ออกตัวก่อน(อีกแล้ว) พอดีได้ไปเที่ยว OSAKA แล้วก็ได้หาบข้อมูลเกียวกับ ที่เที่ยวโอซาก้าที่ควรไป
เห็นว่า ศาลเจ้าที่นี่ก็ติดอันดับ แต่กลับหา รีวิว ทางไป หรือข้อมูลที่นี่น้อยมาก
พอได้ไปมา ถือว่า ดีขึ้นจริงๆ (ในความรู้สึก โปรดใช้วิจารณญาณ)
ข้อมูลในเว็บต่าง ๆ
ศาลเจ้า Ishikiri-Tsurugiya
ตั้งอยู่เชิงเขา Ikoma ทางทิศตะวันออกของเมืองโอซาก้า เป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่ชาวโอซาก้าคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีตั้งแต่สมัยอดีต มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “Ishikiri san” และ “Denbo no kamisan” (พระเจ้ารักษาอาการปวดบวม) ชาวเมืองพากันเชื่อกันว่าการเดินทางมานมัสการที่ศาลจะช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆได้ ทำให้ในทุกวันนี้ ก็ยังมีผู้คนจำนวนมากเดินทางไปกราบไหว้สักการะกันอยู่
ชื่อศาลเจ้า Ishikiri-Tsurugiya นี้มีที่มาจากการบวงสรวงดาบและธนูที่เชื่อว่าสามาถตัดและทะลุทะลวงหินได้ทุกก้อนในฐานะเป็นสิ่งของที่วิญญาณเทพเจ้าประจำศาลสถิต ทางเดินสักการะจากสถานีรถไฟถึงศาลเจ้าราว 1 กม.นั้นจะมีป้ายร้านหมอดู โรงอาหาร ร้านขายยาสมุนไพรจีน และร้านขายของกินต่างๆเรียงรายอยู่ สภาพบรรยากาศแนวย้อนยุคเช่นนี้จะทำให้ท่านรูสึกเหมือนได้เดินทางข้ามกาลเวลาย้อนกลับไปสู่อดีต
http://www.ishikiri.or.jp/
เบื้องต้นเราได้หาข้อมูลไว้
ศาลเจ้านี้อยู่ที่สถานี Shinishikiri Station
จากแผนที่จะเห็นว่า เราเริ่มที่สถานี Umeda นะ ค่าโดยสารจะอยู่ที่ 550เยน
ในส่วนนี้จะขอบอกว่า หากกนั่งมาลงสถานเพื่อเปลี่ยนสายที่ Hommachi Station
จะขอบอกว่า ไม่ต้องเปลี่ยนหรือลงรถไหนะคะ เพราะรถไฟในแผนที่ทั่วไปจะหมดที่ Nagata Station
แต่เรานั่งยาวต่อไปได้เลยคะ ไม่ต้องลงนะคะ ในตัวรถจะโล่งมากถึงมากที่สุด
เรียกได้ว่าอาจ งง เล็กน้อยว่าคนลงเกือบหมด ในรถจะประกาศเป็นสถานีต่อไป Aramoto Station เป็นอันใช้ได้คะ
ในรูปคือขบวนที่เรานั่งมาคะ พอถึงสถานีที่บอกคือโล่งแบบนี้เลยคะ 555
เอาละไม่ต้องตกใจ นั่งจนได้ยินประกาศว่า Shinishikiri Station ลงได้เลยคะ
เดินออกมาทางเดียวกับที่รถไปไปนะคะ อย่าเดินย้อนทางรถไปนะ ไม่งั้นจะเดินอ้อมไกลมาก (งงไหมคะ)
เราค่อนข้างมั่นใจว่า ออกจากรถไฟแล้วเดินไปทางซ้ายนะคะ เดินออกมาจะมีภาพประมาณในรูป
