ภาพเปิดตอนนี้
- ต่อจากตอนที่แล้วที่พระเอกมาหาอ.ที่ปรึกษาชมรมถึงบ้านแล้วขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์
- ผลคือเจออาจารย์ทำหน้าเอือมแล้วปิดประตูใส่ แต่พระเอกไม่ยอมแพ้ ยังพยายามตื๊อขอคุยกับอาจารย์ให้ได้
- สุดท้ายอาจารย์เลยใจอ่อนยอมให้เข้าบ้านมานั่งคุยกัน พระเอกก็เล่าให้ฟังว่าตัวเองช็อคที่ไม่ได้รางวัลในงานประกวดที่ผ่านมา แต่ถึงจะรู้ว่าตัวเองไม่มีพรสวรรค์ ก็ไม่อยากยอมแพ้ ยังอยากเป็นนักเขียนนิยาย อยากหาเงินเลี้ยงตัวด้วยการเขียนนิยายให้ได้ ถึงได้อยากเรียนรู้จากอาจารยฺ์ในฐานะลูกศิษย์
- อาจารย์ได้ฟังก็เข้าใจทันทีว่าสาเหตุที่พระเอกร้อนใจมาจากอะไร และบอกกับพระเอกว่าคนน้องมาคุยด้วย บอกว่าอยากขอสละสิทธิ์ไม่รับรางวัล
- พระเอกได้ยินก็ตกใจ ถามอาจารย์ว่าทำไม อาจารย์ก็บอกว่าไม่รู้ เจ้าตัวไม่ได้บอกเหตุผลเหมือนกัน
- จากนั้นก็วกมาคุยเรื่องพระเอกต่อ อาจารย์บอกพระเอกว่าเข้าใจอยู่ว่าพระเอกร้อนใจเรื่องพรสวรรค์ แต่ถ้าพรสวรรค์ที่พระเอกหมายถึงคือพรสวรรค์ในแง่
"ความคาดหวังว่าตัวเองจะเป็นนักเขียนนิยายได้" ละก็ ตัวอาจารย์คิดว่าพระเอกมีพรสวรรค์มากกว่าคนน้อง เพราะพระเอกมีความมุ่งมั่นแรงกล้าว่าอยากเป็นนักเขียนนิยายมากกว่า และบอกต่อว่าต่อให้เป็นคนมีพรสวรรค์แอบแฝงมากขนาดไหน ถ้าไม่มีความตั้งใจจะเป็นนักเขียนก็ไม่มีทางเขียนอะไรออกมาได้ กลับกันคนไม่มีพรสวรรค์แอบแฝงอะไร ถ้าตั้งใจจริงและพยายามต่อไปเรื่อยๆ ก็ต้องได้รับโอกาสสักวัน
- อาจารย์
"ดังนั้นคำขอของคนที่เหยียบย่ำสิ่งนั้นแล้วมาขอเป็นลูกศิษย์น่ะไม่มีค่าพอจะให้คำตอบหรอก"
- พระเอกถึงกับสะอึก อาจารย์ก็บอกต่อว่าไอ้คำพูดแบบนั้นน่ะครูฟังมาจนเบื่อแล้ว แต่ขอถามกลับหน่อยว่าที่ผ่านมาพระเอกเข็นงานออกมาได้กี่เล่มแล้ว ก่อนจะขอความช่วยเหลือจากคนอื่นก็ควรจะพยายามด้วยตัวเองให้สุดกำลังก่อนไม่ใช่เหรอ และบอกต่อว่าการมาฝากตัวเป็นศิษย์นักเขียนน่ะอาจช่วยเรื่องความรู้ในวงการได้ก็จริง แต่ถ้าคิดว่าเป็นทางลัดสู่การเป็นนักเขียนละก็คิดผิดแล้ว ยังไงก็ต้องดิ้นรนกระ

กระสนด้วยตัวเองอยู่ดี ก่อนจะสำทับปิดท้ายด้วยคำถามว่า
"เธอน่ะ 'อยากเป็นนักเขียน' หรือแค่ 'อยากได้ฐานะนักเขียน' กันแน่?"
