อ่านสองข่าวนี้ แล้วเซ็งๆ ไม่รู้จะเชื่อใครดี แต่ไม่อยากจะให้โยงไปเรื่องการเมืองเลยอ่ะ น่าจะตรวจสอบจากข้อเท็จจริงและหลักฐานได้นะ คนอื่นๆ ว่าไง
***********************
AIS สวน “วัชระ” ยันจ่ายค่าไฟให้ สบพ.ตั้งแต่ปี 45 รวม 2.4 ล้าน โวยทำบริษัทเสียหาย
ผู้ช่วยกรรมการ ผอ.อาวุโส ประชาสัมพันธ์เอไอเอส สวนอดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ แฉไม่จ่ายค่าไฟให้สถาบันการบินพลเรือนเกือบ 2 ล้าน ยันไม่จริง เผยชำระและจ่ายค่าสถานที่ตั้งแต่ปี 45 รวมยอดค่าไฟที่ถูกเรียกเก็บ 2.4 ล้าน โวยทำบริษัทเสียหาย สาธารณชนเข้าใจผิด
วันนี้ (6 ก.ค.) นางวิไล เคียงประดู่ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานประชาสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส กล่าวว่า กรณีที่นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาระบุว่าเอไอเอสไม่ได้ทำสัญญาเช่าพื้นที่ติดตั้งเสารับ-ส่งสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่บริเวณชั้นดาดฟ้า อาคาร 13 ของสถาบันการบินพลเรือน (สบพ.) และไม่ได้ชำระค่ากระแสไฟฟ้าให้แก่ สบพ.ตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2547 จนถึงปัจจุบัน เป็นจำนวนเงิน 1,953,655.20 บาทนั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ทั้งนี้ บริษัทได้ดำเนินการตามหลักการในการขอใช้พื้นที่กับทาง สบพ. โดยมีการชำระค่ากระแสไฟฟ้าและค่าใช้สถานที่ สำหรับค่าใช้สถานที่ได้ชำระเป็นเงินสนับสนุนเพื่อใช้ในกิจการของสถาบันการบินพลเรือน ตั้งแต่ปี 2545 จนถึงปัจจุบัน และได้ชำระค่าใช้กระแสไฟฟ้าตามที่สบพ.ได้เรียกเก็บมาอย่างครบถ้วน ตั้งแต่ปี 2545 ถึงเดือนพฤษภาคม 2558 เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 2,459,416.34 บาท
นางวิไลกล่าวอีกว่า การให้ข้อมูลของนายวัชระนั้นสร้างความเสียหายอันก่อให้เกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ และก่อให้เกิดความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อย่างไรก็ตาม เอไอเอส ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ขอยืนยันว่าบริษัทดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานความเป็นมืออาชีพ โปร่งใส ตั้งอยู่บนหลักธรรมาภิบาลมาโดยตลอด
ที่มา :
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000076330
***************************
“วัชระ” ปูด AIS ตั้งเสาบน สบพ.ไม่มีสัญญาเช่า แถมไม่จ่ายค่าไฟเกือบ 2 ล้าน
อดีต ส.ส. ประชาธิปัตย์ แฉ เอไอเอส ตั้งเสาสัญญาณโทรศัพท์บนดาดฟ้าสถาบันการบินพลเรือน ปี 45 ผ่านมา 13 ปี ไม่มีการขออนุญาตหรือสัญญาเช่า แถมยังต้องจ่ายไฟให้อีก สูญเกือบ 2 ล้าน ถามกล้าดำเนินคดีอาญาหรือไม่
วันนี้ (4 ก.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อเวลา 12.00 น. นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้แถลงว่า มีข้าราชการได้ส่งเอกสารลับมาให้ตนซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเรื่องจริงโดยมีเนื้อหาระบุว่า บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ที่ก่อตั้งโดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นกรรมการผู้อำนวยการ และมี คุณหญิง พจมาน ชินวัตร เป็นผู้ลงนามผูกพันบริษัท ได้ติดตั้งเสาสัญญาณอากาศโทรศัพท์เคลื่อนที่ บริเวณชั้นดาดฟ้า อาคาร 13 ของสถาบันการบินพลเรือน (สบพ.) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ดำรงตำแหน่งนายกฯ และ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นรัฐมนตรีว่าการคมนาคม ถือเป็นการใช้อิทธิพลทางการเมือง ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เรืองอำนาจ โดยอ้างว่า เจ้าหน้าที่ได้คุยกับผู้ใหญ่แล้ว แต่ไม่มีสัญญาเช่าสถานที่แต่อย่างใด ทั้งนี้ สำนักงานผู้ตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) โดย นายวิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการ สตง. ได้มีหนังสือไปยัง สบพ. เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2558 ให้ทบทวนกระบวนการทำสัญญาระหว่าง สบพ. และบริษัท เอไอเอส เนื่องจาก สตง. ตรวจสอบพบว่าการติดตั้งเสาสัญญาณอากาศดังกล่าวจนถึงปัจจุบัน 13 ปี แล้ว แต่ไม่มีการขออนุญาตจากกรมธนารักษ์ หรือมีสัญญาเช่าทำให้รัฐเสียหาย แต่ สบพ. กลับยังต้องจ่ายค่าใช้กระแสไฟฟ้าเนื่องจากตั้งเสาสัญญาณให้ด้วย