ให้ออกประตู 5 นะคะ จากนี้ขออธิบายหน่อยว่า
เดินยาวออกจากสถานีแล้วเดินไปให้สุดทางเลย ตรงหน้าสุดทางจะเป็นที่จอดรถจักรยาน
ให้เดินไปทางซ้าย ลงสะพานลอยด้านซ้ายสุดท้ายเลยคะ
จากนี้จะขอบอกว่า มีทางเดินไปศาลเจ้าได้ 2 ทางคะ คือเข้าด้านหน้ากับด้านข้างคะ
เราไปทางด้านข้าง และกลับด้านหน้านะคะ ถ้าไงเราจะอธิบายแบบ
เข้าด้านหน้า และกลับอีกทางละกันคะ เพราะเท่าที่เดินแล้วจะโอเคกว่า
ทางเข้าด้านหน้าจะมีให้ถ่ายรูปแบบง่ายกว่าเดินย้อนแบบเรา เพราะเราต้องเดินๆ หันหลังเดินๆ เพื่อถ่ายรูป 555
เอาละคะ จากนี้ จะมีรูปประปรายนะคะ
ดังนั้นเส้นทางของเราจะเป็นประมาณนี้
เมื่อเราเดินลงมาจากสะพานลอยทางออก 5 แล้ว เราจะเดินไปตามทางรถคะ เราเดินไปเรื่อย ๆ
จนเห็นตึกแบบนี้
กันสาดสีเขียวนั้นละคะ จะเป็นตึกแบบแท่งสามเหลี่ยมที่จะ งง ว่า พื้นที่แค่นี้ก็ขายของได้ด้วย
เดินต่อไปจะเป็นที่จอดจักรยานเยอะ ๆ เลยคะ และเทื่อเดินต่อไปอีกไม่ถึง 50เมตรจะเจอป้าย
เป็นถูกทางแล้วคะ แต่เราจะเดินเลยไปเพื่อเข้าด้านหน้า ดังนั้นเดินข้ามซอยต่อไปเลยคะ
จนเจอซอยที่ 2 อันนี้จะเป็นซอยถนนค่อนข้างใหญ่ มองเข้าไป เดินเข้าไปได้เลยคะ
จะเจอเสาแบบนี้ เป็นอันเข้าถูกซอยละคะ
เสานี้คือเสาแรกของศาลเจ้าคะ เรีาเดินต่อไปจะเจอเป็นทางเข้าแบบประตูทางเข้าใหญ่ ตามนี้
จากนั้นเดินไปเรื่อย ๆ ตลอดทางจะเริ่มมีบรรยากาศแบบศาลเจ้าแล้วคะ
สงบ เงียบและสบายใจแปลกๆ ทางเดินนี้จะตรงเข้าศาลเจ้าเลยคะ
ทางเข้าศาลเจ้าจะมีเสาประตูแบบนี้
จะแปลกใจเล็ก ๆ ว่าจะมีคนเดินวน ๆ ตรงกลางทางเดินเลย เราต้องเดินเข้าด้านข้าง ๆ นะคะ
อย่าเดินเข้าไปในวงล้อการเดินเด็ดขาด เพราะนั้นคือการเดินขอพร อธิฐาน(จากการแปลมั่วๆ นะคะ)
ในรูปเป็นการถ่ายรูปจากด้านในศาลเจ้าถ่ายรูปออกมาข้างนอก จะเห็นได้ว่า
คนที่เดินทุกคนจะถืออะไรสักอย่าง และเดินมาสุดจะวางมือบนหินก้อนนึงที่อยู่ตรงกลาง
เราจะเดินมาทางขวา เพราะจะต้องล้างมือ เช็ดหน้าก่อนเข้าทุกครั้งตรงนี้อยู่ด้านขวามือคะ
เมื่อเสร็จแล้ว เราจะเดินผ่านศาลเจ้าเล็ก ๆ 2 ศาลประมาณนี้คะ
เมื่อเราผ่านมาแล้ว ไปไหว้ตรงกลางก่อนได้คะ
ถ้าส่วนนี้ใครอยากเดินวนตามทุกคน จะมี 2 แบบคือ
แบบแรก เดินตามสูตรของการเดิน เราไม่รู้กี่รอบนะคะ เพราะจะมีคล้าย ๆ เชือกแข็ง ๆ ให้ถือและจับงอเมื่อเดินครบรอบ
