เซี่ยงหยี่ Xiang Yu ถือกำเนิดขึ้นใน ปีที่ 232 ก่อน ค.ศ. ตระกูลของเขาเกี่ยวเนื่องกับเชื้อพระวงศ์ของแคว้นฉู่
บรรพชนหลายรุ่นเคยรับราชการในตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ จนกระทั่งเมื่อแคว้นฉู่ล่มสลาย แม่ทัพใหญ่เซี่ยงเยี่ยน
ปู่ของเขาฆ่าตัวตายหลังจากรบแพ้กองทัพฉิน คนอื่นๆ ในตระกูลบ้างตาย บ้างก็หายสาปสูญ สำหรับเซี่ยงหยี่
เองนั้น กำพร้าบิดามารดาโดยได้เซี่ยงเหลียงผู้เป็นอาเลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่
ปีที่ 206 ก่อน ค.ศ. ฉู่ไหวหวางก็ทรงมีพระบัญชาให้เซี่ยงหยี่และหลิวปังรวมทั้งแม่ทัพของกองกำลังกบฏอื่นๆ
เคลื่อนพลเข้าตีดินแดนของราชวงศ์ฉิน โดยประกาศว่า หากกองทัพของผู้ใดเข้ายึดนครเสียนหยางได้ก่อน จะได้รับ
แต่งตั้งให้เป็นเจ้าแคว้นปกครองดินแดนเดิมของฉินทั้งหมด เซี่ยงหยี่นำทัพรุกเข้าแดนศัตรูอย่างเข้มแข็ง ทว่าเส้น
ทางที่เซี่ยงหยี่เลือกใช้นั้น ค่อนข้างไกล ทั้งยังมีทัพหลวงของราชวงศ์ฉินตั้งมั่นอยู่ ทำให้การคืบหน้าเป็นไปได้ช้า
ขณะที่ฝ่ายของหลิวปังนั้นเลือกเส้นทางลัดจึงเคลื่อนทัพได้เร็วกว่ากองทัพสายอื่นๆ
กองทัพของเซี่ยงหยี่ Xiang Yu รุกคืบหน้าจนถึงจี้หยวนและพบกับกองทัพฉินที่มีกำลังพลกว่าสามแสนนายที่บัญชา
การโดยจางหาน แม่ทัพใหญ่ราชวงศ์ฉิน หลังจากการรบอันดุเดือดผ่านไป ในที่สุดจางหานก็ยอมจำนนพร้อมไพร่พลที่
เหลืออีกเกือบสองแสนนาย เซี่ยงหยี่ยอมรับจางหานพร้อมกับรองแม่ทัพฉินอีกสองคนไว้เป็นพวก แต่เขาได้ออกคำสั่ง
ให้ฝังทั้งเป็นทหารฉินสองแสนคนเพื่อเป็นการข่มขวัญข้าศึกที่เหลือ
ฝ่ายหลิวปังได้หลีกเลี่ยงการปะทะที่ไม่จำเป็นและเร่งนำทัพคืบหน้า จนเข้าถึงเสียนหยางได้ก่อนกองทัพอื่นๆ กษัตริย์
ฉินจื่ออิง ราชนัดดาของฉินซี ได้ยอมจำนนและมอบตราแผ่นดินให้ หลิวปังสั่งทหารห้ามเผาบ้านเรือนทำร้ายราษฎรทำให้
ได้รับการสรรเสริญจากผู้คน จากนั้นก็ส่งทหารส่วนหนึ่งไปคอยสกัดทัพเซี่ยงหยี่ที่ด่านหานกู่
เมื่อเซี่ยงหยี่นั้นนำทัพที่ใหญ่ที่สุดของเขาผ่านจางฮั่นไปได้ แต่กลับพบว่าทัพของหลิวปังเข้าครองเสียนหยางไปก่อนแล้ว
ที่ทำการทุกอย่างโดนหลิวปังส่งทหารเข้าไปคุม แม้แต่ฮ่องเต้ของของรัฐฉินก็ยังยอมแพ้ต่อหลิวปัง จอมอสูรสงครามเตรียม
