอบของ HYBE ค่ะ”