ฉันทำเพื่อนบางคนหล่นหาย เพียงเพราะ…

จั่วหัวกระทู้ไว้อย่างนั้น หลายคนคงเดาได้ไม่ยากแต่ไม่เป็นไรค่ะ จะไม่อ่านก็ได้นะ เราแค่อยากแชร์เฉยๆ 5555

    วันนี้ช่วงหัวค่ำเราเปิดเฟซบุ๊คตามเคย ปกติเป็นคนไม่ค่อยโพสต์อะไร ชอบไปกดไลค์สเตตัสหรือฟีดต่างๆมากกว่า บังเอิญเห็นเพื่อนสมัยมัธยมต้นแท็กเพื่อนอีกสองสามคนประมาณว่าคิดถึง อยากนัดไปเจอกัน ก็นึกถึงตัวเองว่าไม่ได้เจอเพื่อนสมัยมัธยมก็นานแล้วเหมือนกัน ตอนนี้ต่างคนก็ต่างยุ่งเพราะฝึกงานด้วย แวบแรกก็เกือบกดไลค์แล้วแต่บังเอิญเหลือบไปเห็นหนึ่งในผู้ถูกแท็ก มีป.อยู่ด้วย

    ป.เคยเป็นเพื่อนผู้ชายที่เราสนิทด้วยตอนมัธยมต้น สนิทมากเกือบจะเหมือนคุยเล่นได้ทุกอย่าง วันแรกที่เปิดเรียนป.ย้ายมาจากอีกโรงเรียนหนึ่ง เลยยังไม่มีเพื่อนประกอบกับเค้าเป็นคนเงียบๆพูดน้อย แต่ไม่นานพวกผู้ชายในห้องก็เข้ากลุ่มกัน แล้วบังเอิญว่าหนึ่งในเพื่อนของป.ที่ชื่อน.ชอบมาแกล้งเพื่อนสนิทเราและลามมาจนถึงเราด้วยก็เลยรู้จักกัน แต่ตอนนั้นเราก็ยังไม่เคยคุยกัน กระทั่งวิชาวิทย์ครูแบ่งกลุ่มให้ แบบคละๆกันเพื่อจะได้รู้จักกันทั้งห้อง โชคดีที่เรามีเพื่อนสนิทคนนึงมาอยู่กลุ่มด้วยเลยไม่กังวลมาก ซึ่งสมาชิกคนสุดท้ายของกลุ่มเราที่เข้ามาคือป.(คือเค้าย้ายเข้ามาหลังจากโรงเรียนเปิดเป็นอาทิตย์แล้ว) นั่นเป็นจุดที่ทำให้เรา เค้า และเพื่อนๆรู้จักกันมากขึ้น

    จริงๆแล้วป.เป็นคนน่ารักนะ นิสัยดี มีน้ำใจ แต่ติดอยู่ตรงที่ชอบว่า ชอบแกล้งเรา ก็เลยต่อล้อต่อเถียงมีปากเสียงกันอยู่บ่อยๆ ช่วงแรกเราก็เฉยๆไม่ตอบโต้เพราะว่าเพื่อนกัน แต่พอเห็นเรานิ่งใส่ คือแทนที่จะหยุด เค้ากลับหาเรื่องเราหนักขึ้น รู้ว่าเราบ้าจี้ก็จี้เอาๆ รู้ว่าเราเกลียดแมลงสาบก็เอาแมลงปลอมมาโยนใส่เรา พักหลังเพื่อนเริ่มชินและแซวว่าวันไหนไม่ได้ยินเสียงเราสองคนทะเลาะกันนี่มันจะแปลกมาก

