สวัสดีครับ ขออนุญาตเปลืองเนื้อที่กระทู้หน่อยนะครับ
เรื่องที่ผมจะเล่าประสบการณ์ชีวิต ประสบการณ์ความรักที่ล้มเหลวของผมนั้นเกิดจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับผมทั้งหมดครับ
หากท่านใด ผู้ใดมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับพฤติกรรมของผมนั้น น้อมรับทุกข้อความเพื่อเตือนใจ เตือนสติของตัวเองครับ
ต้นเรื่องเกิดมาจาก ผมได้ถูกบอกเลิกกับแฟนคนก่อนที่คบกันมานานเนื่องจากความห่างไกล ความเหงา
ด้วยความเป็นคนขี้อาย ไม่กล้าไปคุยกับสาวๆโดยตรง หันหาทางออกไหนไม่ได้ ก็เลยพึ่งแอฟแชททั้งหลายเนี่ยแหละครับ
ทำให้ผมได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ พบสาวๆขึ้นมากมาย ออกไปกินข้าว ดูหนัง พูดคุยตามประสาคนโสด
ใช่บ้าง ไม่ใช่บ้าง บ้างก็ผมเก็ต เค้าไม่เก็ต เรื่อยไป
จนมาพบกับเธอ พนักงานโรงงานทั่วไป เงินเดือนกลางๆ คนชนชั้นกลางเช่นเดียวกับผม คนที่เข้ามาทักผมโดยที่ไม่เปิดเผยหน้าตา (ตามปกติแล้วในแชททั้งหลายมักจะเสนอรูปภาพตัวเอง)
ผมก็คุยๆตามปกติทั่วไป จนพบกับบางเรื่องที่คลิกกัน คุยกันรู้เรื่องมากขึ้น
เราจึงได้นัดเจอกันครับ แรกๆมีอุปสรรคบ้างเนื่องจากระยะทาง การนัดหมาย
พอหลังๆมา เริ่มปรับจังหวะให้เข้ากันมากขึ้น จนได้เป็นแฟนกันในที่สุดครับ ผมจึงได้เลิกเล่นแชทไปโดยปริยาย
แต่แล้ว ผมได้ย้ายที่พักออกห่างจากเธอมากกว่าเดิม (จริงๆก็ในตัวกรุงเทพเนี่ยแหละครับ แต่ถ้านับระยะทางไปกลับจากบ้านผมไปที่พักเธอ ก็ร่วม80-90กิโลได้)ด้วยระยะทางนี้เอง ทำให้ผมเกิดความเหนื่อยล้า
จากที่ผมไปหาเธอทุกวัน ก็กลายเป็น จันทร์ พุธ ศุกร์ ในตอนเย็น แล้วก็วันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุดของเธอ
ระหว่างนั้น เธอก็เริ่มระแวงหรือต้องการความใส่ใจมากขึ้น หรืออาจจะเป็นไปได้ว่าผมอาจจะดูแลเธอไม่เท่ากับที่เธอเคยได้รับจากแฟนเก่าของเธอ
เธอก็บ่นๆ เปรยๆ จนถึงขั้นเริ่มทะเลาะในเรื่องเหล่านี้
และแล้วด้วยเหตุทั้งหลายที่ผมตั้งเป็นกำแพงขึ้นมา ผมก็ได้กลับเข้าไปเล่นแขทอีกครั้งหนึ่ง คุยกับคนโน้นนี้ครับ ระหว่างที่ผมอยู่บ้าน พร้อมทั้งไม่ได้เปลี่ยนสเตตัสของตัวเอง ที่ตั้งไว้ว่าโสด
จนวันนึงเธอมาเห็นเข้าครับ ทะเลาะกันใหญ่ พาลเกือบเลิกกันไป แต่แล้วผมก็กลับไปง้อ ขอคืนดี และเธอก็ให้อภัย
เป็นอย่างนี้ 3-4 ครั้งใน 10 เดือนได้
ถามว่าตอนที่คบกับเธอนั้น ผมเป็นแฟนที่ดีไหม ไม่ได้ดีเท่าไรนัก อาจจะตกบกพร่องไป บางครั้งทำอะไรไม่ได้คิดถึงเธอด้วยซ้ำ
ถามว่าผมรักเธอไหม รักครับ รักมาก ในแบบของผมนะ คนละแบบกับของเธอ
