เห็นหลายกระทู้แล้วชอบตั้งกระทู้แนว ผู้ชายจนกว่า ผู้ชายเรียนต่ำกว่า อนาคตเราจะรอดมั้ย
อยากจะบอกว่า คุณคะ อนาคตคุณจะรอดหรือไม่รอด อยู่ที่ตัวคุณเองค่ะ ไม่ต้องให้ใครมาสร้าง ไม่ต้องรอราชรถมาเกย คุณมีสองมือมั้ยคะ และคุณพร้อมจะลำบากมั้ยคะ ถ้าคุณพร้อม ต่อให้แฟนคุณจะมีฐานะที่ต่ำกว่าอย่างไร
ขอให้เค้าขยันและเป็นคนดีรักครอบครัว ชีวิตคุณไม่มีวันตกอับค่ะ
เอาแต่ร่ำร้อง ชีวิตฉันจะตกต่ำไหม ถ้าคนเรามันไม่ยอมตกต่ำ หนทางให้เดินไปมันมีมากมาย
แต่ถ้าหวังแต่ความสบาย ฉันอยากได้สามีที่มีรายได้สูง ฐานะมั่นคง ตัวคุณก็ต้องสร้างคุณค่าในตัวเองให้ดีมากมากพอที่เค้าจะเลือกด้วยค่ะ แต่ถ้ายังมีความคิดแค่ว่า ฉันอยากได้สามีที่รวยๆจะได้สบายๆ เราว่า น้อยมากนะคะที่จะมีเหยื่อสักคนมาตกหลุมของคุณ เค้าคงฉลาดมากพอที่จะไม่หาเมียที่เป็นภาระ เพราะแค่ความลำบากยังรับไม่ได้ คนรวยก็คือคนที่เค้าลำบากมาก่อน แต่เค้าผ่านมันมาแล้วและกำลังชิมรสชาติความสำเร็จจากความลำบากและเหน็ดเหนื่อยนั้นอยู่ค่ะ
คุณมองกันแค่ปลายทางความสำเร็จของคนเหล่านั้น แต่คุณไม่เคยเรียนรู้ว่า เค้าเริ่มต้นมายังไง คุณถึงได้มีคำถามว่า ทำไมแฟนรายได้น้อยกว่า แล้วจะพาชีวิตครอบครัวไปรอดเหรอ ทั้งที่เค้าเป็นคนขยัน
บางคนแฟนจนแต่ช่วยกันทำมาหากินก็รวยได้และสุขสบายได้ค่ะ ขอแค่ขยัน คนขยันไม่อับจนค่ะ
เราขอยกตัวอย่างของพ่อให้ฟัง (ด้นสดมีเวลาหนึ่งชั่วโมงก่อนกลับบ้าน)
##########
พ่อเราเป็นพ่อหม้ายค่ะ เลิกกับแม่ตั้งแต่เรายังเล็กๆ และกลายเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว เพราะพ่อไม่ยอมให้เราไปอยู่กับแม่ พ่อจะเลี้ยงเราเอง โดยมีย่าคอยช่วยเลี้ยงและดูแลเราในเวลาที่พ่อไปทำงาน พ่อเรียนจบแค่ระดับ มศ.3 ทำงานเป็นพนักงานขับรถของไฟฟ้านครหลวง (เพราะเรียนมาน้อย ตำแหน่งคนขับรถช่างออกไปซ่อมไฟตามถนน ออกไปติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้าตามบ้านเรือน ทำงานภาคสนามไม่เคยได้นั่งโต๊ะแอร์ทำงานสบายๆเหมือนใครเค้า)