    แต่ถึงเราจะเถียงแบบไม่มีใครยอมใคร เราก็ช่วยกันเรียนนะ ตอนนั้นกลุ่มเราและเค้าสนิทกัน หลังเลิกเรียนตอนเย็นก็มาช่วยกันติวและมีเพื่อนมีห้องนึงมาด้วย เราเก่งวิทย์ก็ช่วยอธิบายให้เค้า เราโง่ศิลปะเค้าก็มาสอนวาดรูป เราลายมือสวยเค้าก็ขอช่วยให้เขียนหน้าปกรายงานไม่ก็สมุดให้ เค้าเก่งคณิตก็เอาการบ้านมาให้เราเช็คเทียบกัน จนวันนึงน.มาบอกว่าค.เพื่อนในกลุ่มอีกคนและทำงานกลุ่มเดียวกันชอบเรา ซึ่งเราไม่เชื่อหันไปมองหน้าค.แต่เค้าไม่ตอบ ยิ้มแล้วหนีไปเลย แต่ตอนหลังเค้าก็โบ้ยว่าไม่ใช่เค้า พอดีมีกระแสชอบกันในห้อง จริงๆคือเพื่อนเป็นแฟนกันเลยล่ะ หลายคู่ เรานึกครึ้มอะไรไม่รู้ดันไม่หยอกป.แบบแซวๆว่าชอบใคร แล้วก็ชี้คนนู้นคนนี้ น.ก็ได้ยินดึงเราไปพูดทำนองว่าไม่รู้จริงๆหรอ อ้อมแอ้มประมาณว่าทำให้เราคิดไปว่าป.อาจจะชอบเรา เราไม่เชื่อและไม่คิดอะไรแบบนั้น แต่พอจบปีการศึกษานั้น เรากับป.ก็ไม่ได้คุยกันอีกเพราะเค้าอยู่กับเพื่อนผู้ชายมากขึ้น

    พอขึ้นมัธยมปลาย เราเรียนกันคนละสายเลยเจอกันน้อยลงกว่าเดิม จริงๆคือแม้เมื่อก่อนจะอยู่ห้องเดียวกันแต่ก็ไม่ค่อยได้คุยเล่นกันมากเหมือนเมื่อก่อน เราทำกิจกรรม ส่วนเค้าก็ไปกับกลุ่มเพื่อน แต่บางทีเราก็รู้สึกว่าเค้าเปลี่ยนไป ไม่ทักเหมือนเคย ชอบหลบตาบ้าง บางทีก็ยิ้มให้แปลกๆ มีแต่น.ที่เข้ามาคุยกับเรามากขึ้น หลายครั้งก็พูดว่าป.คิดถึง  ป.ชอบเรา ป.ฝากมาชมว่าน่ารักขึ้นนะ หันไปหาเจ้าตัวก็มองเรานิ่งๆ มีครั้งเดียวจริงๆที่ยิ้มให้เราก่อนก้มหน้าไป เราอึดอัดมากไม่รู้จะทำยังไงก็เลยเดินหนีเค้าบ่อยๆ ถ้ากลุ่มเค้ามาทักก็แกล้งหงุดหงิดใส่ หน้าบึ้งบ้าง ไม่ตอบบ้าง สุดท้ายเราก็ห่างกันไป

    เราไม่รู้ว่าระหว่างเราเกิดอะไรขึ้น เราคงทำผิดเองที่ไม่รักษาเพื่อนไว้ ไม่น่าไปสนใจคำพูดจากปากคนอื่นทั้งที่มันไม่น่าจะมีอะไร แต่พอมาถึงจุดนั้นแล้ว เราเหมือนย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว ทำอะไรไม่ได้ เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว เราก็เลยเหมือนตัดเค้าออกจากวงโคจรชีวิต แต่ลึกๆแล้วก็ยังอยากกลับไปเป็นเพื่อนกัน

    ทว่า ถึงแม้เราจะไม่รู้เรื่องราวอะไรเกี่ยวกับป.เลย แต่ความรู้สึกเราบอกว่าเหมือนเค้ายังรับรู้เรื่องราวของเราอยู่ เพราะว่าน.กับบ.ชอบมาถามเราว่าช่วงนี้เป็นไงบ้าง กลับบ้านกับใคร คนที่บ้านมารับใช่ไหม วันนี้กินอะไร จะเรียนต่อที่ไหน บลาๆๆๆ ซึ่งบางคำถามเป็นสิ่งที่เค้าชอบถามเราบ่อยๆสมัยที่เรายังเป็นเพื่อนสนิทกัน