ความรักก่อนหน้าของผมนั้น พัฒนาจากเพื่อนกลายมาเป็นแฟน เพราะฉะนั้น การดูแล เทคแคร์ เอาใจใส่กัน จะน้อยเพราะรู้นิสัยกันได้ดี อาจจะเพราะเหตุนี้ด้วยมั้ง ที่ทำให้เกิดความเบื่อหน่ายในการเรียกร้องบางอย่างของเธอ
ผมเป็นคนไม่ค่อยพูดไรมากเกี่ยวกับแฟนของตัวเองบ่อยนัก ทุกครั้งที่มีเรื่องซึ่งก็มาจากสาเหตุเรื่องแชท เรื่องความไม่ไว้ใจกันเป็นส่วนใหญ่
เพื่อนและน้องที่อยู่ด้วยกันก็พยายามบอก จะไหวหรอ เหนื่อยมั้ยเนี่ย จะรอดหรอฟร่ะ เรียกร้องอะไรมากมาย จนกลายเป็นความไม่ชอบหน้าแฟนของผมขึ้นมา
เพื่อนผมยุคนโน้น คนนี้ให้บ่อยๆครั้ง ไอผมก็คล้อยตามเพราะเหนื่อยกับการทะเลาะ คุยผ่านโทรศัพท์แทบทุกครั้งก็มีแต่ปัญหา
แต่พออยู่ด้วยกันกลับน่ารัก หวาน เทคแคร์กันและกัน (เหตุผมมารู้ทีหลัง เพราะเกิดจากเธอไม่ไว้ใจกันว่าจะแอบแชท หรือคุยกับใครอีก)
จนผมไปเจอผู้หญิงคนนึงในที่เที่ยว ทำให้ผมกระชุ่มกระชวยใจอีกครั้ง ทำให้ผมบอกเลิกเธอในวันที่เธอป่วย กำลังฟื้นตัว
รู้ครับ ว่าผิดมหันต์ จะบอกว่าเxี้ยเลยก็ยังได้ แต่มันเหนื่อยทะเลาะเต็มที
ผ่านไป 3-4 เดือน ผู้หญิงที่ผมเจอในที่เที่ยวนั้น ผมรู้ตัวแล้วว่ารับมือไม่ไหว พร้อมทั้งเหนื่อยที่จะตามเหลือเกิน
จนผมกลับไปเล่นแชทและได้คบคนอื่นต่อจากแชทนั้นอีกครั้ง
แต่แล้วเธอก็เข้ามากดติดตามเฟสกับคนที่ผมคบอยู่
ตกใจเลยครับ เพราะช่วงนั้น ใกล้ถึงวันเกิดเธอ แว๊บนึงผมคิดถึงเธอแทบจับใจ
แต่เพราะสิ่งที่ผมทำกับเธอไว้มันแย่จนไม่น่าให้อภัย
ผมบากหน้ากลับไปง้อเธออีกครั้งเพื่อขอเธอคืนดี แรกๆเธอไม่ยอมครับ แต่แล้วผมก็ทลายกำแพงนั้นลง
เดินหน้าทำให้เธอเชื่อใจ เป็นคนดีให้เธอได้เห็น แต่สิ่งที่ผมทำมาในอดีตมันย้อนกลับมาทำำร้ายเธออยู่เสมอๆ
บ่อยครั้งเธอวีน เหวี่ยงใส่ผม ผมก็ได้แต่เงียบสงบ ไม่มีปากเสียง พร้อมทั้งเข้าใจ อาจเป็นเพราะฮอร์โมน เพราะเรื่องเก่า ก็ว่ากันไป
เรื่องอนาคตที่มีร่วมกันนั้น เราคุยอยู่เสมอๆครับ ทั้งเริ่มเก็บเงินทอง เพราะในอดีตที่ผ่านมา ต่างคนต่างใช้เงินแบบไม่คิดกันทั้งนั้น ทำโน่นนี่ เก็บเงินทำร้านเล็กๆของเราอยู่ที่หน้ามหาวิทยาลัยที่บ้านของเธอ
หรือเปิดร้านรวง ร้านข้าวก็ว่ากันไป เพื่อที่จะได้อยู่กันสองคน (เราทั้งสองไม่สามารถมีลูกได้ครับ เธอบอกกับผมแล้ว เธอเป็นห่วงเรื่องนี้ครับ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ขอแค่มีเธออยู่ก็พอแล้ว)
แต่แล้วผมก็ได้หวนกลับไปเล่นแชทจากแอฟที่ไม่ได้ลบออกไปจากเครื่อง จากมีน้องคนนึงทักผมมา ในวินาทีนั้น ความตื่นเต้นจากการเริ่มคุยกลับมาอีกครั้ง
