[CR] อาเซียนร่วมใจ 6 วัน 5 คืน เที่ยวปีนังยันสิงคโปร์


สวัสดีค่ะ
กระทู้นี้เป็นเรื่องราวของการ Backpacker นอกประเทศครั้งแรกของผู้หญิงสวยใส  2 นาง นามสมมติว่า พร และ หล้า
การเดินทางเริ่มต้นจากการที่หล้าลงรูปที่ถ่ายไว้เมื่อชาติที่แล้วลง Facebook พร้อมแคปชั่นที่ว่า   “I must go. My people need me.”
เมื่อพรเห็น ด้วยความอยากเดินทางมันร่ำร้องอยู่ในจิตใจ จึงคอมเม้นไปว่า  “Yes I need  you and  we must go somewhere”
เพียงแค่ 2 ประโยคเท่านั้นละค่ะ การเดินทาง 6 วัน 5 คืนมันจึงเริ่มต้นขึ้นมา

หลังจากนั้น เราทั้งคู่ก็เริ่มวางแผนการท่องเที่ยวทันที สอบตอนไหน? เสร็จเมื่อไร? จะไปกี่วัน? ไปไหนกันนะ? และอื่นๆ
ใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือนในการวางแผนและปรับเปลี่ยน สรุปได้ดังนี้ !
1. ระยะเวลา : 4 มิถุนายน 58 – 9 มิถุนายน 58 (6 วัน 5 คืน)
2. จุดมุ่งหมาย : ปีนัง มาเลเซีย > กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย > สิงคโปร์
3. แผนการเดินทาง :  วันที่ 4 บินจากกทม. > หาดใหญ่ > รถตู้ > ปีนัง > วันที่ 5 รถบัส > กัวลาลัมเปอร์ > วันที่ 6 บินไปสิงคโปร์ > วันที่ 9 บินกลับกทม.
4. ที่พัก : Couchsurfing  
5. งบ : ตั้งไว้คนละ 6000 บาท
6. Concept : Travel like a local (ยืม Couchsurfing  มาอีกที)

พร’s part
เราเป็นคนวางแผนการเดินทางและหาข้อมูล ซึ่งได้มาจากการค้น Internet และร้านหนังสือ คือ ไปยืนอ่านทุกเล่มที่เกี่ยวกับมาเลเซียและสิงคโปร์ ตรงไหนจำเป็นสำหรับการเดินทางของเราก็จดและจำ
นอกจากนั้นอีกสิ่งที่ทำ คือ การจองตั๋วเครื่องบิน  เราใช้ skyscanner ในการเปรียบเทียบราคาของแต่ละสายการบิน และเช็คอีกทีที่หน้าเว็บของสายการบินนั้นๆ โดยตรง และเราเลือกที่จะใช้บริการสายการบิน  Air asia
วันที่ 4 มิถุนายน 58 : 9.50 น. – 11.50 น. กทม. – หาดใหญ่ ราคา 843.5 บาท (จริงๆจองไฟล์ทเช้ากว่านี้ พี่เขายกเลิกแล้วเลื่อนหนูมาเวลานี้)  
วันที่ 6 มิถุนายน 58 : 19.30 น. – 20.30 น. กัวลาลัมเปอร์ – สิงคโปร์ ราคา 840 บาท
วันที่ 9 มิถุนายน 58 : 20.00 น. – 22.00 น. สิงคโปร์ – กทม. ราคา 1584 บาท
* ราคาตั๋วบวกภาษีแล้วและเป็นราคาต่อคน *

หล้า’s part
ในส่วนหน้าที่ของเรารับผิดชอบเรื่อง Couchsurfing บางคนอาจจะงงว่า Couchsurfing คืออะไร?

