[CR] ปั ต ต า นี ดิ น แ ด น ลั ง ก า สุ ก ะ

กระทู้รีวิว
เนื่องจากปอไม่มี Account เป็นของตัวเอง
เลยขอยืม Account ของเพื่อนมาแทนนะครับ

จุดเริ่มต้นของการมาเที่ยวปัตตานี(คนเดียว)คือ.....
โปรโมชั่น ของ Thai Lion Air นั่นเอง
ดอนเมือง - หาดใหญ่ - ดอนเมือง ค่าตั๋ว 595 บาท/เที่ยว
นาทีนี้คิดอยู่อย่างเดียว...เราพลาดไม่ได้ 555

หลังจากทำการ Confirmed Booking เรียบร้อยแล้ว
ก็โทรหาเพื่อนที่มหาลัย(บ้านมันอยู่หาดใหญ่)...อยากนัดเจอแล้วก็กินข้าวกัน
ปรากฎว่าเพื่อนก็ไม่ว่างขึ้นมาอีก...เอาไงดีล่ะทีนี้?

ไหนๆก็ไหนๆตั๋วเครื่องบินก็เลื่อนไม่ได้
ตัดสินใจไปเที่ยวปัตตานีดีกว่า
เตรียมของก่อนออกเดินทาง...
ไปวันเสาร์กลับวันอาทิตย์...(วันเดียว...เที่ยวได้จริงๆ)

เริ่มต้นการเดินทางที่สถานีรถไฟหัวลำโพง...เอ๊! ใหนบอกจองตั๋วเครื่องบินไง
ลงที่สถานีดอนเมืองครับ...แล้วเลือกเดินข้ามทางเชื่อมเข้าสนามบิน

เนื่องจากปอไม่รีบมากจึงออกจากบ้านแต่เช้ามืด...(บินเกือบ11โมง)
ลงรถไฟมาก็เจอกับทางเชื่อมเข้าสนามบินดอนเมืองหน้าตาแบบนี้
อ่านป้ายบอกทาง เพื่อเข้าสู่สนามบิน...และสำหรับใครที่ไม่รีบมาก
นักลองนั่งรถไฟกินบรรยกาศ 2 ข้างทางก็ชิลล์อย่าบอกใครเลยล่ะ
(ใช้เวลา 1 ชั่วโมงจากหัวลำโพง)


ครั้งนี้ขึ้นเครื่องแบบ Bus Gate เลยมีโอกาสได้ถ่ายรูปและได้ใกล้ชิดกับพี่สิงโตตัวเป็นๆเลยแหละ
แต่แล้วก็ต้องรีบขึ้นเครื่อง...เพราะแดดร้อนเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน

ตึ่งๆ Cabin crew prepare for takeoff
สิ้นสุดเสียงสัญญาณ...เครื่องบินลำนี้ก็พร้อม
ที่จะพาเราไปถึงหาดใหญ่โดยใช้เวลาบิน 1ชั่วโมง10นาที

เครื่องบินลดระดับเพดานบิน...เริ่มเห็นแผ่นดินบ้างแล้ว

หลังจากลงเครื่องแล้ว...ก็ไม่รอช้ารีบโทรหาพี่ดาเพื่อรับรถทันที
พี่แกร์มาส่งรถเร็วมากๆ...เรารอไม่ถึง10นาที
เจอป้ายบอกทางแบบนี้...ขอซะหน่อยแล้วกัน
ก็ไม่ได้มาบ่อยๆนี่หน่า555

ขับมาตามถนนสาย 43 ถนนดีมากๆ
ไม่มีหลุมเลย...ถนนเรียบมากสามารถทำความเร็วได้พอสมควรเลยล่ะ
มีบางช่วงวิ่งเลียบทะเลฝั่งอ่าวไทยด้วย...สวยมากๆเลย
แต่ปอไม่ได้แวะเพราะต้องทำเวลา