ก่อนพ่อมาเจอกับแม่เลี้ยง พ่อไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง เช่าบ้านเค้าอยู่ มีแต่ภาระคือลูกติด 1 คน และเป็นเสาหลักของบ้านที่มีพี่น้องอาศัยกว่า 18 ชีวิต มีย่าเป็นศูนย์กลางของบ้าน ไม่ใช่ว่า พี่น้องคนอื่นไม่ทำงาน แต่พ่อดูเหมือนจะเป็นคนที่มีงานทำเป็นหลักเป็นฐานมากที่สุด ในขณะที่พี่น้องคนอื่น ทำงานรับจ้างรายวัน ขายพวงมาลัย บางคนรับจ้างงานก่อสร้าง ส่วนย่ารับจ้างเย็บผ้า
แม้ว่าพ่อจะทำงานที่ดีกว่าพี่น้องคนอื่น แต่ถ้าเทียบกับคนอื่น พ่อก็เป็นแค่พนักงานขับรถช่างซ่อมไฟฟ้า เงินเดือนน้อยนิด เพราะเรียนมาน้อย
จากนั้นพ่อก็รู้จักกับแม่เลี้ยง รู้จักตั้งแต่สมัยแม่เลี้ยงเรียนระดับ ปวช พ่อตามจีบแม่เลี้ยงแต่ไม่เคยเป็นที่ชอบใจของว่าที่พ่อตาเลย เพราะพ่อเป็นพ่อหม้ายลูกติด คนที่เป็นพ่อหม้าย ต้องไม่ใช่คนที่ดี คนดีที่ไหนจะเลิกร้างกับเมีย จะถูกเมียทิ้ง
พ่อไม่เคยหาข้อแก้ต่าง พ่อแค่ใช้เวลาพิสูจน์ให้รู้ว่า พ่อจริงใจกับแม่เลี้ยงมากแค่ไหน พ่อไปหาแม่เลี้ยงอย่างสม่ำเสมอ เคยพาเราไปด้วย แต่ไม่เคยได้เจอหน้า เพราะพ่อมาดักรอแม่เลี้ยงหน้ามหาวิทยาลัย สมัยที่แม่เลี้ยงเรียนระดับอุดมศึกษา จนกระทั่งแม่เลี้ยงเรียนจบระดับปริญญาตรี
ในที่สุดพ่อก็ฝ่าฝันอุปสรรคทั้งหลายได้แต่งงานกับแม่เลี้ยง (ต่อจากนี้ไปเราจะเรียกแม่เลี้ยง ว่า แม่ นะคะ เพราะคุ้นปากมากกว่า)
ไม่ว่าจะการศึกษา งานที่แม่ได้ทำ ดีกว่าพ่อทุกอย่าง แม่ได้ทำงานสบายในห้องแอร์ เงินเดือนดีกว่าพ่อ แต่พ่ออาศัยความขยันอดทน พ่อทำงาน ขยันทำโอที ไม่เคยหยุด ใครมีเวร อยากแลกเวร ใครไม่สะดวกอยู่เวร พ่อรับอาสาอยู่ให้ พ่อขยันมากจนได้รางวัลพนักงานดีเด่นทุกปี (การไฟฟ้าต้องอยู่เวรเพื่อแสตนบายเวลาที่ไฟฟ้ามีปัญหาจะได้ไปแก้ไขได้ทันที)
เมื่อพ่อแต่งงานกับแม่ไม่นาน ก็ตัดสินใจซื้อบ้าน บ้านของเราไม่ได้ใหญ่โต เป็นบ้านมือสองที่มีเหตุน้ำท่วมทุกปี (ถ้าใครเคยอ่าน เราเคยเล่าเรื่องพ่อของเราสมัยน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 54 ด้วย) เพราะบ้านอยู่ที่ต่ำกว่าบ้านรอบข้าง เวลาฝนตก เราต้องออกมาวิดน้ำตลอด ไม่เคยหลับสบายเหมือนคนอื่นเค้า แต่มันแลกมากับ บ้านที่ราคาแสนถูก เมื่อสมัย 20 กว่าปีที่แล้ว ราคาประมาณ 300,000 บาท