Couchsurfing คือ การไปพักกับคนท้องถิ่นโดยที่เราไม่ต้องเสียเงิน อาจจะได้นอนที่โซฟา แชร์ห้องกับโฮสหรืออาจจะได้นอนห้องส่วนตัว ซึ่งข้อดีนอกจากเราจะประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว เรายังได้เรียนรู้ว่าคนท้องถิ่นจริงๆแล้วเขาใช้ชีวิตอยู่อย่างไร ได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน เดี๊ยวจะค่อยๆเล่าไปนะคะ ว่าเราเจออะไรกันบ้างกับ Couchsurfing

หลังจากที่ตกลงกันได้แล้วว่าเราจะหาที่พักแบบ Couchsurfing ก็เริ่มหาโฮสกันค่ะ โดยหาจากเมืองที่เราจะไปเที่ยวกัน
เมื่อเจอคนที่เราถูกใจก็คลิกเข้าไปอ่านรายละเอียดก่อนเลย โดยในรายละเอียดก็จะประกอบไปด้วยประวัติส่วนตัว ความชอบ ประเทศที่เคยไป ประเทศที่เคยอาศัย พูดได้กี่ภาษา สามารถโฮสได้กี่คน พี่พักเป็นแบบไหน กฎของการอยู่ร่วมกัน ฯลฯ
ถ้าตรงกับความต้องการของเรา ก็จัดการ send a request หรือส่งคำขอ ซึ่งการส่งคำขอไม่ใช่การ add friend เหมือนใน Facebook นะคะ ความรู้สึกเรามันคล้ายๆกับ การเขียน essay สมัครงาน คือ เราต้องบอกรายละเอียดการท่องเที่ยวของเรา ไปวันไหน? ไฟลท์ถึงกี่โมง? แพลนมีอะไรบ้าง? เราเป็นคนแบบไหน? เราเขียนส่งเป็นภาษาอังกฤษค่ะ แต่ใน Couchsurfing คนส่วนใหญ่สามารถพูดได้หลายภาษาค่ะ ถ้าหากเราถนัดภาษาอื่นๆ นอกจากภาษาอังกฤษก็จัดโล้ดเลยค่ะ เขียนส่งเรียบร้อยทีนี้ก็รอการตอบกลับค่ะ
ตัวเราเองมีประสบการณ์ในการโฮสนักท่องเที่ยวมาแล้ว เมื่อเขากลับไปเขาก็จะทิ้ง Reference ไว้ให้ เลยทำให้ง่ายต่อการหาโฮส
ส่วนใหญ่แล้วโฮสจะไม่ค่อยให้ที่พักแก่คนที่ไม่มี Reference เพราะมันอันตราย แบบเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ ไม่มีใครยืนยันได้ว่าคนนี้จริงๆแล้วเป็นแบบไหน เป็นมิจฉาชีพหรือเปล่าก็ไม่รู้

**อยากฝากถึงเพื่อนๆที่เริ่มหรือคิดจะสมัคร Couchsurfing ไว้หน่อย เพราะตอนนี้มีหลายบทความ หลายคนพูดถึงว่ามันคือ Best Hook up App ever คนอยากท่องเที่ยวต้องการพบปะเพื่อนก็มี แต่คนใช้แอพนี้ เพื่อต้องการหาคู่นอน One night stand มีอยู่มากเช่นกัน อยากจะเตือนถึงอันตรายตรงนี้ด้วยนะคะ**

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย รอแค่วันเดินทางจริง และเวลาเดินทางเร็วมาก
หล้าบินจากดอยมาหาพรที่บางกอก วันที่ 3 มิถุนายน 58
เราเริ่มทริปออเดิร์ฟด้วยการตามหาร้านอาหารรัสเซีย และพบว่ามันปิดตัวไปแล้ว จึงเปลี่ยนแพลนไปอาหารอิตาลีที่ถนนข้าวสารแทน
ก่อนจะซิ่ง 59 ไปสนามบินดอนเมือง  คืนนั้นเรานอนกันที่สนามบินตรงจุดชมเครื่องบิน ชั้น 4  

