ประเด็นปลีกย่อยในที่นี้ผมจะขอไม่กล่าวถึงนะครับ ผมจะขอยกการตอบโต้หลักๆ 2 วิธี มาให้ได้พิจารณากัน
1. การตอบโต้แบบสร้างสรรค์ที่เน้นไปที่ตัวเนื้อหาของบทสนทนา
1.1 การนำข้อมูลหรือข้อเท็จจริงที่แหล่งที่มา มีที่อ้างอิง มาใช้แสดงเป็นหลักฐานเพื่อการโต้แย้งหรือหักล้างข้อมูลของอีกฝ่ายที่ถูกนำมาเสนอ
1.2 การแสดงความคิดเห็นที่เป็นเหตุเป็นผล มีหลักคิด ใช้ตรรกะ ยึดหลักการ ถึงแม้จะอาศัยความเชื่อบ้าง แต่ก็ต้องไม่มากเสียจนทำให้อคติบังตา
วิธีการนี้จะฝึกฝนให้ผู้ตั้งผู้ตอบกระทู้เกิดการพัฒนากระบวนการคิด วิเคราะห์ แยกแยก อะไรคือจริง อะไรคือเท็จ อะไรคือลวง และเป็นการฝึกฝน ฝึกการอ่าน จับประเด็น และนำมาสู่กระบวนการค้นหาข้อมูลเพื่อเอามาตรวจสอบและหาข้อมูลอีกด้านมาทำการหักล้างโดยผ่านกระบวนการอย่างเดียวกันโดยละเอียดรอบคอบดีแล้ว
การตัดสินคนไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน การตอบโต้ไม่ใช่การเล่นเกมเอาโล่ ชิงตอบเร็วมาเป็นที่หนึ่ง โดยไม่สนเนื้อหากระทู้ การพิจารณาการตอบโต้จึงอาจต้องใช้เวลาในการพินิจพิจารณา ไม่ใช่อารมณ์นำหน้าซึ่งตามมาด้วยอคติบังตา จะทำให้ปิดกระบวนการรับรู้รับข้อมูลข่าวสารได้ครบถ้วนรอบด้าน บางทีสิ่งเราคิด อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราเห็น สิ่งที่เรารู้อาจจะเป็นแค่ภาพลวงตาอาบด้วยมายาคติที่เราฝังไว้เองในจิตใจ
2. การตอบโต้แบบมุ่งเน้นการทำลายไปที่ตัวบุคคลที่นำเสนอโดยไม่สนใจเนื้อหาของบทสนทนา
ง่ายๆ เลยครับ ไม่สนใจเนื้อหาของบทสนทนา แต่พุ่งเป้าไปที่ตัวบุคคลที่นำเนื้อหามาทำการนำเสนอ หลักการไม่ต้อง หลักคิดไม่มี ดิสเครดิตทำลายความน่าเชื่อถือของผู้ตั้งผู้ตอบกระทู้เพียงอย่างเดียวพอ อาทิ ล็อกอินบิ๊กเนม คุณศรกูเกิ้ล นามสมมติที่ช่ำชองในการใช้กูเกิ้ลทำลายความน่าเชื่อถือของล็อกอิน คุณขนมเปียกปูน นามสมมติ ที่ชอบใช้ภาพประกอบอธิบายเรื่อง การดิสเครดิตตัวบุคคลซึ่งเป็นเทคนิคพิเศษของคุณศรกูเกิ้ลก็แค่กล่าวคำพูดที่ใช้ในการทำลายความน่าเชื่อถือของคุณขนมเปียกปูนไม่กี่ประโยคเช่น ขนมเปียกปูนใช้ภาษาต่างด้าวอ่านไม่รู้เรื่อง ขนมเปียกปูนโยงภาพมั่วดูไม่เรื่อง
เทคนิคนี้คุณศรกูเกิ้ลจะใช้บ่อยจนทำให้เราพบเห็นกันเป็นประจำ ช่วงหลังๆ เห็นมีการใช้เทคนิคนี้ในการโต้ตอบกระทู้เป็นประจำ ใครใช้ประจำก็คงรู้อยู่แก่ใจนะครับ ซึ่งเทคนิคนี้ทำให้หัวข้อการสนทนาถูกเบี่ยงเบนประเด็นไป กลายเป็นการตอบโต้กันระหว่างบุคคล และอยู่นอกประเด็นของเนื้อหากระทู้ไปโดยปริยาย