ในส่วนนี้สามารถไปหยิบได้ตรงจุดนี้คะ ด้านซ้ายสุดของรูปคะ มุมๆ จะมีกะบะวางเส้นมัดอยู่
หยิบมา 1 มัดแล้วเดินตามนั้นเลยคะ
แบบที่สอง แบบเราคือ 3 - 5 - 7 - 9 รอบตามแต่อธิฐานคะ อย่างเราเดิน 9 รอบคะ
ช่วงการเดินนั้น จะเดินไกลรอบหรือใกล้รอบแค่ไหน เมื่อถึงจุดกลับตัว
ต้องเอามือจับ ลูบ ที่หินเสมอนะคะ ทุกครั้งที่กลับตัวคะ เพราะจะมี ทั้ง 2 ฝั่งเลย
เมื่อเดินเสร็จจะต้องปรีกตัวเองออกตรงจุดหน้าศาลเจ้าด้านในนะคะ ไม่ใช่ทางออกศาวเจ้า
แล้วก็เคราพอีกครั้ง เป็นอันจบคะ
จากนี้เดินเล่นได้เลยคะ แต่เราขอเสนอการไปไหว้เพื่อแก้ปวดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเข่า ขา หลัง ไหล่ บ่า
ให้เดินไปข้างหลังคะ ซึ่งเดินไปทางด้านข้างศาลเจ้าข้างขวา เดินลอดสะพานนี้เป็นอันใช้ได้คะ
เห็นลิบ ๆ ที่มีเสาโทริสีแดงเยอะ ๆ ไหมคะ นั้นละ เป้าหมายหลัก เดินตรงไปเลยคะ
เดินลอดเสาโทริจนสุดทาง(ไม่ถึง 10เมตรหรอก 55) จะพบศาลเจ้านี้คะ
เอาละคะ จากตรงนี้ ให้ไหว้เคราพก่อน
แล้วอธิฐาน และเอามือไปวางลูบ ๆ แล้วเอามาลูบตรงที่เราปวด
เช่นเราปวดเข่า ก็เอามือลูบที่หิน แล้วเอามาลูบที่เข่า ให้เป็นลูบวน ๆ นะคะ
ทำทุกจุดที่เราปวดเลยคะ หมายถึงว่า
1 จุด คือ 1 ลูบหิน นะคะ กี่จุดก็ลูบหินเท่านั้นจุดคะ
เสร็จแล้วก็ไหว้เคราพออกมา
แล้วเดินไปทางซ้ายจะเจอที่ไว้ให้ผูกไม้อธิฐานอีกจุด ส่วนนี้คือไปซื้อด้านหน้าเอามาผูกที่นี่
เดินเลยจะเจอศาลเจ้าอันนี้ เราก็เข้าไปไหว้ ๆ เคราพๆ แล้วก็โยกเชือกสั่นกระดิ่งคะ
หลัก ๆ ก็จะประมาณนี้ค่ะ นอกจากนั้นคงต้องไปมั่ว ๆ สอบถามเอาละกันคะ
ขอบอกว่า ส่วนใหญ่จะไม่พูดภาษาอังกฤษ ดังนั้นเปิดเน็ตแปลเอาคร่าวๆ นะคะ
ด้วยความที่เราอยากเขียนชื่อลงกระดาษและแผ่นไม้ เพราะแปลๆคร่าว ๆ คือ
พอดีเราไปช่วงที่จะมีพิธีกรรมเรียกว่า ปัดรังควานหรือปัดเป่าเรื่องร้าย ๆ
ด้วยการเขียนชื่อลงแผ่นไม้และจะเอามาสวดพร้อมเผาแผ่นไม้ เป็นการปัดเป่าสิ่งที่ไม่ดี
แต่ๆๆ ปัญหาคือไม่มีคนพูดอังกฤษเลยสักคน ไม่มีใครพอจะช่วยเราได้เลย จนเกือบจะถอดใจ
พอดีเรากำลังถอดใจแต่เจอคนดูแลที่มีอายุหน่อย ใจดีมากกกกก
เดินออกมาพาเราไปทำท่าทางและอธิบายด้วยการชี้ ๆ บอกคร่าว ๆ และแสดงท่าทางให้
เค้าอาจสงสารและเห็นว่าเราอยากมากก็ได้ เลยเดินออกมาพาเราไปทำ
