แนะนำตัวเองเล็กน้อยก่อนจะเล่า ผมมักสถิตที่ห้องแต่งนิยายกับเฉลิมไทย ตอนนี้ต้องยุติการแต่งนิยายไปโดยปริยายเพราะมีงานพิเศษเยอะแล้วต้องเรียนปริญญาเอกไปด้วย เพราะการแต่งนิยายมันต้องมีเวลามากและมีสมาธิมากๆด้วย พอมารู้ว่าในพันทิปมีแท็กเรื่องเล่าสยองขวัญกับเรื่องลึกลับ ก็เลยสนใจ อยากเล่า อยากถ่ายทอด
ผมเองสนใจหลายวิชามาก แต่มีวิทยาศาสตร์ ศาสนา ประวัติศาสตร์ และปรัชญาเป็นวิชาพื้นฐานที่สนใจมาตลอด แต่อีกสิ่งหนึ่งที่คู่มากับชีวิตคือเรื่องลึกลับและการเห็นผี การเห็นผีแบบหางตา ผมจะไม่ค่อยเอามานับรวม เพราะมันเห็นมาเยอะมาก แทบทุกวัน อันไหนจริงหรือไม่จริงก็ตรวจสอบยาก ประเมินยาก ส่วนการเห็นผีแบบจะๆ ใกล้ๆตัวจะเห็นมาทั้งหมดประมาณ 18 ครั้งในชีวิต ส่วนการเห็นหรือสัมผัสสิ่งผิดปกติ ก็นับว่าเยอะอยู่ แต่จะต้องค่อยๆวิเคราะห์ ค่อยๆตรวจสอบไป เคยไปประชุมเรื่องเหนือธรรมชาติที่ประเทศอังกฤษและสก๊อตแลนด์ ก็พบอะไรหลายอย่างที่น่าสนใจมากๆ แนะนำตัวแค่น้พอแล้วนะครับ เรามาเริ่มเรื่องกันเลยดีกว่า
การเห็นผีแบบจะๆครั้งที่ 4 ของผมเป็นสิ่งที่น่าประทับใจมาก เพราะเป็นการเห็นครั้งที่ 4 ซึ่งก็ไม่ค่อยตื่นเต้นแล้ว วันนั้นไปหาเพื่อนสนิทรุ่นน้องที่บ้านของเขา เป็นรุ่นน้องผู้ชาย บ้านเขาเป็นบ้านสองชั้น เราก็ซื้อของไปกินกัน แล้วก็นั่งชั้นล่าง พอเข้ามาเขาก็ปิดประตู ปิดหน้าต่างหมด แล้วก็เปิดแอร์ เรานั้งกินอะไรกันตรงกลางบ้านเลย ชั้นล่าง ตอนกินอาหารนี่เป็นมื้อเย็นนะครับ ก็กินกันไป คุยกันไป ก่อนอื่นที่ต้องเน้นก่อนเลยคือวันนั้นไม่มีเหล้าและเบียร์ ทำให้สติดีมากๆ พอคุยกันไปแบบนานมากๆ จนดึก ต่างฝ่ายต่างก็เริ่มเพลีย สิ่งที่เราทำโดยไม่เคยทำกันมาก่อน คือพอง่วงมากๆก็นอนตรงนั้นเลย คือนอนตรงพื้นแถวนั้น แถวๆโต๊ะที่เรานั่ง นอนกันระเกะระกะตามประสาผู้ชาย พอตกดึกก็เกิดเรื่อง
ผมตกใจตื่นประมาณตีสอง (มาดูเวลาและกะเวลาในภายหลัง) ผมเห็นมีคนยืนนิ่งอยู่บนพื้น (ตอนนั้นเข้าใจว่ายืนบนพื้น) ห่างจากผมประมาณ 1 เมตร ตอนแรกผมนึกว่าเพื่อน แต่มาใจหายวูบเมื่อมาเห็นเพื่อนนอนอยู่บนพื้น ก็เลยสรุปได้อย่างฉับพลันว่า "ผี" โชคดีมากที่เป็นการเห็นผีแบบจะๆครั้งที่ 4 เลยไม่ได้กลัวมาก แต่อยากบอกว่า ความกลัวมันก็มีชีวิตของมัน ตอนนั้นพอแน่ใจว่าเป็นผี