จากนั้นไม่นาน พ่อก็ซื้อรถตู้มือสองเก่าๆ เพื่อใช้รับส่งลูกไปโรงเรียน (ตอนนั้นไปเรียนร่วมกับลูกพี่ลูกน้องรวม 4 คน) การมีรถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยส่วนหนึ่ง
ชีวิตของพ่อ เริ่มต้นจากของมือสองทั้งสิ้น แต่การได้มานั้น ไม่ง่ายเลย
การมีลูกเป็นภาระที่สำคัญ โดยเฉพาะลูกติดอย่างเรา ที่แม่ไม่ควรต้องมาแบกภาระนี้ร่วมกับพ่อสักนิด ทั้งที่แม่มีโอกาสเจอคนมากมาย เจอคนที่ไม่ใช่พ่อหม้าย เจอคนที่ดีกว่านี้ แต่เมื่อแม่เลือกพ่อ ก็ต้องแลกมาด้วยความลำบากและเหน็ดเหนื่อย
ที่สำคัญ แม่ก็มีน้องด้วย เท่ากับภาระเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า กับการเลี้ยงเด็กสองคน ไหนจะบ้าน ไหนจะรถ
พ่อกับแม่ต้องทำงานหนัก เสาร์อาทิตย์ก็ทำงาน และมีการทำตารางค่าใช้จ่าย
ทั้งสองคน เล่าให้เราฟังภายหลังจากเราเรียนจบระดับปริญญาตรี ท่านเล่าว่า สมัยนั้น พ่อกับแม่ได้เงินใช้แค่วันละ 20 บาทคือ ค่าข้าวกลางวัน มื้อเช้าไม่กิน มื้อเย็นมากินที่บ้าน ไปเที่ยวไหนก็ไม่ได้ เพราะค่าใช้จ่ายมันรัดตัว
พ่อยังต้องหารายได้เสริม โดยการรับจ้างล้างรถให้เพื่อนร่วมงาน เดือนละ 4 คัน เพื่อให้มีเงินเหลือมากพอที่จะมาเลี้ยงลูกทั้งสองคน รวมทั้งภาระเรื่องบ้านและรถ
พ่อไม่เคยท้อ พ่อไม่เคยหยุดที่จะสร้างความฝันให้เป็นจริง พ่อสามารถปลดหนี้บ้านได้ในปีที่สิบ มีน้อยโปะน้อย มีมากโปะมาก และหลังจากนั้นไม่นาน เมื่อภาระเรื่องการส่งเราเรียนหมดลง เพราะเราเรียนจบแล้ว บ้านที่เคยน้ำท่วมทุกปี พ่อก็รื้อสร้างใหม่ (ขอกู้สหกรณ์) ตอนนี้บ้านเราไม่เคยน้ำท่วมอีกเลย เพราะยกสูงหนีน้ำ ขนาดน้ำท่วมใหญ่ปี 54 บ้านเราเป็นบ้านเดียวที่น้ำไม่ท่วม
รถที่เคยใช้รถตู้มือสอง ปัจจุบันที่บ้าน มีรถปี๊กอัพ 1 คัน รถยนต์อีก 1 คัน รถมอเตอร์ไซค์ บิ๊กไซค์อีกหลายคัน ทั้งหมดล้วนปลอดหนี้สิน เพราะพ่อไม่ชอบการเป็นหนี้ ตอนนี้ที่มีเหลืออยู่ก้อนเดียวคือ หนี้สหกรณ์ที่กู้มาสร้างบ้าน
ทุกวันนี้ พ่อเรายังขยันเหมือนเดิม ชอบอยู่เวร บางอาทิตย์ได้กลับบ้านแค่ สองวัน อีกห้าวันนอนที่การไฟฟ้า เพื่อเงิน เพื่อชดเชยความขาดในวัยเด็ก เพื่อชดเชยความจนที่เคยผ่านมา วันนี้พ่อทำงานด้วยความสุข แม้ว่าพ่อจะเรียนมาน้อย แต่ปัจจุบัน พ่อมีรายได้ไม่น้อยเลยค่ะ เพราะความขยัน อดทน และไม่ย่อท้อ
