
หากพูดถึงคำว่า “ศิวิไลซ์” หลายคนก็คงจะคิดถึงตึกรามบ้านช่อง ที่มีความเจริญรุ่งเรือง สวยหรู สะดวกสบาย และทันสมัย ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์หลายคนปรารถนา แต่จริงอยู่สิ่งเหล่านั้นมันทำให้เรามีความสุขขึ้นมาได้ ทว่าสุขเหล่านั้นเป็นสุขที่เกิดขึ้นกับกายเพียงเท่านั้น ถ้าเราจะหาความสุขทางใจจากสังคมที่มีความศิวิไลซ์ ย่อมยาก ถึงมี แต่ก็น้อย...ผมเป็นผู้หนึ่งที่ไม่ได้ชอบสังคมเมืองมากนัก แต่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเกิดและเติบโตในกรุงเทพมหานคร....มีเพียงการออกเดินทางจากสังคมเมืองนี้ไปยังสถานที่ที่พอจะมอบความศิวิไลซ์ทางจิตใจให้กับเราได้ นั้นคือ...การท่องเที่ยว ซึ่งเป้าหมายที่ผมและเพื่อนร่วมทางอีก ๒ คนตัดสินใจที่จะไปกันนั้นก็คือ......เ ชี ย ง ค า น
เราออกเดินทางกันวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ โดยเลือกใช้บริการของ บขส. กรุงเทพฯ-เชียงคาน (VIP) รอบ ๒๒.๐๐ น. ระหว่างที่รอรถออกก็ได้เดินวนๆอยู่ในสถานนีขนส่งหมอชิตเพื่อหาอะไรทาน เพราะหิวกันมากๆ และได้มาพบกับร้านข้าวหมูแดงเจ้าหนึ่ง( จำชื่อร้านไม่ได้) ไม่รอช้า รีบนั่ง สั่ง และกิน...ไม่น่าเชื่อ มันอร่อยมากเลยทีเดียว 55555 เมื่อเรากินกันอิ่มก็เดินไปขึ้นรถที่ชานชาลาแบบงงๆ เพราะวันนั้นคนเยอะมาก ๆ และสุดท้ายเราก็ค้นพบชานชาลาที่ ๒ ( เดินมากจากชานชาลาที่ ๑๐๐ กว่า )

ขึ้นรถเรียบร้อย บัสโฮสเตสก็เดินเอาผ้าห่มที่สุดแสนจะหอม และกล่องของว่างมาให้ ไว้กินเวลาหิว อิอิ
รถออกตรงเวลาเป๊ะสี่ทุ่ม รถวิ่งไปสักระยะก็แวะรับคนที่ท่ารถรังสิต หลังจากนั้นผมก็หลับยาวเลยละครับ
จนรู้สึกตัวอีกทีเพราะรถจอด เพราะถึงจุดพักรถแล้วครับ เหลียวดูนาฬิกาก็ประมาณ ตี๑ เอาไอโฟนนขึ้นมาเช็คอินก็พอจะรู้ได้ว่าตรงนั้นคือจังหวัดโคราช (จำอำเภอไม่ได้ อิอิ ) พวกเราสามคนก็ลงมาเพื่อที่จะเข้าห้องน้ำ แต่...ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ เพราะมันสกปรกนิดนึง นิดนึงจริงๆครับ 55555 เมื่อเราทำภารกิจส่วนตัวเสร็จก็ขึ้นรถครับ เขาให้เราพักประมาณ ๒๐ นาที หลังจากนั้นรถก็ยิงยาวสู่จังหวัดเลย ซึ่งเป็นเป้าหมายของเราในครั้งนี้ ^^
ลับๆตื่นๆจนลืมตาอีกทีแสงอาทิตย์ก็แยงตาแล้วครับ...เวลาประมาณ ๗ โมงเช้า เราก็เดินทางมาถึง บขส.เลยกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ
เมื่อเราทำธุรส่วนตัวเรียบร้อยแล้วจึงเดินหาอะไรกิน ( อีกแล้ว ) เป็นมื้อเช้า เนื่องจากมันยังเช้ามากจึงยังไม่มีร้านเปิดไม่มากนัก เดินวนไปวนมาจนไปเจอกลุ่มควันของหม้อก๋วยเตี๋ยวข้าง บขส. ผมนี่รีบพุ่งเข้าไปหาเลยครับ แต่คนขายบอกน้ำยังไม่เดือด 5555 ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวนั่งรอได้ เมื่อน้ำเดือด ผมและเพื่อนก็สั่งเมนูเดียวกันเพื่อง่ายและเร็วในการทำ นั้นคือ "เส้นเล็กน้ำใส"....อยากจะบอกว่า มันอร่อยมากๆครับ5555
หน้าปัดของนาฬิกาข้อมือแสดงเวลาว่า ๘ โมงแล้ว เราจึงเดินทางต่อไปยังเชียงคานด้วยรถสองแถวครับ ^^
หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมเราถึงลงที่ บขส. เลย ทั้งที่รถทัวร์ที่เรานั่งมานั้นมันไปสุดสายที่เชียงคาน เหตุผลก็เพราะว่าเราอยากนั่งรถสองแถวที่มีจาก บขส.เลย ไปในตัวเมืองเชียงคาน เพื่อที่จะได้สัมผัสกับคำว่าชนบทอย่างแท้จริง รถสองแถวที่ว่านี้หน้าของของมันเป็นสองแถวคันใหญ่ครับ เขียนหน้ารถว่า "เลย-เชียงคาน" ค่าโดยสารคนละ ๓๕ บาท ตรง บขส.เลย จะเป็นท่ารถพอดี

เพื่อนร่วมทริปของผมครับ
รถสองแถวใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้น ๑ ชั่วโมงเศษก็เข้าสู่อำเภอเชียงคานเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ

ลงงจากสองแถวก็งงๆครับ เห็นป้ายบอกชื่อซอยว่า "ซอยถนนชายโขง ๒๐" ก็ตกใจครับ เพราะที่พักของเราอยู่ ซอย๙!! ถ้าเดินเอง ตายแน่ครับกระเป๋าก็หนัก...ทันใดนั้นก็หันไปเห็นรถสามล้อเครื่องที่ชาวบ้านระแวกนั้นขนานนามมันว่า "สกายแล๊ป" ผมนี้รีบโบกเลยครับ ลุงคนขับใจดีมากครับ อัธยาศัยดี ชื่อลุงมั่น คุณลุงพาเรามาส่งที่หน้าบ้านพัก และยังทิ้งเบอร์ไว้ให้เราติดต่อหากต้องการใช้บริการด้วย ^^
สถานที่ที่เราจะพักกันในครั้งนี้คือ "บ้านริมโขง๒" เป็นบ้านออกโมเดิลนิดๆ ตั้งอยู่ระหว่างซอย๙และซอย๑๐ ครับ ใกล้ถนนคนเดินพอดิบพอดี

มีอาหารเช้าเป็นกาแฟ และขนมปังปิ้ง แถมยังมีไวไฟไว้บริการด้วยนะครับ

พอดีว่าไปถึงก็มัวแต่ตื่นเต้น จนลืมถ่ายรูปห้องนอนมา รูปนี้จากเฟสบุ๊คของบ้านระเบียงโขงครับ เป็นห้องพักขนาดกำลังดีครับ นอนได้สามคน ห้องแอร์ มีห้องน้ำในตัวครับ เฟอร์นิเจอร์เป็นไม้ครับ ได้อารมณ์ไม้ๆดี^^