ทำศึกกับหลิวปังทันที แต่ฟ่านเจิง เสนาธิการฝ่ายเซี่ยงหยี่นั้นเสนอแผนการให้เรื่องง่ายกว่านั้น นั่นคือ จัดงานเลี้ยงฉลองให้
แก่หลิวปังเสียเลยในงานเลี้ยงมรณะที่ว่าเรียกว่า "งานเลี้ยงหงเหมิน"

เมื่อได้พบหน้ากันหลิวปังก็พยายามแก้ตัวว่า กองทัพของตนไม่ได้บุกเข้าไปในตัวเมืองเสียนหยาง เพียงแต่สั่งให้กำลังเข้าดู
แลบริเวณชานเมืองเท่านั้นเพื่อรอคอยเซี่ยงหยี่ให้เดินทางมาครองตำแหน่งฮ่องเต้ เมื่อได้ยินดังนั้นเซี่ยงหยี่ก็เกิดความลังเลและ
ไม่ได้ส่งสัญญาณให้มือสังหารที่ซุ่มอยู่ลงมือจัดการจับหลิวปังดังที่ได้เตรียมการณ์เอาไว้
ด้านฟ่านเจิง เสนาบดีของเซี่ยงหยี่เมื่อเห็นเจ้านายของตนเองเกิดอาการลังเล โดยแม้จะมีการสะกิดเตือนให้เซี่ยงหยี่ลงมือฆ่า
หลิวปังเสียก็ไม่เป็นผล จึงสั่งการให้นายพลที่ชื่อเซี่ยงจวงแสร้งเป็นออกแสดงการรำดาบในวงงานเลี้ยงรับรอง โดยเมื่อสบโอกาส
ให้ลงมือสังหารหลิวปังเสีย ทว่า เซี่ยงจวงไม่ทันได้ลงมือ จางเหลียงซึ่งเป็นเสนาธิการของหลิวปังเห็นสถานการณ์คับขันยิ่งจึงรีบ
เรียกให้นายพลฝานไคว่ออกมารับมือเพื่อปกป้องหลิวปังก่อน โดยฝานไขว้ถือดาบและโล่พุ่งเข้ามาในวงงานเลี้ยง พร้อมกับกล่าว
ชื่นชมหลิวปังต่างๆ นาๆ ว่า “หลิวปังบุกเข้าเมืองเสียนหยางก่อน แต่กลับไม่ได้ยึดเมืองและตั้งตนเป็นฮ่องเต้แต่อย่างใด เฝ้ารักษา
เมืองเอาไว้เพื่อรอคอยให้ท่านเดินทางมาเป็นฮ่องเต้ ลูกน้องที่สร้างคุณงามความดี มีความสามารถเช่นนี้ เซี่ยงหยี่ท่านจะหาได้จาก
ที่ใดอีก”
เซี่ยงหยี่เมื่อได้ฟังก็มิอาจทำเช่นไรได้ เพียงยกจอกสุราขึ้นกล่าวชมเชย จางเหลียงกับหลิวปังจึงรีบยกจอกสุราขึ้นดื่มโดยพลัน
หลิวปังได้ทีก็แสร้งทำเมาแล้วเดินออกจากกระโจมอ้างว่าจะไปปัสสาวะ ฝานไขว้เป็นคนประคองออกไปพร้อมกัน เมื่อออกมาไกลทั้งคู่
ก็หนีกลับไปที่ค่ายของตัวเอง เพราะหลิวปังนั้นยังหาใช่ศัตรูที่เซี่ยงหยี่จะต้องเกรงกลัวไม่จึงมิได้จัดการตัวปัญหาในภายหน้าทิ้งซะที่นี่
ครั้งนี้หลิวปังรอดมาได้เพราะอุบายของจางเหลียง แต่ก็หารู้ไม่ว่าบั้นปลายของจางเหลียงต้องดับลงด้วยคนที่ตนได้ช่วยชีวิตไว้ในครั้งนี้
ประดั่งคำที่ว่า "เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล" แล้วจะเล่าถึงความตระบัดสัตย์ของหลิวปังที่มีต่อ ฌ้อป้าอ๋องในภายหลัง
ฌ้อป้าอ๋อง และ หลิวปัง
เซี่ยงหยี่ Xiang Yu ถือกำเนิดขึ้นใน ปีที่ 232 ก่อน ค.ศ. ตระกูลของเขาเกี่ยวเนื่องกับเชื้อพระวงศ์ของแคว้นฉู่
บรรพชนหลายรุ่นเคยรับราชการในตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ จนกระทั่งเมื่อแคว้นฉู่ล่มสลาย แม่ทัพใหญ่เซี่ยงเยี่ยน
ปู่ของเขาฆ่าตัวตายหลังจากรบแพ้กองทัพฉิน คนอื่นๆ ในตระกูลบ้างตาย บ้างก็หายสาปสูญ สำหรับเซี่ยงหยี่
เองนั้น กำพร้าบิดามารดาโดยได้เซี่ยงเหลียงผู้เป็นอาเลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่
ปีที่ 206 ก่อน ค.ศ. ฉู่ไหวหวางก็ทรงมีพระบัญชาให้เซี่ยงหยี่และหลิวปังรวมทั้งแม่ทัพของกองกำลังกบฏอื่นๆ
เคลื่อนพลเข้าตีดินแดนของราชวงศ์ฉิน โดยประกาศว่า หากกองทัพของผู้ใดเข้ายึดนครเสียนหยางได้ก่อน จะได้รับ
แต่งตั้งให้เป็นเจ้าแคว้นปกครองดินแดนเดิมของฉินทั้งหมด เซี่ยงหยี่นำทัพรุกเข้าแดนศัตรูอย่างเข้มแข็ง ทว่าเส้น
ทางที่เซี่ยงหยี่เลือกใช้นั้น ค่อนข้างไกล ทั้งยังมีทัพหลวงของราชวงศ์ฉินตั้งมั่นอยู่ ทำให้การคืบหน้าเป็นไปได้ช้า
ขณะที่ฝ่ายของหลิวปังนั้นเลือกเส้นทางลัดจึงเคลื่อนทัพได้เร็วกว่ากองทัพสายอื่นๆ
กองทัพของเซี่ยงหยี่ Xiang Yu รุกคืบหน้าจนถึงจี้หยวนและพบกับกองทัพฉินที่มีกำลังพลกว่าสามแสนนายที่บัญชา
การโดยจางหาน แม่ทัพใหญ่ราชวงศ์ฉิน หลังจากการรบอันดุเดือดผ่านไป ในที่สุดจางหานก็ยอมจำนนพร้อมไพร่พลที่
เหลืออีกเกือบสองแสนนาย เซี่ยงหยี่ยอมรับจางหานพร้อมกับรองแม่ทัพฉินอีกสองคนไว้เป็นพวก แต่เขาได้ออกคำสั่ง
ให้ฝังทั้งเป็นทหารฉินสองแสนคนเพื่อเป็นการข่มขวัญข้าศึกที่เหลือ
ฝ่ายหลิวปังได้หลีกเลี่ยงการปะทะที่ไม่จำเป็นและเร่งนำทัพคืบหน้า จนเข้าถึงเสียนหยางได้ก่อนกองทัพอื่นๆ กษัตริย์
ฉินจื่ออิง ราชนัดดาของฉินซี ได้ยอมจำนนและมอบตราแผ่นดินให้ หลิวปังสั่งทหารห้ามเผาบ้านเรือนทำร้ายราษฎรทำให้
ได้รับการสรรเสริญจากผู้คน จากนั้นก็ส่งทหารส่วนหนึ่งไปคอยสกัดทัพเซี่ยงหยี่ที่ด่านหานกู่
เมื่อเซี่ยงหยี่นั้นนำทัพที่ใหญ่ที่สุดของเขาผ่านจางฮั่นไปได้ แต่กลับพบว่าทัพของหลิวปังเข้าครองเสียนหยางไปก่อนแล้ว
ที่ทำการทุกอย่างโดนหลิวปังส่งทหารเข้าไปคุม แม้แต่ฮ่องเต้ของของรัฐฉินก็ยังยอมแพ้ต่อหลิวปัง จอมอสูรสงครามเตรียม
