สรุปผลการชี้แจงในโหนกระแส ตาม Timeline
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้- พรีม ณัฐชา ชุณหะ เคยเปิดบริษัท Rad Cosmetics ร่วมกับน้ำชา ชีรณัฐ และหุ้นส่วนอีกคนหนึ่งเมื่อปี 2559 แต่การประกอบกิจการชะงักลง โดยไม่มีการประกอบกิจกรรมในช่วงปี 2564-2566
- ออม สุชาร์ มานะยิ่ง/ พรีม ณัฐชา ชุณหะ/ ศสา อดีตผู้จัดการส่วนตัวของออม ร่วมกันเปิดบริษัท Fleen Beauty เมื่อปี 2566 โดยมีศสาเป็นตัวกลางในการเชิญชวน โดยพรีมและออกต่างได้แสดงเจตจำนงค์ในการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ตั้งแต่เริ่มต้นทั้งคู่ สุดท้ายยินยอมให้มีหุ้นส่วนเท่ากัน โดยจดทะเบียนบริษัทเป็นออมและพรีมถือหุ้น 48% และศสาถือหุ้น 4%
- ในระยะเริ่มต้น พรีมเป็น CEO Fleen Beauty รับเงินเดือนเดือนละ 100,000 บาท บริหารงานโดยในปี 2566 มีกำไรประมาณสี่ล้านบาท ปี 2567 กำไรประมาณหกล้านบาท
- ต่อมาปลายปี 2567 พรีมรีแบรนด์ Rad Cosmetics ขึ้นใหม่ และเริ่มกลับมาดำเนินธุรกิจ โดยประเด็นดังกล่าวพรีมอ้างว่าออมทราบแต่แรกอยู่แล้วว่าพรีมมี Rad Cosmetics โดยพรีมมีหลักฐานว่าออมเคยรีวิวสินค้าของแร้ดและเคยมีรูปที่มีลิปสติกของแร้ดอยู่บนโต๊ะประชุม แต่ออมอ้างว่า ตนเข้าใจว่าเลิกกิจการไปแล้ว เมื่อทราบว่าพรีมกลับมาทำ Rad Cosmetics จึงเสียใจมาก เนื่องจากเป็นการค้าแข่ง ซึ่งขายผลิตภัณฑ์เดียวกันกับ Fleen ซึ่งตนไม่เห็นด้วยและไม่ยินยอม
- ออมโทรหาดาราท่านหนึ่งและได้รับทราบปัญหาจากประสบการณ์ที่เคยร่วมงานกับพรีม จึงตัดสินใจว่าจะต้องแก้ไขปัญหาเด็ดขาด ในช่วงเวลาดังกล่าว ออมได้โทรศัพท์ปรึกษาศสาถึงปัญหาจนศสาเข้าใจว่าบริษัทมีปัญหาใหญ่
- ออมได้เชิญ ศสา ซึ่งถือหุ้น 4 % มาทานข้าวที่บ้าน และจากการคุยกันหลายชั่วโมง ศสาเข้าใจว่าบริษัทมีปัญหาในการบริหารจริง ๆ และมีโอกาสที่จะขาดทุน จึงได้ตัดสินใจขายหุ้น 4% ให้กับออม ออมจึงได้กลายเป็นผู้ถือหุ้นเสียงข้างมาก โดยไม่ได้มีการปรึกษากับพรีมก่อนแต่อย่างใด อีกทั้ง ยังได้มี
การทำสัญญารักษาความลับระหว่างออมกับศสา มิให้ศสาเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการขายหุ้น โดยหากละเมิดสัญญาจะมีค่าปรับห้าแสนบาท
- ออมนัดคุยเผชิญหน้ากับพรีม โดยอัดเสียงพรีมไว้ด้วย โดยในคลิปเสียง พรีมขอโทษออมที่ทำให้ออมเสียใจเกี่ยวกับเรื่อง Rad Cosmetics แต่ทางพรีมมองว่าออมทราบอยู่แล้ว
- มีการนัดประชุมผู้ถือหุ้น โดยออมในฐานะผู้ถือหุ้นเสียงข้างมากมีเสียงเยอะกว่า และได้ถอดทีมบริหารของพรีมออก และตั้งกรรมการฝั่งออมเข้าไปแทนที่ทีมของพรีม พรีมมองว่าตนเองถูกเด้งออกจากทีมบริหารอย่างไม่เป็นธรรม และพรีมไม่ได้รับสิทธิเข้าถึงเอกสารการบริหารของบริษัทอีกต่อไป โดยฝั่งออมอธิบายว่าเป็นเพราะข้อมูลหายไปและอาจเป็นฝั่งพรีมที่ลบข้อมูลจึงต้องไม่ให้สิทธิการเข้าถึงเอกสารแก่พรีม
- ศสาได้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่าตั้งแต่ปี 2568 ผลประกอบกิจการของ Fleen ดีขึ้นมาก โดยมียอดขายเดือนละประมาณสิบล้านบาท จึงได้แสดงเจตจำนงที่จะยกเลิกการขายหุ้น โดยคืนเงินที่ได้มาจากออมให้แก่ออม
