Game of Thornes -- ว่าด้วย Stark หลังจบเล่ม 5 และ Season 5

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สปอยครับ สปอยเต็มๆ....ขออนุญาตนำเสนอความเห็นหลังจากได้ดูซีรีย์จบ Season 5 และอ่านหนังสือเล่ม 5 เป็นมุมมองส่วนตัวนะครับ และยินดีรับความเห็นต่างทุกความเห็น จะขอขอบคุณมากหากนำมาแลกเปลี่ยนให้รับรู้กัน....


…. จอน คงไม่กลับมาแล้ว (ภาวนาขอให้ไม่เป็นเช่นนี้) เป็นโศกนาฎกรรมที่เกิดจากความขลาดเขลาหวาดระแวงของกองกำลังในดูแลของตนเอง... ส่วนตัวยังคงเชื่อมั่นว่า สตาร์คจะกลับมายิ่งใหญ่และสตาร์คคงเป็นตระกูลเอกในเรื่องนี้ ตามแนวเรื่องราวที่ผู้เขียนวางไว้ จะมีด้วยกัน 7 เล่ม ที่เพิ่งจบไปเป็นเล่มที่ 5 เล่มที่ต่อไป (เล่ม 6) ชื่อว่า Wind of Winter ชื่อหนังสือสื่อถึงการมาเยือนของฤดูหนาว เดาว่าเป็นการเริ่มฟื้นคืนสภาพของเหล่าสตาร์คที่ยังเหลืออยู่ เพราะฤดูหนาวก็คือ สตาร์ค นั่นเอง…

ตั้งแต่ยุดโบราณกาลสำหรับอาณาจักรนั้นของยุคนั้น (ตามจินตนาการผู้เขียน) ฤดูหนาวคือสิ่งที่สำคัญที่สุด แฝงไว้ด้วยอันตรายอันร้ายกาจที่สุดคือภัยจากพวก WW ขณะเดียวกัน ในฤดูหนาวอันหฤโหดนั่นเอง ฮีโร่คนสำคัญก็เกิดขึ้น คือบุคคลในตำนานผู้เป็นเจ้าของดาบในตำนาน จัดการเอาชนะพวก WW ได้ สร้างความสงบสุขให้กับอาณาจักร ตระกูลสตาร์คนั้น ซึ่งเชื่อว่ามีสายเลือดของปฐมบุรุษและฮีโร่นั้นผสมอยู่ ยิ่งใหญ่ในดินแดนทางเหนือ มีคำขวัญว่า “Winter is coming” เป็นคำขวัญประจำตระกูลที่คอยตักเตือนให้ลูกหลานตั้งมั่นเตรียมพร้อมด้วยความไม่ประมาท สะท้อนความอดทน ไม่ทะเยอทะยาน ไม่มักใหญ่ใฝ่สูงไปตามอำนาจกิเลส คุณลักษณะเหล่านี้เป็นต้นทำให้ตระกูลนี้ไม่คอยเล่นเล่ห์เพทุบาย และมักถูกเอารัดเอาเปรียบ ตกเป็นฝ่ายถูกกระทำ...