ทำศึกกับหลิวปังทันที แต่ฟ่านเจิง เสนาธิการฝ่ายเซี่ยงหยี่นั้นเสนอแผนการให้เรื่องง่ายกว่านั้น นั่นคือ จัดงานเลี้ยงฉลองให้
แก่หลิวปังเสียเลยในงานเลี้ยงมรณะที่ว่าเรียกว่า "งานเลี้ยงหงเหมิน"
เมื่อได้พบหน้ากันหลิวปังก็พยายามแก้ตัวว่า กองทัพของตนไม่ได้บุกเข้าไปในตัวเมืองเสียนหยาง เพียงแต่สั่งให้กำลังเข้าดู
แลบริเวณชานเมืองเท่านั้นเพื่อรอคอยเซี่ยงหยี่ให้เดินทางมาครองตำแหน่งฮ่องเต้ เมื่อได้ยินดังนั้นเซี่ยงหยี่ก็เกิดความลังเลและ
ไม่ได้ส่งสัญญาณให้มือสังหารที่ซุ่มอยู่ลงมือจัดการจับหลิวปังดังที่ได้เตรียมการณ์เอาไว้
ด้านฟ่านเจิง เสนาบดีของเซี่ยงหยี่เมื่อเห็นเจ้านายของตนเองเกิดอาการลังเล โดยแม้จะมีการสะกิดเตือนให้เซี่ยงหยี่ลงมือฆ่า
หลิวปังเสียก็ไม่เป็นผล จึงสั่งการให้นายพลที่ชื่อเซี่ยงจวงแสร้งเป็นออกแสดงการรำดาบในวงงานเลี้ยงรับรอง โดยเมื่อสบโอกาส
ให้ลงมือสังหารหลิวปังเสีย ทว่า เซี่ยงจวงไม่ทันได้ลงมือ จางเหลียงซึ่งเป็นเสนาธิการของหลิวปังเห็นสถานการณ์คับขันยิ่งจึงรีบ
เรียกให้นายพลฝานไคว่ออกมารับมือเพื่อปกป้องหลิวปังก่อน โดยฝานไขว้ถือดาบและโล่พุ่งเข้ามาในวงงานเลี้ยง พร้อมกับกล่าว
ชื่นชมหลิวปังต่างๆ นาๆ ว่า “หลิวปังบุกเข้าเมืองเสียนหยางก่อน แต่กลับไม่ได้ยึดเมืองและตั้งตนเป็นฮ่องเต้แต่อย่างใด เฝ้ารักษา
เมืองเอาไว้เพื่อรอคอยให้ท่านเดินทางมาเป็นฮ่องเต้ ลูกน้องที่สร้างคุณงามความดี มีความสามารถเช่นนี้ เซี่ยงหยี่ท่านจะหาได้จาก
ที่ใดอีก”
เซี่ยงหยี่เมื่อได้ฟังก็มิอาจทำเช่นไรได้ เพียงยกจอกสุราขึ้นกล่าวชมเชย จางเหลียงกับหลิวปังจึงรีบยกจอกสุราขึ้นดื่มโดยพลัน
หลิวปังได้ทีก็แสร้งทำเมาแล้วเดินออกจากกระโจมอ้างว่าจะไปปัสสาวะ ฝานไขว้เป็นคนประคองออกไปพร้อมกัน เมื่อออกมาไกลทั้งคู่
ก็หนีกลับไปที่ค่ายของตัวเอง เพราะหลิวปังนั้นยังหาใช่ศัตรูที่เซี่ยงหยี่จะต้องเกรงกลัวไม่จึงมิได้จัดการตัวปัญหาในภายหน้าทิ้งซะที่นี่
ครั้งนี้หลิวปังรอดมาได้เพราะอุบายของจางเหลียง แต่ก็หารู้ไม่ว่าบั้นปลายของจางเหลียงต้องดับลงด้วยคนที่ตนได้ช่วยชีวิตไว้ในครั้งนี้
ประดั่งคำที่ว่า "เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล" แล้วจะเล่าถึงความตระบัดสัตย์ของหลิวปังที่มีต่อ ฌ้อป้าอ๋องในภายหลัง