ไม่แวะเล่นน้ำ...ขอจอดถ่ายรูปหน่อยก็ยังดี

ขับมาซักพักก็เจอป้าย
ยินดีต้อนรับสู่จังหวัดปัตตานี...ดินแดนลังกาสุกะ

เลยมาอีกนิดเดียวก็เจอป้ายบอกระยะทาง ของ3จังหวัดที่เหลือ
ใครพลาดป้ายแรกแล้ว...ยังมีป้ายนี้อีกนะ

เลยมาอีกหน่อยก็จะเริ่มมีด่านตรวจแล้ว...ชะลอความเร็ว
และเปิดกระจก...ขับผ่านมาช้าๆ และควรพกบัตรประชาชนไว้ด้วย
เพื่อมีการเรียกตรวจสอบ

ที่หมายแรกนั่นก็คือ วัดช้างให้ราษบูรณาราม อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี

แวะปิดทองไหว้พระขอพร...วันที่ปอไปรู้สึกว่าจะมีการสวดปลูกเสกหลวงพ่อทวดอยู่ด้วย

เอาหนังสือสวดมนต์มาทำบุญที่วัดนี้...พร้อมกับเงินที่ได้จากการเรี่ยไรอีกจำนวนหนึ่งด้วย

เดินต่อไปยังกุฎิเจ้าอาวาส
เพื่อถวายเงินทอดผ้าป่าสามัคคี จำนวนเงินทั้งสิ้น 1420 บาท

หุ่นขี้ผึ้งหลวงปู่ทวด ในกุฎิเจ้าอาวาส

บริเวณวัดค่อนข้างเงียบ...คงเป็นเพราะไม่ตรงกับช่วงวันหยุดยาว



สถานีวัดช้างให้ มีรถไฟผ่านทุกวัน
และมีบางขบวนจอดรับส่งผู้โดยสารที่สถานีนี้ด้วย
รายละเอียดสอบถามการรถไฟได้เลยครับ


ออกจากวัดช้างให้...จะมีแยกไปยะลา(ทางสายเก่า)
ด้วยแต่ปอจะเข้าตัวเมืองปัตตานี (กลับทางเดิม)

ที่ต่อไป มัสยิดกรือเซะ เป็นมัสยิดเก่าแก่ อายุกว่า 200 ปี ในจังหวัดปัตตานี
สันนิษฐานได้ว่าเป็นศาสนสถาน ที่สร้างขึ้น ในพุทธศตวรรษที่ 22 ร่วมสมัยอยุธยา

มัสยิดกรือเซะ มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า มัสยิดปิตูกรือบัน ชื่อนี้เรียกตามรูปทรงของประตูมัสยิด
ซึ่งมีลักษณะเป็นวงโค้งแหลมแบบกอธิคของชาวยุโรป และแบบสถาปัตยกรรมของชาวตะวันออกกลาง


มาแล้วขอถ่ายรูปหน้ามัสยิดซะหน่อยก็ยังดี
ปอไม่กล้าเข้าไปข้างใน...อยู่แค่ตรงบันไดแค่นั้นแหละ555


ข้างๆมัสยิดกรือเซะ มีฮวงซุ้ยเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวอยู่ครับ

วันที่ปอไปเที่ยวคาดว่าคงมีตลาดนัด...อยู่หน้ามัสยิดพอดี คนเยอะพอสมควร
ไหนๆก็มาแล้ว...เดินเข้าไปดูหน่อยดีกว่า

มาปัตตานีแล้ว แวะไหว้ศาลหลักเมืองปัตตานีก่อนนะครับ
อยู่บริเวณสนามศักดิ์เสนีย์ ตรงข้ามศาลากลางจังหวัด ริมฝั่งแม่น้ำปัตตานี ตำบลสะบารัง อำเภอเมือง
สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2494 สมัยพระยารัตนภักดีเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด
ศาลแห่งนี้เป็นที่เคารพสักการะของชาวเมืองปัตตานีและนักท่องเที่ยวที่แวะไปเที่ยว
มักจะพากันไปสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล



ที่มาของ Application camera 360

มุมองของศาลหลักเมือง...ถ่ายอีกฝั่งของถนน

เย็นมากแล้วขอแวะพักที่โรงแรม CS Pattani ก่อนซักคืนนะครับ
แต่เจ้าGPSตัวดี...ทำไมพามาเข้าหลังโรงแรมเนี่ย