    ครั้งนึงคนที่บ้านมารับเราไม่ได้เพราะติดธุระกะทันหัน ให้พี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องมารับแทน แล้ววันนั้นตอนกำลังปิดประตูรถเราหันไปเห็นเค้าพอดี ในใจยอมรับว่าตกใจมากเหมือนคนกำลังทำความผิด เพราะเค้ายืนอยู่ใกล้มากและมองมาแบบนิ่งๆแต่อ่านสายตาไม่ออก เราเบือนหน้าหนีรีบปิดประตูรถ แล้ววันต่อมาตอนพักบ่าย เราไปห้องสมุดแล้วเจอบ. บ.รีบเข้ามาชวนเราคุยเลยแถมยังถามว่าเมื่อวานกลับบ้านกับใคร เราชะงักไป อะไรจะเหมาะเจาะอย่างนี้ คือตอนนั้นคิดไปแล้วว่าป.ต้องเอาไปเล่ากับเพื่อนในกลุ่มแน่ๆ เพราะตอนนั้นเค้าอยู่คนเดียวแถมวันถัดไปเพื่อนในกลุ่มมาถามงี้ ไม่ให้คิดได้ไง แต่อีกใจก็คิดนะว่าเค้าอาจจะอยากรู้เฉยๆ ไม่ได้ชอบเราหรอก คงเป็นห่วง (เราไม่อยากบอกเลยว่าความนี้หลอกหลอนเรามาก ถามว่าเรารังเกียจเค้าไหม ตอบเลยว่าไม่ แต่ก็ไม่อยากให้เค้าคิดกับเราแบบนั้น คือเราชอบไม่ชอบไม่รู้แต่ถ้าเพื่อนมาบอกว่าชอบ เราก็จะแบบอยากออกห่าง มีความรู้สึกกลัวระคนอึดอัด) เราตอบไปแค่ว่ากลับกับคนที่บ้านเหมือนเดิม บ.ก็ถามย้ำ เราก็ตอบเหมือนเดิม

    เลื่อนเวลามาจนถึงพิธีจบการศึกษา วันนั้นเรารอว่าป.อาจจะเข้ามาคุยกับเรา อ๊ะๆๆๆ อย่าเพิ่งคิดว่าเรารอให้เค้าเข้ามาสารภาพรักนะ ไม่ใช่ๆ แต่วันนั้นทั้งวันเราก็รอเก้อ จนตอนเย็นเรากะจะเข้าไปคุยกับเค้าเอง อยากถาม อยากขอโทษ ทว่าเรากลับหาเค้าไม่เจอแล้ว และนั่นก็เป็นครั้งล่าสุดที่เราได้เห็นหน้าเค้า

    จนวันนี้ผ่านไปสี่ปีแล้ว สี่ปี่ที่ไม่ได้เจอป. หลายปีที่ป.กลายเป็นเสี้ยวหนึ่งในความทรงจำของเรา แต่คืนนี้เมื่อเห็นชื่อเค้าในเฟซบุ๊ค ทำให้เรากลับมาย้อนถามตัวเองว่าจริงๆแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับความเป็นเพื่อนของเรา เราทำผิดไปใช่ไหม เราเสียใจ เราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เพราะหากตอนนั้นเรายังเป็นเพื่อนกัน ตอนนี้เราก็คงจะยังเป็นเพื่อนกันตลอดมาและตลอดไป แต่มันจะเป็นยังไงนะ เราคิดไม่ออกเลยจริงๆ เพราะตอนนี้เราสองคนเป็นเหมือนคนแปลกหน้าต่อกันไปแล้ว

    เราขอโทษนะที่รักษาเพื่อนที่ดีคนนึงไว้ไม่ได้ ไม่รู้ว่าตอนนั้นแกรู้สึกยังไงที่เราทำท่าทีแบบนั้นใส่ ขอโทษที่ไม่ได้คิดถึงใจแกบ้าง และขอโทษที่อาจทำตัวน่ารำคาญ เราไม่รู้ว่าป.เป็นไงบ้าง เพราะเฟซบุ๊คแกไม่มีอะไรให้เราส่องเลย555 แต่ยังไงเราก็ยังหวังนะว่าวันนึงเราจะสามารถยิ้มให้กันได้ แม้สักครั้งนึงก็ยังดี และก็หวังว่าแกจะมีชอบที่ชอบและชอบแกอยู่ด้วยกันในตอนนี้ เพราะหากตอนนั้นแกชอบเราจริงๆ มันคงรู้สึกแย่มากกับการแอบชอบเพื่อนสนิท เราเข้าใจดีว่ามันทรมานมากแค่ไหน แต่หากแกแค่เป็นห่วงเรา ขอบคุณนะที่ชีวิตนี้เราได้เจอเพื่อนที่ดีมากๆคนนึง แม้ว่าตอนนี้โลกของแกจะไม่มีเรา และโลกของเราจะไม่มีแก แต่อย่างน้อย ครั้งนึงเราก็เคยได้ใช้เวลาร่วมกัน

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่