นายวัชระ กล่าวต่อว่า คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ที่ สบพ. ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 24 เม.ย. 2557 ได้สอบสวนและมีผลสรุปว่า บริษัทเอไอเอส ไม่ได้ชำระกระแสไฟฟ้าให้กับ สบพ. ตั้งแต่ ส.ค. 2547 ซึ่งแสดงว่า สบพ. ได้จ่ายค่ากระแสไฟฟ้าแทนบริษัทเอไอเอสมาโดยตลอด โดยประเมินค่าไฟฟ้าเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 1,953,655.20 บาท ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นทางแพ่ง แต่ในคดีการลักใช้กระแสไฟฟ้าแม้เพียง 9 บาท ก็เคยมีฎีกาให้ติดคุกไปแล้ว แต่กรณีของบริษัทเอไอเอสใช้กระแสไฟฟ้าเกือบ 2 ล้านบาท จึงอยากถามว่าผู้ที่เกี่ยวข้องจะแจ้งความดำเนินคดีอาญากับบริษัท เอไอเอส หรือไม่
“ผมจะนำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตดังกล่าวส่งให้ รมว.คมนาคม , รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการปราบปรามการคอร์รัปชัน, ป.ป.ช., ป.ป.ท. การไฟฟ้านครหลวง และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัท เอไอเอส ได้รับรางวัลมากมายในฐานะแบบอย่างของผู้บริหารที่ดี แต่กรณีนี้กลับไม่จ่ายค่าเช่าสถานที่หรือค่าไฟฟ้าให้กับราชการ ดังนั้นหน่วยงานราชการ หรือสื่อมวลชนที่เคยมอบรางวัลให้ ควรจะยกเลิกรางวัล” นายวัชระ กล่าว
นายวัชระ กล่าวอีกว่า ขอเรียกร้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯให้ตรวจสอบสถานที่ราชการทุกแห่งว่ายังมีบริษัทโทรคมนาคมอื่นใดที่ไปติดตั้งเสาสัญญาณอากาศโดยไม่ได้ทำสัญญาเช่าอย่างถูกต้องเช่นนี้อีกหรือไม่ เพราะเชื่อว่ายังจะต้องมีอีกหลายแห่งที่มีการกระทำในลักษณะนี้ อย่างไรก็ตามข้าราชการคนใดที่เกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าวจะต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น
ที่มา
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000075660 
AIS Vs วัชระ เห็นข่าวนี้แล้วคิดไงกัน
***********************
AIS สวน “วัชระ” ยันจ่ายค่าไฟให้ สบพ.ตั้งแต่ปี 45 รวม 2.4 ล้าน โวยทำบริษัทเสียหาย
ผู้ช่วยกรรมการ ผอ.อาวุโส ประชาสัมพันธ์เอไอเอส สวนอดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ แฉไม่จ่ายค่าไฟให้สถาบันการบินพลเรือนเกือบ 2 ล้าน ยันไม่จริง เผยชำระและจ่ายค่าสถานที่ตั้งแต่ปี 45 รวมยอดค่าไฟที่ถูกเรียกเก็บ 2.4 ล้าน โวยทำบริษัทเสียหาย สาธารณชนเข้าใจผิด
วันนี้ (6 ก.ค.) นางวิไล เคียงประดู่ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานประชาสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส กล่าวว่า กรณีที่นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาระบุว่าเอไอเอสไม่ได้ทำสัญญาเช่าพื้นที่ติดตั้งเสารับ-ส่งสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่บริเวณชั้นดาดฟ้า อาคาร 13 ของสถาบันการบินพลเรือน (สบพ.) และไม่ได้ชำระค่ากระแสไฟฟ้าให้แก่ สบพ.ตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2547 จนถึงปัจจุบัน เป็นจำนวนเงิน 1,953,655.20 บาทนั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ทั้งนี้ บริษัทได้ดำเนินการตามหลักการในการขอใช้พื้นที่กับทาง สบพ. โดยมีการชำระค่ากระแสไฟฟ้าและค่าใช้สถานที่ สำหรับค่าใช้สถานที่ได้ชำระเป็นเงินสนับสนุนเพื่อใช้ในกิจการของสถาบันการบินพลเรือน ตั้งแต่ปี 2545 จนถึงปัจจุบัน และได้ชำระค่าใช้กระแสไฟฟ้าตามที่สบพ.ได้เรียกเก็บมาอย่างครบถ้วน ตั้งแต่ปี 2545 ถึงเดือนพฤษภาคม 2558 เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 2,459,416.34 บาท
นางวิไลกล่าวอีกว่า การให้ข้อมูลของนายวัชระนั้นสร้างความเสียหายอันก่อให้เกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ และก่อให้เกิดความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อย่างไรก็ตาม เอไอเอส ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ขอยืนยันว่าบริษัทดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานความเป็นมืออาชีพ โปร่งใส ตั้งอยู่บนหลักธรรมาภิบาลมาโดยตลอด
