*** เราคือเพื่อนกัน : จากนิ้วกลม ***

วันที่ 28 มิ.ย. นายสราวุธ เฮงสวัสดิ์ หรือ นิ้วกลม นักเขียนชื่อดัง ได้เขียน ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก พร้อมโพสต์ภาพที่มีข้อความระบุว่า "เราคือเพื่อนกัน" โดยมีเนื้อหาดังต่อไปน

เราคือเพื่อนกัน

1เพื่อนๆ ผู้อ่านครับ

สมมุติว่า อยู่มาวันหนึ่งมีบริษัทแห่งหนึ่งได้รับอนุญาตให้ทำเหมืองทองคำ บริเวณใกล้บ้านของคุณซึ่งตั้งรกรากมาเนิ่นนาน เขาเริ่มผลิตและแต่งแร่ ไม่นานนัก สารเคมีที่ใช้ในการผลิตเริ่มรั่วซึมมาตามลำธารสาธารณะ ส่ง ผลกระทบมาถึงบ้านของคุณ หมู่บ้านของคุณ เพื่อนบ้านของคุณ พ่อแม่พี่ น้องของคุณ ผู้คนพันกว่าครอบครัว เกือบสี่พันคน ต้องเจ็บปวย และยัง ต้องกินอาหารปนเป้อนสารเคมีอยู่ทุกวัน

เพื่อนๆ จะทำอย่างไรครับ

โชคร้ายที่เหตุการณ์สมมุติที่ว่าเปนเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นที่ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย

โชคร้ายที่เสียงของชาวบ้านที่นั่นอาจไม่ดังเท่าเสียงของเพื่อนๆ ผู้ เชี่ยวชาญการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย

ในป 2556 ชาวบ้านบริเวณนั้นหกหมู่บ้านรวมตัวกันในนามกลุ่มคนรักษ์ บ้านเกิด เพื่อยื่นฟองศาลปกครองกลาง เพื่อให้ศาลมีคำสั่งให้รัฐมนตรี กระทรวงอุตสาหกรรมและอธิบดีกรมอุตสาหกรรมและการเหมืองแร่ซึ่ง มีหน้าที่กำกับดูแลให้บริษัทที่ทำเหมืองแร่ดำเนินการตามเงื่อนไขประทาน บัตรและใบอนุญาตประกอบโลหกรรมที่ต้องทำเหมืองโดยไม่ก่อผลกระ ทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน

แต่แล้ว ผลลัพธ์คือการไล่ทุบตี จับชาวบ้านมัดมือไพล่หลัง จนบาดเจ็บ สาหัสหลายราย

หลังรัฐประหาร คสช. ได้มอบหมายให้หน่วยทหารในพื้นที่เข้ามาดูแลกรณี เหมืองทองคำ มีการแต่งตั้ง ‘คณะกรรมการแก้ไขปญหาเหมืองทองคำ จังหวัดเลย’ 4 ชุด ซึ่งชาวบ้านกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดไม่เห็นด้วย และขอให้ มีการแก้ปญหาตามข้อเสนอของประชาชน ด้วยเหตุผลว่าการแก้ปญหาที่ กระทบกับชีวิตของพวกเขานั้นควรให้พวกเขาได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ

แต่แล้ว ผลลัพธ์คือแกนนำกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดและนักศึกษาที่ร่วมเรียก ร้องถูกเรียกไปรายงานตัวเพื่อปรับทัศนคติ

และกลุ่มนักศึกษาที่ว่านี้คือนักศึกษาที่เรารู้จักพวกเขาในนาม ‘ดาวดิน’ นักศึกษาจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งออกค่ายเรียนรู้ สังคม พวกเขาลงพื้นที่กับชาวบ้านรอบๆ เหมืองทองคำอำเภอวังสะพุงต่อ เนื่องหลายป จากรุ่นพี่สู่รุ่นน้อง ศึกษาข้อมูลและทำงานร่วมกับชาวบ้านมา โดยตลอด มิใช่แค่ในสมัยของรัฐบาลนี้เท่านั้น

