ขอเริ่มเกริ่นก่อนนะครับ คือผมตั้งใจจะไปซื้อกางเกงนิสิตเพิ่มที่ร้านชื่อดังแห่งหนึ่ง ในมาบุญครอง ชั้น2
ด้วยความที่ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัย ก็มีรุ่นพี่แนะนำให้ซื้อร้านนี้ หลังจากนั้นก็ซื้อที่นี่ตลอด เพราะใส่สบาย
วันที่ไปซื้อ ไปกับคุณแม่ ผมใส่ชุดนิสิตไป บอกว่ามาซื้อกางเกงแบบตัวที่ใส่อยู่ โดยพนักงานขายก็เข้ามาเปิดดูป้ายข้างหลัง
แล้วก็บอกว่า ไซต์ 33 เอาแบบนี้เลย คุณแม่ยังพูดชมกับพนักงานเลยว่า เอาแบบนี้เลยนะคะ กางเกงที่ร้านใส่ดีมาก เลยกลับมาซื้อเพิ่ม
ทางพนักงานก็เข้าไปหยิบกางเกงให้ผมมาลอง พอลองใส่แล้วผมก็รู้สึกว่ามันคับๆ ออกจากห้องลองไปให้แม่กับพนักงานดู ผมบอกว่าคับไป อาจจะเพราะอ้วนขึ้น ทางพนักงานจึงไปเอาตัวใหม่มา เป็นไซต์ 34 แต่เป็น 34แบบขาเข้ารูปหน่อย เพราะจะได้ไม่ใหญ่จนเกินไป
พอผมเข้าไปลองในห้อง มีความรู้สึกใส่ได้ ที่ขาโอเค แต่ที่เป้ามันตึง ก็ออกมาให้แม่กับพนักงานดูแล้วบอกว่า รู้สึกตึงที่เป้าอยู่ คุณแม่เลยถามพนักงานว่ามันเป็นแบบเดียวกับใช่ไหม พนักงานก็บอกว่าเป็นแบบเดียวกัน แค่ขาเข้ารูป แล้วบอกว่ามันยังใหม่ ผ้ามันยังแข็ง ถ้าลงน้ำแล้วจะดีขึ้น
จากนั้นจึงตัดสินใจซื้อเพิ่มไป 2ตัว แล้วก็ซักตามปกติ
แต่พอวันที่ผมเอาไปใส่ เป้ากางเกงก็ยังรั้งเหมือนเดิม ทำอะไรก็ไม่ถนัด พอลองเอาตลับวัดมาวัดเป้ากางเกงเทียบกับแบบเก่า ปรากฏว่าเป้าตัวใหม่สั้นกว่าเดิมตั้ง 2 นิ้ว จึงตัดสินใจโทรไปที่ร้าน ทางร้านบอกให้เอากางเกงไปดู
วันนี้ ผมกับคุณแม่จึงไปที่ร้าน พอไปถึงก็เอากางเกงทั้ง 2 แบบให้ผู้หญิงท่านหนึ่งดู ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าเป็นเจ้าของร้านหรือผู้จัดการ
พอผุ้หญิง คนนี้เอากางเกงกางออกมาดู ก็รีบพูดเลยว่า อันนี้มันคนละทรงกันอยู่แล้ว แล้วพูดปฏิเสธความรับผิดชอบตั้งแต่ประโยคแรกที่พูดเลย ทำนองว่า ทางร้านให้คุณลองไปแล้ว และคุณซักไปแล้ว ทางร้านไม่รับเปลี่ยนคืน
แม่ผมจึงพยายามอธิบายว่า วันนั้นที่มาซื้อ ก็ได้ให้พนักงานดูทรงกางเกงที่ใส่ ว่าอยากได้ทรงแบบนี้เลยนะ ทางพนักงานยังเข้ามาดูป้าย แล้วพอเปลี่ยนไซต์เพิ่ม ทางพนักงานได้เอาไซต์ใหญ่ขึ้น บอกว่า ขาจะเข้ารูปขึ้น แต่ไม่ได้ให้ข้อมูลเลยว่า เป้าจะสั้นลง และพอบอกว่ามันตึงนะ ก็ยังให้ข้อมูลว่า ซักแล้วจะใส่สบายขึ้นเอง