สิ่งที่สำคัญกว่านั้น คือ คู่ทุกข์คู่ยาก แม่เลี้ยงของเรา เพราะผู้หญิงคนนี้ยอมลำบากไปกับพ่อ ยอมฟันฝ่าไปกับพ่อ รวมทั้งให้โอกาสเด็กขาดแม่คนหนึ่งได้ศึกษาจนจบระดับปริญญา ได้เอาความรู้นั้นมาเลี้ยงดูตัวเองในปัจจุบันนี้
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่ได้ความเสียสละของแม่ ถ้าไม่ได้ความอดทน ความขยันของพ่อ
เราเล่าสั้นๆ เพียงเพื่ออยากจะบอกทุกๆคนว่า คนที่เรียนมาน้อย คนที่รายได้น้อย ไม่ได้หมายความ เค้าจะไม่สามารถมีชีวิตที่สุขสบายได้ พ่อเราเป็นตัวอย่างอย่างดีของคนที่สู้ชีวิต ผู้ชายที่เรียนมาน้อย แต่สามารถสร้างความยิ่งใหญ่ได้ สามารถประสบความสำเร็จได้เช่นกัน
สิ่งสำคัญคือ โอกาสค่ะ โอกาสให้คนเหล่านั้นได้พิสูจน์ว่า เค้ามีดีแค่ไหน อย่าเพิ่งตัดสินเค้าเพียงเพราะเค้า เรียนมาน้อย เพียเพราะเค้ามีรายได้น้อยในปัจจุบัน
ขอโอกาสให้เค้า เหมือนที่พ่อเราก็เคยได้โอกาสนั้นจากแม่เลี้ยงของเราค่ะ ขอบคุณค่ะ
ผู้ชายจนกว่าแล้วยังไง... ทำไมจะตั้งตัวไม่ได้
อยากจะบอกว่า คุณคะ อนาคตคุณจะรอดหรือไม่รอด อยู่ที่ตัวคุณเองค่ะ ไม่ต้องให้ใครมาสร้าง ไม่ต้องรอราชรถมาเกย คุณมีสองมือมั้ยคะ และคุณพร้อมจะลำบากมั้ยคะ ถ้าคุณพร้อม ต่อให้แฟนคุณจะมีฐานะที่ต่ำกว่าอย่างไร
ขอให้เค้าขยันและเป็นคนดีรักครอบครัว ชีวิตคุณไม่มีวันตกอับค่ะ
เอาแต่ร่ำร้อง ชีวิตฉันจะตกต่ำไหม ถ้าคนเรามันไม่ยอมตกต่ำ หนทางให้เดินไปมันมีมากมาย
แต่ถ้าหวังแต่ความสบาย ฉันอยากได้สามีที่มีรายได้สูง ฐานะมั่นคง ตัวคุณก็ต้องสร้างคุณค่าในตัวเองให้ดีมากมากพอที่เค้าจะเลือกด้วยค่ะ แต่ถ้ายังมีความคิดแค่ว่า ฉันอยากได้สามีที่รวยๆจะได้สบายๆ เราว่า น้อยมากนะคะที่จะมีเหยื่อสักคนมาตกหลุมของคุณ เค้าคงฉลาดมากพอที่จะไม่หาเมียที่เป็นภาระ เพราะแค่ความลำบากยังรับไม่ได้ คนรวยก็คือคนที่เค้าลำบากมาก่อน แต่เค้าผ่านมันมาแล้วและกำลังชิมรสชาติความสำเร็จจากความลำบากและเหน็ดเหนื่อยนั้นอยู่ค่ะ
