ทอมดีๆเขาก็มี ส่วนทอมเลวๆแบบนี้ ไม่ควรมีอยู่ จริงไหม?

สวัสดีค่ะทุกคน คือเรามีประสบการณ์จะมาเล่าให้ฟังค่ะ มันเป็นประสบการณ์ที่แย่ที่สุดเลย
เข้าเรื่องเลยนะค่ะ ย้อนไปเมื่อเดือนธันวาคม ปี56 ประมาณ 1ปี7เดือนที่ผ่านมา เราได้รู้จักกับทอมคนหนึ่ง สมมุติว่าชื่อ อ นะคะ เรารู้จักกันในร้านนั่งชิว แถวพุทมลฑลสาย1 คือ อได้มาขอเบอร์เราในคืนนั้น ตั้งแต่นั้นมาเราก็คบเป็นแฟนกัน ก็มีความสุขดี เราลืมบอกไปว่าเรื่องมันเกินตอนเราอยู่ปี2ตอนนี้เราจะขึ้นปี4ละ วันหนึ่งเราตกลงกันว่าจะย้ายหอเพราะอีกอย่างเราก็เกรงใจรูเมท ก็เลยได้หอที่หน้ามหาลัยเลย คือ อ เป็นคนจ่ายค่ามัดจำ 12000บาท เราก็ไปเรียนทุกวัน อ ก็บอกเราว่าไปทำงานบ้าง ไปม.บ้าง ไปหาแม่บ้าง เราก็ไม่ได้คิดอะไร ก็ไม่ได้มีอะไร เราก็พา อ กลับบ้านช่วงปิดเทอมเล็ก  จนถึงวันหนึ่งที่สำคัญของเรา คืองานรับหมวกเพื่อเตรียมตัวฝึกงาน จัดขึ้นในวันที่ 13 มีนาคม 2557 คือวันนั้นพ่อแม่เราก็ขึ้นมาจากโคราช ในระหว่างที่เรากำลังจะเข้าไปในหอประชุม อ ก็บอกว่าเดียวมานะไปเอากล้องกับพี่ก่อน และได้ถือกระเป๋าตังค์โทรศัพท์เราไปด้วย เราก็ไม่ได้ทันได้ถามว่าไปเอาที่ไหน เพราะยุ่งๆอยู่ จนกระทั่งเราเข้าพิธีรับหมวกจะเสร็จก็ยังไม่เห็นมา เราก็คิดว่า อ คงอยู่ข้างนอก แต่ก็อดคิดไม่ได้ไหนบอกจะมาถ่ายรูป จนพิธีเสร็จเราก็เดินจากหอประชุม ก็เห็น อ เดินมาพร้อมช่อดอกไม้(ปลอม)และแหวนทอง1วง คือตอนนั้นดีใจมาก จนลืมถามเรื่องกล้อง  พอถ่ายรูปอะไรเสร็จเรากับครอบครัวก็ไปฉลองกัน หมดไปประมาณ2000บาท อ เป็นคนเลี้ยงเรายิ่งดีใจ เย็นวันนั้นพ่อแม่เราก็กลับโคราช ส่วนเราก็ยังมีความสุขดี จนวันหนึ่ง อ ได้บอกเราว่าช่วงนี้ทางบ้านเป็นอะไรไม่รู้ ไม่ส่งเงินให้เลย ก็ร้องให้เครียดบอกว่าพ่อแม่แยกทางกัน เราก็อดสงสารไม่ได้ก็เลยบอกว่า ไม่เป็นไร ใช้กับเค้าก่อนก็ได้
อ ก็ดูแลเราดี ซักผ้า รีดผ้า ห่อข้าวให้ไปฝึกงาน จนเพื่อนบอกว่าแฟนน่ารักเนอะ ยิ่งทำให้เราดีใจ จนไว้ใจมากเลยถอดสร้อย 50 สตางค์ ให้ เราบอกว่าฝากไว้นะ แล้ววันหนึ่ง อ ก็มาบอกว่าทำสร้อยขาด เราก็ตกใจ นึกในใจเส้นก็ใหญ่มันจะขาดได้ไง แต่เราก็บอก อ ว่าไม่เป็นไรเดี่ยวมีเงินค่อยไปเปลี่ยน และมาวันหนึ่งเราไปฝึกงาน อ ก็โทรมาบอกเราว่าเอาสร้อยไปเปลี่ยนให้แล้วนะ เราก็ถามว่ามีเงินหรอ อ บอกว่าแม่พาไปเปลี่ยนที่เอกมัย 300บาท ห่ะ ทำไม่ถูกจังเราก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ เพราะเราไม่เคยรู้เรื่องเปลี่ยนสร้อยมาก่อน และทุกอย่างก็เริ่มแย่ลง เพราะเราไม่มีเงินจ่ายค่าหอ มีทางเดียวที่จะจ่ายได้คือย้ายออกจากหอไปอยู่หอกับเพื่อน เราลืมบอกไป ตั้งแต่ย้ายมาอยู่หอที่นี่ เราเป็นคนจ่ายค่าห้องตลอดทั้ง4เดือน เดือนละ6000-7000บาท อ จ่ายแค่ค่าหมัดจำเท่านั้น จะกินจะไปไหนส่วนมาก เราเป็นฝ่ายออกหมด ไม่ว่าจะดูหนัง อ อยากตัดผม