ต่อยอดจากกระทู้ที่แล้วนะครับ :
http://pantip.com/topic/33791031
ที่ผมอธิบายว่า ทำไมการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆขึ้นมาจึงสำคัญมากในอนาคตที่กำลังจะมาถึง เรากำลังทำธุรกิจบนตลาดที่เข้าใกล้การแข่งขันสมบูรณ์มากขึ้นทุกวัน เพราะ การเติบโตอย่างรวดเร็วของอินเตอร์เน็ต สินค้าธรรมดาๆ ถ้าสู้ด้วยราคาถูกที่สุดไม่ได้ แล้วไม่เจ๋งจริง เปิดตัวมาแปบเดียวก็กลับบ้านเก่าไปแล้วครับ
ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน คนเราสร้างสรรค์ผลงานต่างๆออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น ดนตรี, เสื้อผ้า, อาหาร, แนวคิด, การแก้ปัญหา, นิยาย, หนังสือ, ภาพวาด, งานศิลปะ ไปจนถึง ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์, สิ่งประดิษฐ์ หรือ innovation อะไรก็ตามแต่
ถ้าคุณเอาผลงานของคุณมาขาย มันก็คือ สินค้า ของคุณนั่นแหละ
ผลงาน หรือ สินค้า ทุกชิ้นที่ถูกสร้างขึ้นมาล้วนแตกต่างกัน และระดับของ สินค้า ก็แตกต่างเช่นเดียวกัน ในบรรดาการสร้างสรรค์ของมนุษย์ทั้งหมด ระดับสูงที่สุด คือ ผลงานที่เรียกได้ว่าเป็น Original
Original หมายถึง สิ่งที่เกิดขึ้นมาใหม่จริงๆ ไม่ได้เกิดจากการลอกเลียนแบบคนอื่นมา อีกทั้งยังโดดเด่นและเป็นสัญลักษณ์ของสุดยอดแห่งความคิดสร้างสรรค์
ในกระทู้นี้ ผมขออ้างอิงบทความของ
Marty Neumeier ชื่อว่า six tests of originality มาแปลและแบ่งปันให้กับทุกคน
สำหรับต้นฉบับภาษาอังกฤษ สามารถเข้าดูที่ลิ้งนี้ได้เลยครับ
https://medium.com/rules-of-genius/the-6-tests-of-originality-20374ab56e39
วิธีทดสอบ 6 อย่างของเค้าทำไว้ได้ดีมากจริงๆ เราสามารถเอาบททดสอบแต่ละวิธีไปเปรียบเทียบกับสินค้าของเราเองได้เลยว่า สินค้า ของเรา เจ๋งแค่ไหนกันแน่ โดยผมได้พยายามตีความและแปลเป็นภาษาไทยให้เข้าใจง่ายที่สุด ตามรายละเอียดด้านล่างเลยครับ
1. เมื่อสินค้าชิ้นนี้ ออกสู่โลกในตอนแรก มันจะต้องมีคนไม่ชอบ, ไม่พอใจ, อิจฉา และดูถูกแน่นอน
2. ถ้าไอเดียที่ดียิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว ไอเดียที่สุดยอดยิงปืนนัดเดียวจะได้นก 10 ถึง 20 ตัว
อาจจะเป็นเพราะว่าไอเดียที่สุดยอด สร้างสรรค์มาจากรากเหง้าของปัญหาที่แท้จริง มันจึงแก้ปัญหา 10 ถึง 20 อย่าง ที่เกิดจากต้นเหตุเดียวกันได้ทั้งหมด
3. มันเสี่ยงมาก แต่เมื่อคิดดูแล้ว มันก็คุ้มค่าที่จะพิสูจน์ว่าเวิร์คมั้ย
4. สินค้าชินนี้จะไม่มีการประนีประนอม มันจะบังคับให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อาจจะเป็นเพราะว่ามันใช่ และมันดี เกินกว่าที่ลูกค้าจะปฏิเสธได้
*5. คนอื่นสามารถสร้างผลงานของตนเองต่อยอดขึ้นไปได้ จาก "ประโยชน์" หรือ "ความเป็นไปได้" ที่ผลงานชิ้นนี้วางรากฐานไว้ให้
รวมถึงผลงานชิ้นต่อไปของคุณเอง ก็ควรจะสามารถต่อยอดมาจากรากฐานที่ผลงานชิ้นนี้วางไว้ให้เช่นเดียวกัน
รากฐาน หมายความว่า ผลงานชิ้นนี้จะต้องไม่ถูกแก้ไขอีกแล้ว เพราะว่าหากแก้ไขทุกอย่างที่ต่อยอดขึ้นไปจะสั่นคลอนทั้งหมด
6. คำอธิบายของมันสามารถสรุปได้ในประโยคเดียว
ไม่ใช่เพราะว่ามันไม่มีอะไรเลย แต่เป็นเพราะว่าความคิดที่อยู่ภายใต้ไอเดียนี้ได้ถูกจัดลำดับและเรียบเรียงมาอย่างยอดเยี่ยมแล้ว