คุณมองกันแค่ปลายทางความสำเร็จของคนเหล่านั้น แต่คุณไม่เคยเรียนรู้ว่า เค้าเริ่มต้นมายังไง คุณถึงได้มีคำถามว่า ทำไมแฟนรายได้น้อยกว่า แล้วจะพาชีวิตครอบครัวไปรอดเหรอ ทั้งที่เค้าเป็นคนขยัน
บางคนแฟนจนแต่ช่วยกันทำมาหากินก็รวยได้และสุขสบายได้ค่ะ ขอแค่ขยัน คนขยันไม่อับจนค่ะ
เราขอยกตัวอย่างของพ่อให้ฟัง (ด้นสดมีเวลาหนึ่งชั่วโมงก่อนกลับบ้าน)
##########
พ่อเราเป็นพ่อหม้ายค่ะ เลิกกับแม่ตั้งแต่เรายังเล็กๆ และกลายเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว เพราะพ่อไม่ยอมให้เราไปอยู่กับแม่ พ่อจะเลี้ยงเราเอง โดยมีย่าคอยช่วยเลี้ยงและดูแลเราในเวลาที่พ่อไปทำงาน พ่อเรียนจบแค่ระดับ มศ.3 ทำงานเป็นพนักงานขับรถของไฟฟ้านครหลวง (เพราะเรียนมาน้อย ตำแหน่งคนขับรถช่างออกไปซ่อมไฟตามถนน ออกไปติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้าตามบ้านเรือน ทำงานภาคสนามไม่เคยได้นั่งโต๊ะแอร์ทำงานสบายๆเหมือนใครเค้า)
ก่อนพ่อมาเจอกับแม่เลี้ยง พ่อไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง เช่าบ้านเค้าอยู่ มีแต่ภาระคือลูกติด 1 คน และเป็นเสาหลักของบ้านที่มีพี่น้องอาศัยกว่า 18 ชีวิต มีย่าเป็นศูนย์กลางของบ้าน ไม่ใช่ว่า พี่น้องคนอื่นไม่ทำงาน แต่พ่อดูเหมือนจะเป็นคนที่มีงานทำเป็นหลักเป็นฐานมากที่สุด ในขณะที่พี่น้องคนอื่น ทำงานรับจ้างรายวัน ขายพวงมาลัย บางคนรับจ้างงานก่อสร้าง ส่วนย่ารับจ้างเย็บผ้า
แม้ว่าพ่อจะทำงานที่ดีกว่าพี่น้องคนอื่น แต่ถ้าเทียบกับคนอื่น พ่อก็เป็นแค่พนักงานขับรถช่างซ่อมไฟฟ้า เงินเดือนน้อยนิด เพราะเรียนมาน้อย
จากนั้นพ่อก็รู้จักกับแม่เลี้ยง รู้จักตั้งแต่สมัยแม่เลี้ยงเรียนระดับ ปวช พ่อตามจีบแม่เลี้ยงแต่ไม่เคยเป็นที่ชอบใจของว่าที่พ่อตาเลย เพราะพ่อเป็นพ่อหม้ายลูกติด คนที่เป็นพ่อหม้าย ต้องไม่ใช่คนที่ดี คนดีที่ไหนจะเลิกร้างกับเมีย จะถูกเมียทิ้ง
พ่อไม่เคยหาข้อแก้ต่าง พ่อแค่ใช้เวลาพิสูจน์ให้รู้ว่า พ่อจริงใจกับแม่เลี้ยงมากแค่ไหน พ่อไปหาแม่เลี้ยงอย่างสม่ำเสมอ เคยพาเราไปด้วย แต่ไม่เคยได้เจอหน้า เพราะพ่อมาดักรอแม่เลี้ยงหน้ามหาวิทยาลัย สมัยที่แม่เลี้ยงเรียนระดับอุดมศึกษา จนกระทั่งแม่เลี้ยงเรียนจบระดับปริญญาตรี
