☆ บาลีวันละคำ ... อโหสิกรรม ☆

อโหสิกรรม

อ่านว่า อะ-โห-สิ-กำ

อโหสิ” ในภาษาบาลีเป็นคำกริยา อดีตกาล แปลว่า “ได้มีแล้ว” “ได้เป็นแล้ว
(ประธานของกริยาคำนี้ต้องเป็น “ผู้ที่พูดถึง” (คำไทยเช่น เขา, มัน) และเป็นเอกพจน์)

อโหสิ - ได้มีแล้ว, ได้เป็นแล้ว” หมายความว่า เรื่องนั้น สภาวะนั้นได้เกิดขึ้นเรียบร้อยแล้ว เช่น
คนเกิด ก็เกิดเสร็จแล้ว เป็นอะไร ก็เป็นไปเรียบร้อยแล้ว ตาย ก็ตายเสร็จสิ้นไปแล้ว เป็นต้น

อโหสิ + กมฺม (กำ-มะ) = อโหสิกมฺม เป็นคำพิเศษ คือคำกริยาประสมคำนามแล้วกลายเป็นคำนาม
เป็นชื่อของกรรมที่ไม่มีโอกาสจะให้ผลอีกต่อไป

เราเอามาใช้ในภาษาไทยว่า “อโหสิกรรม” มีความหมายว่า การเลิกแล้วต่อกัน, การไม่เอาโทษแก่กัน, ยกโทษให้,
ไม่ถือเป็นเหตุโกรธแค้นขุ่นเคืองกันอีกต่อไป บางทีก็พูดสั้นๆ ว่า “อโหสิ

อโหสิ” กับ “อภัย” มีความหมายทำนองเดียวกัน

ที่มา : บาลีวันละคำ (นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย)


-----------------------

อโหสิกรรม กรรมเลิกให้ผล ไม่มีผลอีก
       ได้แก่ กรรมทั้งที่เป็นกุศลและอกุศล ที่เลิกให้ผล เหมือนพืชที่หมดยาง เพาะปลูกไม่ขึ้นอีก
       ข้อ ๔ ในกรรม ๑๒
       http://www.84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=กรรม_๑๒


http://www.84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=อโหสิกรรม


☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆





พระอรหัตมรรคย่อมตัดได้เฉพาะอุปปัชชเวทนียกรรม คือกรรมที่จะให้ผลในชาติหน้า
และอปราปริยเวทนียกรรม คือกรรมที่จะให้ผลในชาติต่อๆ ไป
เพราะพระอรหันต์ไม่มีภพชาติที่จะต้องไปเกิดอีก


แต่ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม คือกรรมที่จะต้องให้ผลในชาติปัจจุบันนี้ก็ยังคงให้ผลได้อยู่
แม้จะบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์แล้วก็ตาม



พระองคุลิมาล
ครั้งหนึ่ง ท่านเข้าไปบิณฑบาตในกรุงสาวัตถี (ท่านเป็นพระอรหันต์แล้ว) ชาวพระนครเห็นเข้าตกใจกลัว พากันวิ่งหนีเป็นอลหม่าน
บ้างก็ปิดประตูบ้านประตูเรือน ที่หนีไม่ทันก็หันหลังให้  ท่านไม่ได้อาหารเลยแม้แต่ทัพพีเดียว

บ่อยครั้งที่ท่านเข้าไปบิณฑบาตในเมืองสาวัตถี ถูกประชาชนขว้างปาด้วยก้อนอิฐ ก้อนหิน และท่อนไม้
ก้อนดินหรืออะไรก็ตามที่เขาขว้างปาไล่สุนัขและสุกรเป็นต้นไม่ให้เข้าไปในที่กันไว้ ไม่ว่าจะเหวี่ยงไปทางไหนๆ
ถ้าท่านพระองคุลิมาลไปอยู่แถวนั้น เป็นต้องไพล่ไปโดนตัวท่านทุกทีไป  แม้แต่บ่วงแร้วที่เขาดักสัตว์ไว้ตามสุมทุมพุ่มไม้
ท่านกลับจากบิณฑบาตจะเข้าไปหาที่วิเวกในดง ท่านก็มักจะเดินไปเหยียบติดบ่วงอยู่เสมอ

วันหนึ่งท่านถูกขว้างปาจนศีรษะแตก เลือดไหล บาตรก็แตก ผ้าสังฆาฏิก็ขาด
ท่านเข้าไปเฝ้าพระพุทธองค์ แล้วตั้งใจปฏิบัติตามพระพุทธโอวาทที่ทรงแนะนำให้เป็นผู้รู้จักอดทน
และให้ถือว่าเป็นการใช้กรรมชั่วที่เคยทำไว้

http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=13&i=521





พระพุทธเจ้า
ในมหาปรินิพพานสูตร พระพุทธเจ้าทรงกระหายน้ำ ได้รับสั่งขอน้ำกับพระอานนท์ แต่ก็ไม่ได้สมปรารถนาในทันที
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


ใน ขุททกนิกาย ตรัสเล่าว่า ชาติหนึ่งในอดีต พระองค์เกิดเป็นคนเลี้ยงโค ต้อนโคไปเลี้ยง เห็นแม่โคแวะดื่มน้ำข้างทาง
เกรงจะชักช้าจึงไล่แม่โคไม่ให้ดื่มน้ำ ด้วยการแกล้งเอาไม้กวนน้ำให้ขุ่น บาปกรรมในชาตินั้นส่งผลมาถึงชาตินี้

อ่านกรรมเก่าอื่นๆ ของพระพุทธเจ้า ใน
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๒  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๔ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑
ว่าด้วยบุพจริยาของพระองค์เอง
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=32&A=7850&Z=7924&pagebreak=0


แก้ไขลิงค์
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่