- เจอคอมโบชุดใหญ่สองครั้งซ้อนในวันเดียวแบบนี้ พระเอกก็แทบหมดแรง ได้แต่จิตตกเดินสโลสเลกลับบ้านเท่านั้น
- กว่าพระเอกจะกลับถึงบ้านก็ดึกมากแล้ว กลับมาถึงก็เจอคนน้องตื่นอยู่ (พ่อพระเอกยังตื่นอยู่ด้วย แต่ไม่ได้คุยอะไรมากเป็นพิเศษ) คนน้องเห็นพระเอกกลับดึกยังไม่ได้กินข้าว ก็เอาข้าวมาอุ่นให้พระเอกกิน แล้วมานั่งดูพระเอกกินเงียบๆ
- เงียบกันไปพักหนึ่ง พระเอกก็ออกปากแสดงความยินดีกับคนน้องที่ได้รางวัลนักเขียน คนน้องก็นิ่วหน้าหลบตาลง บอกว่าไม่เห็นจะน่าดีใจเลยซักนิด
- ได้ยินคนน้องพูดแบบนั้น พระเอกก็ชะงักไปนิดนึง แล้วบอกว่าอย่าพูดแบบนั้นสิ อุตส่าห์ได้รางวัลแล้วทั้งที ว่าจบก็ลุกพรวดขึ้นเก็บชามไปล้าง แล้วเดินเข้าห้องไปเงียบๆ โดยที่คนน้องได้แต่มองตามด้วยสายตาละห้อยเท่านั้น
- หลังจากนั้น พระเอกก็อาบน้ำแต่งตัวมานอนซึมอยู่เงียบๆ ในห้อง ในหัวคิดแต่คำพูดของอาจารย์ตลอดเวลา พร้อมกับนึกสมเพชในความงี่เง่าตื้นเขินของตัวเองที่คิดว่าแค่ไปขอเป็นลูกศิษย์นักเขียนอาชีพแล้วจะทำให้ตัวเองเป็นมืออาชีพได้
- ระหว่างนั้นก็มีเสียงเปิดประตู พร้อมกับมีใครคนหนึ่งก้าวเข้ามาในห้องแล้วเอนตัวลงนอนซบหลังพระเอก ซึ่งคนคนนั้นก็คือ...
- พระเอกถึงกับตัวแข็ง ถามออกไปว่าทำแบบนี้ทำไม คนน้องก็ตอบว่า ก็เห็นพระเอกทำหน้าเหมือนจะร้องไห้นี่นา
- ได้ฟังดังนั้น พระเอกก็ลำคอตีบตัน ดวงตาร้อนผ่าวเหมือนจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ก่อนจะกลั้นใจเค้นเสียงตอบกลับไปว่า ใครจะไปร้องเล่า
สำหรับตอนนี้ ขอแสดงความยินดีกับทีมคนน้องทุกท่านที่ได้เห็นบทคนน้องอีกครั้งน่อครับ
ฉากขึ้นนอนซบหลังบนเตียงเดียวกันแบบนี้นี่มันหวานแกมอบอุ่นดีจริงๆ เลย
ส่วนบักพระเอกยังคงโดนคอมโบเรื่องอนาคตแบบจัดเต็มต่อไป (โดนสองต่ออีกต่างหาก

)
ที่เหลือเดาไม่ออกแล้วแฮะว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเล่นปิดดราม่าในไม่กี่ตอนกันแทบทุกทีแบบนี้
ยังไงก็รอดูตอนต่อไปกันละครับ
ปล. - เห็นฉากคนน้องนอนซบหลังพระเอกกลางดึกแล้วแอบนึกถึงเพลงนี้ขึ้นมาแฮะ หวานๆ เหงาๆ ดี
[Spoil] Domestic na Kanojo #57 - นักเขียน
- ต่อจากตอนที่แล้วที่พระเอกมาหาอ.ที่ปรึกษาชมรมถึงบ้านแล้วขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์
- ผลคือเจออาจารย์ทำหน้าเอือมแล้วปิดประตูใส่ แต่พระเอกไม่ยอมแพ้ ยังพยายามตื๊อขอคุยกับอาจารย์ให้ได้
- สุดท้ายอาจารย์เลยใจอ่อนยอมให้เข้าบ้านมานั่งคุยกัน พระเอกก็เล่าให้ฟังว่าตัวเองช็อคที่ไม่ได้รางวัลในงานประกวดที่ผ่านมา แต่ถึงจะรู้ว่าตัวเองไม่มีพรสวรรค์ ก็ไม่อยากยอมแพ้ ยังอยากเป็นนักเขียนนิยาย อยากหาเงินเลี้ยงตัวด้วยการเขียนนิยายให้ได้ ถึงได้อยากเรียนรู้จากอาจารยฺ์ในฐานะลูกศิษย์
- อาจารย์ได้ฟังก็เข้าใจทันทีว่าสาเหตุที่พระเอกร้อนใจมาจากอะไร และบอกกับพระเอกว่าคนน้องมาคุยด้วย บอกว่าอยากขอสละสิทธิ์ไม่รับรางวัล
- พระเอกได้ยินก็ตกใจ ถามอาจารย์ว่าทำไม อาจารย์ก็บอกว่าไม่รู้ เจ้าตัวไม่ได้บอกเหตุผลเหมือนกัน