ยอมรับนะครับว่าคุย แต่ก็เหมือนทุกครั้งที่คุยๆแล้วก็ไม่ได้คิดอะไร คุยเรื่อยเปื่อย คุยเล่นไปเรื่อย
วันนึง เธอมาเจอเข้าครับ ผมทราบดีครับเจตนาของเธอคือการไม่โกหกปกปิดกัน แต่ผมกลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม
ผมโกหก ปกปิดเธอครับ ครั้งนี้เธอรับไม่ไหว ไม่เอา ไม่ทน พอแล้ว ความเชื่อใจที่มีน้อยนิดมันหมดลงไป เศร้าเลยครับ
แต่ผมบอกได้จากใจครับ ว่าทุกๆครั้งที่คุย ก็คุยเล่นๆ คุยผ่านแล้วก็ผ่านไปไม่ได้คิดอะไรเลย
แต่เธอคงรับไม่ได้ที่คุยนั้นแหละครับ เพราะความสัมพันธ์ของเราก็เริ่มจากการคุยเนี่ยแหละครับ
ครับผม นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นมาไม่นานนี้ เกิดขึ้นจริง
เอาละครับ ได้เวลาวิพากษ์ วิจารณ์ผมได้ละครับ
ขอบอกตรงนี้เลยว่า ผมอยากง้อเธอมาก อยากคบ อยากคุย อยากใช้ชีวิตกับเธอ
ถ้าใครมีข้อเสนอแนะ คำด่า คำวิจารณ์ผม ก็ช่วยทีนะครับ ผมจะกลับมาตอบทุกคอมเม๊นท์ ทุกคำถาม ทุกข้อเสนอแนะครับ
ปล.ถ้าเธอคนนั้นอ่าน ผมว่าเธอรู้ตัวนะ ว่าเป็นผม
อยากใช้ชีวิตกับเธอจริงๆ พร้อมที่จะโตไปด้วยกันจริงๆ
อาจะเป็นเพราะขี้เหงา หรืออาจจะเพราะอะไรก็ตามแต่
แค่อยากให้รู้ว่า อยากแก่ไปด้วยกัน จริงๆ
ขอบคุณด้วยใจจริงครับ
ชีวิตรักพัง เพราะผมติดความเย้ายวนของ "แชท"
เรื่องที่ผมจะเล่าประสบการณ์ชีวิต ประสบการณ์ความรักที่ล้มเหลวของผมนั้นเกิดจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับผมทั้งหมดครับ
หากท่านใด ผู้ใดมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับพฤติกรรมของผมนั้น น้อมรับทุกข้อความเพื่อเตือนใจ เตือนสติของตัวเองครับ
ต้นเรื่องเกิดมาจาก ผมได้ถูกบอกเลิกกับแฟนคนก่อนที่คบกันมานานเนื่องจากความห่างไกล ความเหงา
ด้วยความเป็นคนขี้อาย ไม่กล้าไปคุยกับสาวๆโดยตรง หันหาทางออกไหนไม่ได้ ก็เลยพึ่งแอฟแชททั้งหลายเนี่ยแหละครับ
ทำให้ผมได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ พบสาวๆขึ้นมากมาย ออกไปกินข้าว ดูหนัง พูดคุยตามประสาคนโสด
ใช่บ้าง ไม่ใช่บ้าง บ้างก็ผมเก็ต เค้าไม่เก็ต เรื่อยไป
จนมาพบกับเธอ พนักงานโรงงานทั่วไป เงินเดือนกลางๆ คนชนชั้นกลางเช่นเดียวกับผม คนที่เข้ามาทักผมโดยที่ไม่เปิดเผยหน้าตา (ตามปกติแล้วในแชททั้งหลายมักจะเสนอรูปภาพตัวเอง)
ผมก็คุยๆตามปกติทั่วไป จนพบกับบางเรื่องที่คลิกกัน คุยกันรู้เรื่องมากขึ้น
เราจึงได้นัดเจอกันครับ แรกๆมีอุปสรรคบ้างเนื่องจากระยะทาง การนัดหมาย