เมื่อเก็บข้าวเก็บของเข้าที่เรียบร้อย ก็พากันเดินออกมาหาอะไรกินเป็นอาหารกลางวันครับ....นี้เป็นการมาเชียงคานครั้งแรกของผม เมื่อก่อนก็ได้ยิน ได้รับรู้ภาพต่างๆของเชียงคานในเวลาเย็นที่มีถนนคนเดินพลุกพล่าน แต่ภาพที่ผมเห็นตอนนี้ มันไม่ใช่แบบที่เคยรับรู้มา มันเงียบ และสงบมากๆ จนแอบมีอารมณ์เบื่อๆเกิดขึ้นในใจ แต่หากลองมองๆดี ความสงบที่เห็นอยู่ตรงนี้แหละ เป็นสิ่งที่ดีเยี่ยมมากๆเลยทีเดียว มันทำให้เราได้พักจิต พักใจ จนเราเกิดความสงบขึ้นตามไปด้วย ^^
เ
ดินไปเดินมายิ่งไกลออกไปปปปปป 5555 แดดก็ร้อน ก็เลยเดินกลับมาหน้าที่พักครับ มันมี้รานส้มตำอยู่ร้านนึง ซึ่งมีคุณลุงคนหนึ่งนั่งเฝ้าร้านอยู่ ด้วยความหิวเราก็เลยรีบนั่งรีบสั่ง สั่งส้มตำไปสองครก ข้าวเหนียวไก่ย่าง....ระหว่างที่ลุงกำลังทำอยู่นั้น ก็มีป้าคนนึงขับรถเข้ามาและก็พูดคุยกับลุง และหันมาบอกเราว่า..."ลุงแกตำไม่เป็นหรอก แต่มีลูกค้า ก็ต้องตำ555"....อ่าววววววว แล้วมันจะกินได้ไหมเนี้ย เพราะลงุตำเสร็จมาแล้วครกนึง 5555555 แต่มันก็อร่อยนะครับไม่ได้แย่5555....เหตุการณ์นี้มันทำให้ผมรับรู้ได้ถึงความ"จริงใจ" ของผู้คนที่นี้ มันน่ารักมากๆครับ

ข้าวเหนียวแบบห่อไม่มีนะครับ มีแต่เป็นกระติ๊บใหญ่เลย ใหญ่มาก จกกันมันสุดๆ555

เบ็ดเสร็จทั้งหมด ๑๖๐ บาทเองครับ มันคุ้มค่ามากๆๆๆๆๆๆๆๆ^^
หลังจากนั้นก็ขึ้นห้องนอนครับ พอตกเย็นเราก็ออกมาหาที่จองตั๋วรถสำหรับขากลับครับ ซึ่งสอบถามชาวบ้านแถวนั้นเขาบอกกันว่ามันอยู่หน้าตลาดเทศบาลเชียงคานครับ เราสามคนก็พากันเดินไปเรื่อยๆจนเจอ ก็ทำการจองตั๋วขากลับครับ ที่นี้ไม่มีแบบวีไอพี มีแค่ป.๑เท่านั้นครับ ระหว่างทางเดินไปเดินกลับก็แวะถ่ายรูปตามสถานที่ต่าง ๆ ได้พบผู้คนมากหน้าหลายตา ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักจะมอบรอยยิ้มหวานๆมาให้ ซึ่งมันทำให้เรารู้สึกอบอุ่นมาก จนไม่รู้สึกว่าตัวเองนั้นอยู่ต่างถิ่นเลยแหละครับ ไปดูบรรยากาศที่ถ่ายภาพมาเลยครับผม ^^
พอเราเดินกลับมาถึงเส้นถนนคนเดินหน้าที่พักของเรา ร้านค้าต่าง ๆ ตามบ้านเรือนก็เริ่มออกมาจัดร้านกันบ้างแล้ว ผู้คนทั้งชาวบ้านและนักท่องเที่ยวก็เริ่มที่จะออกมาพบปะกัน ซึ่งบรรยากาศมันต่างจากตอนกลางวันโดยสิ้นเชิง

เราสามคนจึงเดินหาของทานเป็นมื้อเย็นกัน ซึ่งได้ซื้อกุ้งย่างเสียบไม้ และข้าวเปียกเส้น ถือได้ว่ามาเชียงคานต้องกินเจ้าสิ่งนี้^^