ผมจึงหันไปมองเขาอย่างละเอียด แต่ผมยังนั่งพื้นอยู่นะครับคือไม่กล้าลุกขึ้นยืน และก็ไม่กล้าปลุกเพื่อนด้วย ผมมองเขา อย่างแรกที่แปลกใจคือ เขาใส่เสื้อผ้าคล้ายๆคนในยุคเรา เขาเป็นผู้ชายครับ ที่แปลกใจคือเห็นเสื้อผ้าเขาชัดมาก ผิดกับการเห็นก่อนหน้าที่มักจะเห็นลางๆ ผมเองเคยมีประสบการณ์คือรู้สึกว่ามีผีอยู่ใกล้ตัว แล้วบังเอิญว่าตอนนั้นเพื่อนมาถ่ายรูปผมพอดี แล้วพอมาดูรูปก็เห็นผีในรูป แต่มองไม่เห็นในสถานการณ์จริง ผีในรูปก็ใส่สูท เราก็เห็นชุดลางๆ แต่วันนั้นเห็นชุดชัดมาก ก็เป็นแบบเสื้อกางเกงขายาวครับ แต่ระบุลำบากว่าสมัยไหนเพราะเป็นชุดผู้ชาย
พอเห็นชุด ผมจึงมองไปที่หน้าก่อน ปรากฏว่าเป็นชายแก่ผอมๆ โชคดีมากที่มุมนั้น เขาหันข้างให้ผม (โชคดีครับที่เจอผีแบบจะๆทุกครั้ง ผีไม่เคยจ้องหน้าผมแบบตรงๆเลย) สิ่งที่แน่ใจมากๆคือความคมชัดของภาพเขากับเวลาเห็นคนจริงๆ จะต่างกัน ภาพเขาจะเหมือนถูกเน้นให้ชัดขึ้น (แต่ในบางกรณี เราจะเห็นลางๆ ถ้าในที่มืดแล้วเห็นเป็นเงาขาวๆจะทำให้เห็นรายละเอียดชัดขึ้น) หลังจากสังเกตจนถี่ถ้วนแล้ว จึงมองมาตรงเท้า ปรากฏว่าเท้าลอยครับ เท้าไม่ติดพื้น ตอนนั้นก็อยากปลุกเพื่อน แต่ไม่กล้าปลุก แต่สิ่งที่อยากทำจริงๆก็คือไม่กล้าละสายตาไปจากเขา เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมยังนั่งมองเขานิ่ง (คือยังไงผมก็ไม่กล้ายืน) เริ่มเห็นมีกระดุกกระดิกบ้าง การกระดุกกระดิกตัวของเขาทำให้ผมกลัวมาก เพราะมันกระดุกกระดิกไม่เหมือนคนอ่ะครับ คือเหมือนจะเคลื่อนอะไรบางอย่างช้ากว่าตอนเราเคลื่อนแขนหรือลำตัว ตอนนั้นเริ่มขนลุกมากขึ้น การกระดิกตัวของเขาไม่เกิดเสียง เขาไม่พูดครับ (ตั้งแต่เจอผีมาก ยังไม่เคยมีผีตัวไหนพูดกับผมได้เลย)
ผมรู้สึกว่าอากาศรอบๆตัวเริ่มเย็นลง และภาพผีของเขาเริ่มชัดขึ้น ผมเคยคิดนะครับว่าถ้าเจอผีแล้วผีอยู่กับเรานานๆ ผมอยากจะเดินทะลุตัวผี คืออยากรู้ว่าจะเป็นยังไง แต่เคสนี้ แค่ลุกยังไม่กล้าเลยครับ คือมันน่ากลัวมากถ้าเราจะลุกขึ้นยืน แล้วที่ผมแน่ใจมากๆก็คือเขาน่าจะสูงกว่าผม ตอนนั้นหน้าเขาเริ่มกระดิกแบบแปลกๆ ผมกลัวนะครับถ้าเขาจะหันมาจ้องหน้าผม ผมก็คงไม่ไหวเหมือนกัน เลยเลือกที่จะนั่งสมาธิแล้วแผ่เมตตาให้เขาครับ ผมนั่งสมาธิประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วแผ่เมตตาให้เขาคนเดียว พอลืมตามาเขาก็หายไปแล้ว เป็นประสบการณ์เจอผีแบบจะๆที่น่าประทับใจมากครับ สรุปว่าวันนั้นผมน่าจะอยู่กับเขาประมาณ 15-20 นาที กลายเป็นการอยู่กับผีแบบใกล้ๆที่นานที่สุดในชีวิตแล้วครับ ผมว่ามันน่าสนใจมากทีเดียว และก็น่ากลัวมากๆด้วย แต่คิดว่าความน่ากลัวของผีจริงๆก็ต่างจากผีจีทีเอชเยอะนะครับ ผีจริงๆไม่ตุ้งแช่ ไม่มีเพลงบิ้ว และไม่ค่อยทำให้ตกใจ แต่ผีจริงๆเราจะกลัวว่า จะเกิดอะไรต่อไป เมื่อไหร่จะไป หรือเมื่อไหร่จะมา
แต่ถ้าผีมาหาผม ผมจะไม่หนีนะครับ เพราะไม่เคยเจอในสภาพที่น่ากลัว เช่น มาแบบเละๆ แบบนั้นยังไม่เคยเจอเลยครับ งั้นก็แค่นี้ก่อนนะครับ วันหลังถ้ามีโอกาสจะมาเล่าสู่กันฟังใหม่ครับ เพราะมันยังมีผีห้องนอน ผีโรงหนัง ผีโรงแรม ผีแท็กซี่ และก็อื่นๆอีกเพียบครับ โดยเฉพาะช่วงหลังๆเจอผีในโรงหนังบ่อยมาก ทำให้เกิดการสงสัยขึ้นมาว่า ผีอยากจะมาดูหนังจริงๆเหรอครับ ดูรู้เรื่องเหรอ ตกลงจะเข้ามาในโรงหนังทำไมกัน ทำให้นึกถึงตำนานเรื่อง "ผีจ้างหนัง" คนเราดูหนังเพราะคลายเครียด แต่ผีจะมาดูทำไม แล้วถ้าผีมาดูหนังผีแล้วจะรู้สึกอย่างไร คำถามที่น่าสนใจยังมีอีกมากครับ แล้วค่อยพบกันใหม่นะครับ
มาเล่าเรื่องการเห็นผีแบบจะๆ ครั้งที่ 4 ในชีวิตครับ ผมว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก
ผมเองสนใจหลายวิชามาก แต่มีวิทยาศาสตร์ ศาสนา ประวัติศาสตร์ และปรัชญาเป็นวิชาพื้นฐานที่สนใจมาตลอด แต่อีกสิ่งหนึ่งที่คู่มากับชีวิตคือเรื่องลึกลับและการเห็นผี การเห็นผีแบบหางตา ผมจะไม่ค่อยเอามานับรวม เพราะมันเห็นมาเยอะมาก แทบทุกวัน อันไหนจริงหรือไม่จริงก็ตรวจสอบยาก ประเมินยาก ส่วนการเห็นผีแบบจะๆ ใกล้ๆตัวจะเห็นมาทั้งหมดประมาณ 18 ครั้งในชีวิต ส่วนการเห็นหรือสัมผัสสิ่งผิดปกติ ก็นับว่าเยอะอยู่ แต่จะต้องค่อยๆวิเคราะห์ ค่อยๆตรวจสอบไป เคยไปประชุมเรื่องเหนือธรรมชาติที่ประเทศอังกฤษและสก๊อตแลนด์ ก็พบอะไรหลายอย่างที่น่าสนใจมากๆ แนะนำตัวแค่น้พอแล้วนะครับ เรามาเริ่มเรื่องกันเลยดีกว่า