เนื่องจากเคยมีการลอบวางระเบิดที่โรงแรมแห่งนี้...ดังนั้นกำแพงโรงแรมจึงต้องมีถึง2ชั้น

แต่ถึงอย่างนั้นโรงแรม CS Pattani ก็ยังได้ชื่ว่าเป็นโรงแรมที่หรูหราและปลอดภัยมากที่สุด
ใน3จังหวัดชายแดนภาคใต้  พักคืนละ 900 บาทพร้อมอาหารเช้า

มินิบาร์ก็ถือว่าโอเค...มีน้ำอัดลมแต่ไม่มีขนม
แต่ถึงมีก็ไม่กินอยู่ดี...เอิ่มๆๆแล้วจะพูดมาทำไม555

ห้องน้ำกว้างขวาง...และสะอาดมีอ่างอาบน้ำพร้อมน้ำอุ่นอัตโนมัติ



วิวที่ได้อยู่ชั้น5มองเห็นวิวเมืองได้พอสมควร

แอบเห็นบิ๊กซีปัตตานีอยู่ใกล้ๆ...เดี๋ยวคืนนี้ต้องเดินไปซื้อของซะหน่อยแล้วเรา

สำรวจห้องพักเสร็จแล้ว...ขอตัวไปหม่ำๆโรตีน้ำแกง กับ ชาชักปัตตานีก่อนนะครับ

ตามด้วยข้าวผัดบูดู รสชาติคล้ายๆน้ำพริกกะปิ
เข้าผัดใส่สตอด้วยมีกุ้งหวาน...รวมๆแล้วอร่อยดี

ตกใจ...เจอตะกร้าสำหรับใส่หมูโดยเฉพาะ

เช็คเอาท์ครับ...ไม่ได้ทานอาหารเช้าเลยต้องทำเวลาเหลือที่เที่ยวอีกหลายที่
โอกาสหน้า...คงได้มาพักใหม่นะครับ


เจอสัตว์เจ้าถิ่น...เขิลกล้องซะด้วยนะ
ลงไปถ่ายทำเดินหนี...ชิชะ


มาถึงแล้วมัสยิดกลางปัตตานี
สร้างในปี พ.ศ. 2497 ใช้เวลาดำเนินการสร้างประมาณ 9 ปี และทำพิธีเปิดโดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๐๖ เพื่อให้เป็นศูนย์กลางในการประกอบศาสนกิจของชาวไทยมุสลิมในภาคใต้
เป็นสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกมีรูปทรงคล้ายกับทัชมาฮาลของอินเดีย
ตรงกลางอาคารมียอดโดมขนาดใหญ่และมีโดมบริวาร 4 ทิศ มีหอคอยอยู่สองข้าง
ตั้งอยู่ถนนยะรัง ตำบลอาเนาะรู อำเภอเมืองปัตตานี
ขึ้นชื่อว่าใหญ่และสวยที่สุดในประเทศไทย
อย่างที่บอกปอคงไม่ได้มาบ่อยๆ...เพราะฉะนั้นจะถ่ายรูปทั้งที...ต้องจัดเต็ม!!!
มามัสยิด...ต้องแต่งตัวให้เกียรติสถานที่นิดนึง



ขอขอบคุณคุณลุงที่ช่วยพันผ้าโพกหัวให้ปอด้วย...พอถ่ายรูปกับมัสยิดเสร็จ
จะมาขอถ่ายรูปด้วยซะหน่อย...ออกมาอีกทีหายไปใหนแล้ว...ไวจริงๆ

ผลงานคุณลุง

เที่ยวหมดแล้ว...แต่เวลายังเหลือ...ทำไงดี?
ไปแหลมสมิหลาดีกว่า...ขับกลับแบบไม่รีบร้อนจนเกินไป
ประตูเมืองสงขลา...ตอนแรกคิดว่าคนจะเยอะ
ที่ใหนได้เงียบมาก...มีคนประปรายๆ



ชื่อสินค้า:   ปัตตานี
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่