สำหรับชาวบ้านบริเวณนั้น ดาวดินจึงไม่ต่างจากลูกๆ หลานๆ ที่มาช่วยเหลือ กัน ดูแลกัน ห่วงใยกัน

หลังรัฐประหาร การเคลื่อนไหวเพื่อต่อสู้เรื่องเหมืองทองคำถูกจำกัดมาก ขึ้น และมักถูกโยงกับเรื่องการเมืองเสมอ ทั้งที่โดยพื้นฐานแล้วเปนการ ต่อสู้เพื่อคุณภาพชีวิตของชาวบ้านแท้ๆ

จากที่เสียงเบาอยู่แล้ว ก็กลายเปนแทบจะส่งเสียงไม่ได้ เอาง่ายๆ คนเมือง อย่างเราๆ แทบไม่เคยได้ข่าวคราวของชาวบ้านที่อำเภอวังสะพุงเลยแม้แต่ น้อย

ครั้งหนึ่ง ในป 2556 ขณะที่ตำรวจชุดปราบจราจลจะเข้าสลายชาวบ้าน ที่มาชุมนุมเพื่อร่วมรับฟงความคิดเห็น หลังจากฝายรัฐกันไม่ให้คนเห็นแย้ง เข้าไปแสดงความคิดเห็น อนุญาตเพียงคนที่เห็นด้วยเข้าไปฝายเดียว เมื่อ ถึงนาทีเผชิญหน้ากัน นักศึกษาดาวดินตั้งแถวเปนกำแพงมนุษย์เพื่อ ปกปองชาวบ้านจากกำลังของเจ้าหน้าที่

นักศึกษาช่วยชาวบ้านที่เดือดร้อนต่อสู้กับอำนาจรัฐและอำนาจทุน

เพื่อนๆ ครับ ถ้าเราเปนชาวบ้านที่อำเภอวังสะพุง เราจะรู้สึกกับนักศึกษา เหล่านี้อย่างไร

...

2กาลครั้งหนึ่ง สมัยที่ยังเรียนอยู่ที่คณะสถาปตย์ จุฬาฯ ผมมีโอกาสได้ อ่านนิตยสาร ‘สารคดี’ ฉบับพิเศษ ‘14 ตุลา 2516’ ระหว่างไล่สายตาไป ตามเรื่องราวในนั้น ผมเกิดคำถามในใจว่า ทำไมหนุ่มสาวในยุคสมัยนั้นจึง ได้มีเรี่ยวแรงกำลังและความใฝฝนต่างจากหนุ่มสาวในรุ่นเราเหลือเกิน

ความใฝฝนของพวกเขาเปนเรื่องระดับสังคม ระดับประเทศ มิใช่ความฝน เรื่องความสำเร็จส่วนตัว อยากเข้าทำงานในบริษัทที่มีชื่อเสียง อยากได้เงิน เดือนเยอะๆ อยากได้โบนัสปละหลายเดือน หรืออะไรทำนองนั้น

โจทย์ของพวกเขามุ่งหวังจะเปลี่ยนแปลงสังคมให้มีความเท่าเทียมกันมาก ขึ้น ช่วยเปนปากเปนเสียงให้แก่ชาวนา คนยากคนจน ให้ได้รับความเปน ธรรมในชีวิตมากกว่าที่เคย

แล้วพวกเราทำอะไรกันอยู่?

ผมเคยได้ยินผู้ใหญ่หลายคนพูดว่า โจทย์ของการศึกษาในยุคหลังกำหนด ไว้เพียงเพื่อรับใช้ทุนนิยม หวังผลิตแรงงาน พนักงาน เข้าสู่ระบบ เพื่อ ทำงานหาเงินตอบโจทย์ของผู้ประกอบการธุรกิจทั้งหลาย หันไปมอง โจทย์ที่อาจารย์หยิบยื่นให้พวกเราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเปนเช่นนั้นจริงๆ นิสิต อย่างพวกเรานั่งออกแบบเก้าอี้ราคาแพง อินทีเรียโรงแรมหรู สปาห้าดาว กราฟกดีไซน์เก๋ๆ เท่ๆ แทบไม่มีการออกแบบเพื่อแก้ปญหาให้คนเล็กคน น้อย หรือเพื่อแก้ปญหาของคนด้อยโอกาสในสังคม