4 มิถุนายน 58 : การเดินทางของจริงเริ่มต้น
ออกจากกทม. ถึงหาดใหญ่ตอน 11.30 น. ลงจากเครื่อง ก็รีบหอบตัวเองและสัมภาระไปยังรถสองแถวสีฟ้าที่จอดรออยู่ด้านหน้าสนามบิน บอกพี่เขาลง “ตลาดกิมหยง” หาดใหญ่ก็เพิ่งเคยมาครั้งแรกทั้งคู่ ตลาดนิก็เคยเห็นแต่ในรูป อาศัยว่ามีปากถามพี่สาวข้างๆเอา
ถึงที่หมาย สองแถวจอดหน้าพี่วินพอดี พี่วินก็ใจดีถามไถ่ไปไหน เราก็บอกเขาว่าไปปีนัง พี่วินบอกรถไม่ออกไปแล้วหรอน้อง แต่ไม่เป็นไรเดี๊ยวพี่พาไปวนดูคิดถูกๆคนละ 25 บาท ตอนนั่งรถพี่วินก็ถามไปดูที่ขนส่งไหม เราก็กลัวไม่ทันรถกลัวเลยไม่ไปให้เขาพาไปแถวนี้ก่อน สักพักพี่วินพาไปจอดที่คิวรถ ชื่อ หลีเป๊ะทัวร์ เราก็รีบไปถามราคา ในใจก็คิดว่าราคามันไม่น่าต่างจากที่หาข้อมูลมา คือ 300 -450 บาท
“ไปปีนัง เท่าไรคะ”
“650 บาท”
“ไปอย่างเดียวนะพี่ ไม่ใช่ไปกลับ”
“ใช่ ไปอย่างเดียว 650”
650 บาท แม่! โค ตร แพง แต่สถานการณ์ตอนนั้นความกลัวไม่ได้ไปมันมากกว่า  ไม่อยากไปถึงปีนังดึกๆ ก็เลยยอมจ่ายกัน พอรถมาก็ขึ้นไปนั่ง เลยถามพี่คนที่นั่งมาก่อนว่าเขาว่าเสียค่ารถเท่าไร พี่เขาบอก 900 บาท พี่เขาไปขึ้นที่ 777 อะไรสักอย่าง แล้วเรามารู้กันทีหลังว่า รถมันวนรับตามคิวรถตู้และเหมือนว่าเจ้าของ คือ อาหลินทัวร์ ถ้าอยากขึ้นให้ได้ราคา 450 บาท ไปขึ้นที่ อาหลิน ทัวร์ หรือไม่ก็ KST Travel (ไปที่โรงแรมอะโลฮ่า KST Travel อยู่ตรงข้าม อาหลินทัวร์ อยู่ฝั่งเดียวกันเดินขึ้นไปอีกนิดหน่อย)

6 ชั่วโมงผ่านไป....  (มันช้าเพราะด่านตรวจคนเยอะ)

ถึงแล้วปีนัง เราลงกันที่บขส. ฝั่งบัตเตอร์เวิร์ธเพราะโฮสบอกให้มารอที่นี้ เขาจะมารับ
แต่ตอนนั้นไม่รู้หรอกค่ะว่าที่ยืนอยู่มันใช่ที่ๆโฮสให้มารอหรือเปล่า? เพราะรถส่งเราลงกลางสามแยก เลยมองซ้ายมองขวาแล้วข้ามมั่วๆไปเอง
เงินก็ไม่ได้แลก ซิมก็ยังไม่มีติดต่อโฮสไม่ได้ พอเดินเจอที่ขายตั๋วรถก็เดินเข้าไปถามเขาว่าแลกเงินตรงไหนได้บ้าง? เพราะที่อ่านมาเขาบอกว่ามีไง แต่เขาบอกว่าไม่มีแถวนี้ ให้เดินไปกดที่ธนาคารอีกฝาก
ก็พากันข้ามไปธนาคารแรก Standard charter กดไม่ได้ พรตาดีเห็นอีกธนาคารก็พากันข้ามไปอีกฝาก กดเงินได้ที่ธนาคาร May bank โชคดีมีเซเว่นอยู่แถวๆนั้น ก็จัดการซื้มซิมโทรหาโฮส เขาก็บอกให้เรารอที่หน้าเซเว่นนั้นแหละ เดี๊ยวจะมารับ
ระหว่างรอ หล้าก็เดินกลับเขาไปในเซเว่นเพื่อซื้อขนมปังกินรองท้อง