ในรูปคือป้ายบอก แต่เป็นรูปกระดาษ ชาย หญิง นะคะ อันนี้ คนดูแลก็บอกให้เขียน ชื่อ อายุ แล้วเอาไปยื่นที่เค้า
เดี๋ยวเค้าทำให้แทน เพราะอธิบายคง งงกัน
แต่ที่เราทำคือ เขียนชื่อลงแผ่นไม้ เราขอโทษ เราลืมถ่ายรูป และลืมว่าต้องเขียนว่าอะไรบ้าง
คือคนดูแลเขียนเป็นภาษาอังกฤษประโยคนึง ให้เราเขียนตาม และตามด้วยชื่อ และอายุ
แล้วเอาแผ่นไม้ไปวางไว้อีกมุม ในส่วนนี้จะอยู่ประมาณนี้
ซื้อแผ่นไม้ด้านขวามือ เขียนชื่อตรงกลาง และวางแผ่นไม้ด้านซ้ายคะ
โดยรวมของที่นี่ก็จะเป็นประมาณนี้นะคะ
เอาละมาขากลับนะคะ
เมื่อเราเดินออกมาจากศาลเจ้า หันหน้าออกคือทางที่เรามา
เราเดินไปทางขวาคะ (ทางซ้ายจะเป็นคล้าย ๆ เส้นทาางเดินเล่น ดูของแต่เหมือนเดินขึ้นเขาไปเรื่อย ๆ พอดีเรามีจุดหมายอื่นเลยไม่ได้ไปคะ)
เดินไปทางขวา จะเห็นประมาณนี้ด้านขวามือคะ
เดินไปให้สุดถนนเลยคะ เมื่อสุดถนน ให้เดินเลี้ยวซ้าย
จะเป็นทางเดินเรื่อย ๆ สบาย ๆ คะ แต่บรรยากาศแบบเราเดินผ่านซอยบ้านคน
มีของขายประปราย และน่าดูเล่นนะ ชมวิวเรื่อย ๆ คะ
พอมาถึงปากซอยจะจำได้กันทันทีเพราะด้านขวามือจะเป็นป้ายหินที่บอกไปตอนแรกนั้นละค
เป็นอันมาถึงทางออก ทีนี้เราก็จะเป็นการเดินย้อนทางรถ ไปขึ้นสะพานลอยเพื่อขึ้นรถไฟฟ้ากลับคะ
********************************************************************
สำคัญสุด ๆ โปรดเตรียมเหรียญไปเยอะ ๆ นะคะ เพราะใช้โยน ใช้จ่ายเกี่ยวกับบริจาคเยอะคะ
เรียกว่าทุกจุดได้ ดังนั้น มีเป็นเหรียญไปเยอะ ๆ เลยคะ
จำได้ว่าเคยมีคนบอกให้ใช้เหรียญ 5 ของที่นั้น เพราะจะเป็นเหรียญที่ดี
เพราะมีรูตรงกลาง ถ้า 50 ก็ได้นะคะ เราดันมีแต่เหรียญ 100 เยน
เลยโยนและใส่ทีละ 100 เยนเลย ใจอยากได้ 5 หรือ 50 อะ ที่มีรูตรงกลาง
แต่จนใจเพราะไม่มี ดังนั้นพกไปหลายเหรียญก็ดีคะ
********************************************************************
จากนี้โปรดใช้วิจารณญาณนะคะ
ที่เราไปกลับมา เราค่อนข้างมั่นใจว่าไม่อุปทานคือ
เราไปไหว้กลับมาและลูบหินที่ เข่า หลัง เอว เท้า น่อง
จนถึงวันนี้ เราไม่ปวดเลยอะ แต่ๆๆ
เราลืมไหล่ เราเหมือนปวดไหล่อ๊า แง้ๆๆๆ
มันก็ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ปวดนะ
แต่เป็นอาการเมี่อยจากการเดินมาก คงไม่มีอะไรช่วยได้
นอกจากทายาและแช่น้ำอุ่นนะคะ >//<
กระทู้ต่อไปเราจะลงรูปทั่ว ๆ ไป รวม ๆ ที่เราถ่ายมานะคะ