หลังจากทานอิ่มก็พากันไปเดินย่อยกันที่ริมแม่น้ำโขงครับ เขาทำทางเดินสวยงามยาวหลายกีโลเลย เดินชิวๆ หรือปั่นจักรยานก็ได้นะครับ ช่วงที่ผมไปเดิน เป็นช่วงที่พระอาทิตย์กำลังตกพอดี เลยได้ภาพสวยๆจากแสงอัสดงเหล่านี้มาเนี้ยละครับ ^^
หลังจากนั้นก็เดินกลับเข้ามาที่ถนนคนเดินเชียงคานครับ ร้านค้าเปิดไฟจัดร้านกันเสร็จแบบร้อยเปอร์เซนค์แล้ว จำนวนนักท่องเที่ยวไม่เยอะมาก กำลังดี ไม่เดินเบียดกันเหมือนช่วงไฮซีซันครับ พอเราเดินเล่น เดินเก็บภาพกันอย่างจุใจแล้ว ก็กลับเข้าที่พัก เพื่อเตรียมตัวนอนแล้วจะได้ตื่นเช้ามาใส่บาตรข้าวเหนียวได้ทันเวลา 555 ซึ่งเป็นสิ่งที่เรารอคอยครับ ^^
วันที่หนึ่งจบลงไปแล้วนะครับ ฝากติดตามวันที่ ๒ วันที่ ๓ ต่อไปด้วยนะครับผม ขอบพระคุณที่ติดตามนะครับ^^
[CR] Reviwe : เชียงคาน : "จริงใจ"...ความศิวิไลซ์....ใน "เชียงคาน"
เราออกเดินทางกันวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ โดยเลือกใช้บริการของ บขส. กรุงเทพฯ-เชียงคาน (VIP) รอบ ๒๒.๐๐ น. ระหว่างที่รอรถออกก็ได้เดินวนๆอยู่ในสถานนีขนส่งหมอชิตเพื่อหาอะไรทาน เพราะหิวกันมากๆ และได้มาพบกับร้านข้าวหมูแดงเจ้าหนึ่ง( จำชื่อร้านไม่ได้) ไม่รอช้า รีบนั่ง สั่ง และกิน...ไม่น่าเชื่อ มันอร่อยมากเลยทีเดียว 55555 เมื่อเรากินกันอิ่มก็เดินไปขึ้นรถที่ชานชาลาแบบงงๆ เพราะวันนั้นคนเยอะมาก ๆ และสุดท้ายเราก็ค้นพบชานชาลาที่ ๒ ( เดินมากจากชานชาลาที่ ๑๐๐ กว่า )
ขึ้นรถเรียบร้อย บัสโฮสเตสก็เดินเอาผ้าห่มที่สุดแสนจะหอม และกล่องของว่างมาให้ ไว้กินเวลาหิว อิอิ
รถออกตรงเวลาเป๊ะสี่ทุ่ม รถวิ่งไปสักระยะก็แวะรับคนที่ท่ารถรังสิต หลังจากนั้นผมก็หลับยาวเลยละครับ
จนรู้สึกตัวอีกทีเพราะรถจอด เพราะถึงจุดพักรถแล้วครับ เหลียวดูนาฬิกาก็ประมาณ ตี๑ เอาไอโฟนนขึ้นมาเช็คอินก็พอจะรู้ได้ว่าตรงนั้นคือจังหวัดโคราช (จำอำเภอไม่ได้ อิอิ ) พวกเราสามคนก็ลงมาเพื่อที่จะเข้าห้องน้ำ แต่...ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ เพราะมันสกปรกนิดนึง นิดนึงจริงๆครับ 55555 เมื่อเราทำภารกิจส่วนตัวเสร็จก็ขึ้นรถครับ เขาให้เราพักประมาณ ๒๐ นาที หลังจากนั้นรถก็ยิงยาวสู่จังหวัดเลย ซึ่งเป็นเป้าหมายของเราในครั้งนี้ ^^
ลับๆตื่นๆจนลืมตาอีกทีแสงอาทิตย์ก็แยงตาแล้วครับ...เวลาประมาณ ๗ โมงเช้า เราก็เดินทางมาถึง บขส.เลยกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ
หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมเราถึงลงที่ บขส. เลย ทั้งที่รถทัวร์ที่เรานั่งมานั้นมันไปสุดสายที่เชียงคาน เหตุผลก็เพราะว่าเราอยากนั่งรถสองแถวที่มีจาก บขส.เลย ไปในตัวเมืองเชียงคาน เพื่อที่จะได้สัมผัสกับคำว่าชนบทอย่างแท้จริง รถสองแถวที่ว่านี้หน้าของของมันเป็นสองแถวคันใหญ่ครับ เขียนหน้ารถว่า "เลย-เชียงคาน" ค่าโดยสารคนละ ๓๕ บาท ตรง บขส.เลย จะเป็นท่ารถพอดี
เพื่อนร่วมทริปของผมครับ
รถสองแถวใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้น ๑ ชั่วโมงเศษก็เข้าสู่อำเภอเชียงคานเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ
ลงงจากสองแถวก็งงๆครับ เห็นป้ายบอกชื่อซอยว่า "ซอยถนนชายโขง ๒๐" ก็ตกใจครับ เพราะที่พักของเราอยู่ ซอย๙!! ถ้าเดินเอง ตายแน่ครับกระเป๋าก็หนัก...ทันใดนั้นก็หันไปเห็นรถสามล้อเครื่องที่ชาวบ้านระแวกนั้นขนานนามมันว่า "สกายแล๊ป" ผมนี้รีบโบกเลยครับ ลุงคนขับใจดีมากครับ อัธยาศัยดี ชื่อลุงมั่น คุณลุงพาเรามาส่งที่หน้าบ้านพัก และยังทิ้งเบอร์ไว้ให้เราติดต่อหากต้องการใช้บริการด้วย ^^
สถานที่ที่เราจะพักกันในครั้งนี้คือ "บ้านริมโขง๒" เป็นบ้านออกโมเดิลนิดๆ ตั้งอยู่ระหว่างซอย๙และซอย๑๐ ครับ ใกล้ถนนคนเดินพอดิบพอดี
มีอาหารเช้าเป็นกาแฟ และขนมปังปิ้ง แถมยังมีไวไฟไว้บริการด้วยนะครับ
พอดีว่าไปถึงก็มัวแต่ตื่นเต้น จนลืมถ่ายรูปห้องนอนมา รูปนี้จากเฟสบุ๊คของบ้านระเบียงโขงครับ เป็นห้องพักขนาดกำลังดีครับ นอนได้สามคน ห้องแอร์ มีห้องน้ำในตัวครับ เฟอร์นิเจอร์เป็นไม้ครับ ได้อารมณ์ไม้ๆดี^^
เ
ข้าวเหนียวแบบห่อไม่มีนะครับ มีแต่เป็นกระติ๊บใหญ่เลย ใหญ่มาก จกกันมันสุดๆ555
เบ็ดเสร็จทั้งหมด ๑๖๐ บาทเองครับ มันคุ้มค่ามากๆๆๆๆๆๆๆๆ^^
พอเราเดินกลับมาถึงเส้นถนนคนเดินหน้าที่พักของเรา ร้านค้าต่าง ๆ ตามบ้านเรือนก็เริ่มออกมาจัดร้านกันบ้างแล้ว ผู้คนทั้งชาวบ้านและนักท่องเที่ยวก็เริ่มที่จะออกมาพบปะกัน ซึ่งบรรยากาศมันต่างจากตอนกลางวันโดยสิ้นเชิง
เราสามคนจึงเดินหาของทานเป็นมื้อเย็นกัน ซึ่งได้ซื้อกุ้งย่างเสียบไม้ และข้าวเปียกเส้น ถือได้ว่ามาเชียงคานต้องกินเจ้าสิ่งนี้^^
วันที่หนึ่งจบลงไปแล้วนะครับ ฝากติดตามวันที่ ๒ วันที่ ๓ ต่อไปด้วยนะครับผม ขอบพระคุณที่ติดตามนะครับ^^
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น