เป็นขนมปังไส้ทูน่า ที่คลุกกับอะไรสักอย่างที่เราคุ้นเคยแต่นึกไม่ออกว่ามันคืออะไร ราคา 1.5  ริงกิต (เหรียญเซนต์ไม่มี พนง.สุดหล่อก็ไม่เอา)

รอสักพักโฮสก็มา โฮสเป็นผู้ชายร่างใหญ่ เชื้อสายฮินดี ที่พูดภาษาอังกฤษแบบไม่กระดกลิ้นค่ะ และใจดีมากๆๆๆๆๆๆๆ เป็นกันเองมากๆ
ที่พักเป็นคอนโดที่ใกล้กับท่ารถท่าเรือมากๆ ก่อนจะเข้าห้องที่เราจะได้พัก โฮสก็พามาชั้น 23 เป็นจุดชมวิวค่ะ วิวสวยมากก ฝั่งตรงข้ามที่เห็น คือ เกาะปีนัง

เราพักกันที่ชั้น 15 ค่ะ ผู้หญิง 3 คน มีพร หล้า และเพื่อนใหม่ชาวสิงคโปร์ค่ะ ส่วนตัวโฮสนอนอีกชั้น ห้องพักสะดวก สะอาด สบาย พอเก็บของล้างหน้าล้างตาเรียบร้อย ก็พากันไปหาอะไรกินที่ Gurney drive ค่ะ โฮสบอกว่าตรงนี้เขาทำเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวแต่ราคาก็ไม่ได้แพงอะไร โฮสพาไปส่งที่ท่าเรือ พร้อมยัดเงินให้เพราะก่อนหน้านั้นเราบอกเขาว่าเราไม่มีเงินริงกิต เราก็บอกไม่เอาๆ เขาก็ไม่ยอม เพื่อนใหม่เลยต้องรับมา
ค่าเรือข้ามฝั่ง 1.2  ริงกิต (ขากลับจากปีนังไม่เสียเงิน) ข้ามมาอีกฝั่ง เดินมาเรื่อยๆจะเจอท่ารถ Jetty เขาบอกให้ขึ้นรถเมล์สาย 101 บอกสถานที่กับคนขับแล้วจ่ายเงิน ค่ารถ 1-2 ริงกิต ลงรถที่ gurney plaza แล้วเดินข้ามถนนมาอีกฝั่ง Gurney drive จะอยู่ข้างหลังห้าง และนี้คืออาหารมื้อแรกแบบจริงๆจังๆ

Rojak ราคา 42 ริงกิต เขาจะมีจานให้เราเลือกอาหาร พอเลือกเสร็จแล้วส่งให้เขา เขาจะราดด้วยซอสถั่วหวานๆ อร่อยดีค่ะ ราคาขึ้นอยู่กับอาหารที่เราเลือก ดูราคาที่ป้ายให้ดี ถ้าอยากให้ชัวร์ถามคนขาย เพราะอาหารบางอย่างที่ป้ายมันไม่ได้เขียนเป็นภาษาอังกฤษบางอย่างก็ไม่ได้บอก (พวกอาหารทะเล ชิ้นใหญ่ๆอะแพง)
หอยนางรมกับกุ้ง ราคา 18  ริงกิต รสชาติคล้ายๆ ผัดไทบ้านเรา
ป่อเปี๊ยะ ราคา  6  ริงกิต

กินเสร็จก็พากันเดินเลียบชายหาดไปเรื่อยๆ อากาศดี เมืองเงียบๆ เราเดินกันจนเกือบสุดอีกฝั่ง ก็พากันเดินย้อนกลับมาแถวห้าง เพราะโฮสเรากับเพื่อนเขามารอรับตรงนั้น เขาจะพาเราไปดูหนังกัน งงกันมาก เพราะตอนแรกเขาบอกกับเราว่าเขาจะไปดูหนังกับเพื่อนเพื่อรอไปรับเรากลับจาก Gurney drive
ไหงกลายเป็นพาไปดูด้วยก็ไม่รู้ โฮสพาไปดู Insidious 3 ค่ะ ซื้อ Pop corn ซื้อตั๋วหนังให้ฟรี แล้วซื้อที่นั่งให้ดีมาก เกรงใจมาก เราบอกจะคืนเงินให้ก็เปลี่ยนเรื่องคุย ตอนดูหนังพรไม่รู้สึกอะไร แต่หล้าปิดตาไปทั้งเรื่อง ส่วนโฮสกับเพื่อนก็พากย์ทั้งเรื่องกลายเป็นหนังตลกไปเลย นิกลัวชาวบ้านเขาหันมาชูนิ้วกลางใส่มาก