ซึ่งจริงๆยอมรับครับว่า ผมเองก็ขาดรอบคอบไปนิดนึง ตรงที่ลองแล้ว แต่ด้วยความเชื่อใจทางร้านที่ได้ดูแบบที่เราใส่ และเชื่อในข้อมูลที่ให้มา จึงไม่ได้ติดใจ
แต่ทางร้านก็โทษว่าเป็นความผิดของผมฝ่ายเดียว ทางผู้หญิงที่พูดกับคุณแม่ก็พูดแบบรวดเร็ว พอแม่จะอธิบายยังไม่ทันจบประโยคก็พูดให้เหตุผลแต่ทำนองว่า ให้ลองไปแล้ว เขาไม่ผิด คือเข้าขั้นว่ากำลังเถียงกับลูกค้าเลยอะครับ เรียกได้ว่า พูดปกป้องตัวเองแบบ 100%
ในฐานะที่เป็นลูกค้า ผมคิดว่าแบบนี้เป็นการไม่มี spirit เลยครับ ไม่มีความความจริงใจ หรือการแสดงน้ำใจให้แก่ลูกค้าเลย และยังแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสมกับลูกค้าอีก
เหนือสิ่งอื่นใด จำนวนเงินเท่านี้มันไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกครับ แต่ความรู้สึกที่เสียไปมันมากกว่ามากๆ ก็จะจำไว้เลยครับ ร้านที่อุดหนุนมาตลอด ไม่คิดเลยว่าจะได้รับการบริการ และการพูดจาเช่นนี้ ต่อไปคงไม่กล้าไปแนะนำเพื่อนๆหรือรุ่นน้องให้มาร้านนี้แล้วครับ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ แล้วหวังว่าจะเป็นอุทธาหรณ์แก่ทุกท่านครับ
นี่คือความรับผิดชอบของร้านขายเสื้อผ้าชื่อดังที่พึงกระทำต่อลูกค้าหรอครับ?
ด้วยความที่ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัย ก็มีรุ่นพี่แนะนำให้ซื้อร้านนี้ หลังจากนั้นก็ซื้อที่นี่ตลอด เพราะใส่สบาย
วันที่ไปซื้อ ไปกับคุณแม่ ผมใส่ชุดนิสิตไป บอกว่ามาซื้อกางเกงแบบตัวที่ใส่อยู่ โดยพนักงานขายก็เข้ามาเปิดดูป้ายข้างหลัง
แล้วก็บอกว่า ไซต์ 33 เอาแบบนี้เลย คุณแม่ยังพูดชมกับพนักงานเลยว่า เอาแบบนี้เลยนะคะ กางเกงที่ร้านใส่ดีมาก เลยกลับมาซื้อเพิ่ม
ทางพนักงานก็เข้าไปหยิบกางเกงให้ผมมาลอง พอลองใส่แล้วผมก็รู้สึกว่ามันคับๆ ออกจากห้องลองไปให้แม่กับพนักงานดู ผมบอกว่าคับไป อาจจะเพราะอ้วนขึ้น ทางพนักงานจึงไปเอาตัวใหม่มา เป็นไซต์ 34 แต่เป็น 34แบบขาเข้ารูปหน่อย เพราะจะได้ไม่ใหญ่จนเกินไป
พอผมเข้าไปลองในห้อง มีความรู้สึกใส่ได้ ที่ขาโอเค แต่ที่เป้ามันตึง ก็ออกมาให้แม่กับพนักงานดูแล้วบอกว่า รู้สึกตึงที่เป้าอยู่ คุณแม่เลยถามพนักงานว่ามันเป็นแบบเดียวกับใช่ไหม พนักงานก็บอกว่าเป็นแบบเดียวกัน แค่ขาเข้ารูป แล้วบอกว่ามันยังใหม่ ผ้ามันยังแข็ง ถ้าลงน้ำแล้วจะดีขึ้น