การเห็นผีแบบจะๆครั้งที่ 4 ของผมเป็นสิ่งที่น่าประทับใจมาก เพราะเป็นการเห็นครั้งที่ 4 ซึ่งก็ไม่ค่อยตื่นเต้นแล้ว วันนั้นไปหาเพื่อนสนิทรุ่นน้องที่บ้านของเขา เป็นรุ่นน้องผู้ชาย บ้านเขาเป็นบ้านสองชั้น เราก็ซื้อของไปกินกัน แล้วก็นั่งชั้นล่าง พอเข้ามาเขาก็ปิดประตู ปิดหน้าต่างหมด แล้วก็เปิดแอร์ เรานั้งกินอะไรกันตรงกลางบ้านเลย ชั้นล่าง ตอนกินอาหารนี่เป็นมื้อเย็นนะครับ ก็กินกันไป คุยกันไป ก่อนอื่นที่ต้องเน้นก่อนเลยคือวันนั้นไม่มีเหล้าและเบียร์ ทำให้สติดีมากๆ พอคุยกันไปแบบนานมากๆ จนดึก ต่างฝ่ายต่างก็เริ่มเพลีย สิ่งที่เราทำโดยไม่เคยทำกันมาก่อน คือพอง่วงมากๆก็นอนตรงนั้นเลย คือนอนตรงพื้นแถวนั้น แถวๆโต๊ะที่เรานั่ง นอนกันระเกะระกะตามประสาผู้ชาย พอตกดึกก็เกิดเรื่อง
ผมตกใจตื่นประมาณตีสอง (มาดูเวลาและกะเวลาในภายหลัง) ผมเห็นมีคนยืนนิ่งอยู่บนพื้น (ตอนนั้นเข้าใจว่ายืนบนพื้น) ห่างจากผมประมาณ 1 เมตร ตอนแรกผมนึกว่าเพื่อน แต่มาใจหายวูบเมื่อมาเห็นเพื่อนนอนอยู่บนพื้น ก็เลยสรุปได้อย่างฉับพลันว่า "ผี" โชคดีมากที่เป็นการเห็นผีแบบจะๆครั้งที่ 4 เลยไม่ได้กลัวมาก แต่อยากบอกว่า ความกลัวมันก็มีชีวิตของมัน ตอนนั้นพอแน่ใจว่าเป็นผี ผมจึงหันไปมองเขาอย่างละเอียด แต่ผมยังนั่งพื้นอยู่นะครับคือไม่กล้าลุกขึ้นยืน และก็ไม่กล้าปลุกเพื่อนด้วย ผมมองเขา อย่างแรกที่แปลกใจคือ เขาใส่เสื้อผ้าคล้ายๆคนในยุคเรา เขาเป็นผู้ชายครับ ที่แปลกใจคือเห็นเสื้อผ้าเขาชัดมาก ผิดกับการเห็นก่อนหน้าที่มักจะเห็นลางๆ ผมเองเคยมีประสบการณ์คือรู้สึกว่ามีผีอยู่ใกล้ตัว แล้วบังเอิญว่าตอนนั้นเพื่อนมาถ่ายรูปผมพอดี แล้วพอมาดูรูปก็เห็นผีในรูป แต่มองไม่เห็นในสถานการณ์จริง ผีในรูปก็ใส่สูท เราก็เห็นชุดลางๆ แต่วันนั้นเห็นชุดชัดมาก ก็เป็นแบบเสื้อกางเกงขายาวครับ แต่ระบุลำบากว่าสมัยไหนเพราะเป็นชุดผู้ชาย
พอเห็นชุด ผมจึงมองไปที่หน้าก่อน ปรากฏว่าเป็นชายแก่ผอมๆ โชคดีมากที่มุมนั้น เขาหันข้างให้ผม (โชคดีครับที่เจอผีแบบจะๆทุกครั้ง ผีไม่เคยจ้องหน้าผมแบบตรงๆเลย) สิ่งที่แน่ใจมากๆคือความคมชัดของภาพเขากับเวลาเห็นคนจริงๆ จะต่างกัน ภาพเขาจะเหมือนถูกเน้นให้ชัดขึ้น (แต่ในบางกรณี เราจะเห็นลางๆ ถ้าในที่มืดแล้วเห็นเป็นเงาขาวๆจะทำให้เห็นรายละเอียดชัดขึ้น) หลังจากสังเกตจนถี่ถ้วนแล้ว จึงมองมาตรงเท้า ปรากฏว่าเท้าลอยครับ เท้าไม่ติดพื้น ตอนนั้นก็อยากปลุกเพื่อน แต่ไม่กล้าปลุก แต่สิ่งที่อยากทำจริงๆก็คือไม่กล้าละสายตาไปจากเขา เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมยังนั่งมองเขานิ่ง (คือยังไงผมก็ไม่กล้ายืน) เริ่มเห็นมีกระดุกกระดิกบ้าง การกระดุกกระดิกตัวของเขาทำให้ผมกลัวมาก เพราะมันกระดุกกระดิกไม่เหมือนคนอ่ะครับ คือเหมือนจะเคลื่อนอะไรบางอย่างช้ากว่าตอนเราเคลื่อนแขนหรือลำตัว ตอนนั้นเริ่มขนลุกมากขึ้น การกระดิกตัวของเขาไม่เกิดเสียง เขาไม่พูดครับ (ตั้งแต่เจอผีมาก ยังไม่เคยมีผีตัวไหนพูดกับผมได้เลย)
ผมรู้สึกว่าอากาศรอบๆตัวเริ่มเย็นลง และภาพผีของเขาเริ่มชัดขึ้น ผมเคยคิดนะครับว่าถ้าเจอผีแล้วผีอยู่กับเรานานๆ ผมอยากจะเดินทะลุตัวผี คืออยากรู้ว่าจะเป็นยังไง แต่เคสนี้ แค่ลุกยังไม่กล้าเลยครับ คือมันน่ากลัวมากถ้าเราจะลุกขึ้นยืน แล้วที่ผมแน่ใจมากๆก็คือเขาน่าจะสูงกว่าผม ตอนนั้นหน้าเขาเริ่มกระดิกแบบแปลกๆ ผมกลัวนะครับถ้าเขาจะหันมาจ้องหน้าผม ผมก็คงไม่ไหวเหมือนกัน เลยเลือกที่จะนั่งสมาธิแล้วแผ่เมตตาให้เขาครับ ผมนั่งสมาธิประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วแผ่เมตตาให้เขาคนเดียว พอลืมตามาเขาก็หายไปแล้ว เป็นประสบการณ์เจอผีแบบจะๆที่น่าประทับใจมากครับ สรุปว่าวันนั้นผมน่าจะอยู่กับเขาประมาณ 15-20 นาที กลายเป็นการอยู่กับผีแบบใกล้ๆที่นานที่สุดในชีวิตแล้วครับ ผมว่ามันน่าสนใจมากทีเดียว และก็น่ากลัวมากๆด้วย แต่คิดว่าความน่ากลัวของผีจริงๆก็ต่างจากผีจีทีเอชเยอะนะครับ ผีจริงๆไม่ตุ้งแช่ ไม่มีเพลงบิ้ว และไม่ค่อยทำให้ตกใจ แต่ผีจริงๆเราจะกลัวว่า จะเกิดอะไรต่อไป เมื่อไหร่จะไป หรือเมื่อไหร่จะมา
แต่ถ้าผีมาหาผม ผมจะไม่หนีนะครับ เพราะไม่เคยเจอในสภาพที่น่ากลัว เช่น มาแบบเละๆ แบบนั้นยังไม่เคยเจอเลยครับ งั้นก็แค่นี้ก่อนนะครับ วันหลังถ้ามีโอกาสจะมาเล่าสู่กันฟังใหม่ครับ เพราะมันยังมีผีห้องนอน ผีโรงหนัง ผีโรงแรม ผีแท็กซี่ และก็อื่นๆอีกเพียบครับ โดยเฉพาะช่วงหลังๆเจอผีในโรงหนังบ่อยมาก ทำให้เกิดการสงสัยขึ้นมาว่า ผีอยากจะมาดูหนังจริงๆเหรอครับ ดูรู้เรื่องเหรอ ตกลงจะเข้ามาในโรงหนังทำไมกัน ทำให้นึกถึงตำนานเรื่อง "ผีจ้างหนัง" คนเราดูหนังเพราะคลายเครียด แต่ผีจะมาดูทำไม แล้วถ้าผีมาดูหนังผีแล้วจะรู้สึกอย่างไร คำถามที่น่าสนใจยังมีอีกมากครับ แล้วค่อยพบกันใหม่นะครับ