ร้าน Mae Krua San Francisco



เราเป็นเจ้าของ อยากเล่า อยากบอก กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ อย่างน้อยก็อยากให้เป็น กำลังใจให้คนที่มีความฝัน

http://www.yelp.com/biz/mae-krua-san-francisco

เล่าเลยแล้วกันน่ะครับ

ฝรั่งถามว่าร้านแปลว่าอะไร
Mae means Mother, Krua means kitchen ผมก็จะบอกว่าแบบนี้ แต่ว่าถ้าเอาสองคำมารวมกัน ก็จะแปลว่า คนที่ทำอาหารที่ดีที่สุดในบ้านก็คือ แม่ (Mae)
และอีกความหมายหนึ่งคือ คนที่ทำอาหาร ในครัว ของร้านอาหาร หรือที่ต่างๆ เราจะเรียกคนเหล่านั้นว่าแม่ครัว อันนี้เป็นความหมายที่เราคอยบอกลูกค้า
ทำไมผมต้องให้ชื่อร้าน ว่า Mae Krua เพราะว่าผมฝันไว้ว่าถ้าผมมีร้านอาหารเป็นของตัวเอง ผมจะใช้ชื่อนี้ เพราะความหมายดี คือมีคำว่าแม่ ซึ่งเป็นบุคคลที่เรารักมาก