ในที่สุดพ่อก็ฝ่าฝันอุปสรรคทั้งหลายได้แต่งงานกับแม่เลี้ยง (ต่อจากนี้ไปเราจะเรียกแม่เลี้ยง ว่า แม่ นะคะ เพราะคุ้นปากมากกว่า)
ไม่ว่าจะการศึกษา งานที่แม่ได้ทำ ดีกว่าพ่อทุกอย่าง แม่ได้ทำงานสบายในห้องแอร์ เงินเดือนดีกว่าพ่อ แต่พ่ออาศัยความขยันอดทน พ่อทำงาน ขยันทำโอที ไม่เคยหยุด ใครมีเวร อยากแลกเวร ใครไม่สะดวกอยู่เวร พ่อรับอาสาอยู่ให้ พ่อขยันมากจนได้รางวัลพนักงานดีเด่นทุกปี (การไฟฟ้าต้องอยู่เวรเพื่อแสตนบายเวลาที่ไฟฟ้ามีปัญหาจะได้ไปแก้ไขได้ทันที)
เมื่อพ่อแต่งงานกับแม่ไม่นาน ก็ตัดสินใจซื้อบ้าน บ้านของเราไม่ได้ใหญ่โต เป็นบ้านมือสองที่มีเหตุน้ำท่วมทุกปี (ถ้าใครเคยอ่าน เราเคยเล่าเรื่องพ่อของเราสมัยน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 54 ด้วย) เพราะบ้านอยู่ที่ต่ำกว่าบ้านรอบข้าง เวลาฝนตก เราต้องออกมาวิดน้ำตลอด ไม่เคยหลับสบายเหมือนคนอื่นเค้า แต่มันแลกมากับ บ้านที่ราคาแสนถูก เมื่อสมัย 20 กว่าปีที่แล้ว ราคาประมาณ 300,000 บาท
จากนั้นไม่นาน พ่อก็ซื้อรถตู้มือสองเก่าๆ เพื่อใช้รับส่งลูกไปโรงเรียน (ตอนนั้นไปเรียนร่วมกับลูกพี่ลูกน้องรวม 4 คน) การมีรถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยส่วนหนึ่ง
ชีวิตของพ่อ เริ่มต้นจากของมือสองทั้งสิ้น แต่การได้มานั้น ไม่ง่ายเลย
การมีลูกเป็นภาระที่สำคัญ โดยเฉพาะลูกติดอย่างเรา ที่แม่ไม่ควรต้องมาแบกภาระนี้ร่วมกับพ่อสักนิด ทั้งที่แม่มีโอกาสเจอคนมากมาย เจอคนที่ไม่ใช่พ่อหม้าย เจอคนที่ดีกว่านี้ แต่เมื่อแม่เลือกพ่อ ก็ต้องแลกมาด้วยความลำบากและเหน็ดเหนื่อย
ที่สำคัญ แม่ก็มีน้องด้วย เท่ากับภาระเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า กับการเลี้ยงเด็กสองคน ไหนจะบ้าน ไหนจะรถ
พ่อกับแม่ต้องทำงานหนัก เสาร์อาทิตย์ก็ทำงาน และมีการทำตารางค่าใช้จ่าย
ทั้งสองคน เล่าให้เราฟังภายหลังจากเราเรียนจบระดับปริญญาตรี ท่านเล่าว่า สมัยนั้น พ่อกับแม่ได้เงินใช้แค่วันละ 20 บาทคือ ค่าข้าวกลางวัน มื้อเช้าไม่กิน มื้อเย็นมากินที่บ้าน ไปเที่ยวไหนก็ไม่ได้ เพราะค่าใช้จ่ายมันรัดตัว