ไปเที่ยว คือทุกอย่างเราจ่ายหมด โดย อ ก็ได้แค่บอกว่า แม่ไม่โอนมาให้เลย เรื่องนี้เรายังรับได้ แต่มันมีเรื่องที่แย่กว่านั้น คือสร้อยที่ อ เอาของเราไปเปลี่ยนนั้น เราใส่ไปสังเกตว่ามันสีคล้ำลง เราก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเราใส่ทองไม่ขึ้นรึป่าว  แต่เรายิ่งแน่ใจ เพราะแหวนที่นิ้วสีมันไม่ต่างกับสร้อยเลย เราก็เลยถาม อ ว่าเอาสร้อยไปร้านทอง ที่ไปเปลี่ยนมาไปให้เขาดูหน่อย ทำไมทองมันถึงลอก อ ก็ทำสีหน้าไม่พอใจใส่ แล้วตะคอกเราว่า  ไปเปลี่ยนให้แล้วจะเอาอะไรอีก เราอึ้งค่ะ เราก็เลยถอดสร้อยเก็บไว้ เรารู้ในใจแล้วว่ามันไม่ใช่ทองจริง แต่เราสับสนว่า อ หรือร้านทองที่หลอกเรา เราก็ยังไหวอยู่ เราก็อยู่กันมาเรื่อยๆ จนเข้าเดือน มิถุนายน 57  และแล้วเรื่องที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดกับเราก็เกิดขึ้น จากความเห็นแก่ตัวของ ทอมเลวๆ เรานั่งเรียนอยู่ได้มีสายโทรเข้ามา ก็มีเสียงพนักงานพูดขึ้นว่า  คุณ....ใช่ไหมค่ะ  เราก็ตอบว่า ใช่ค่ะ คุณ...ได้ติดค่างวดรถจยย ทางร้านเราอยู่นะคะ นี่ก็เลยเวลาจ่ายมาแล้วตั้ง3เดือน จะจ่ายเมื่อไหร่คะ ความรู้สึกตอนนั้นบอกเลยว่า งงมาก อะไรคะ ฉันไม่เคยออกรถจยย ที่ไหนนะคะ รบกวนทวนชื่อ และ ที่อยู่ เบอร์โทรใหม่อีกที่นะคะ พนักงานก็ไม่พูดอะไรนอกคำว่า ขอภัยคะ สงสัยทางเราผิดพลาดแล้วก็วางสายไป วันต่อมาก็มีเสียงผู้ชายโทรมาทวงถามค่างวดรถ เป็นแบบนี้ประมาณ5วัน เราก็ บอก อ ว่ามีคนโทรมาถามค่างวดรถทุกวันเลย อ ก็บอกเราว่าเขาโทรมาผิดมั้ง ผิดอะไรตั้งหลายครั้ง จนเข้าวันที่6 ก็มีเสียงผู้ชายโทรเข้ามา ถามว่าเราใช่ไหม เราก็ตอบว่าใช่ คุณได้ออกรถจริงๆไหมครับ เราก็มั่นใจว่าไม่เคยออกก็ปฎิเสธไปว่าไม่เคยคะ งั้นคุณกับผมมานัดเจอกันหน่อยไหม เราก็ตกลง เพราะเราก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น เราก็ไปตามนัด อ ก็ไปกับเราด้วย พอไปถึงพนักงานก็ถามว่าในใครชื่อ.... เราก็บอกว่าเรา แต่พนักงานเขากระชิบบอกันว่าไม่ใช่เรา แต่ เป็นคนที่เดินมากับเรา พอเราได้ยินเราก็ อึ้ง! ถามเขาว่าคืออะไรคะ พนักงานก็บอกเราว่า  คนที่ไปออกรถวันนั้นคือทอมคนนี่ โดยชี้ไปที่ อ ไปพร้อมกับผู้ชายคนหนึ่ง ตอนนั้นเราแทบไม่เชื่อ เป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างมืด จุก เราหันไปมองหน้า อ หน้าซีดและตอบว่าไม่ใช่ เรายิ่งสับสน ตกลงอะไรยังไง พนักงานก็เอาเอกสารการซื้อรถมาให้เราดู เราเห็นแทบทรุดลงกับพื้น ลายมือที่เขาเซ็นกำกับว่า เป็นชื่อเรา มันไม่ใช่ลายมือเรา แต่กลับเป็นลายมือที่เราคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะมันคือ ลายมือ อ และวันที่ ที่เซ็นสัญญานั้น คือวันที่13 มีนาคม 2557 วันที่เรารับหมวกนั้นเอง วันที่ อ หายไป ถึงทุกอย่างจะเริ่มชัดเจนแต่เราแทบไม่เชื่อ พนักงานเลยบอกว่าให้เราไปตกลงกันก่อนว่าจะเอายังไงแต่อยากให้เราแจ้งความ เพราะจะทำให้เราเสียหาย จนมาถึงห้องเราก็ ขยั้นขยอ จน อ สารภาพออกมา เราแทบอยากจะเอาปืนมายิงให้มันตายตรงนั้น อ บอกว่าที่ทำไป คือทำเพื่อเรา ไม่นึกว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ เราก็ถามว่าแล้วทำไมไม่เอาบัตรตัวเองทำ อ บอกว่าอายุยังไม่ถึง ทำลงไปได้ไง ที่ อ ทำอยู่ทุกันนี้ อ ทำเพื่อเราหรอ ทุกๆอย่างล้วนมีแต่ของๆเรา เราออกมันยังไม่พอหรอ คือทำแบบนั้นเพื่ออะไร อ บอกว่า อไม่มีเงินซื้อของขวัญให้ ในวันรับหมวก อยากเห็นเรามีความสุข เลยต้องทำเพื่อเอาเงิน มาซื้อของที่เราอยากได้ คือทุกอย่างมันคือของปลอม ความรักปลอมๆ ได้ไงวะ แหวนก็ของปลอม เงินที่เลี้ยงอาหารพ่อแม่เรา ก็คือเงินเรา นี่ไง เขาเรียกความสุขหรอ จะบอกให้รู้นะ ที่เอาสร้อยเราไปขาย แล้วไปซื้อสร้อยปลอมมาให้เราใส่ มันก็เกินพอแล้ว คิดได้ไงว่ะ โคตรเลว ไหนจะโกหกว่าพ่อเป็นตำรวจ แม่เปิดร้านจิวเวอร์รี่ เป็นหุ้นส่วนร้านอาหารเกาหลี ที่บ้านมีเงินเยอะ ทั้งๆเรื่องทั้งหมดไม่ใช่ความจริงสักอย่าง โห่คำพูดของ ไม่มีอะไรเชื่อถือได้เลย เลว เสียแรงที่ครอบครัวเราไว้ใจ เราคิดอะไรอยู่ในใจ ตอนนั้นเราพูดออกมาหมด แล้วเราก็ไล่ อ กลับบ้าน โทรไปบอกแม่ อ ว่ามันเกิดอะไร และวันต่อมาพ่อแม่เราก็ขึ้นมา ไปหาแม่ อ ว่าจะเอาหยังไง อยากให้จ่ายให้หมด จะได้จบๆ แต่แม่ อ ปฎิเสธบอกว่า ไม่มีเงิน ขอจ่ายเป็นงวดได้ไหม พ่อแม่เราก็ใจดี บอกว่าได้ ถ้าไม่จ่ายจะแจ้งความทันที เราสมมุตินะ ถ้าเป็นพ่อแม่คนอื่นที่เขาเอาจริงๆ อ มันโดนยิงตายไปนานแล้ว แต่สุดท้ายแม่ อ ก็จ่ายแค่เดือดเเรก แล้วก็ไม่จ่ายอีกเลย พ่อเราโทรหาก็ไม่รับสาย เราโทรไป บอก อ ว่า ทนายเขาเรียกคุยกัน เชื่อไหม อ ไม่เคยไปตามนัดเลย เราไปคนเดียวทุกครั้ง เดินเรื่องเองทุกอย่าง จนเราทนไม่ไว้ ทนายบอกว่าถ้าเราไม่รีบแจ้งความเราจะเสียหาย เสียประวัติ สุดท้ายเราก็แจ้งความ และตอนนี้เรื่องก็ถึงตำรวจแล้ว กำลังดำเนินคดี ก็สุดแต่เวรแต่กรรมละกัน เราช่วยได้แค่นี้ เคยให้โอกาศแล้ว แต่ตอนนี้เจ้าตังยังคงลอยนวลอยู่ เราก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่มีเรื่องกับเราไป อ ไปทำเรื่องแบบนี้กับใครอีกหรือป่าว  แต่เราอยากเตือนทุกๆคนที่กำลังเจอ หรือ เจอมาแล้ว ให้รีบถอยออกมาอย่าไว้ใจใครง่ายๆ ยิ่งคำพูดที่อ่อนโยน น่าเชื่อถือยิ่งต้องระวังให้มากๆ เพราะเราเคยเจอมาแล้ว เสียรู้เพราะความไว้ใจ คนเลวมีอยู่ทุกๆเพศ แม้แต่ ผู้ชายในร่างผู้หญิง  เรื่องก็มีอยู่ประมาณนี่ค่ะ
    ขอบคุณนะค่ะ ที่อ่านจนจบ ถ้ายังไงช่วยแชร์ด้วยนะค่ะ เพราะเราไม่อยากเห็นใครต้องโดนแบบเราอีก
(อาจจะยาวไปหน่อย และบางประโยคใช้ถอยคำไม่สุภาพขอโทษไว้ในที่นี่ด้วยน่ะค่ะ) (ทุกอย่างที่พูดไปเป็นเรื่องจริงที่เกิดกับเราค่ะ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่