[CR] mini review เส้นทางไป : ศาลเจ้า Ishikiri-Tsurugiya OSAKA JAPAN
เห็นว่า ศาลเจ้าที่นี่ก็ติดอันดับ แต่กลับหา รีวิว ทางไป หรือข้อมูลที่นี่น้อยมาก
พอได้ไปมา ถือว่า ดีขึ้นจริงๆ (ในความรู้สึก โปรดใช้วิจารณญาณ)
ข้อมูลในเว็บต่าง ๆ
ศาลเจ้า Ishikiri-Tsurugiya
ตั้งอยู่เชิงเขา Ikoma ทางทิศตะวันออกของเมืองโอซาก้า เป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่ชาวโอซาก้าคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีตั้งแต่สมัยอดีต มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “Ishikiri san” และ “Denbo no kamisan” (พระเจ้ารักษาอาการปวดบวม) ชาวเมืองพากันเชื่อกันว่าการเดินทางมานมัสการที่ศาลจะช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆได้ ทำให้ในทุกวันนี้ ก็ยังมีผู้คนจำนวนมากเดินทางไปกราบไหว้สักการะกันอยู่
ชื่อศาลเจ้า Ishikiri-Tsurugiya นี้มีที่มาจากการบวงสรวงดาบและธนูที่เชื่อว่าสามาถตัดและทะลุทะลวงหินได้ทุกก้อนในฐานะเป็นสิ่งของที่วิญญาณเทพเจ้าประจำศาลสถิต ทางเดินสักการะจากสถานีรถไฟถึงศาลเจ้าราว 1 กม.นั้นจะมีป้ายร้านหมอดู โรงอาหาร ร้านขายยาสมุนไพรจีน และร้านขายของกินต่างๆเรียงรายอยู่ สภาพบรรยากาศแนวย้อนยุคเช่นนี้จะทำให้ท่านรูสึกเหมือนได้เดินทางข้ามกาลเวลาย้อนกลับไปสู่อดีต
http://www.ishikiri.or.jp/
เบื้องต้นเราได้หาข้อมูลไว้
ศาลเจ้านี้อยู่ที่สถานี Shinishikiri Station
จากแผนที่จะเห็นว่า เราเริ่มที่สถานี Umeda นะ ค่าโดยสารจะอยู่ที่ 550เยน
ในส่วนนี้จะขอบอกว่า หากกนั่งมาลงสถานเพื่อเปลี่ยนสายที่ Hommachi Station
จะขอบอกว่า ไม่ต้องเปลี่ยนหรือลงรถไหนะคะ เพราะรถไฟในแผนที่ทั่วไปจะหมดที่ Nagata Station
แต่เรานั่งยาวต่อไปได้เลยคะ ไม่ต้องลงนะคะ ในตัวรถจะโล่งมากถึงมากที่สุด
เรียกได้ว่าอาจ งง เล็กน้อยว่าคนลงเกือบหมด ในรถจะประกาศเป็นสถานีต่อไป Aramoto Station เป็นอันใช้ได้คะ
ในรูปคือขบวนที่เรานั่งมาคะ พอถึงสถานีที่บอกคือโล่งแบบนี้เลยคะ 555
เอาละไม่ต้องตกใจ นั่งจนได้ยินประกาศว่า Shinishikiri Station ลงได้เลยคะ
เดินออกมาทางเดียวกับที่รถไปไปนะคะ อย่าเดินย้อนทางรถไปนะ ไม่งั้นจะเดินอ้อมไกลมาก (งงไหมคะ)
เราค่อนข้างมั่นใจว่า ออกจากรถไฟแล้วเดินไปทางซ้ายนะคะ เดินออกมาจะมีภาพประมาณในรูป