6 วิธีทดสอบว่า สินค้า ของคุณมีความเป็น Original แค่ไหน
ที่ผมอธิบายว่า ทำไมการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆขึ้นมาจึงสำคัญมากในอนาคตที่กำลังจะมาถึง เรากำลังทำธุรกิจบนตลาดที่เข้าใกล้การแข่งขันสมบูรณ์มากขึ้นทุกวัน เพราะ การเติบโตอย่างรวดเร็วของอินเตอร์เน็ต สินค้าธรรมดาๆ ถ้าสู้ด้วยราคาถูกที่สุดไม่ได้ แล้วไม่เจ๋งจริง เปิดตัวมาแปบเดียวก็กลับบ้านเก่าไปแล้วครับ
ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน คนเราสร้างสรรค์ผลงานต่างๆออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น ดนตรี, เสื้อผ้า, อาหาร, แนวคิด, การแก้ปัญหา, นิยาย, หนังสือ, ภาพวาด, งานศิลปะ ไปจนถึง ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์, สิ่งประดิษฐ์ หรือ innovation อะไรก็ตามแต่
ถ้าคุณเอาผลงานของคุณมาขาย มันก็คือ สินค้า ของคุณนั่นแหละ
ผลงาน หรือ สินค้า ทุกชิ้นที่ถูกสร้างขึ้นมาล้วนแตกต่างกัน และระดับของ สินค้า ก็แตกต่างเช่นเดียวกัน ในบรรดาการสร้างสรรค์ของมนุษย์ทั้งหมด ระดับสูงที่สุด คือ ผลงานที่เรียกได้ว่าเป็น Original
Original หมายถึง สิ่งที่เกิดขึ้นมาใหม่จริงๆ ไม่ได้เกิดจากการลอกเลียนแบบคนอื่นมา อีกทั้งยังโดดเด่นและเป็นสัญลักษณ์ของสุดยอดแห่งความคิดสร้างสรรค์
ในกระทู้นี้ ผมขออ้างอิงบทความของ Marty Neumeier ชื่อว่า six tests of originality มาแปลและแบ่งปันให้กับทุกคน
สำหรับต้นฉบับภาษาอังกฤษ สามารถเข้าดูที่ลิ้งนี้ได้เลยครับ
https://medium.com/rules-of-genius/the-6-tests-of-originality-20374ab56e39
วิธีทดสอบ 6 อย่างของเค้าทำไว้ได้ดีมากจริงๆ เราสามารถเอาบททดสอบแต่ละวิธีไปเปรียบเทียบกับสินค้าของเราเองได้เลยว่า สินค้า ของเรา เจ๋งแค่ไหนกันแน่ โดยผมได้พยายามตีความและแปลเป็นภาษาไทยให้เข้าใจง่ายที่สุด ตามรายละเอียดด้านล่างเลยครับ
1. เมื่อสินค้าชิ้นนี้ ออกสู่โลกในตอนแรก มันจะต้องมีคนไม่ชอบ, ไม่พอใจ, อิจฉา และดูถูกแน่นอน
2. ถ้าไอเดียที่ดียิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว ไอเดียที่สุดยอดยิงปืนนัดเดียวจะได้นก 10 ถึง 20 ตัว
อาจจะเป็นเพราะว่าไอเดียที่สุดยอด สร้างสรรค์มาจากรากเหง้าของปัญหาที่แท้จริง มันจึงแก้ปัญหา 10 ถึง 20 อย่าง ที่เกิดจากต้นเหตุเดียวกันได้ทั้งหมด
3. มันเสี่ยงมาก แต่เมื่อคิดดูแล้ว มันก็คุ้มค่าที่จะพิสูจน์ว่าเวิร์คมั้ย
4. สินค้าชินนี้จะไม่มีการประนีประนอม มันจะบังคับให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อาจจะเป็นเพราะว่ามันใช่ และมันดี เกินกว่าที่ลูกค้าจะปฏิเสธได้
*5. คนอื่นสามารถสร้างผลงานของตนเองต่อยอดขึ้นไปได้ จาก "ประโยชน์" หรือ "ความเป็นไปได้" ที่ผลงานชิ้นนี้วางรากฐานไว้ให้
รวมถึงผลงานชิ้นต่อไปของคุณเอง ก็ควรจะสามารถต่อยอดมาจากรากฐานที่ผลงานชิ้นนี้วางไว้ให้เช่นเดียวกัน
รากฐาน หมายความว่า ผลงานชิ้นนี้จะต้องไม่ถูกแก้ไขอีกแล้ว เพราะว่าหากแก้ไขทุกอย่างที่ต่อยอดขึ้นไปจะสั่นคลอนทั้งหมด
6. คำอธิบายของมันสามารถสรุปได้ในประโยคเดียว
ไม่ใช่เพราะว่ามันไม่มีอะไรเลย แต่เป็นเพราะว่าความคิดที่อยู่ภายใต้ไอเดียนี้ได้ถูกจัดลำดับและเรียบเรียงมาอย่างยอดเยี่ยมแล้ว