เหมือนเราอยู่กันคนละโลก

มิใช่ว่านิสิตนักศึกษาไม่อยากใช้วิชาความรู้ช่วยเหลือสังคม แต่เราแทบ ไม่มีความคิดโหมดนั้น เพราะเราอยู่ในโลกที่ห่างไกลปญหาของคนเล็กคน น้อยเหล่านั้นเหลือเกิน

แน่นอน โจทย์ที่อาจารย์ให้เราคิดนั้นย่อมเปนโจทย์ที่จำเปนต่อการ ประกอบวิชาชีพ แต่หากมองอีกแง่หนึ่ง ถ้าเราอยู่ในสังคมเดียวกัน เราก็ ควรรับรู้ปญหาและลองใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาขบคิดหาวิธีแก้ให้กับเพื่อน ร่วมสังคมบ้างมิใช่หรือ แต่เราไม่เคยถูกสอนให้มองไปทางนั้น ทุกวันนี้ อาจเริ่มมีบ้างแล้ว

และนี่เปนสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วไปในมหาวิทยาลัยไทย สายใยเชื่อมต่อความ สัมพันธ์ระหว่างนิสิตนักศึกษากับปญหาสังคม เรื่องราวของสังคม ความ ทุกข์ยากของเพื่อนร่วมสังคมนั้นเลือนลางเหลือเกิน

...

3.หลังจากที่นักศึกษากลุ่มดาวดินออกมาเคลื่อนไหวและถูกจับกุมตัวไป ขึ้นศาลทหาร เราได้ยินทั้งผู้ใหญ่ในบ้านเมืองและคอมเมนต์ส่วนหนึ่งในเฟ ซบุ๊กพูดในทำนองว่า “ชื่นชมนักศึกษาที่ทำชื่อเสียงให้กับประเทศในทาง วิทยาศาสตร์ การกีฬา ส่วนกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวนี้ขอให้หยุด เพราะ ทำให้บ้านเมืองไม่สงบ” หรือคำพูดทำนองว่า “เปนนักศึกษาออกมา โวยวายทำไม หน้าที่ของนักศึกษาคือการเรียน” หรือกระทั่งคำกล่าวที่บอก ว่า “หน้าตาพวกนี้ไม่เหมือนนักศึกษา แต่เหมือนอสูรกุ๊ยมากกว่า”

ฟงแล้วก็น่าเศร้าแทนสังคมไทย นักศึกษาที่คิดถึงเพื่อนร่วมสังคม ต่อสู้ เพื่อความเปนธรรม กลับกลายเปนนักศึกษาที่ผู้ใหญ่ไม่ต้องการ แล้วเรา ต้องการนักศึกษาแบบไหนกันหรือ?

บางคนเขียนคอมเมนต์ถามนักศึกษาเหล่านี้ว่า “ตอนรัฐบาลโกงกินทำไม ไม่ออกมา ไปหดหัวอยู่ที่ไหน” ซึ่งผมคิดว่านี่คือเรื่องเดียวกัน ไม่ว่ารัฐบาล คอร์รัปชั่นที่มาจากการเลือกตั้งหรือรัฐบาลที่ใช้อำนาจอย่างไม่ธรรมที่มา จากการยึดอำนาจก็ควรถูกตรวจสอบทั้งนั้น และกลุ่มดาวดินก็ต่อสู้กับทั้ง สองรัฐบาลมาแล้วนี่แหละ