- ทั้งสองฝ่ายฟ้องคดีกัน รวมทั้งสิ้นน่าจะประมาณ 8 คดี โดยหลัก ๆ คือ ออมฟ้องพรีมว่าค้าแข่ง ซึ่งเป็นการกระทำต้องห้ามตามป.พ.พ. ส่วนพรีมฟ้องว่าออมได้หุ้นมาโดยมิชอบ เนื่องจากสัญญาซื้อขายหุ้นของศสาเป็นโมฆะเพราะศสาถูกล่อลวงให้ขายหุ้นโดยรับทราบข้อมูลไม่ครบถ้วน
- มีคนนำเรื่องไปบอกหนุ่มกรรชัย หนุ่มกรรชัยหลุดปาก เรื่องนี้เป็นข่าว ต่อมาออกโหนกระแส
ในการออกโหนกระแสในเทปแรก (ศสากับพรีม) อ.ตฤณ ได้ตำหนิว่าออมทำธุรกิจไม่มีจริยธรรมเนื่องจากแอบซื้อหุ้นโดยไม่โปร่งใส และหว่านล้อม ศสาโดยไม่ได้บอกกล่าวข้อเท็จจริงทั้งหมด
เทปสอง ออมจึงไม่ยินยอมให้อ. ตฤณ มาร่วมรายการด้วย เพราะว่ายังงอนที่ อ. ตฤณตัดสินไปก่อนโดยยังไม่ได้รับฟังข้อมูลฝั่งเธอ โดยสรุปออมบอกว่ารัก Fleen Beauty มากและยินดีจะซื้อหุ้นของศสาตามราคาประเมิน และที่ทำทุกอย่างเพราะอยากปกป้องบริษัท และมองว่าทางพรีมหักหลังเธอก่อนด้วยการค้าแข่ง
(ถ้าข้อมูลไม่ครบแจ้งได้)
เราดูโหนกระแสมาหลายเทปแล้ว เอะใจกับเรื่องดังนี้
- การแอบบันทึกเสียงการสนทนาของบุคคลอื่นแล้วนำมาเผยแพร่ โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้รับความยินยอม ทำไมเรื่องนี้คนถึงทำกันอย่างแพร่หลายและคนยังยอมรับกันได้ ? ทั้ง ๆ ที่ในฐานะปุถุชน เรามองว่าเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวและความเชื่อใจมาก ๆ และถ้าการเผยแพร่นั้นทำให้คนอื่นเสื่อมเสีย
ชื่อเสียง ก็จะมีลักษณะเป็นการละเมิดตาม ป.พ.พ. อีกทั้งยังไม่สามารถนำไปใช้เป็นพยานในชั้นศาลได้ตาม มาตรา 226/1 ป. วิ อาญา เนื่องจากมีลักษณะเป็นหลักฐานที่ได้มาโดยมิชอบ (อีกฝ่ายไม่รู้ตัวและไม่ได้ยินยอม) แต่เท่าที่เห็นรายการก็ยังคงนำเทปมาเผยแพร่และความเห็นสาธารณะก็ยังไม่ได้เห็นว่าเป็นเรื่องร้ายแรงอะไร
- เมื่อออมรู้สึกว่าสิ่งที่พรีมทำไม่ถูกต้อง ได้แก่ เรื่องการรีแบรนด์ RAD วิธีการแก้ไขปัญหาของออมว่าเหมาะสมหรือไม่อย่างไร ? ส่วนนี้ความเห็นสาธารณะค่อนข้างหลากหลาย แต่ยังไม่มีใครออกมายืนหยัดว่า ถ้าเราจะต่อสู้กับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เราก็ควรจะยืนหยัดต่อสู้ด้วยวิธีที่ถูกต้องและตรงไปตรงมา
หมายความว่า ถ้าอีกฝ่ายไม่โปร่งใส สิ่งนั้นไม่ได้ justify ที่เราจะโต้กลับด้วยวิธีการที่ไม่โปร่งใส
สรุปดราม่าออมสุชาร์และฟลีนบิวตี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราดูโหนกระแสมาหลายเทปแล้ว เอะใจกับเรื่องดังนี้
ชื่อเสียง ก็จะมีลักษณะเป็นการละเมิดตาม ป.พ.พ. อีกทั้งยังไม่สามารถนำไปใช้เป็นพยานในชั้นศาลได้ตาม มาตรา 226/1 ป. วิ อาญา เนื่องจากมีลักษณะเป็นหลักฐานที่ได้มาโดยมิชอบ (อีกฝ่ายไม่รู้ตัวและไม่ได้ยินยอม) แต่เท่าที่เห็นรายการก็ยังคงนำเทปมาเผยแพร่และความเห็นสาธารณะก็ยังไม่ได้เห็นว่าเป็นเรื่องร้ายแรงอะไร
- เมื่อออมรู้สึกว่าสิ่งที่พรีมทำไม่ถูกต้อง ได้แก่ เรื่องการรีแบรนด์ RAD วิธีการแก้ไขปัญหาของออมว่าเหมาะสมหรือไม่อย่างไร ? ส่วนนี้ความเห็นสาธารณะค่อนข้างหลากหลาย แต่ยังไม่มีใครออกมายืนหยัดว่า ถ้าเราจะต่อสู้กับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เราก็ควรจะยืนหยัดต่อสู้ด้วยวิธีที่ถูกต้องและตรงไปตรงมา
หมายความว่า ถ้าอีกฝ่ายไม่โปร่งใส สิ่งนั้นไม่ได้ justify ที่เราจะโต้กลับด้วยวิธีการที่ไม่โปร่งใส