พอหลังๆมา เริ่มปรับจังหวะให้เข้ากันมากขึ้น จนได้เป็นแฟนกันในที่สุดครับ ผมจึงได้เลิกเล่นแชทไปโดยปริยาย
แต่แล้ว ผมได้ย้ายที่พักออกห่างจากเธอมากกว่าเดิม (จริงๆก็ในตัวกรุงเทพเนี่ยแหละครับ แต่ถ้านับระยะทางไปกลับจากบ้านผมไปที่พักเธอ ก็ร่วม80-90กิโลได้)ด้วยระยะทางนี้เอง ทำให้ผมเกิดความเหนื่อยล้า
จากที่ผมไปหาเธอทุกวัน ก็กลายเป็น จันทร์ พุธ ศุกร์ ในตอนเย็น แล้วก็วันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุดของเธอ
ระหว่างนั้น เธอก็เริ่มระแวงหรือต้องการความใส่ใจมากขึ้น หรืออาจจะเป็นไปได้ว่าผมอาจจะดูแลเธอไม่เท่ากับที่เธอเคยได้รับจากแฟนเก่าของเธอ
เธอก็บ่นๆ เปรยๆ จนถึงขั้นเริ่มทะเลาะในเรื่องเหล่านี้
และแล้วด้วยเหตุทั้งหลายที่ผมตั้งเป็นกำแพงขึ้นมา ผมก็ได้กลับเข้าไปเล่นแขทอีกครั้งหนึ่ง คุยกับคนโน้นนี้ครับ ระหว่างที่ผมอยู่บ้าน พร้อมทั้งไม่ได้เปลี่ยนสเตตัสของตัวเอง ที่ตั้งไว้ว่าโสด
จนวันนึงเธอมาเห็นเข้าครับ ทะเลาะกันใหญ่ พาลเกือบเลิกกันไป แต่แล้วผมก็กลับไปง้อ ขอคืนดี และเธอก็ให้อภัย
เป็นอย่างนี้ 3-4 ครั้งใน 10 เดือนได้
ถามว่าตอนที่คบกับเธอนั้น ผมเป็นแฟนที่ดีไหม ไม่ได้ดีเท่าไรนัก อาจจะตกบกพร่องไป บางครั้งทำอะไรไม่ได้คิดถึงเธอด้วยซ้ำ
ถามว่าผมรักเธอไหม รักครับ รักมาก ในแบบของผมนะ คนละแบบกับของเธอ
ความรักก่อนหน้าของผมนั้น พัฒนาจากเพื่อนกลายมาเป็นแฟน เพราะฉะนั้น การดูแล เทคแคร์ เอาใจใส่กัน จะน้อยเพราะรู้นิสัยกันได้ดี อาจจะเพราะเหตุนี้ด้วยมั้ง ที่ทำให้เกิดความเบื่อหน่ายในการเรียกร้องบางอย่างของเธอ
ผมเป็นคนไม่ค่อยพูดไรมากเกี่ยวกับแฟนของตัวเองบ่อยนัก ทุกครั้งที่มีเรื่องซึ่งก็มาจากสาเหตุเรื่องแชท เรื่องความไม่ไว้ใจกันเป็นส่วนใหญ่
เพื่อนและน้องที่อยู่ด้วยกันก็พยายามบอก จะไหวหรอ เหนื่อยมั้ยเนี่ย จะรอดหรอฟร่ะ เรียกร้องอะไรมากมาย จนกลายเป็นความไม่ชอบหน้าแฟนของผมขึ้นมา
เพื่อนผมยุคนโน้น คนนี้ให้บ่อยๆครั้ง ไอผมก็คล้อยตามเพราะเหนื่อยกับการทะเลาะ คุยผ่านโทรศัพท์แทบทุกครั้งก็มีแต่ปัญหา
แต่พออยู่ด้วยกันกลับน่ารัก หวาน เทคแคร์กันและกัน (เหตุผมมารู้ทีหลัง เพราะเกิดจากเธอไม่ไว้ใจกันว่าจะแอบแชท หรือคุยกับใครอีก)
จนผมไปเจอผู้หญิงคนนึงในที่เที่ยว ทำให้ผมกระชุ่มกระชวยใจอีกครั้ง ทำให้ผมบอกเลิกเธอในวันที่เธอป่วย กำลังฟื้นตัว
รู้ครับ ว่าผิดมหันต์ จะบอกว่าเxี้ยเลยก็ยังได้ แต่มันเหนื่อยทะเลาะเต็มที
ผ่านไป 3-4 เดือน ผู้หญิงที่ผมเจอในที่เที่ยวนั้น ผมรู้ตัวแล้วว่ารับมือไม่ไหว พร้อมทั้งเหนื่อยที่จะตามเหลือเกิน