แต่เมื่อคิดถึงเรื่องหลักคิดที่สะท้อนในงานวรรณกรรมของทุกชาติทุกภาษาที่ว่า ธรรมะย่อมชนะอธรรม ก็จะเห็นว่า ผู้เขียนได้ปูเรื่องราวของตระกูลนี้ไว้อย่างน่าสนใจ แบรนนั้นถูกกระทำให้พิการ แต่ในตอนล่าสุดของเขาในหนังสือ แบรนได้รับสัญญาจากผู้ให้การช่วยเหลือเขาว่า ตัวเขาจะไม่สามารถเดินได้อีกต่อไป แต่จะบินได้ แบรนมีคุณลักษณะพิเศษที่ตกทอดผ่านสายเลือดมาจากปฐมบุรุษ คือสามารถเห็นนิมิต และถอดจิดไปสิ่งอยู่ในสิ่งมีชีวิตอื่นได้ แต่คุณสมบัตินี้ต้องอาศัยการฝึกฝนที่ถูกต้อง มิเช่นนั้นแล้ว ก็จะถูกสัญชาตญาณและจิตวิญญาณอันมีพลังของผู้ที่ตนเข้าไปสิงอยู่นั้น ครอบงำเอาได้ เช่น หากสิงอยู่ในร่างหมาป่าเป็นเวลานาน และไม่มีพลังแก่กล้าพอ อาจถูกสัญชาตญาณดิบของหมาป่านั้นครอบงำเอาได้ ลืมความเป็นคนและความทรงจำของมนุษย์ไป กลายเป็นหมาป่าไป เช่นนี้ แบรนจึงต้องได้รับการฝึกฝน เมื่อแก่กล้าก็จะสามารถยังรู้สรรพสิ่ง ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ผ่านรากไม้แห่งพงไพรที่ชอนไชเชื่อมโยงเกี่ยวพันกัน (ลองจินตนาการดู เปรียบเทียบโครงข่ายเน็ตเวิร์คใยแมงมุมของโลกอินเตอร์เน็ทในปัจจุบัน กับโครงข่ายรากไม่ตั้งแต่กำเนิดแผ่นดิน ที่ชอนไชซอกซอนเกาะเกี่ยวถึงกันจากต้นสู่ต้น จากรากฝอยน้อยใหญ่สู่รากใหญ่โยงใยกว้างลึกยาวไกลอยู่ใต้พื้นพิภพ) แบรนจะได้ฝึกฝนจนชำนาญโดยซึมซับรับเอาความรู้ ความเป็นไป และพลังต่างๆ ผ่านรากไม้นั้น (คงจำได้เน็ท สตาร์ค ชอบไปที่ริมสระน้ำอันเงียบสงบ ที่มีต้นไม้ลำต้นขาวซีด ดอกและใบสีแดง อยู่ข้างสระ) หลายครั้งในซีรี่ย์ที่ถ่ายสระน้ำและต้นไม้นั้น ต้นไม้ตามธรรมชาติอาจคือสิ่งมีชีวิตที่เป็นสักขีพยาน รับรู้และซึมซับสิ่งต่างๆ ที่มนุษย์ต่างๆ กระทำและเป็นไป อันนี้ไม่ได้สปอยนะครับ เพราะทั้งหนังสือและซีรี่ย์จบพร้อมกันแล้ว เดาเอาจากการได้อ่านครับ...

ทากาเรียน สามารถยึดครองและสถาปนาตนขึ้นเป็นใหญ่เหนือแว่นแคว้นทั้งเจ็ด เพราะสามารถบังคับและฝึกฝนมังกร เอามาเป็นผู้ช่วยได้ ก็ถ้าหาก แบรน เมื่อเกร่งกล้าเต็มที่ สามารถถอดจิดของตนเข้าสิงสถิตและควบคุมเหล่ามังกรเก่งกล้านั้นได้ สามารถรับรู้ มองเห็น และกระทำด้วยศักยภาพของมังกรที่ตนเข้าสิงอยู่นั้น คงไม่มีอะไรในอาณาจักรจะสามารถยุดยั้งเขาได้....

เมื่อฤดูหนาวมาถึงและหนาวเน็บจนสุดขั้วแห่งความยะเยือกแข็ง สรรพชีวิตต่างก็หลบเร้นจำศีล หรือไม่ก็แข็งยะเยือกตายไป มีแต่เพียงหมาป่าเท่านั้นที่ยังเฝ้าเห่าหอน ส่งเสียงให้สะท้านเหน็บทรวงในยามค่ำคืน...

ทั้งหมดนี้ “มโน” ล้วนๆ ครับ เห็นตรงเห็นต่างประการใด เชิญ… ได้เต็มที่ครับ....
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่