ให้ออกประตู 5 นะคะ จากนี้ขออธิบายหน่อยว่า
เดินยาวออกจากสถานีแล้วเดินไปให้สุดทางเลย ตรงหน้าสุดทางจะเป็นที่จอดรถจักรยาน
ให้เดินไปทางซ้าย ลงสะพานลอยด้านซ้ายสุดท้ายเลยคะ
จากนี้จะขอบอกว่า มีทางเดินไปศาลเจ้าได้ 2 ทางคะ คือเข้าด้านหน้ากับด้านข้างคะ
เราไปทางด้านข้าง และกลับด้านหน้านะคะ ถ้าไงเราจะอธิบายแบบ
เข้าด้านหน้า และกลับอีกทางละกันคะ เพราะเท่าที่เดินแล้วจะโอเคกว่า
ทางเข้าด้านหน้าจะมีให้ถ่ายรูปแบบง่ายกว่าเดินย้อนแบบเรา เพราะเราต้องเดินๆ หันหลังเดินๆ เพื่อถ่ายรูป 555
เอาละคะ จากนี้ จะมีรูปประปรายนะคะ
ดังนั้นเส้นทางของเราจะเป็นประมาณนี้
เมื่อเราเดินลงมาจากสะพานลอยทางออก 5 แล้ว เราจะเดินไปตามทางรถคะ เราเดินไปเรื่อย ๆ
จนเห็นตึกแบบนี้
กันสาดสีเขียวนั้นละคะ จะเป็นตึกแบบแท่งสามเหลี่ยมที่จะ งง ว่า พื้นที่แค่นี้ก็ขายของได้ด้วย
เดินต่อไปจะเป็นที่จอดจักรยานเยอะ ๆ เลยคะ และเทื่อเดินต่อไปอีกไม่ถึง 50เมตรจะเจอป้าย
เป็นถูกทางแล้วคะ แต่เราจะเดินเลยไปเพื่อเข้าด้านหน้า ดังนั้นเดินข้ามซอยต่อไปเลยคะ
จนเจอซอยที่ 2 อันนี้จะเป็นซอยถนนค่อนข้างใหญ่ มองเข้าไป เดินเข้าไปได้เลยคะ
จะเจอเสาแบบนี้ เป็นอันเข้าถูกซอยละคะ
เสานี้คือเสาแรกของศาลเจ้าคะ เรีาเดินต่อไปจะเจอเป็นทางเข้าแบบประตูทางเข้าใหญ่ ตามนี้
จากนั้นเดินไปเรื่อย ๆ ตลอดทางจะเริ่มมีบรรยากาศแบบศาลเจ้าแล้วคะ
สงบ เงียบและสบายใจแปลกๆ ทางเดินนี้จะตรงเข้าศาลเจ้าเลยคะ
ทางเข้าศาลเจ้าจะมีเสาประตูแบบนี้
จะแปลกใจเล็ก ๆ ว่าจะมีคนเดินวน ๆ ตรงกลางทางเดินเลย เราต้องเดินเข้าด้านข้าง ๆ นะคะ
อย่าเดินเข้าไปในวงล้อการเดินเด็ดขาด เพราะนั้นคือการเดินขอพร อธิฐาน(จากการแปลมั่วๆ นะคะ)
ในรูปเป็นการถ่ายรูปจากด้านในศาลเจ้าถ่ายรูปออกมาข้างนอก จะเห็นได้ว่า
คนที่เดินทุกคนจะถืออะไรสักอย่าง และเดินมาสุดจะวางมือบนหินก้อนนึงที่อยู่ตรงกลาง
เราจะเดินมาทางขวา เพราะจะต้องล้างมือ เช็ดหน้าก่อนเข้าทุกครั้งตรงนี้อยู่ด้านขวามือคะ
เมื่อเสร็จแล้ว เราจะเดินผ่านศาลเจ้าเล็ก ๆ 2 ศาลประมาณนี้คะ
เมื่อเราผ่านมาแล้ว ไปไหว้ตรงกลางก่อนได้คะ
ถ้าส่วนนี้ใครอยากเดินวนตามทุกคน จะมี 2 แบบคือ
แบบแรก เดินตามสูตรของการเดิน เราไม่รู้กี่รอบนะคะ เพราะจะมีคล้าย ๆ เชือกแข็ง ๆ ให้ถือและจับงอเมื่อเดินครบรอบ