การจับกุมนักศึกษากลุ่มดาวดินจึงมิได้น่าเศร้าเพียงเพราะเจ้าหน้ารัฐจับกุม นักศึกษากลุ่มหนึ่งที่ต่อสู้เพื่อความเปนธรรมให้ชาวบ้านเท่านั้น แต่การ จับกุมเช่นนี้ย่อมสร้างความหวาดกลัวให้กับนักศึกษาและพลเมืองอีกเปน จำนวนมากที่หวังดีต่อสังคม นับเปนการตัดตอนความคิด ความฝน และ ความหวัง มิใช่เพียงของคนหนุ่มสาว มิใช่เพียงของประชาชน แต่ยัง เปนการตัดตอนความคิด ความฝน และความหวังของสังคมไทย

เพราะมันบอกกับเราว่าสังคมนี้ไม่ให้คุณค่ากับการต่อสู้เพื่อความเปนธรรม ให้กับเพื่อนร่วมสังคมแม้แต่น้อย

หากยอมปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น เราอยากเห็นสังคมเปนอย่างไร หรือ?

...

4.สังคมที่ผู้คนหัวเราะ เสียดสี ก่นด่า เมื่อนักศึกษาที่ต่อสู้เพื่อความเปน ธรรมของชาวบ้านถูกจับนั้นเปนสังคมประเภทไหนกัน

เราไม่ต้องการพลเมืองที่มีสำนึกเพื่อเพื่อนร่วมสังคมจริงหรือ?

ถ้าครอบครัวของเราต้องดื่มน้ำจากลำธารปนเป้อนสารเคมี เราไม่ต้องการ ความเห็นใจจากใครเลยจริงหรือ ถ้าเพื่อนของเราต้องดื่มน้ำปนเป้อนสาร เคมี เราจะยักไหล่แล้วบอกว่าจะร้องแรกแหกกระเชอไปทำไม เราจะอยู่กัน อย่างนั้นจริงๆ หรือ?

ถ้าน้องๆ ดาวดินต่อสู้เพื่อเรา เพื่อหมู่บ้านของเรา เราจะมองเขาต่างไปจาก ตอนนี้ไหม

วันหนึ่งนักศึกษาเหล่านี้อาจทวงถามบางสิ่งเพื่อพวกเราก็เปนได้ หรือต้อง รอให้ถึงวันนั้น เราจึงคิดว่าพวกเขาทำในสิ่งที่ถูกต้อง

สำหรับผมแล้ว ดาวดินเปนตัวอย่างนักศึกษาที่หาได้ยากในสังคมไทย ทั้ง ความทุ่มเทและความกล้าหาญของพวกเขา ล้วนแล้วแต่เปนนักศึกษาที่ควร ได้รับการคารวะ ผมนับถือพวกเขาที่มองเห็นชาวบ้านเปน ‘เพื่อน’ ซึ่งสิ่งที่ เกิดขึ้นก็คือชาวบ้านก็เห็นพวกเขาเปน ‘เพื่อน’ เช่นกัน

สำนึกถึง ‘เพื่อน’ ร่วมสังคมเช่นนี้เองเปนสิ่งวิเศษกับสังคมโดยรวม เพราะ มันสร้างบรรยากาศของการเปนส่วนหนึ่งของกันและกัน เห็นใจกัน ช่วย เหลือเกื้อกูลกันให้เกิดขึ้นในสังคม

ความเปน ‘เพื่อน’ ที่ว่านี่เองที่ขาดหายไปจากสังคมไทย เพราะเรามัวแต่ คิดถึง ‘ประเด็นส่วนตัว’ หลายคนอาจเบื่อการเมือง เบื่อการเคลื่อนไหวเรียกร้อง และชอบที่บ้าน เมืองสงบ แต่เราคงต้องถามว่า ‘สงบ’ นั้นสงบของใคร และสงบเพื่อใคร ในเมื่อยังมีคนเสียประโยชน์จากความ ‘สงบ’ ที่ว่านี้ และจำเปนต้องส่ง เสียงออกมาให้คนอื่นได้ยิน จำเปนต้องต่อสู้เพื่อชีวิตของตัวเอง