จากนั้นจึงตัดสินใจซื้อเพิ่มไป 2ตัว แล้วก็ซักตามปกติ
แต่พอวันที่ผมเอาไปใส่ เป้ากางเกงก็ยังรั้งเหมือนเดิม ทำอะไรก็ไม่ถนัด พอลองเอาตลับวัดมาวัดเป้ากางเกงเทียบกับแบบเก่า ปรากฏว่าเป้าตัวใหม่สั้นกว่าเดิมตั้ง 2 นิ้ว จึงตัดสินใจโทรไปที่ร้าน ทางร้านบอกให้เอากางเกงไปดู
วันนี้ ผมกับคุณแม่จึงไปที่ร้าน พอไปถึงก็เอากางเกงทั้ง 2 แบบให้ผู้หญิงท่านหนึ่งดู ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าเป็นเจ้าของร้านหรือผู้จัดการ
พอผุ้หญิง คนนี้เอากางเกงกางออกมาดู ก็รีบพูดเลยว่า อันนี้มันคนละทรงกันอยู่แล้ว แล้วพูดปฏิเสธความรับผิดชอบตั้งแต่ประโยคแรกที่พูดเลย ทำนองว่า ทางร้านให้คุณลองไปแล้ว และคุณซักไปแล้ว ทางร้านไม่รับเปลี่ยนคืน
แม่ผมจึงพยายามอธิบายว่า วันนั้นที่มาซื้อ ก็ได้ให้พนักงานดูทรงกางเกงที่ใส่ ว่าอยากได้ทรงแบบนี้เลยนะ ทางพนักงานยังเข้ามาดูป้าย แล้วพอเปลี่ยนไซต์เพิ่ม ทางพนักงานได้เอาไซต์ใหญ่ขึ้น บอกว่า ขาจะเข้ารูปขึ้น แต่ไม่ได้ให้ข้อมูลเลยว่า เป้าจะสั้นลง และพอบอกว่ามันตึงนะ ก็ยังให้ข้อมูลว่า ซักแล้วจะใส่สบายขึ้นเอง
ซึ่งจริงๆยอมรับครับว่า ผมเองก็ขาดรอบคอบไปนิดนึง ตรงที่ลองแล้ว แต่ด้วยความเชื่อใจทางร้านที่ได้ดูแบบที่เราใส่ และเชื่อในข้อมูลที่ให้มา จึงไม่ได้ติดใจ
แต่ทางร้านก็โทษว่าเป็นความผิดของผมฝ่ายเดียว ทางผู้หญิงที่พูดกับคุณแม่ก็พูดแบบรวดเร็ว พอแม่จะอธิบายยังไม่ทันจบประโยคก็พูดให้เหตุผลแต่ทำนองว่า ให้ลองไปแล้ว เขาไม่ผิด คือเข้าขั้นว่ากำลังเถียงกับลูกค้าเลยอะครับ เรียกได้ว่า พูดปกป้องตัวเองแบบ 100%
ในฐานะที่เป็นลูกค้า ผมคิดว่าแบบนี้เป็นการไม่มี spirit เลยครับ ไม่มีความความจริงใจ หรือการแสดงน้ำใจให้แก่ลูกค้าเลย และยังแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสมกับลูกค้าอีก
เหนือสิ่งอื่นใด จำนวนเงินเท่านี้มันไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกครับ แต่ความรู้สึกที่เสียไปมันมากกว่ามากๆ ก็จะจำไว้เลยครับ ร้านที่อุดหนุนมาตลอด ไม่คิดเลยว่าจะได้รับการบริการ และการพูดจาเช่นนี้ ต่อไปคงไม่กล้าไปแนะนำเพื่อนๆหรือรุ่นน้องให้มาร้านนี้แล้วครับ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ แล้วหวังว่าจะเป็นอุทธาหรณ์แก่ทุกท่านครับ