ในส่วนนี้สามารถไปหยิบได้ตรงจุดนี้คะ ด้านซ้ายสุดของรูปคะ มุมๆ จะมีกะบะวางเส้นมัดอยู่
หยิบมา 1 มัดแล้วเดินตามนั้นเลยคะ
แบบที่สอง แบบเราคือ 3 - 5 - 7 - 9 รอบตามแต่อธิฐานคะ อย่างเราเดิน 9 รอบคะ
ช่วงการเดินนั้น จะเดินไกลรอบหรือใกล้รอบแค่ไหน เมื่อถึงจุดกลับตัว
ต้องเอามือจับ ลูบ ที่หินเสมอนะคะ ทุกครั้งที่กลับตัวคะ เพราะจะมี ทั้ง 2 ฝั่งเลย
เมื่อเดินเสร็จจะต้องปรีกตัวเองออกตรงจุดหน้าศาลเจ้าด้านในนะคะ ไม่ใช่ทางออกศาวเจ้า
แล้วก็เคราพอีกครั้ง เป็นอันจบคะ
จากนี้เดินเล่นได้เลยคะ แต่เราขอเสนอการไปไหว้เพื่อแก้ปวดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเข่า ขา หลัง ไหล่ บ่า
ให้เดินไปข้างหลังคะ ซึ่งเดินไปทางด้านข้างศาลเจ้าข้างขวา เดินลอดสะพานนี้เป็นอันใช้ได้คะ
เห็นลิบ ๆ ที่มีเสาโทริสีแดงเยอะ ๆ ไหมคะ นั้นละ เป้าหมายหลัก เดินตรงไปเลยคะ
เดินลอดเสาโทริจนสุดทาง(ไม่ถึง 10เมตรหรอก 55) จะพบศาลเจ้านี้คะ
เอาละคะ จากตรงนี้ ให้ไหว้เคราพก่อน
แล้วอธิฐาน และเอามือไปวางลูบ ๆ แล้วเอามาลูบตรงที่เราปวด
เช่นเราปวดเข่า ก็เอามือลูบที่หิน แล้วเอามาลูบที่เข่า ให้เป็นลูบวน ๆ นะคะ
ทำทุกจุดที่เราปวดเลยคะ หมายถึงว่า
1 จุด คือ 1 ลูบหิน นะคะ กี่จุดก็ลูบหินเท่านั้นจุดคะ
เสร็จแล้วก็ไหว้เคราพออกมา
แล้วเดินไปทางซ้ายจะเจอที่ไว้ให้ผูกไม้อธิฐานอีกจุด ส่วนนี้คือไปซื้อด้านหน้าเอามาผูกที่นี่
เดินเลยจะเจอศาลเจ้าอันนี้ เราก็เข้าไปไหว้ ๆ เคราพๆ แล้วก็โยกเชือกสั่นกระดิ่งคะ
หลัก ๆ ก็จะประมาณนี้ค่ะ นอกจากนั้นคงต้องไปมั่ว ๆ สอบถามเอาละกันคะ
ขอบอกว่า ส่วนใหญ่จะไม่พูดภาษาอังกฤษ ดังนั้นเปิดเน็ตแปลเอาคร่าวๆ นะคะ
ด้วยความที่เราอยากเขียนชื่อลงกระดาษและแผ่นไม้ เพราะแปลๆคร่าว ๆ คือ
พอดีเราไปช่วงที่จะมีพิธีกรรมเรียกว่า ปัดรังควานหรือปัดเป่าเรื่องร้าย ๆ
ด้วยการเขียนชื่อลงแผ่นไม้และจะเอามาสวดพร้อมเผาแผ่นไม้ เป็นการปัดเป่าสิ่งที่ไม่ดี
แต่ๆๆ ปัญหาคือไม่มีคนพูดอังกฤษเลยสักคน ไม่มีใครพอจะช่วยเราได้เลย จนเกือบจะถอดใจ
พอดีเรากำลังถอดใจแต่เจอคนดูแลที่มีอายุหน่อย ใจดีมากกกกก
เดินออกมาพาเราไปทำท่าทางและอธิบายด้วยการชี้ ๆ บอกคร่าว ๆ และแสดงท่าทางให้
เค้าอาจสงสารและเห็นว่าเราอยากมากก็ได้ เลยเดินออกมาพาเราไปทำ
ในรูปคือป้ายบอก แต่เป็นรูปกระดาษ ชาย หญิง นะคะ อันนี้ คนดูแลก็บอกให้เขียน ชื่อ อายุ แล้วเอาไปยื่นที่เค้า