เพราะเหตุนี้บ้านเมืองที่สงบไร้สุ้มเสียงเรียกร้องหรือโต้แย้งจึงเปนโลก สมมุติที่ซุกปญหาเอาไว้ใต้พรม กดทับเสียงร้องไห้ของคนจำนวนมากเอา ไว้ไม่ให้คนส่วนใหญ่ได้ยิน

สงบสุขอยู่เหนือความทุกข์ที่มองไม่เห็น

ด้วยเหตุนี้เอง ประชาธิปไตยจึงสำคัญ เพราะมันเปดโอกาสให้ทุกเสียงได้ พูด ได้ส่งเสียง ได้เรียกร้อง

ทุกเสียงพูดได้ ดังเท่ากัน และสำคัญเท่ากัน

...

5.ก่อนถูกจับกุมตัว นักศึกษาเหล่านี้ใส่เสื้อที่มีตัวหนังสือเขียนว่า “เราคือ เพื่อนกัน” ผมคิดว่าคำคำนี้มีความหมายอีกแง่มุมหนึ่งซ่อนอยู่ในนั้นด้วย หาก ‘เพื่อน’ คือคนที่มองเห็นความทุกข์ของกันและกัน และไม่ได้คิดถึง แต่ตัวเอง นักศึกษาเหล่านี้คือเพื่อนของชาวบ้าน คือเพื่อนของประชาชน

‘เรา’ คือประชาชนทั้งหมด

ส่วน ‘ปศาจ’ หรือ ‘อสูร’ ที่แท้จริงนั้นคือคนที่อยู่ตรงข้ามกับประชาชน ไม่ ว่าเขาคือใคร ไม่ว่าจะมาด้วยวิธีไหน เลือกตั้งเข้ามา ยึดอำนาจเข้ามา หาก ตรงข้ามกับประชาชน ไม่ฟงเสียง ไม่ให้ความสำคัญ ไม่คิดถึงผลประโยชน์ ของประชาชนทุกหมู่เหล่าอย่างแท้จริง เราควรยืนข้างกันเพื่อส่งเสียงขับ ไล่ปศาจร้ายร่วมกัน

ผู้นำเอง ถ้าเห็นว่าเราคือเพื่อนกัน ถ้าอยู่ข้างประชาชนก็ต้องรับฟงกัน เปด โอกาสให้ได้แสดงความคิดเห็น นำไปแก้ไข มิใช่จ้องแต่จะจับคนที่ออกมา ตักเตือนไปขังหรือปรับทัศนคติ

‘เรา’ ควรสู้กับคอร์รัปชั่นด้วยกัน และสู้กับอำนาจที่ไม่ชอบธรรมด้วยกัน

การสู้กับความไม่ชอบธรรมทุกรูปแบบนั้นจำเปนด้วยกันทั้งนั้น

อาจมีความเห็นต่าง บ้างไม่ชอบคุณทักษิณ ไม่ชอบคุณประยุทธ์ก็ว่ากันไป (ซึ่งไม่แปลกถ้าใครจะไม่ชอบทั้งคู่) แต่ถ้าเห็นต่างว่าไม่ควรต่อสู้เพื่อคนที่ ด้อยโอกาส คนเสียงเบา คนจน หรือไม่ควรให้เขาเหล่านี้แสดงความคิด แสดงออก อันนี้คงเปนเรื่องใหญ่

สังคมสงบสุขที่เราต้องการน่าจะเปนสังคมที่ผู้คนสนใจปญหาและความ ทุกข์ของกันและกัน รับฟงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างมีอารยะ มิใช่สงบ เพราะปดปากคนอื่นหรือหรือละเลยไม่ใส่ใจความทุกข์ที่ห่างไกลตัวเอง

สังคมแบบนั้นอาจดูเหมือนสงบ เพียงเพราะเราไม่ได้ยิน หรือไม่สนใจเสียง ร้องไห้ของคนอื่น

ในฐานะคนที่อยู่ร่วมสังคมเดียวกัน #เราคือเพื่อนกัน มิใช่หรือ

ถ้าไม่เปนเพื่อนกับประชาชน แล้วเราจะเปนเพื่อนกับใคร?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่