เป็นอย่างไรครับกับการตอบโต้ 2 รูปแบบ ท่านอยากให้ราชดำเนินกลับมาเป็นเหมือนเดิม หรือเป็นแบบใหม่ ท่านสามารถเลือกปฏิบัติได้เองตามใจชอบ ขึ้นอยู่กับตัวท่านเอง บางคนปากว่าตาขยิบ บอกชอบแบบสร้างสรรค์ แต่เวลามีเพื่อนสมาชิกใช้วิธีการแบบทำลาย การให้กิฟก็ถือเป็นการสนับสนุนทางอ้อมเช่นเดียวกัน ดังนั้นงานนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวท่านเอง ระหว่างความถูกใจกับความถูกต้อง ท่านเลือกอะไร ห้องราชดำเนินก็จะมีทิศทางไปทางนั้นเองนั่นล่ะครับ
จบบทที่ 1
อยากให้ราชดำเนินกลับมาเป็นเหมือนเดิม บทที่ 1 หลักการเบื้องต้นการโต้ตอบกระทู้ อยากให้รดนเป็นแบบไน เลือกแบบนั้น
1. การตอบโต้แบบสร้างสรรค์ที่เน้นไปที่ตัวเนื้อหาของบทสนทนา
1.2 การแสดงความคิดเห็นที่เป็นเหตุเป็นผล มีหลักคิด ใช้ตรรกะ ยึดหลักการ ถึงแม้จะอาศัยความเชื่อบ้าง แต่ก็ต้องไม่มากเสียจนทำให้อคติบังตา
วิธีการนี้จะฝึกฝนให้ผู้ตั้งผู้ตอบกระทู้เกิดการพัฒนากระบวนการคิด วิเคราะห์ แยกแยก อะไรคือจริง อะไรคือเท็จ อะไรคือลวง และเป็นการฝึกฝน ฝึกการอ่าน จับประเด็น และนำมาสู่กระบวนการค้นหาข้อมูลเพื่อเอามาตรวจสอบและหาข้อมูลอีกด้านมาทำการหักล้างโดยผ่านกระบวนการอย่างเดียวกันโดยละเอียดรอบคอบดีแล้ว
การตัดสินคนไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน การตอบโต้ไม่ใช่การเล่นเกมเอาโล่ ชิงตอบเร็วมาเป็นที่หนึ่ง โดยไม่สนเนื้อหากระทู้ การพิจารณาการตอบโต้จึงอาจต้องใช้เวลาในการพินิจพิจารณา ไม่ใช่อารมณ์นำหน้าซึ่งตามมาด้วยอคติบังตา จะทำให้ปิดกระบวนการรับรู้รับข้อมูลข่าวสารได้ครบถ้วนรอบด้าน บางทีสิ่งเราคิด อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราเห็น สิ่งที่เรารู้อาจจะเป็นแค่ภาพลวงตาอาบด้วยมายาคติที่เราฝังไว้เองในจิตใจ
2. การตอบโต้แบบมุ่งเน้นการทำลายไปที่ตัวบุคคลที่นำเสนอโดยไม่สนใจเนื้อหาของบทสนทนา
เทคนิคนี้คุณศรกูเกิ้ลจะใช้บ่อยจนทำให้เราพบเห็นกันเป็นประจำ ช่วงหลังๆ เห็นมีการใช้เทคนิคนี้ในการโต้ตอบกระทู้เป็นประจำ ใครใช้ประจำก็คงรู้อยู่แก่ใจนะครับ ซึ่งเทคนิคนี้ทำให้หัวข้อการสนทนาถูกเบี่ยงเบนประเด็นไป กลายเป็นการตอบโต้กันระหว่างบุคคล และอยู่นอกประเด็นของเนื้อหากระทู้ไปโดยปริยาย
เป็นอย่างไรครับกับการตอบโต้ 2 รูปแบบ ท่านอยากให้ราชดำเนินกลับมาเป็นเหมือนเดิม หรือเป็นแบบใหม่ ท่านสามารถเลือกปฏิบัติได้เองตามใจชอบ ขึ้นอยู่กับตัวท่านเอง บางคนปากว่าตาขยิบ บอกชอบแบบสร้างสรรค์ แต่เวลามีเพื่อนสมาชิกใช้วิธีการแบบทำลาย การให้กิฟก็ถือเป็นการสนับสนุนทางอ้อมเช่นเดียวกัน ดังนั้นงานนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวท่านเอง ระหว่างความถูกใจกับความถูกต้อง ท่านเลือกอะไร ห้องราชดำเนินก็จะมีทิศทางไปทางนั้นเองนั่นล่ะครับ
จบบทที่ 1