กว่าจะมาถึงจุดนี้
ผมมาซานฟรานซิสโก แบบตั้งใจมาลำบาก มาสู้เอาดาบหน้า ผมออกเดินทางจากเมืองไทยแล้วมาถึง ซานฟราน วันที่ 30 พฤศจิกายน 2007 และผมก็ออกหางาน แล้วได้งาน ที่ร้านไทยสติก และเราก็เริ่มงาน วันที่ 1 ธันวาคม มาด้วยเงินติดตัว สองร้อย เหรียบ ซื้อตั๋ว มาเที่ยวเดียว กะว่ามาตามเอาดาบหน้าจริงๆ เพราะว่าถ้าอยู่เมืองไทย เราก็คอยจะเป็นภาระ ให้ครอบครัว จากที่เราเคยช่วยเหลือครอบครัว ก่อนมาก็ตัดสินใจสั้นมาก สามวัน พอตัดสินใจก็บอกเพื่อนให้ซื้อตั๋ว มา แล้วบอกแม่ตอนกลางคืน แล้วบินเช้า หันหลังให้ทางบ้านเลย รู้ตัวแน่ๆว่าเราต้องลำบากแน่ๆ
พอมาถึง แล้วได้งาน แต่ว่าเรายังไม่มีที่พัก เราก้ไปอาศัยกับคนที่เรารู้จักแบบนิดๆ คือ เขาเป็นแม่ ของคนที่ได้คุยกันที่เมืองไทย ก็เลยไปอาศัยหลับที่ห้องเขา เป็นห้องเล็กมากๆๆๆๆ เขาก็ทำงานร้านอาหารเหมือนกัน เขาเลยให้เรานอน และ เขาก็ฝากให้เราทำงานกับร้านที่เขาทำ คือทำ ตอน เที่ยงคืนถึง ตีสาม เพราะว่าเราจะได้อาศัย นอนที่บ้านเขา เพราะว่าเช้าเราก็จะได้มาทำงานร้านที่เราสมัครได้ ทำแบบนี้อยู่สักเดือนได้ พอสักพัก แม่ครัวใหญ่ที่ร้าน ที่เราได้งาน บอกกับเจ้าของร้านว่า เรายังไม่มีห้องพัก เจ้าของร้านก็เลยบอกว่าให้นอนในร้าน (ห้องเก็บของ) และเจ้าของร้านก็ให้ ผ้าปูนอน หมอน ผ้าห่ม นอน แล้วก็ห้องอาบน้ำ ลงไปใช้ใต้ถุนร้าน เราก็เก็บทำความสะอาด ตอนที่เราอยู่ที่นี้ เราก็ทำงานสิบเอ็ดโมงเช้า เลิก เที่ยงคืน เขาปิดร้าน เราก็เดินสงใต้ถุนอาบน้ำ แต่งตัวแล้วก็หอบที่นอนขึ้นมานอน ทำแบบนี้ มาเป็นเวลาหกเดือน ในระหว่างที่ผมอยู่ที่นี้ ผมก็ได้ อาศัยไปเรียนภาษาอังกฤษฟรีของ City College of San Francisco ไปเรียน 8 โมงเช้า แล้วก็เลิกเรียนตอน 10 โมงแล้วก็เดินกลับมาทำงานต่อ ทำแบบนี้มาตลอด สาเหตุที่เราไปเรียน คือได้ความรู้ แล้วได้เจอคน แล้วได้เจอครู เราคิดว่า เราอาจจะสามารถมองเห็นช่องทาง เห็นอนาคต เพือนว่าอะไรดี ก็ไปดู เอาหมด แบบว่าอะไรสงสัยก็ไปเลย ไปถามหาข้อมูล ต่างๆนาๆ ตอนหกเดือนนี้ ไม่เหนื่อยเท่าไร เพราะว่าไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมาก คือ เรียนก็ไม่ได้ แบบว่า ต้องสอบผ่าน ก็เลยแบบสะบาย จนในที่สุด ว่าคิดจะเปลี่ยนวีซ่าเป็นนัก เลยลอง ไปสมัครดู เงินก็ไม่มี แต่ว่าเพือนๆ ที่ทำงานก็ให้เงินมารวมๆกันมาใส่บัญชี แล้วทำ Statement พอได้ก็ลองไปสมัคร แล้วก็ได้ เอกสาร เลยตัดสินใจกลับเมืองไทยไปทำวีซ่านักเรียน แล้วกับมาต่อ ตอนนี้ก็ต้องเช่าห้องอยู่เองเพราะว่าจะได้สะดวกมากขึ้น พอได้วีซ่าก็กลับมา มาเรียนภาษา เรียน บ่ายโมง เลิกห้าโมง แล้วก็รีบกลับมาทำงาน ทำแบบนี้สองเทอม แล้วก็สอบเข้าได้ เรียนใบประกาศ ตอนนี้แหละ ที่หนักสุดๆ คือเรียนการบ้านก็เยอะ งานก็ต้องทำถึงเที่ยงคืน บางคืนไม่ได้นอน เพราะว่าต้องทำการบ้าน หนักมาก แต่ว่าท้อไม่ได้เพราะว่าถ้าเราท้อ เราไม่ไปเรียน เราจะเสียวีซ่าแล้วก็เสียอนาคต เพราะว่าเราก็อยากอยู่ที่นี้อย่างถูกกฏหมาย แต่ทนครับ และระหว่างเรียน ก็มีเหตูการแบบกระทันหันคือ พ่อป่วยหนักต้องกลับบ้านด่วน (เหตุการณ์ตอนนี้เอาไว้เล่าต่ออีกบท) ผมก็ได้ทำงานที่ร้านจนเรียนจบ พอเรียนจบก็อยู่ทำงานได้ถูกกฏหมายในประเทศนี้ได้ พอได้เอกสาร ผมก็เริ่มอยากหาประสบการณ์ ที่อื่นดูบ้าง ผมก็เริ่มสมัครงาน ที่สนามบิน ท่าเรือจอดเรือสำราญ แล้วก็ ร้านอาหารฝรั่ง แต่ว่าก็ยังทำอยู่ร้านไทยร้านนี้อยู่ แต่ว่าเราถอนวันทำงานออกบ้าง
ตอนได้ร้านนี้ก็ประมาณเดือนพฤษภาคม เพือนผมแนะนำผมก็เลยลองส่งใบสมัครดู ผมก็ทำอาหารให้เขาลองชิม แล้วก็รอประมาณ สองอาทิตย์ ผมก็ได้รับคำตอบว่าเขาเลือกเรา ต่อจากนี้ผมก็เริ่มดำเนินการเรื่องเอกสาร ขอจดทะเบียนการค้า ภาษี กระทรวงสาธารณสุข นี้เป็นการเริ่มทำร้านครั้งแลกไม่เคยมีประสบการณ์ ผมก็ใช้วิธี ไป city hall เพื่อขอคำปรึกษาว่าต้องทำอะไรบ้าง เขาก็ให้ขั้นตอนมาว่าต้องเริ่มอะไรก่อน ในระหว่างที่ผมขอเอกสาร และกำลัง ตกแต่งร้าน ผมก็ยังทำงานอยู่ ร้านฝรั่งอยู่ แต่ว่าในที่สุดผมก็ต้องลาออก เพราะว่าร้านก็ใกล้จะเปิดแล้วผมจะได้ให้เวลาเต็มที่กับร้าน สั่งตู้เย็น ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้จริง เพราะว่าเราได้เรียนรู้และได้เริ่มต้นของความฝัน และในที่สุดผมก้ได้เปิดร้านเมือ วันที่ 2 กรกฎาคม 2557 ตอนนี้ก็เกือบจะครบหนึ่งปีแล้ว
จากวันแรกที่เปิดร้านมาจนถึงวันนี้ ยอดขายก็เพิ่มขึ้น ประสบการณ์ที่ได้ ถือว่าคุ้มค่า
นี้ก็เป็นเมนูที่ขายนะปัจจุบัน
Soup
Tom Yum Tofu                             5
Mushroom, Tomato, Onion, Lemon Grass, Kaffir Leaf, Galangal
Appetizer
Rice Ball                             2
Rice, Flavor, Coconut Milk
Fresh Spring Rolls                         6
Mixed Greens, Cucumber, Celery, Cilantro, Green Onion, Mint, Carrot
Papaya Salad                             7
Green Papaya, Tomato, Dried Shrimp, Green Bean, Fish Sauce, Peanut
Main Course
Rice Ball with House Salad (2 Balls)                  8
Rice Ball, Dipping Sauce, Salad with Sesame Dressing
Rice Ball Salad (2 Balls)                     8
Ginger, Red Onion, Green Onion, Cilantro, Mint, Peanut, Fish Sauce
Pumpkin Curry with Tofu (Over Rice)                 8
Pumpkin, Onion, Carrot, Bell Pepper, Tofu, Basil
Pat Phet Tua with Tofu (Over Rice)                8
Tofu, Green Bean, Basil, Bell Pepper, Home Made Pat Phet Sauce
Noodle
Pat See Ewe with Tofu                     8
Rice Noodle, Chinese Broccoli, Egg, Mae Sauce
Oup Woonsen with Tofu                     8
Silver Noodle, Cabbage, Green Onion, Garlic, Ginger, White Pepper, Soy Sauce
Dessert
Sticky Rice with Mango                     6
Drink
Fresh Coconut                            4
Coconut Water                            2
Thai Iced Coffee                        2.50
Thai Iced Tea                            2.50
KHOB KHUN KRAP                         Free!

ถ้าผมเล่าแล้วงงถามได้น่ะครับว่าอยากจะทราบตอนไหนตรงไหน ผมยินดีเล่าให้ฟังต่อ และผมก็ยินดีที่แบ่งปันประสบการณ์ และให้กำลังใจกับคนที่จะทำตามฝันน่ะครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่