พ่อยังต้องหารายได้เสริม โดยการรับจ้างล้างรถให้เพื่อนร่วมงาน เดือนละ 4 คัน เพื่อให้มีเงินเหลือมากพอที่จะมาเลี้ยงลูกทั้งสองคน รวมทั้งภาระเรื่องบ้านและรถ
พ่อไม่เคยท้อ พ่อไม่เคยหยุดที่จะสร้างความฝันให้เป็นจริง พ่อสามารถปลดหนี้บ้านได้ในปีที่สิบ มีน้อยโปะน้อย มีมากโปะมาก และหลังจากนั้นไม่นาน เมื่อภาระเรื่องการส่งเราเรียนหมดลง เพราะเราเรียนจบแล้ว บ้านที่เคยน้ำท่วมทุกปี พ่อก็รื้อสร้างใหม่ (ขอกู้สหกรณ์) ตอนนี้บ้านเราไม่เคยน้ำท่วมอีกเลย เพราะยกสูงหนีน้ำ ขนาดน้ำท่วมใหญ่ปี 54 บ้านเราเป็นบ้านเดียวที่น้ำไม่ท่วม
รถที่เคยใช้รถตู้มือสอง ปัจจุบันที่บ้าน มีรถปี๊กอัพ 1 คัน รถยนต์อีก 1 คัน รถมอเตอร์ไซค์ บิ๊กไซค์อีกหลายคัน ทั้งหมดล้วนปลอดหนี้สิน เพราะพ่อไม่ชอบการเป็นหนี้ ตอนนี้ที่มีเหลืออยู่ก้อนเดียวคือ หนี้สหกรณ์ที่กู้มาสร้างบ้าน
ทุกวันนี้ พ่อเรายังขยันเหมือนเดิม ชอบอยู่เวร บางอาทิตย์ได้กลับบ้านแค่ สองวัน อีกห้าวันนอนที่การไฟฟ้า เพื่อเงิน เพื่อชดเชยความขาดในวัยเด็ก เพื่อชดเชยความจนที่เคยผ่านมา วันนี้พ่อทำงานด้วยความสุข แม้ว่าพ่อจะเรียนมาน้อย แต่ปัจจุบัน พ่อมีรายได้ไม่น้อยเลยค่ะ เพราะความขยัน อดทน และไม่ย่อท้อ
สิ่งที่สำคัญกว่านั้น คือ คู่ทุกข์คู่ยาก แม่เลี้ยงของเรา เพราะผู้หญิงคนนี้ยอมลำบากไปกับพ่อ ยอมฟันฝ่าไปกับพ่อ รวมทั้งให้โอกาสเด็กขาดแม่คนหนึ่งได้ศึกษาจนจบระดับปริญญา ได้เอาความรู้นั้นมาเลี้ยงดูตัวเองในปัจจุบันนี้
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่ได้ความเสียสละของแม่ ถ้าไม่ได้ความอดทน ความขยันของพ่อ
เราเล่าสั้นๆ เพียงเพื่ออยากจะบอกทุกๆคนว่า คนที่เรียนมาน้อย คนที่รายได้น้อย ไม่ได้หมายความ เค้าจะไม่สามารถมีชีวิตที่สุขสบายได้ พ่อเราเป็นตัวอย่างอย่างดีของคนที่สู้ชีวิต ผู้ชายที่เรียนมาน้อย แต่สามารถสร้างความยิ่งใหญ่ได้ สามารถประสบความสำเร็จได้เช่นกัน
สิ่งสำคัญคือ โอกาสค่ะ โอกาสให้คนเหล่านั้นได้พิสูจน์ว่า เค้ามีดีแค่ไหน อย่าเพิ่งตัดสินเค้าเพียงเพราะเค้า เรียนมาน้อย เพียเพราะเค้ามีรายได้น้อยในปัจจุบัน
ขอโอกาสให้เค้า เหมือนที่พ่อเราก็เคยได้โอกาสนั้นจากแม่เลี้ยงของเราค่ะ ขอบคุณค่ะ