จนผมกลับไปเล่นแชทและได้คบคนอื่นต่อจากแชทนั้นอีกครั้ง
แต่แล้วเธอก็เข้ามากดติดตามเฟสกับคนที่ผมคบอยู่
ตกใจเลยครับ เพราะช่วงนั้น ใกล้ถึงวันเกิดเธอ แว๊บนึงผมคิดถึงเธอแทบจับใจ
แต่เพราะสิ่งที่ผมทำกับเธอไว้มันแย่จนไม่น่าให้อภัย
ผมบากหน้ากลับไปง้อเธออีกครั้งเพื่อขอเธอคืนดี แรกๆเธอไม่ยอมครับ แต่แล้วผมก็ทลายกำแพงนั้นลง
เดินหน้าทำให้เธอเชื่อใจ เป็นคนดีให้เธอได้เห็น แต่สิ่งที่ผมทำมาในอดีตมันย้อนกลับมาทำำร้ายเธออยู่เสมอๆ
บ่อยครั้งเธอวีน เหวี่ยงใส่ผม ผมก็ได้แต่เงียบสงบ ไม่มีปากเสียง พร้อมทั้งเข้าใจ อาจเป็นเพราะฮอร์โมน เพราะเรื่องเก่า ก็ว่ากันไป
เรื่องอนาคตที่มีร่วมกันนั้น เราคุยอยู่เสมอๆครับ ทั้งเริ่มเก็บเงินทอง เพราะในอดีตที่ผ่านมา ต่างคนต่างใช้เงินแบบไม่คิดกันทั้งนั้น ทำโน่นนี่ เก็บเงินทำร้านเล็กๆของเราอยู่ที่หน้ามหาวิทยาลัยที่บ้านของเธอ
หรือเปิดร้านรวง ร้านข้าวก็ว่ากันไป เพื่อที่จะได้อยู่กันสองคน (เราทั้งสองไม่สามารถมีลูกได้ครับ เธอบอกกับผมแล้ว เธอเป็นห่วงเรื่องนี้ครับ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ขอแค่มีเธออยู่ก็พอแล้ว)
แต่แล้วผมก็ได้หวนกลับไปเล่นแชทจากแอฟที่ไม่ได้ลบออกไปจากเครื่อง จากมีน้องคนนึงทักผมมา ในวินาทีนั้น ความตื่นเต้นจากการเริ่มคุยกลับมาอีกครั้ง
ยอมรับนะครับว่าคุย แต่ก็เหมือนทุกครั้งที่คุยๆแล้วก็ไม่ได้คิดอะไร คุยเรื่อยเปื่อย คุยเล่นไปเรื่อย
วันนึง เธอมาเจอเข้าครับ ผมทราบดีครับเจตนาของเธอคือการไม่โกหกปกปิดกัน แต่ผมกลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม
ผมโกหก ปกปิดเธอครับ ครั้งนี้เธอรับไม่ไหว ไม่เอา ไม่ทน พอแล้ว ความเชื่อใจที่มีน้อยนิดมันหมดลงไป เศร้าเลยครับ
แต่ผมบอกได้จากใจครับ ว่าทุกๆครั้งที่คุย ก็คุยเล่นๆ คุยผ่านแล้วก็ผ่านไปไม่ได้คิดอะไรเลย
แต่เธอคงรับไม่ได้ที่คุยนั้นแหละครับ เพราะความสัมพันธ์ของเราก็เริ่มจากการคุยเนี่ยแหละครับ
ครับผม นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นมาไม่นานนี้ เกิดขึ้นจริง
เอาละครับ ได้เวลาวิพากษ์ วิจารณ์ผมได้ละครับ
ขอบอกตรงนี้เลยว่า ผมอยากง้อเธอมาก อยากคบ อยากคุย อยากใช้ชีวิตกับเธอ
ถ้าใครมีข้อเสนอแนะ คำด่า คำวิจารณ์ผม ก็ช่วยทีนะครับ ผมจะกลับมาตอบทุกคอมเม๊นท์ ทุกคำถาม ทุกข้อเสนอแนะครับ
ปล.ถ้าเธอคนนั้นอ่าน ผมว่าเธอรู้ตัวนะ ว่าเป็นผม
อยากใช้ชีวิตกับเธอจริงๆ พร้อมที่จะโตไปด้วยกันจริงๆ
อาจะเป็นเพราะขี้เหงา หรืออาจจะเพราะอะไรก็ตามแต่
แค่อยากให้รู้ว่า อยากแก่ไปด้วยกัน จริงๆ
ขอบคุณด้วยใจจริงครับ