- จากนั้นก็วกมาคุยเรื่องพระเอกต่อ อาจารย์บอกพระเอกว่าเข้าใจอยู่ว่าพระเอกร้อนใจเรื่องพรสวรรค์ แต่ถ้าพรสวรรค์ที่พระเอกหมายถึงคือพรสวรรค์ในแง่ "ความคาดหวังว่าตัวเองจะเป็นนักเขียนนิยายได้" ละก็ ตัวอาจารย์คิดว่าพระเอกมีพรสวรรค์มากกว่าคนน้อง เพราะพระเอกมีความมุ่งมั่นแรงกล้าว่าอยากเป็นนักเขียนนิยายมากกว่า และบอกต่อว่าต่อให้เป็นคนมีพรสวรรค์แอบแฝงมากขนาดไหน ถ้าไม่มีความตั้งใจจะเป็นนักเขียนก็ไม่มีทางเขียนอะไรออกมาได้ กลับกันคนไม่มีพรสวรรค์แอบแฝงอะไร ถ้าตั้งใจจริงและพยายามต่อไปเรื่อยๆ ก็ต้องได้รับโอกาสสักวัน
- อาจารย์ "ดังนั้นคำขอของคนที่เหยียบย่ำสิ่งนั้นแล้วมาขอเป็นลูกศิษย์น่ะไม่มีค่าพอจะให้คำตอบหรอก"
- พระเอกถึงกับสะอึก อาจารย์ก็บอกต่อว่าไอ้คำพูดแบบนั้นน่ะครูฟังมาจนเบื่อแล้ว แต่ขอถามกลับหน่อยว่าที่ผ่านมาพระเอกเข็นงานออกมาได้กี่เล่มแล้ว ก่อนจะขอความช่วยเหลือจากคนอื่นก็ควรจะพยายามด้วยตัวเองให้สุดกำลังก่อนไม่ใช่เหรอ และบอกต่อว่าการมาฝากตัวเป็นศิษย์นักเขียนน่ะอาจช่วยเรื่องความรู้ในวงการได้ก็จริง แต่ถ้าคิดว่าเป็นทางลัดสู่การเป็นนักเขียนละก็คิดผิดแล้ว ยังไงก็ต้องดิ้นรนกระ
- เจอคอมโบชุดใหญ่สองครั้งซ้อนในวันเดียวแบบนี้ พระเอกก็แทบหมดแรง ได้แต่จิตตกเดินสโลสเลกลับบ้านเท่านั้น
- กว่าพระเอกจะกลับถึงบ้านก็ดึกมากแล้ว กลับมาถึงก็เจอคนน้องตื่นอยู่ (พ่อพระเอกยังตื่นอยู่ด้วย แต่ไม่ได้คุยอะไรมากเป็นพิเศษ) คนน้องเห็นพระเอกกลับดึกยังไม่ได้กินข้าว ก็เอาข้าวมาอุ่นให้พระเอกกิน แล้วมานั่งดูพระเอกกินเงียบๆ
- เงียบกันไปพักหนึ่ง พระเอกก็ออกปากแสดงความยินดีกับคนน้องที่ได้รางวัลนักเขียน คนน้องก็นิ่วหน้าหลบตาลง บอกว่าไม่เห็นจะน่าดีใจเลยซักนิด
- ได้ยินคนน้องพูดแบบนั้น พระเอกก็ชะงักไปนิดนึง แล้วบอกว่าอย่าพูดแบบนั้นสิ อุตส่าห์ได้รางวัลแล้วทั้งที ว่าจบก็ลุกพรวดขึ้นเก็บชามไปล้าง แล้วเดินเข้าห้องไปเงียบๆ โดยที่คนน้องได้แต่มองตามด้วยสายตาละห้อยเท่านั้น
- หลังจากนั้น พระเอกก็อาบน้ำแต่งตัวมานอนซึมอยู่เงียบๆ ในห้อง ในหัวคิดแต่คำพูดของอาจารย์ตลอดเวลา พร้อมกับนึกสมเพชในความงี่เง่าตื้นเขินของตัวเองที่คิดว่าแค่ไปขอเป็นลูกศิษย์นักเขียนอาชีพแล้วจะทำให้ตัวเองเป็นมืออาชีพได้
- ระหว่างนั้นก็มีเสียงเปิดประตู พร้อมกับมีใครคนหนึ่งก้าวเข้ามาในห้องแล้วเอนตัวลงนอนซบหลังพระเอก ซึ่งคนคนนั้นก็คือ...
- พระเอกถึงกับตัวแข็ง ถามออกไปว่าทำแบบนี้ทำไม คนน้องก็ตอบว่า ก็เห็นพระเอกทำหน้าเหมือนจะร้องไห้นี่นา
- ได้ฟังดังนั้น พระเอกก็ลำคอตีบตัน ดวงตาร้อนผ่าวเหมือนจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ก่อนจะกลั้นใจเค้นเสียงตอบกลับไปว่า ใครจะไปร้องเล่า
สำหรับตอนนี้ ขอแสดงความยินดีกับทีมคนน้องทุกท่านที่ได้เห็นบทคนน้องอีกครั้งน่อครับ
ฉากขึ้นนอนซบหลังบนเตียงเดียวกันแบบนี้นี่มันหวานแกมอบอุ่นดีจริงๆ เลย
ส่วนบักพระเอกยังคงโดนคอมโบเรื่องอนาคตแบบจัดเต็มต่อไป (โดนสองต่ออีกต่างหาก
ที่เหลือเดาไม่ออกแล้วแฮะว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเล่นปิดดราม่าในไม่กี่ตอนกันแทบทุกทีแบบนี้
ยังไงก็รอดูตอนต่อไปกันละครับ
ปล. - เห็นฉากคนน้องนอนซบหลังพระเอกกลางดึกแล้วแอบนึกถึงเพลงนี้ขึ้นมาแฮะ หวานๆ เหงาๆ ดี