ดูหนังเสร็จโฮสกับเพื่อนก็ขับรถพาเราดูปีนังตอนกลางคืน เป็นเมืองที่เงียบๆและสวยมาก ได้ข้ามสะพานปีนังตอนกลางคืน ตอนแรกนึกว่าจะพากลับเลยที่ไหนได้เพื่อนโฮสพาไปส่งที่ร้านของโฮสเพื่อเปลี่ยนรถค่ะ โฮสก็พาเข้าไปดูในร้านของเขา พาขับไปดูแถวที่เขาโตมา เขาก็เล่าไปเรื่อยๆว่าแถวนี้เป็นอะไรมาก่อน เขาเคยไปอยู่ไหนมา สนุกดีค่ะ ได้รู้อะไรเยอะเลย
ตี 2 ถึงพี่พัก โฮสพามาส่งที่ห้องพร้อมบอกว่าพรุ่งนี้ต้องย้ายที่อยู่นะ เพราะจะมีช่างมาทำห้อง (เขาจะขยายให้กว้างสำหรับคนมาพัก Couchsurfing) เขาจองโรงแรมไว้ให้เราแล้ว พรุ่ง 7 โมงเช้า เขาจะมารับ เราก็โอเค โฮสว่าไงเราก็ว่าตาม
ตี 2.30 น. อาบน้ำ เข้านอน

วันที่ 5 มิถุนายน 58 : เดินชมเมืองเก่า
ย้ายมาที่พักใหม่ ก็ออกเดินทางกันอีกครั้ง โฮสพาเราไปส่งที่ท่าเรือเหมือนเดิม พรหล้าจะไปเดินเมืองเก่า ส่วนเพื่อนใหม่จะไป Hiking ที่ National park เราทั้ง 3 แยกกันที่ท่ารถ Jetty เรานั่ง CAT free shuttle bus เพื่อสุ่มหาที่กินข้าว และเราก็เจอศูนย์อาหารแห่งนี้ อยู่ตรงข้ามธนาคาร Standard charter

พรเลือกข้าวหน้าไก่ ราคา 3  ริงกิต รสชาติดีมาก น้ำซุปดีมาก ทุกอย่างดี
หล้าเลือก chicken nasi lamak ราคา 1.8 ริงกิต รสชาติเหมือนข้าวคลุกน้ำพริกตาแดง อร่อยดีค่ะ

จากศูนย์อาหารหันหน้าไปทาง Clock tower แล้วเดินขึ้นไป จะเจอซอยขายอาหารอิสลามหรืออินเดียนิแหละ หน้าซอยจะมีชาจีนขาย หล้าอยากลองก็ไปลองกัน คุณป้าคนขายพูดภาษาอังกฤษได้เล็กน้อย เมนูก็เป็นภาษาจีน หล้าก็สุ่มเลือกเอา คุณป้าก็จัดการเทให้ ชาโคตรพ่อโคตรแม่ขม มันเป็นสมุนไพรจี๊นจีน เราคิดว่าเขาน่าจะใส่ฟ้าทะลายโจรด้วยเพราะขมติดคอมาก หล้าดื่มได้อึกด้วยก็พอ พรจัดการที่เหลือทั้งหมด พอดื่มหมดแก้ว คุณป้าคงเห็นว่าเราขมมากก็เทแบบหวานให้ล้างคอ ชาแก้วนี้ราคา 1.2 ริงกิต
ชื่อสินค้า:   ปีนัง-สิงคโปร์
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่