เดี๋ยวเค้าทำให้แทน เพราะอธิบายคง งงกัน
แต่ที่เราทำคือ เขียนชื่อลงแผ่นไม้ เราขอโทษ เราลืมถ่ายรูป และลืมว่าต้องเขียนว่าอะไรบ้าง
คือคนดูแลเขียนเป็นภาษาอังกฤษประโยคนึง ให้เราเขียนตาม และตามด้วยชื่อ และอายุ
แล้วเอาแผ่นไม้ไปวางไว้อีกมุม ในส่วนนี้จะอยู่ประมาณนี้
ซื้อแผ่นไม้ด้านขวามือ เขียนชื่อตรงกลาง และวางแผ่นไม้ด้านซ้ายคะ
โดยรวมของที่นี่ก็จะเป็นประมาณนี้นะคะ
เอาละมาขากลับนะคะ
เมื่อเราเดินออกมาจากศาลเจ้า หันหน้าออกคือทางที่เรามา
เราเดินไปทางขวาคะ (ทางซ้ายจะเป็นคล้าย ๆ เส้นทาางเดินเล่น ดูของแต่เหมือนเดินขึ้นเขาไปเรื่อย ๆ พอดีเรามีจุดหมายอื่นเลยไม่ได้ไปคะ)
เดินไปทางขวา จะเห็นประมาณนี้ด้านขวามือคะ
เดินไปให้สุดถนนเลยคะ เมื่อสุดถนน ให้เดินเลี้ยวซ้าย
จะเป็นทางเดินเรื่อย ๆ สบาย ๆ คะ แต่บรรยากาศแบบเราเดินผ่านซอยบ้านคน
มีของขายประปราย และน่าดูเล่นนะ ชมวิวเรื่อย ๆ คะ
พอมาถึงปากซอยจะจำได้กันทันทีเพราะด้านขวามือจะเป็นป้ายหินที่บอกไปตอนแรกนั้นละค
เป็นอันมาถึงทางออก ทีนี้เราก็จะเป็นการเดินย้อนทางรถ ไปขึ้นสะพานลอยเพื่อขึ้นรถไฟฟ้ากลับคะ
********************************************************************
สำคัญสุด ๆ โปรดเตรียมเหรียญไปเยอะ ๆ นะคะ เพราะใช้โยน ใช้จ่ายเกี่ยวกับบริจาคเยอะคะ
เรียกว่าทุกจุดได้ ดังนั้น มีเป็นเหรียญไปเยอะ ๆ เลยคะ
จำได้ว่าเคยมีคนบอกให้ใช้เหรียญ 5 ของที่นั้น เพราะจะเป็นเหรียญที่ดี
เพราะมีรูตรงกลาง ถ้า 50 ก็ได้นะคะ เราดันมีแต่เหรียญ 100 เยน
เลยโยนและใส่ทีละ 100 เยนเลย ใจอยากได้ 5 หรือ 50 อะ ที่มีรูตรงกลาง
แต่จนใจเพราะไม่มี ดังนั้นพกไปหลายเหรียญก็ดีคะ
********************************************************************
จากนี้โปรดใช้วิจารณญาณนะคะ
ที่เราไปกลับมา เราค่อนข้างมั่นใจว่าไม่อุปทานคือ
เราไปไหว้กลับมาและลูบหินที่ เข่า หลัง เอว เท้า น่อง
จนถึงวันนี้ เราไม่ปวดเลยอะ แต่ๆๆ
เราลืมไหล่ เราเหมือนปวดไหล่อ๊า แง้ๆๆๆ
มันก็ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ปวดนะ
แต่เป็นอาการเมี่อยจากการเดินมาก คงไม่มีอะไรช่วยได้
นอกจากทายาและแช่น้ำอุ่นนะคะ >//<
กระทู้ต่อไปเราจะลงรูปทั่ว ๆ ไป รวม ๆ ที่เราถ่ายมานะคะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น