ที่มา : http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000076330
***************************
“วัชระ” ปูด AIS ตั้งเสาบน สบพ.ไม่มีสัญญาเช่า แถมไม่จ่ายค่าไฟเกือบ 2 ล้าน
อดีต ส.ส. ประชาธิปัตย์ แฉ เอไอเอส ตั้งเสาสัญญาณโทรศัพท์บนดาดฟ้าสถาบันการบินพลเรือน ปี 45 ผ่านมา 13 ปี ไม่มีการขออนุญาตหรือสัญญาเช่า แถมยังต้องจ่ายไฟให้อีก สูญเกือบ 2 ล้าน ถามกล้าดำเนินคดีอาญาหรือไม่
วันนี้ (4 ก.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อเวลา 12.00 น. นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้แถลงว่า มีข้าราชการได้ส่งเอกสารลับมาให้ตนซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเรื่องจริงโดยมีเนื้อหาระบุว่า บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ที่ก่อตั้งโดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นกรรมการผู้อำนวยการ และมี คุณหญิง พจมาน ชินวัตร เป็นผู้ลงนามผูกพันบริษัท ได้ติดตั้งเสาสัญญาณอากาศโทรศัพท์เคลื่อนที่ บริเวณชั้นดาดฟ้า อาคาร 13 ของสถาบันการบินพลเรือน (สบพ.) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ดำรงตำแหน่งนายกฯ และ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นรัฐมนตรีว่าการคมนาคม ถือเป็นการใช้อิทธิพลทางการเมือง ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เรืองอำนาจ โดยอ้างว่า เจ้าหน้าที่ได้คุยกับผู้ใหญ่แล้ว แต่ไม่มีสัญญาเช่าสถานที่แต่อย่างใด ทั้งนี้ สำนักงานผู้ตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) โดย นายวิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการ สตง. ได้มีหนังสือไปยัง สบพ. เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2558 ให้ทบทวนกระบวนการทำสัญญาระหว่าง สบพ. และบริษัท เอไอเอส เนื่องจาก สตง. ตรวจสอบพบว่าการติดตั้งเสาสัญญาณอากาศดังกล่าวจนถึงปัจจุบัน 13 ปี แล้ว แต่ไม่มีการขออนุญาตจากกรมธนารักษ์ หรือมีสัญญาเช่าทำให้รัฐเสียหาย แต่ สบพ. กลับยังต้องจ่ายค่าใช้กระแสไฟฟ้าเนื่องจากตั้งเสาสัญญาณให้ด้วย
นายวัชระ กล่าวต่อว่า คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ที่ สบพ. ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 24 เม.ย. 2557 ได้สอบสวนและมีผลสรุปว่า บริษัทเอไอเอส ไม่ได้ชำระกระแสไฟฟ้าให้กับ สบพ. ตั้งแต่ ส.ค. 2547 ซึ่งแสดงว่า สบพ. ได้จ่ายค่ากระแสไฟฟ้าแทนบริษัทเอไอเอสมาโดยตลอด โดยประเมินค่าไฟฟ้าเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 1,953,655.20 บาท ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นทางแพ่ง แต่ในคดีการลักใช้กระแสไฟฟ้าแม้เพียง 9 บาท ก็เคยมีฎีกาให้ติดคุกไปแล้ว แต่กรณีของบริษัทเอไอเอสใช้กระแสไฟฟ้าเกือบ 2 ล้านบาท จึงอยากถามว่าผู้ที่เกี่ยวข้องจะแจ้งความดำเนินคดีอาญากับบริษัท เอไอเอส หรือไม่
“ผมจะนำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตดังกล่าวส่งให้ รมว.คมนาคม , รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการปราบปรามการคอร์รัปชัน, ป.ป.ช., ป.ป.ท. การไฟฟ้านครหลวง และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัท เอไอเอส ได้รับรางวัลมากมายในฐานะแบบอย่างของผู้บริหารที่ดี แต่กรณีนี้กลับไม่จ่ายค่าเช่าสถานที่หรือค่าไฟฟ้าให้กับราชการ ดังนั้นหน่วยงานราชการ หรือสื่อมวลชนที่เคยมอบรางวัลให้ ควรจะยกเลิกรางวัล” นายวัชระ กล่าว
นายวัชระ กล่าวอีกว่า ขอเรียกร้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯให้ตรวจสอบสถานที่ราชการทุกแห่งว่ายังมีบริษัทโทรคมนาคมอื่นใดที่ไปติดตั้งเสาสัญญาณอากาศโดยไม่ได้ทำสัญญาเช่าอย่างถูกต้องเช่นนี้อีกหรือไม่ เพราะเชื่อว่ายังจะต้องมีอีกหลายแห่งที่มีการกระทำในลักษณะนี้ อย่างไรก็ตามข้าราชการคนใดที่เกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าวจะต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น
ที่มา http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000075660